หงหลินซินหันไปมองราชครูจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังหันมามองนางเช่นกัน หลินซินกะพริบตาให้เขาข้างหนึ่งก่อนจะพยักพเยิดไปทางสาวใช้ของฮองเฮาที่กำลังก้มหน้าเมื่อพบนาง ราชครูจินที่พึ่งตั้งสติได้ก็หันมาทันที
“ยังไม่รีบคำนับท่านหญิงหงอีก หรือจะต้องให้ข้ารายงานเรื่องนี้กลับไปด้วย”
“ข้าน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงโปรดอภัย ข้าน้อยซานหวนชิงคารวะท่านหญิงหง”
“ช่างเถอะ เห็นว่าเจ้าไร้มารยาทต่อขุนนางผู้ใหญ่ก่อนหน้านี้ก็พอรู้ว่าคงคาดหวังมารยาทอะไรมากไม่ได้เพียงแค่นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย นี่ท่านราชครูจิน”
“ขอรับ”
“เดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์ในวังหลวงหละหลวมแบบนี้เสมอเลยหรือ รับคนแบบนี้เข้าทำงานถึงในตำหนักเต๋อหนิงที่คุมทั้งวังหลัง ข้าคิดว่าวังหลังของท่านพ่อข้า… ยังจัดการดูแลได้ดีกว่านี้หากว่ามีบ่าวคนใดกล้าเสียมารยาท พวกนางคงถูกแส้ม้าฟาดจนปางตายไปแล้ว”
เสียงขู่ที่เรียบเย็นนั้นทำให้ซานหวนชิงรู้สึกสั่นและกลัวขึ้นมา แม้ว่านางจะพึ่งเคยพบหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าท่านหญิงต่างเมืองจะมีท่าทีที่จัดการยากเช่นนี้
“ท่านหญิงโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ท่านหญิง ข้าน้อยสั่งลงโทษนางแล้วตอนนี้ท่านโหรก็รอท่านหญิงอยู่ในห้องพิธี เชิญตามข้ามาทางนี้ดีกว่า”
“ท่านสั่งลงโทษนางแบบใด”
“ข้า…”
ซานหวนชิงแอบสั่นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองทั้งคู่ แม้ว่านางจะกล้าข่มขู่คนทั่วไป แต่ต่อหน้าราชครูจินแม้ว่าเขาจะรูปงามเพียงใดแต่ความโหดเหี้ยมของจินอวี้หาน จะมีผู้ใดในวังไม่รู้บ้าง
“คุกเข่าที่นี่จนกว่าพิธีจะเสร็จ”
“แค่คุกเข่า ไม่โบยงั้นหรือถือว่าโทษเบามาก”
“ท่านหญิง ท่านจะต้องรีบไปเข้าพิธี…”
“เมื่อครู่นางบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อล้างซวย ซึ่งข้าฟังแล้ว… ไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก”
ที่จริงนางมิได้ได้ยินถนัดนักแต่สาวใช้มาบอกนางจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โชคร้ายที่สาวใช้ในวังต่างล้วนไม่ชอบซานหวนชิงผู้นี้ที่มักอวดเบ่งอำนาจกับสตรีและนางกำนัลในวังจนเป็นที่เกลียดชังไปทั่ว
“ขะ ข้า… ข้าปากไม่ดี พลั้งปากพูดออกไปท่านหญิงโปรดอภัยด้วย”
“อภัยงั้นหรือ เจ้าเสียมารยาทกับขุนนางอาวุโสที่ฝ่าบาทส่งมาดูแลข้า อีกอย่างก็กล่าวว่าข้ามาที่นี่เพื่อล้างซวย ความผิดสองครั้งเช่นนี้หากทำบ่อย ๆ มันจะติดเป็นสันดานนะ ทหาร!!”
“ขอรับ!”
“ท่านหญิง… เรื่องนี้ให้ข้าจัดการจะดีกว่า ท่านคงยังไม่อยากมีปัญหากับ “ผู้อื่น" หรอกนะขอรับ"
ราชครูจินส่งสายตาห้ามนางเอาไว้ เขาเองไม่เคยรู้ว่าท่านหญิงจะสั่งลงโทษนางแบบใดแต่หากนางเป็นผู้สั่ง หลังจากนี้อารามหย่งอันอย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบซึ่งเขาเองยังไม่นึกอยากจะปวดหัวเพิ่มขึ้น
“เช่นนั้นก็ฝากท่านราชครูจัดการด้วย ข้าขอตัวก่อน”
“ขอบคุณท่านหญิงที่ปรานี”
“ท่านหญิง เชิญ”
หงหลินซินเดินตามราชครูจินเข้าไปในห้องพิธีแล้ว ข้าหลวงซานที่นั่งคุกเข่าพร้อมกับกำหมัดแน่นและมองนางด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง
“กล้าทำให้ข้าขายหน้าต่อหน้าท่านราชครู หงหลินซินหลังจากนี้ข้าจะทำให้เจ้าพบกับคำว่านรกบนดิน”
หลินซินเดินตามราชครูจินเข้าไปด้านใน ก่อนที่จะเข้าไปในโถงพิธีเขาก็หยุดโดยที่หลินซินไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา
“โอ๊ย! เหตุใดท่านหยุดจึงไม่บอกข้าก่อนเล่าราชครูจิน”
จินอวี้หานมือสั่นไปเล็กน้อยเพราะเขาเองก็ไม่คิดว่านางจะเดินชนเขาเข้าพอดี ท่าทีของนางเมื่อครู่นี้ทำเอาหัวใจเขาปั่นป่วนจนเริ่มทำตัวไม่ถูก แม้เขาจะไม่ชอบสตรีเช่นนางและไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์แต่กับนางเขากลับรู้สึกปั่นป่วนแม้จะนึกรำคาญอยู่นิด ๆ ก็ตาม
“ขออภัยท่านหญิง แต่ก่อนจะเข้าไปข้าน้อยขอพูดบางอย่างกับท่านหญิงสักครู่”
เขาหันมาและโบกมือให้สาวใช้อีกสองคนออกจากห้องและปิดประตูทันที ยิ่งมองนางเช่นนี้เขายิ่งรู้สึกว่าหัวใจเริ่มสั่นแรงขึ้น ลำคอแห้งผากและคำพูดที่จะเอ่ยก็แทบจะถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้น เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับสตรีคนใดมาก่อน
“ท่านราชครู ท่านจะพูดอะไรกับข้างั้นหรือ”
“เอ่อ... นางข้าหลวงผู้นั้นเป็นคนของฮองเฮา แม้วันนี้เราจะหาเรื่องเอาผิดนางได้แต่นางรับคำสั่งของฮองเฮามาเพื่อจับตาดูท่านโดยเฉพาะ หลังจากนี้หากไม่มีข้าอยู่ท่านต้องระวังตัวให้มาก”
หงหลินซินเพียงแค่ชำเลืองไปข้าง ๆ ก่อนจะหันมาคุยกับราชครูจินด้วยสีหน้าระแวงเล็กน้อย สีหน้าเช่นนั้นยิ่งทำให้ราชครูหนุ่มรู้สึกอยากปกป้องและอยากเดินออกไปสั่งให้โบยนางข้าหลวงผู้นั้นเพิ่ม โทษฐานที่กล้ากล่าวหาว่าสตรีงดงามไร้เดียงสาตรงหน้าเขาเป็น “ตัวซวย” ซึ่งแค่ได้ยินเขาก็รู้สึกเกลียดนางจนสั่งให้คุกเข่าครึ่งชั่วยาม
“เมื่อครู่ข้ากล้าไปข่มขู่นางเช่นนั้นท่านว่าหลังจากนี้นางจะอาฆาตแค้นข้าหรือไม่”
“ท่านหญิงอย่าได้กังวลเกินไป ขอเพียงท่านไม่ทำเรื่องยุ่งเช่นวันนี้ขึ้นมา แม้ว่านางจะถูกส่งมาจับผิดท่านก็ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ แล้วข้าจะรีบเข้าเฝ้าทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทเอง”
“อืม เช่นนั้นข้าเชื่อใจท่านราชครูข้าจะทำตัวดี ๆ ไม่สร้างเรื่องอีกว่าแต่นางจะอยู่อีกกี่วันงั้นหรือ”
ราชครูจินหันมากางพระราชเสาวนีย์ออกมาและดูข้อความที่ลงอักษรในนั้นก่อนจะพับเก็บตามเดิม สีหน้ามิได้บ่งบอกถึงความดีใจแม้แต่น้อย
“นางจะอยู่จนกว่าพิธีการทุกอย่างจะเสร็จสิ้น จนส่งท่านกลับเมืองหยุนหนาน”
“ให้ตายเถอะเช่นนั้นข้าก็ต้องทนอยู่กับสายตาเช่นนั้นตลอดสามเดือนงั้นหรือ ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”
“ท่านหญิง ตราบใดที่ข้ายังอยู่จะไม่ปล่อยให้นางมาทำร้ายท่านได้”
ชั่วขณะนั้นหลังจากที่จินอวี้หานกล่าวจบ หัวใจของสตรีที่พึ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้เพียงสองปีอย่างหงหลินซินก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้านางร้อนผ่าวอีกทั้งดวงตาเริ่มร้อนแต่มิใช่เพราะอากาศ ดูเหมือนว่าจินอวี้หานเองก็พึ่งรู้สึกเช่นกันว่าเผลอพูดบางอย่างออกไป
“เอ่อ ข้าน้อยหมายถึงข้ารับบัญชาฝ่าบาทมาเพื่อดูแลปกป้องท่านหญิงให้ทำพิธีอย่างราบรื่น ย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ามาทำร้ายหรือคิดร้ายกับท่าน”
แม้คำพูดจะมิได้รุนแรงหรือข่มขู่แต่หลินซินกลับรู้สึกเจ็บวาบไปที่หัวใจแปลก ๆ ก่อนจะหลุดยิ้มประหลาดออกมาและเบือนหน้าหนีเขาทันที
“อ่อ เป็นเช่นนี้เองเช่นนั้นก็รีบเข้าไปเถอะ ท่านโหรหลวงคงรอทำพิธีอยู่นานแล้ว”
“เชิญท่านหญิง”
พิธีสวดมนต์และรดน้ำมงคลในโถงที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในอารามด้านในแม้จะมีเพียงใต้เท้าทั้งสองที่คอยอยู่และโหรหลวงผู้ร่วมพิธีกับราชครูจิน แต่เมื่อสวดมนต์จนจบ ใต้เท้าทั้งสองก็ถูกราชครูจินสั่งให้ออกไปรอข้างนอก เหลือเพียงเขา ท่านหญิงและโหรหลวงที่อยู่ในห้อง
“ท่านหญิง พิธีต่อไปท่านหญิงต้องอาบน้ำมงคลที่ผ่านพิธีบวงสรวงจากโหรหลวงเจ็ดคนในคืนจันทราเต็มดวง ท่านหญิงโปรดเข้าไปด้านใน”
“อะไรนะ ต้องทำอย่างไร”
“ท่านหญิงไม่ต้องห่วง กระหม่อมจะทำพิธีอยู่ด้านนอก ด้านในจะมีสาวใช้อยู่และ…เอ่อ..”
โหรหลวงหันมามองราชครูจิน เขาพยักหน้าให้ก่อนจะหันมามองหน้าหงหลินซินที่ยืนอยู่ด้านหน้ากระโจมม่านสีขาวที่มีถังน้ำอยู่ด้านใน
“ท่านหญิง ท่านต้องถอดชุดออกและให้สาวใช้นำน้ำมงคลในถังราดตั้งแต่ศีรษะลงไป ไม่ต้องกังวลเพราะข้าจะรออยู่ด้านนอก หลังจากเสร็จพิธีข้าจะเป็นคนพาท่านไปส่งด้วยตัวเอง”
“อะไรนะราชครูจิน ให้ข้า… ถอดชุดทั้งหมดเลยงั้นหรือ”
ห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ