“น้ำผึ้งครับ เดี๋ยวเราต้องไปดูโลเคชันที่คุณกับคุณวิเสนอผมไว้นะครับ ผมเลือกมาสองสามที่แล้ว”
อัคคีโทรศัพท์สั่งงานเลขาสาวแต่เช้า
“รับทราบค่ะ”
“ออ เอาเสื้อผ้าไปสักสองสามชุดนะครับ เราจะค้างกันหนึ่งคืน ขอไปดูแต่ละไร่ให้ละเอียดหน่อย อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ล็อบบี้เลยนะครับ”
“ได้ค่ะ”
แม้ใจจะแอบกังวล แต่ในการออกนอกพื้นที่แต่ละครั้ง ไม่ว่าจะใกล้ไกล เขามักจะมีชลธีตามไปดูแลด้วยเสมอ เธอจึงเบาใจลงไปได้บ้างว่าไม่ได้ไปกับเขาสองต่อสองแน่
เมื่อลงมาถึงล็อบบี้กลับปราศจากเงาของชลธีที่ปกติหากจะต้องไปทำงานนอกสถานที่เขาจะมารับเจ้านายของเขาเสมอ จึงมองไปรอบๆ เพื่อมองหาชายหนุ่มอีกครั้ง
“มองหานายชลเหรอ”
เหมือนมานั่งอยู่กลางใจ จนเธอนึกค่อนขอด
“ค่ะ คุณชลยังไม่มาหรอคะ”
“งานนี้เราไปกันแค่สองคนครับ ผมให้นายชลอยู่ประสานงานทางนี้แทนผม”
“อ้าว เอ่อ จะดีหรือคะ”
เธอกังวลเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง
“ทำไมครับ คุณมีปัญหาเหรอ ไหนบอกว่าเป็นมืออาชีพไง”
“ไม่ค่ะ ไม่มีปัญหา แค่คิดว่าอาจไม่เหมาะสม”
“คุณกลัวว่าถ้าไปกับผมสองต่อสองแล้วผมจะทำอะไรคุณเหรอครับ”
สารภาพมาซะ ว่าอัคคีคือพ่อมด เขาเดาใจเธอได้ตรงหมดจนเธอนึกกลัว
“แล้วคุณไว้ใจได้ไหมล่ะคะ จอมฉวยโอกาส”
“ผมยอมรับว่าผมมันจอมฉวยโอกาส และจะฉกฉวยเอาสิ่งที่ผมอยากได้มาเป็นของตัวเองให้ได้ด้วย ลองดูไหมครับ”
“ไม่ค่ะ แล้วทำไมคุณไม่ไปกับคุณชล แล้วให้ฉันอยู่ประสานงานกับพี่วิแทนล่ะคะ”
“ผมสะดวกแบบนี้ครับ ไม่ต้องกลัวไปหรอก ต่อให้มีนายชลไปด้วย ถ้าผมจะทำอะไรคุณ ก็ไม่มีใครช่วยคุณได้อยู่ดี”
พูดจบก็เดินผิวปากขึ้นรถคันหรูไป
ห๊ะ อะไรนะ นี่เธอต้องอยู่แบบไม่มีใครมารับประกันความปลอดภัยของเธอได้เลยหรือนี่ ทำประกันชีวิตตอนนี้จะทันไหมนะ กลัวกลับมาจะเหลือเพียงแค่ชื่อ แม้ซากก็ไม่มีใครได้เห็น
อัคคีใช้เวลาขับรถไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงไร่องุ่นแห่งแรกที่สองเลขาสาวหาข้อมูลมานำเสนอไว้ เป็นไร่องุ่นขนาดกลาง ปลูกองุ่นเป็นแถวเป็นแนวยาวไปจนสุดชายป่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่องุ่นกำลังให้ผลผลิตที่สุกกำลังดีพร้อมเก็บเกี่ยว บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยสีเขียวและสีม่วงของผลองุ่นสวยงามมาก ไร่องุ่นแห่งนี้เน้นความเป็นธรรมชาติของไร่มากกว่า จึงไม่ค่อยมีสิ่งปลูกสร้างมากมายนัก เน้นรับนักท่องเที่ยงเชิงธรรมชาติที่จะมาเรียนรู้วิธีการปลูกองุ่นอย่างแท้จริงมากกว่าการท่องเที่ยวเชิงพาณิชย์ที่จะต้องมีสิ่งปลูกสร้างสวยงามเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูป
เขาเดินดูจนทั่วทั้งไร่ พร้อมคิดจินตนาการถึงโลเคชันว่าจุดไหนควรใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาในครั้งนี้ เขาเดินจดบันทึกในโทรศัพท์มือถือไปเรื่อยๆ พร้อมกับหยิบกล้องคู่ใจที่คล้องคอไว้เก็บภาพมุมต่างๆ ไว้ประกอบการพิจารณา
เมื่อเก็บข้อมูลของสถานที่แรกจนพอใจแล้ว ทั้งคู่จึงเดินทางต่อไปยังสถานที่ที่สองที่สาวๆ หาข้อมูลมานำเสนอ ที่นี่เป็นไร่องุ่นขนาดใหญ่ไตล์รีสอร์ตและคาเฟ่ มีครบครันทั้งไร่องุ่นที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาที่กำลังให้ผลผลิตเป็นลูกองุ่นสีม่วงตัดกับสีเขียวของใบ นอกจากนี้ยังได้สัมผัสกับบรรยากาศกลิ่นอายอิตาลี ด้วยรีสอร์ตสไตล์ทัสคานีปลูกสร้างลดหลั่นกันตามแนวเขา ซึ่งมีการตกแต่งสวนรอบรีสอร์ตได้ร่มรื่นสวยงามเข้ากับตัวอาคารสุดๆ ทั้งยังมีลูกเล่นด้วยการจัดมุมสวนหลายมุมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการถ่ายรูป ชายหนุ่มทำเหมือนเดิมคือจดบันทึกลงโทรศัพท์มือถือเครื่องแพง และยกกล้องขึ้นถ่ายภาพมุมต่างๆ ไว้พิจารณาอีกครั้ง
รีสอร์ตที่สองนี้เหมือนจะเป็นที่ถูกอกถูกใจหนุ่มสาวมากเป็นพิเศษเพราะมีคาเฟ่และร้านอาหารให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายรูปและพักเหนื่อย ทางรีสอร์ตได้มีการคิดค้นเมนูมากมายที่นำองุ่นมาเป็นส่วนประกอบทั้งอาหารคาว อาหารหวานและเครื่องดื่ม เรียกความสนใจจากนักท่องเที่ยวได้อย่างล้นหลาม
ทั้งคู่พักรับประทานอาหารเย็นจนหายเหนื่อยและเก็บภาพมุมต่างๆ ของคาเฟ่จนเป็นที่พอใจแล้วก็ติดต่อหาที่พัก อัคคีตัดสินใจจะพักค้างคืนที่นี่เพื่อดูบรรยากาศยามค่ำคืนเพื่อตัดสินใจอีกครั้ง แต่โชคไม่เข้าข้างทั้งสองนัก เนื่องจากวันนี้ทางรีสอร์ตรับนักท่องเที่ยวเป็นกรุ๊ปทัวร์หลายกรุ๊ป ห้องพักจึงเต็มหมด ทั้งคู่จึงผิดหวังกลับไป
“เดี๋ยวเราหารีสอร์ตใกล้ๆ แถวนี้แล้วกันนะคุณ นี่ก็ใกล้ค่ำมากแล้ว”
“ได้ค่ะ ฉันนอนที่ไหนก็ได้”
แต่ยังทำตาละห้อยเสียดายที่ไม่ได้สัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนและเช้าตรู่ที่นี่
อัคคีขับรถออกมาบนถนนดินลูกรัง ซึ่งขณะนี้ใกล้ค่ำเต็มที แสงแดดสุดท้ายกำลังจะหมดไป ด้วยความที่ไร่องุ่นแห่งนี้กว้างใหญ่มาก จึงแยกตัวออกมาจากถนนหนทางในเมืองมากโข การเดินทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปมาประกอบกับใกล้ค่ำแล้วจึงทำให้ทางแยกข้างหน้าชายหนุ่มเกิดความลังเลในการเลือกเส้นทาง ปกติแล้วเวลาออกต่างจังหวัดเขาไม่ค่อยได้ขับรถเองนักจึงติดนิสัยไม่ค่อยจดจำเส้นทาง ถ้าหากชลธีมาด้วยคงไม่เกิดปัญหานี้ คิดแล้วก็ตัดสินใจเลือกเลี้ยวไปทางซ้าย เขาขับต่อมาเรื่อยๆ ร่วมสิบห้านาที ท้องฟ้าตอนนี้มืดมิดลงแล้ว ถนนเล็กลงเรื่อยๆ และมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมตลอดสองข้างทางยิ่งทำให้บรรยากาศภายนอกดูมืดมิดวังเวง
แต่แล้วชายหนุ่มก็ค่อยๆ ลดระดับความเร็วของรถลงจนจอดสนิทอยู่กับที่แต่ไม่ดับเครื่องยนต์ หญิงสาวซึ่งกำลังก้มหาข้อมูลในโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นถามเขาอย่างสงสัย
“จอดรถทำไมคะ”
“ข้างหน้าเรามีช้างป่า คุณไม่ต้องตกใจนะ”
ไม่ทันแล้ว เธอตกใจไปแล้ว เธอหันไปดูทางหน้ารถเห็นช้างป่าตัวโตโขลงใหญ่ กำลังเดินวนไปวนมาอยู่ด้านหน้า ห่างจากรถยนต์ของเขาไปไม่ถึงสิบเมตร จึงส่งเสียงกรีดร้องลั่นรถ พร้อมกระโจนขึ้นไปนั่งบนตักเขา ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเธออยู่ในลักษณะนั่งคร่อมทับบนตักเขาและทั้งคู่หันหน้าเข้าหากัน จนชายหนุ่มต้องถอยเบาะนั่งคนขับให้สไลด์ไปด้านหลังเพื่อให้เธอกับเขานั่งอยู่บนเบาะเดียวกันได้โดยที่ตัวเธอไม่เบียดไปโดนแตรรถจนเกิดเสียงดังให้ช้างป่าตกใจ ซึ่งพวกเขาอาจเป็นอันตรายจากช้างป่ากลุ่มนี้ได้ หญิงสาวไม่สนใจอะไรทั้งนั้นก้มหน้าลงซุกที่บ่าเขาแล้วร้องถามเสียงสั่น
“มันไปหรือยังคะ ฉันกลัว”
อัคคีกอดร่างบางให้แนบชิดลำตัวเขาเพื่อให้ความอบอุ่น มือข้างหนึ่งลูบหลังเธอเบาๆ เพื่อปลอบขวัญ
“ไม่ต้องกลัว ผมอยู่ตรงนี้แล้ว อีกเดี๋ยวมันก็จะเดินเข้าป่าข้างทางไปแล้ว อย่าส่งเสียงดังเดี๋ยวพวกมันตกใจแล้วมาทำร้ายเรานะ”
ร่างบางกอดเขาแน่น ไม่สนใจแล้วว่าอะไรต่อมิอะไรมันจะแนบชิดกับไปถึงไหนๆ ก็เธอกลัวช้างมาตั้งแต่เด็กเพราะมันตัวโต โดยเฉพาะช้างป่า เธอเห็นข่าวช้างป่าบุกทำลายไร่นา ทำร้ายคนและรถของคนที่เดินทางในละแวกนี้ออกบ่อย ไม่คิดเลยว่าจะมาเห็นช้างป่าตัวใหญ่โตตัวเป็นๆ
เวลาผ่านไปราวห้านาทีที่เธอนั่งกอดเขาแน่น เธอสัมผัสได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจเขาที่แรงขึ้นและสัมผัสถึงลมหายใจของเขาที่ถี่รัวรินรดตรงซอกคอเธอ หญิงสาวตัวแข็งค้างกลัวทั้งช้างกลัวทั้งเขา ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงกลั้นใจถามเขาออกไป
“ช้างไปหรือยังคะ”
“ชู่ ยัง อยู่เฉยๆ นั่งนิ่งๆ”
เธอทำตามที่เขาบอก นั่งอยู่นิ่งๆ คร่อมทับร่างเขา มือใหญ่ซุกซนไม่อยู่สุข ลูบไล้หลังเธอแผ่วเบา ลมหายใจร้อนๆ ที่รินรดซอกคอเธอทำให้ขนอ่อนในกายสาวลุกซู่ทั่วร่างกาย
“ฉันว่ามันอาจจะไปแล้ว”
“ยังครับ อย่าขยับ”
“แต่ เอ๊ะ...”
หญิงสาวไม่เชื่อ หันขวับเข้าหาใบหน้าของชายหนุ่มเพื่อจะเถียงกลับ แต่เหมือนเธอจะทำอะไรพลาดไป เพราะพียงแค่เอียงหน้ามาเล็กน้อย ใบหน้าของทั้งคู่ก็อยู่ห่างกันในระยะประชิดจนแทบจะสอดมือผ่านไม่ได้
ไม่ต้องใช้ความคิดอะไรนาน ชายหนุ่มเอียงหน้าปรับองศาแล้วฉกจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มทันที จูบอ่อนโยนแต่เรียกร้องทำเอาหญิงสาวหัวหมุนเคว้ง ชายหนุ่มบดคลึงกลีบปากสาวจนพอใจก็รุกล้ำเรียวลิ้นร้อนเข้าชอนไชหยอกเย้ากับลิ้นเล็กของเธอ ความรู้สึกเสียวซ่านหมุนเคว้งมันไหลวนจนไปรวมกันที่จุดกึ่งกลางกายสาวซึ่งสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่แข็งแกร่งและกำลังขยายใหญ่โตดุนดันกางเกงเนื้อดีของเขาออกมา เธอใช้สองมือจับบ่าเขาไว้แน่นเพื่อพยุงร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงของเธอ จูบที่ช่ำชองชักชวนให้เธอตอบสนองเขากลับไปเหมือนอย่างที่เขาทำกับเธอ ทั้งคู่แลกจูบกันดูดดื่มอยู่พักใหญ่จนชายหนุ่มพอใจจึงถอนริมฝีปากออกมา โดยที่เขายังเอาหน้าผากของเขาแนบชิดหน้าผากมนของเธออยู่อย่างนั้น
เมื่อถอนจูบออก หญิงสาวที่ตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดของเขาก็ได้สติคืน เธอหันหน้ามองไปทางหน้ารถ เมื่อไม่พบโขลงช้างป่าอีกแล้ว จึงรีบขยับกลับไปนั่งที่เดิมของตนเองทันที
“คุณหลอกฉัน ช้างมันคงไปตั้งนานแล้วสินะ”
เธอตวัดสายตาส่งค้อนให้เขาวงใหญ่ เรียกเสียงหัวเราะขบขันในลำคอของเขา
“หึ หึ อ้าว ก็ผมเห็นคุณกำลังกอดผมเพลิน เลยยอมเสียสละตัวเองให้คุณกอดต่ออีกสักนิด ยังไม่เป็นบุญคุณอีกเหรอ ผมเสียเปรียบนะคุณ”
“ใครกันแน่ที่เสียเปรียบ คุณมาจูบฉันเอาจูบฉันเอา คนฉวยโอกาส”
“เราจูบกันต่างหาก เพราะคุณก็จูบผมตอบซะเร่าร้อนเลย อารมณ์ผมเตลิดจนจะกู่ไม่กลับอยู่แล้ว นานกว่านี้อีกนิดผมจับคุณปล้ำกลางป่าแน่”
“คนบ้า ลามก ไอ้เจ้านายหื่นกาม”
“ยอมรับครับ ผมเป็นทุกอย่างที่คุณพูดเลย หึ หึ”
เขาหัวเราะในลำคออย่างชอบใจอีกครั้ง ก็เคลื่อนรถไปข้างหน้าตามทางที่มืดมิด
“คุณ ผมว่าผมไม่คุ้นทางที่เรากำลังไปกันเลยนะ คุณว่าไง”
หญิงสาวมองพิจารณาข้างทางที่ทั้งสองผ่าน จริงดั่งที่เขาว่า ทางที่ทั้งสองเดินทางขามา มันไม่ได้แคบและมีต้นไม้ปรกข้างทางรกร้างขนาดนี้
“จริงด้วยค่ะ ไม่คุ้นทางนี้เลย”
“ผมว่า เราหลงทางแล้วล่ะ”
“ห๊ะ ว่าไงนะ หลงทางหรอ ได้ยังไง ตอนไหนกัน คุณก็ขับไปตามทางที่เราผ่านมาตอนแรกนี่นา”
“น่าจะเป็นแยกวัดใจแยกนั้นแน่ มันมีซ้ายกับขวา ผมจำไม่ได้เลยเลือกมาทางซ้าย”
“ทำไมคุณไม่ถามฉันเล่า”
“ก็คุณกำลังนั่งเล่นมือถืออยู่นี่ ใครจะไปกล้ากวน”
“ฉันกำลังหาข้อมูลงานให้คุณอยู่ต่างหากค่ะ ท่านประธาน ไม่ได้เล่น แล้วเราจะทำไงกันดี กลับรถไหมคะ”
ชายหนุ่มตีไฟเลี้ยวเมื่อเห็นป้ายข้างทางข้างหน้าว่า “ปู่ย่าโฮมสเตย์ 100 เมตร” เขาขับเข้าไปตามเส้นทางที่ป้ายชี้ทันที
“คุณจะไปไหน ทำไมไม่กลับรถไปทางเดิมที่เรามาคะ จะได้หาทางออกเข้าเมืองได้”
“มันมืดมากแล้วคุณ แล้วเราก็มาไกลมากแล้วด้วย ทางเดิมที่เราจะกลับไปก็ไม่รู้จะมีช้างป่าโขลงอื่นหรือสัตว์ป่าอะไรมาขวางหน้ารถเราอีกหรือเปล่า หรือคุณอยากเสี่ยง”
“ไม่ดีกว่า แล้วเราจะไปไหนคะ”
“ผมเห็นป้ายบอกทางว่าปู่ย่าโฮมสเตย์ มันชี้ให้ขับมาทางนี้อีก 100 เมตร คืนนี้เรานอนที่นี่แล้วกันนะ”
“ได้ค่ะ แค่ไม่ต้องไปเสี่ยงกับช้างป่าก็พอ ฉันนอนที่ไหนก็ได้”
“นี่ผมมีเลขาเป็นปลาทูแม่กลอง หน้างอคอหักไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันครับ” ชายหนุ่มพูดหยอกเย้าขณะขับรถพาเธอไปดูโลเคชันที่สาม ที่สุดท้ายที่เขาแพลนเอาไว้ว่าจะมาดูสถานที่สำหรับถ่ายทำโฆษณา ซึ่งตลอดเส้นทางที่เธอนั่งโดยสารมากับรถยนต์คันหรูของเขา เธอก็ทำหน้าตาบึ้งตึง ไม่ยอมพูดจากับเขาสักคำ เหตุเพราะความเอาแต่ใจของเขา ที่อดทนอดกลั้นไม่ไหว ไปทำมิดีมิร้ายเธอในลำธารใสแจ๋ว แถมตอนแรกๆเธอยังไม่ยินยอมพร้อมใจไปกับเขาอีกต่างหาก แต่เขาก็ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน เล้าโลมจนเธอโอนอ่อนผ่อนตามไปกับเขาได้ในที่สุดอย่าว่าแต่เธอไม่ยอมพูดยอมจากับเขาในรถคันนี้เลย พอเขาทำอะไรเธอและบังคับอาบน้ำด้วยมือของเขาให้เธอเสร็จเรียบร้อย เธอก็สะบัดตัวลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วเดินหนีเขาออกมาจากป่าเลย จนเขาแทบจะคว้าสัมภาระแล้ววิ่งตามเธอไม่ทัน ผู้หญิงเวลาโกรธจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลท่าจะจริง เพราะเพียงแค่แป๊บเดียวที่เธอออกตัวเดินไปจากเขา ก็เห็นหลังเธอไวๆอยู่ไกลลิบๆโน่นแล้ว “ก็ใครทำอะไรกับฉันไว้ล่ะคะ จะให้ฉันยิ้มหน้าชื่นตาบานหรือยังไงที่โดนประธานบริษัทข่มขืนกลางป่าแบบนั้น” “ข่มข
หนุ่มสาวถูกปลุกแต่เช้าตรู่ด้วยการที่คุณปู่คุณย่าเจ้าของโฮมสเตย์นำอาหารเช้ามาเสิร์ฟถึงห้อง และแนะนำให้ทั้งคู่เดินลัดเลาะไปตามไหล่เขาเข้าไปในป่าตามทางเดินที่มีป้ายปักไว้ ใช้เวลาเดินเท้าไม่เกิน 10 นาที จะได้เจอกับน้ำตกธรรมชาติขนาดเล็กที่เป็นแหล่งต้นน้ำของไร่องุ่นและโฮมสเตย์แห่งนี้ ท่านแนะนำให้ทั้งคู่ไปอาบน้ำใสๆ เย็นๆ และดื่มด่ำกับธรรมชาติที่นั่น โดยทางโฮมสเตย์จะมีย่ามใบโตให้ผู้เข้ามาใช้บริการนำไปใส่สัมภาระติดตัวไปเล่นน้ำตกอีกด้วย เมื่อทั้งคู่ทานอาหารเช้าและเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันและทำธุระส่วนตัวเรียบร้อย จึงจัดสัมภาระใส่ย่ามคนละใบเพื่อไปเยี่ยมชมน้ำตกตามคำแนะนำของคุณปู่คุณย่าเจ้าของพื้นที่ ทั้งคู่ลัดเลาะมาตามไหล่เขาหลังห้องพักของตนเองได้ไม่นาน เจอป้ายไม้บอกทางขึ้นน้ำตก อัคคีเดินนำหญิงสาวไปตามทางเดินที่ลาดชัดเพียงเล็กน้อย “หวังว่าคราวนี้ คุณคงไม่พาฉันหลงอีกนะคะ ท่านประธาน” เธอพูดเย้าพร้อมกลั้วหัวเราะในลำคอระหง “คร้าบ ผิดพลาดแค่ครั้งเดียว คุณจะพูดไปจนถึงลูกชายคนโตของเราบวชเลยหรือครับ ที่รัก”
ทั้งคู่ขับรถเข้ามาตามป้ายบอกทาง จนเจอกับป้ายของโฮมสเตย์นั้น เมื่อขับผ่านเข้าเขตโฮมสเตย์ก็พบว่าที่นี่เป็นไร่องุ่นขนาดกลาง ที่ค่อนข้างมีความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์เพราะตั้งอยู่ติดกับชายเขา ทั้งคู่มองเห็นเรือนหลังใหญ่หนึ่งหลังน่าจะเป็นบ้านเจ้าของไร่องุ่นและโฮมสเตย์แห่งนี้ มองไกลออกไปราว 50 เมตร ก็พบกับเรือนไม้หลังเล็กกระทันรัดรูปแบบน่ารัก เรียงยาวไปจนสุดแนวเขา เรือนหลังน้อยถูกโอบล้อมด้วยธรรมชาติ ป่าเขาและไร่องุ่น ช่างเป็นสถานที่ที่น่าเข้ามาพักผ่อนเพื่อหลีกหนีความเหนื่อยหน่ายและวุ่นวายในเมืองเป็นอย่างมาก “เหลือหลังเดียวติดชายป่าริมน้ำหรือคะ” หญิงสาวถามด้วยความตกใจและผิดหวังปนเปกัน อะไรกัน เธอหลงทางเข้ามาไกลและลึกขนาดนี้ ยังมีคนเสาะแสวงหามาแย่งเข้าพักจนเต็ม หรือพวกเขาก็หลงทางมาอย่างเธอทั้งคู่ “จ้าลูก เหลือหลังเดียว ช่วงนี้นักท่องเที่ยวเยอะน่ะลูก เอาไหมจ๊ะ” “เอาครับ” ว่าแล้วก็รับกุญแจห้องและเดินไปตามทางที่มีโคมไฟดวงน้อยส่องสว่างทันที โดยไม่สนใจหญิงสาว ดั่งกลัวว่าหากให้เวลาเธอ
“น้ำผึ้งครับ เดี๋ยวเราต้องไปดูโลเคชันที่คุณกับคุณวิเสนอผมไว้นะครับ ผมเลือกมาสองสามที่แล้ว” อัคคีโทรศัพท์สั่งงานเลขาสาวแต่เช้า “รับทราบค่ะ” “ออ เอาเสื้อผ้าไปสักสองสามชุดนะครับ เราจะค้างกันหนึ่งคืน ขอไปดูแต่ละไร่ให้ละเอียดหน่อย อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันที่ล็อบบี้เลยนะครับ” “ได้ค่ะ” แม้ใจจะแอบกังวล แต่ในการออกนอกพื้นที่แต่ละครั้ง ไม่ว่าจะใกล้ไกล เขามักจะมีชลธีตามไปดูแลด้วยเสมอ เธอจึงเบาใจลงไปได้บ้างว่าไม่ได้ไปกับเขาสองต่อสองแน่ เมื่อลงมาถึงล็อบบี้กลับปราศจากเงาของชลธีที่ปกติหากจะต้องไปทำงานนอกสถานที่เขาจะมารับเจ้านายของเขาเสมอ จึงมองไปรอบๆ เพื่อมองหาชายหนุ่มอีกครั้ง “มองหานายชลเหรอ” เหมือนมานั่งอยู่กลางใจ จนเธอนึกค่อนขอด “ค่ะ คุณชลยังไม่มาหรอคะ” “งานนี้เราไปกันแค่สองคนครับ ผมให้นายชลอยู่ประสานงานทางนี้แทนผม” “อ้าว เอ่อ จะดีหรือคะ”
วันนี้เป็นวันเสาร์ เพชรน้ำผึ้งโดนอัคคีโทรศัพท์ตามให้มาทำหน้าที่แจ๋วแต่เช้า หญิงสาวจึงเลือกใส่ชุดทะมัดทะแมงเพื่อสะดวกต่อการทำงาน คือเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว กับกางเกงเลกกิ้งสีชมพูขาสั้นสูงจากเข่าไปหนึ่งคืบ เธอมัดผมรวบสูงเป็นหางม้ามีผ้าคาดผมมัดผูกเป็นโบเล็กๆสีเดียวกันกับกางเกง วันนี้เธอไม่แต่งหน้าเลยยิ่งทำให้เธอดูเด็กลงไปเป็นสิบปี เลขาสาวพ่วงตำแหน่งแม่บ้าน กำลังก้มๆ เงยๆ ทำความสะอาดห้องรับแขกอย่างขะมักเขม้น เขามีปัญญาจ้างแม่บ้าน แต่มาบีบบังคับใช้งานเธอแบบนี้เพราะต้องการกลั่นแกล้ง เธอรู้ดี เมื่อทำความสะอาดพื้นเสร็จแล้วจึงหยิบผ้าผืนน้อยมาเช็ดตามโต๊ะต่างๆ ที่จริงห้องเขาไม่ได้สกปรกอะไรเลย เหมือนมีคนมาทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลาด้วยซ้ำ แต่คุณชายก็ยังจะปลุกหล่อนแต่ไก่โห่มาใช้งาน เธอมองค้อนไปที่ปะตูห้องนอนเขา นี่คงตื่นมาเพื่อโทรเรียกเธอมาใช้งานแล้วนอนต่อสินะ เงียบกริบไม่มากวนโมโหเธอเลย คิดพลางหยิบกรอบรูปตั้งโต๊ะที่ด้านในมีภาพใบหน้าชายหนุ่มหล่อส่งยิ้มมีเสน่ห์มาให้เธอ เห็นแล้วก็ให้หมันไส้คนในรูปนัก ทำอะไรตัวจริงไ
เป็นเวลาดึกแล้ว แต่คืนนี้เพชรน้ำผึ้งยังคงนอนพลิกกายไปมาบนเตียงกว้าง เธอนอนไม่หลับ เพราะภาพที่เขาควงเดินควงแขนไปกับนางเอกเบอร์หนึ่งเมื่อตอนกลางวัน ยังคงฉายซ้ำไปมาในสมองของเธอ มันไม่เพียงแค่ภาพนั้น เพราะคำพูดของเขาที่บอกว่าจะไม่กลับเข้ามาอีก ทั้งๆที่เวลานั้นมันยังไม่ถึงเที่ยงวันดีด้วยซ้ำ เขาไปไหน ไปทำอะไรกับเธอคนนั้น แค่ไปทานอาหารกันจริงหรือ ไม่ใช่ว่าป่านนี้คงไปถึงไหนต่อไหนกันแล้ว ในเมื่อทั้งคู่ต่างดูสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนั้นและโรสิตาก็ดูจะชอบเขามาก เธอไม่ได้โง่ขนาดมองอาการที่โรสิตาแสดงออกต่อเขาและสายตาที่มองเธอแทบจะกินเลือดเนื้อนั้นไม่ออก ส่วนเขานั้นก็ระดับคาสโนวามีข่าวกับสาวๆ ไม่เว้นวัน มีหรือจะปล่อยให้สมันตัวสวยรอดไปได้ ไม่มีทางเลยจริงๆ ยิ่งคิดเพชรน้ำผึ้งก็ยิ่งหงุดหงิด พาลให้นอนไม่หลับ โถ่เอ๊ย ผู้ชายก็เหมือนกันหมด มาทำอะไรต่อมิอะไรกับเรา หลังจากนั้นก็มีท่าทีหึงหวง มองจากดาวอังคารยังดูออกว่าเขาต้องคิดอะไรกับเธอบ้างไม่มากก็น้อย แต่ทำไม สันดานผู้ชาย พอมีผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่เข้ามาหาหน่อย ก็สลัดเธอทิ้งอย่า