บรื๊นนน
เขารีบขับรถบิ๊กไบรท์ของเพื่อนมาส่งเธอที่ตึกคณะนิติศาสตร์เป็นคณะที่เธอเรียนอยู่ ก่อนที่เธอจะรีบลงจากรถเพื่อจะเข้าเรียนให้ทัน สายตาคนรอบข้างหันมามองทั้งสองคนแต่เธอเองก็ไม่ได้แคร์ใครในมอเท่าไร “ขอบคุณนะคะที่พยายามมาส่ง” “มึงจะพูดดี ๆ กับกูไม่ได้ใช่ไหมแพง จะกวนอะไรนักหนาห้ะ” หึ ๆ เธอไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งปั่นเขา แต่พอเห็นว่าเขาหัวร้อนก็อดที่จะหลุดขำขึ้นมาไม่ได้ จากนั้นเธอก็มองนาฬิกาก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปที่ห้องเรียน ตึก ตึก ตึก “เห้ย..แพงนั่งนี้ ๆ ” เพื่อนเธอรีบเอ่ยทักเธอขึ้นมาทันทีที่เห็นว่าเธอวิ่งหน้าตั้งมาที่ห้องก่อนที่เธอจะรีบเดินไปนั่งข้าง ๆ เพื่อนเธอ “สวัสดีตอนบ่ายจ้ะ ผักกาด น้ำค้าง ไงจ้ะโต้” “หื้ม..กว่าจะมาได้นะมึง ทำไม! อีพี่มาร์คมันไม่ปล่อยมึงมาเลยรึไงติดอกติดใจอะไรขนาดนั้นวะ” “น้ำค้างคนเยอะขนาดนี้ยังจะพูดเรื่องแบบนี้อีกนะ” “ไม่เป็นไรผักกาดฉันโอเค น้ำค้างมันก็ชอบพูดแบบนี้ล่ะแกอย่าดุมันเลย” “เพื่อนฉันมันก็แรดพอ ๆ กับฉันนี้แหละผัก หึ ๆ ” “เขาไม่รุนแรงกับแพงไปหน่อยเหรอ รอยเต็มคอเธอเลยนะ” “หือ..ไม่เป็นไรโต้เดี๋ยวก็หาย เราโอเคอาจารย์มาโน่นแล้วเราตั้งใจเรียนเหอะ” เพื่อนทุกคนต่างก็รู้ว่าฉันขาย และน้ำค้างเองก็เป็นคนแนะนำฉันเอาจริง ๆ บ้านเธอเองก็รวย แต่น้ำค้างเธอบอกว่าอยากจะหาเงินและพิสูจน์ตัวเองเบื่อชีวิตเดิม ๆ เธอจึงเลือกทางนี้เพราะเป็นวิธีที่ได้เงินเร็วที่สุด ซึ่งพะแพงก็ยังงงว่ามันจะพิสูจน์อะไรได้ ส่วนผักกาดกับโต้ผู้ชายคนเดียวในกลุ่มพวกเขาไม่ได้รับอาชีพเสริมแบบพวกเธอ 2 คนแต่พวกเขาก็ยอมคบกับเธอโดยไม่ได้ตำหนิหรือรังเกียจใด ๆ พวกเขาจับกลุ่มกันแค่ 4 คน โต้เองก็มาหลังสุดแรก ๆ เขาก็ห้ามพวกเธอหลัง ๆ มาไม่รู้ว่าโต้คิดบ้าอะไรไม่ค่อยห้ามเหมือนแต่ก่อนแต่ก็ดีเหมือนกัน “โอ้ยย..เรียนเสร็จสักทีหัวฉันจะระเบิดอยู่แล้วเนี่ย” “วันนี้ก็แอบเรียนหนักจริง ๆ ถึงจะมีแค่คาบบ่ายก็เหอะ” “เอางี้สาว ๆ ผักกับน้ำไม่ต้องบ่น เราเลี้ยงเหล้าร้านเดิมเองดีไหม” “หึ! วันศุกร์เป็นไม่ได้เลยนะโต้ แกจะไม่ให้ฉันรับงานเลยหรือไงเนี่ย” “แพงเธอไปรับงานเมื่อเช้าแล้วไง จะรับถี่อะไรขนาดนั้น ช่วงล่างไม่พังไปหมดแล้วหรอ” “ ฮ่า ฮ่า ลองดูไหมล่ะ จะได้รู้” เธอส่งสายตาอ่อยไปทางโต้เขาเองก็ดูจะตกใจก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางทำเอาพวกสาว ๆ หัวเราะออกมากับท่าทีของชายหนุ่ม “ถ้าพังจริงไอ้พี่มาร์คมันคงไม่เรียกยัยแพงถี่ขนาดนี้หรอก หึ ๆ ” “เห้ย ๆ ..แพงน้องสาวแกเดินมาโน่นแล้ว” เธอหันไปมองตามที่ผักกาดสะกิดไปมองหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่เดินมากับเพื่อน ๆ ของเธอ “ก็แค่ลูกคนละแม่ ฉันไม่อยากยุ่งว่ะเราไปกันเถอะ ฉันหิวแล้วกินข้าวเสร็จจะได้รีบกลับห้องไปแต่งตัวเที่ยวต่อ” “วันนี้ฉันขอชิ่งนะพวกแก พอดีที่บ้านมีงานอ่า ฉันขอตัวก่อนนะ วันนี้คงไปไม่ได้อ่า” “เห้ย! ได้ไงอ่านาน ๆ ทีนะผัก ไอ้โต้เลี้ยงด้วยเนี่ย” “ผักไม่ไปกับพวกเราจริง ๆ หรอ” “อ้าว..ว้าอดกินเหล้าฟรีกับพวกเราเลย ไม่เป็นไร ยังไง ๆ ครอบครัวต้องมาก่อนฉันจัดการเองผัก ส่วนพวกแกก็ไม่ต้องไปบังคับยัยผักกาดเลย” “ขอบคุณนะแพง เรากลับก่อนนะน้ำค้าง โต้ บายจ้ะ” บาย “พวกแกก็ชอบบังคับยัยผักเหลือเกิน ไม่เป็นไรหรอกไป 3 คนก็สนุกได้โว้ย ป่ะ” เธอกอดคอเพื่อนทั้งสองก่อนจะสาวเท้าเดินไปที่รถของน้ำค้างและตรงดิ่งไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่มะระเจ้าประจำหลังมอที่เธอชอบมากินจนสนิทกับป้าคนขายเพราะพวกเธอค่อนข้างมาบ่อยมาก ๆ จนป้าจำได้ว่าแต่ละคนกินเส้นอะไรอะไรบ้าง “ป้าค่ะแพงขอเหมือนเดิมค่ะ” “ผมด้วยครับ” “ของน้ำด้วยค่ะ” “อ้าวเพิ่งเลิกเรียนเหรอเด็ก ๆ ดีนะยังเหลืออยู่เนี่ยได้ ๆ เดี๋ยวป้าจัดให้ เล็กน้ำของพะแพง เล็กน้ำไม่ผักหน่องไก่ 2 ชิ้นของน้ำค้าง มาม่าพิเศษเครื่องในของโต้ เดี๋ยวป้าจัดให้เหมือนเดิมนะ” ครับ/ค่ะ “โอ้ย!..ซี๊ด อืม” “เป็นไรว่ะแพงกูเห็นมึงร้องโอดโอ้ยตั้งแต่ในห้องเมื่อกี้ล่ะว่าจะทักอยู่” “จุกว่ะ..สงสัยรอบนี้จะแรงไปหน่อยจริง ๆ ” “หึ ๆ ไอ้พี่มาร์คมันก็ไม่คิดจะเบามือเลยเหรอซื้อกินออกจะบ่อย เบา ๆ กับแกไม่ได้เลยหรือไง” “ช่างเหอะน้ำ เดี๋ยวก็หาย” เธอไม่อยากให้เพื่อน ๆ ของเธอเป็นกังวลมากไป ปกติก็อาจจะมีบ้างขึ้นอยู่กับเจ้าของอารมณ์คนซื้อแบบเขา เธอเองก็ไม่ได้ห้ามอะไรเขา ดังนั้นเธอจะโทษฝ่ายชายคนเดียวก็ไม่ได้หรอก เธอหันไปสบสายตาเพื่อนชายของเธอที่ตอนนี้เหมือนกับว่าเขากำลังโกรธอยู่ เธอจึงเอื้อมมือไปจับมือเพื่อนของเธอและยิ้มให้เป็นการบอกกับชายหนุ่มว่าเธอโอเคจริง ๆ “ถ้าวันไหนเราไม่ไหวจริง ๆ เราจะโทรหาโต้คนแรกเลย” “ให้มันจริงเหอะไม่ใช่ว่าไม่สบายแล้วไม่ยอมบอกใครนะ” “บอกครับผม” “มาแล้วจ้า..ว่าแต่วันนี้หนูผักกาดไม่มาด้วยเหรอลูก” “พอดีผักมีธุระที่บ้านค่ะ เลยขอกลับบ้านก่อน” “อ้อ งั้นก็ตามสบายนะลูก” หลังจากที่พวกเธอกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จพวกเธอก็ไปส่งโต้ที่คอนโดก่อนที่น้ำค้างและเธอจะมาที่คอนโดซึ่งทั้งสองอยู่คอนโดเดียวกัน แต่ว่าอยู่คนละชั้น พะแพงอาศัยอยู่กับน้องชายส่วนน้ำค้างก็อยู่คนเดียวแต่บางครั้งเธอก็ชอบให้แขกมาที่ห้องด้วยเหมือนกัน แกร๊ก “อ้าวพีจะออกไปไหนอีกเหรอ” เธอเอ่ยทัก พีพี น้องชายคนเดียวที่เธอรักดั่งดวงใจและทำให้เธอเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปได้ เธอพยายามทำทุกอย่างในทุกวันนี้ก็เพื่อเขาเพียงคนเดียว “สวัสดีครับพี่แพง พอดีผมนัดเพื่อนไปซ้อมดนตรีนะอาจจะกลับดึกไม่แน่ก็อาจจะนอนกับที่บ้านเพื่อนนะครับ” “เหรอ ถ้าดึกมากก็นอนบ้านเพื่อนไม่ต้องกลับดึก ๆ หรอกพี่เป็นห่วง เพื่อพวกนายเมาแล้วขับรถอีกอันตรายเปล่า ๆ อีกอย่างพี่จะบอกอยู่ว่าพี่เองก็จะไปร้านเหล้าวันนี้ไม่ต้องรอก็ดีเหมือนกันไปเถอะ แล้วพีมีเงินใช้ไหม” “เหลืออยู่พันห้าน่าจะพอครับ” “เดี๋ยวพี่โอนเพิ่มให้พีแล้วกัน เพื่อว่าจะต้องออกค่าอะไรกับเพื่อนอีก” “ครับ งั้นผมไปก่อนนะ” “จ้ะ” หลังจากนั้นเธอรีบแต่งตัวแต่งหน้าเพื่อออกไปร้านเหล้า ซึ่งวันนี้เธอก็ใส่เป็นเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงยีนขายาว โดยปกติเธอก็จะใส่เสื้อกล้ามสีดำสีขาวสลับกันไปบ้างกับกางเกงยีนส์ขาสั้นไม่ก็ขายาวมีแค่นั้นแล้วแต่อารมณ์ของเธอว่าจะใส่แบบไหน แต่ก็ไม่เกินจากนี้ไปเท่าไรต่างจากเพื่อนสองสาวของเธอที่จัดเต็มทุกงาน เธอปล่อยผมยาวดัดลอน พร้อมใส่ต่างหูคู่โต ๆ แต่งหน้าจัด ๆ ตามสไตล์ของเธอกับกระเป๋าสพายข้างสีดำขนาดเล็ก3 ปีต่อมา “สวัสดีครับคุณทนายสุดหล่อ วันนี้มาฟังคำพิพากษาใช่ไหมครับ” “ สวัสดีครับ ใช่ครับผม พี่ครับพอดีว่ารบกวนพี่หน้าบัลลังช่วยเช็คให้หน่อยได้ไหมครับว่าท่านผู้พิพากษาจะลงบัลลังกี่โมง พอดีว่าผมจะขอแวะไปส่งเอกสารอีกคดีที่บัลลังก์ 7 ครับ ผมเลยไม่รู้ว่าคดีผมที่บัลลังก์ 5 ท่านจะเริ่มกี่โมง” “จะไปนานเหรอครับคุณทนาย ได้ครับ ๆ งั้นเดี๋ยวผมจะเอาคดีของคุณทนายไว้เป็นคดีสุดท้ายช่วงเช้าเลยนะครับ แต่มันจะมีคดีที่สืบพยานกันอยู่อีกหนึ่งคดี ยังไงผมจะแจ้งผู้พิพากษาเจ้าของคดีให้ทราบนะครับ” “ขอบคุณมากครับพี่ ผมจะรีบกลับมานะครับ” “ได้ครับ” ไมค์ยิ้มให้กับเจ้าหน้าที่ศาลก่อนที่จะเดินไปอีกห้องเพราะตอนนี้เขากลายเป็นทนายหนุ่มไฟแรงสุดฮอตที่กำลังเร่งทำงานอย่างตั้งใจ เขาพยายามค้นหาตัวเองและก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิตให้ผ่านไป ขณะที่เขาจบคดีที่บัลลังก์ 7 ก็รีบเดินกลับมาที่บัลลังก์ 5 ซึ่งภาพที่เห็นตรงหน้า คือผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาเคยรักอย่างสุดหัวใจ กำลังนั่งอยู่คอกพยาน “พยานกำลังจะอ้างว่าภาพถ่ายที่พยานโอบกอดสามีของโจทก์อยู่นั้นไม่ใช่พยานอย่างนั้นเหรอครับ” “ค่ะ” “งั้นผมขอถามว่าพยานกั
บนโต๊ะอาหารตอนนี้ต่างก็ดูวุ่นวายเพราะไมค์ที่เริ่มได้ที่ก็พูดไม่หยุดเดินไปชวนคนนั้นคนนี้มาชนแก้วกับเขา ทุกคนที่จากตอนแรกจะทานข้าวกลายเป็นว่าตอนนี้ต่างก็ดื่มเป็นเพื่อนไมค์กันแต่เช้า หากมีเพียงแมธที่นั่งทานข้าวเสร็จก็กลับไปนั่งทำงานมองดูสถานการณ์ห่าง ๆ กับภาพครอบครัวที่ต้องบอกว่าหาดูได้ยากที่จะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาและเมากันได้ที่ขนาดนี้ 3 ปีต่อมา “มาร์คยังไม่มารับแพงอีกเหรอ” “ยังค่ะพี่แมธ พอดีเท้าแพงบวมมาก แพงเลยให้พี่มาร์คไปเอารองเท้าคู่ใหม่มาให้แพงค่ะ” “ท้องดูโตขึ้นเยอะแล้วนะ” “ค่ะ ไปนั่งที่ห้องพี่ก่อนไหม จะได้นั่งโซฟ่าสบายขึ้น” “ไม่เป็นไรค่ะ แพงนั่งทำงานที่นี้ทั้งวันอยู่แล้วเดี๋ยวพี่มาร์คก็มาค่ะ” “ถ้างั้นเข้าไปดูเอกสารให้พี่หน่อยแล้วกันนะ” “ก็ได้ค่ะ” แม้ว่าเธอจะรู้ว่าจุดประสงค์ของแมธคืออยากให้เธอไปได้พักมากกว่าที่จะอยู่ห้องทำงานในแผนกนิติกรของบริษัท พอย้อนอดีตตอนที่เธอเข้ามาฝึกงานอยู่ที่นี้จนครบกำหนดและหลังเรียนจบที่มหาลัยเธอก็เปลี่ยนเป้าหมายเข้ามาสมัครงานเป็นพนักงานที่นี้อย่างเต็มตัว ซึ่งปัจจุบันเธอก็ตั้งท้องลูกของมาร์คได้ 4 เดือนพอพวกเขารู้ว่าเธอท้องทุกคนในครอ
เธอได้แต่ยิ้มและรู้สึกได้ถึงไออุ่นของครอบครัวเขา ที่มันอาจจะเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คนที่ปรารถนาครอบครัวแบบนี้ หากแต่ชีวิตของเธอและใครหลายคนที่เลือกเกิดไม่ได้คงไม่ได้โชคดีแบบนี้สักเท่าไร หลังจากที่เธออาบน้ำเสร็จเธอก็นั่งรอเขาที่เตียงนอนไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงมีคนเปิดประตู แกร๊ก “ยังไม่นอนเหรอคะ” “แพงกำลังรอพี่อยู่ค่ะ เป็นไงบ้างคะเรียบร้อยดีไหม” “ครับ งั้นพี่ไปอาบน้ำก่อนนะคะ” “ค่ะ” ขณะที่เธอยังไถมือถือเล่นระหว่างรอเขา พอเขาอาบน้ำเสร็จเขาก็รีบกระโดดขึ้นเตียงมานอนหนุนตักเธอ พร้อมกับเอาหน้าซุกพุ่งน้อย ๆ ของเธอทั้งยังทำหน้าอ้อน ๆ ให้เธออีก “พี่มาร์คง่วงนอนหรือยังคะ เรานอนกันเลยไหมคะ” “เราทำอย่างอื่นไม่ได้เหรอ” “ หื้อ แพงว่า..อย่าเลยดีกว่าค่ะ แพงอายคนอื่นเขาผู้ใหญ่ก็อยู่ในบ้านด้วย แพงไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดีเลยค่ะ รอบก่อนก็อายพี่แมธจะตายอยู่แล้ว” “หื้อ..อายทำไมเรื่องธรรมชาติไหมคะ” “ไม่ต้องเลยค่ะเรานอนกันได้แล้ว” “ขอนอนหนุนตักนุ่ม ๆ นี้ก่อนได้ไหมครับ” “เอ้..มาลูบท้องแพงแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ” “พี่แค่คิดว่าถ้าเรามีลูกด้วยกันเขาจะหน้าตาหล่อสวยเหมือนพี่ไหมนะ”
“พวกเราทุกคนรู้ดีว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ พี่แมธและมาร์คเองก็เล่าเรื่องของหนูมาให้น้าฟังเยอะพอสมควร ถ้าหนูยังไม่พร้อมหรือขาดเหลืออะไรก็บอกน้าได้เลยนะลูก ให้น้าไปขอกับพ่อกับแม่เราเถอะนะทุกอย่างจะถูกต้อง” “อันที่จริง ครอบครัวของแพงก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนครอบครัวคนอื่นเท่าไร ถ้าคุณน้าทั้งสองจะคุยกับครอบครัวแพง แพงก็ไม่ได้ติดขัดอะไรค่ะ แต่สิ่งหนึ่งที่แพงอยากจะบอกคือแพงไม่ได้ต้องการให้ครอบครัวแพงได้เงินจากครอบครัวของคุณน้าแม้แต่บาดเดียว เงินที่จะสร้างครอบครัวแพงขอให้มาจากพี่มาร์คและแพงเท่านั้นนะคะ” “แพง..เอาจริงดิ ตอนนี้เงินติดบัญชีพี่มันแทบไม่เหลือแล้วนะ แถมโดนเจ้าไมค์ปล้นไปอีก” “ค่ะพี่มาร์ค คุณน้าทั้งสองอาจจะมองว่าแพงอวดดี แต่แพงไม่ได้มีเจตนานะคะ มันคือความตั้งใจของแพงว่าถ้าแพงจะสร้างครอบครัวจริง ๆ แพงก็อยากจะสร้างความทรงจำและสร้างอนาคตกับคนที่แพงรักด้วยตัวของพวกเราเองค่ะ” “เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหมคะ เงินพ่อกับแม่ก็มีจะเสียเวลาทำไมคะ” เขาพยายามจะต่อรองกับเธอเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจ แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้เธอก็ต้องการจะสารภาพความในใจให้หมดเลย “เอาสิลูก น้องแพงมาใก
“เปล่า.. ” “ตาแดงขนาดนั้นยังจะโกหกอีกนะคะ” หมับ เขากอดเธอไว้แน่นเพื่อไม่เธอหันมาเห็นน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนจะเอามือปาดน้ำตาตัวเอง “แพงอย่าพูดแบบนี้กับพี่ได้ไหม พี่ไม่ชอบเลย” “แพงพูดแบบไหนคะ” “ก็ที่บอกว่าจะไม่อยู่กับพี่แล้วไง พี่ขอโทษ ขอโทษกับทุก ๆ การกระทำของตัวเองเลย แพงอย่าโกรธพี่เลยนะ” “ก็ได้ค่ะ ไหนหันหน้ามาให้แพงดูหน่อย โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคะครั้งนี้แพงจะไม่โกรธพี่ก็ได้ค่ะ พี่มาร์คก็ปล่อยแพงได้แล้วแพงอายคนอื่นเขา อีกอย่างคนที่พี่ควรจะขอโทษก็คือน้องไมค์ พี่พูดแบบนั้นออกมาได้ไงคะ น้องเขารักพี่ขนาดไหนพี่รู้ไหม พี่มาร์คไม่คิดว่าไมค์จะเสียใจบ้างเหรอคะอย่าลืมไปขอโทษน้องนะคะ” “ครับ” “อีกเรื่องนะคะ แพงเองก็ไม่ได้ชอบเพลงขวัญแต่ที่พี่ทำแบบนั้นกับผู้หญิงมันจะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวพี่ไป คนที่โดนพี่ทำร้ายร่างกายสักวันมันอาจจะเป็นแพงก็ได้ฉะนั้นช่วยเลิกใจร้อนมือเร็วแบบนั้นด้วยนะคะ” “ครับ ปกติพี่ก็ไม่ได้ทำร้ายผู้หญิงหรอกนะ แต่เด็กนั้นมันน่าโดนนิ แม่พี่เดินมาแล้วเราหายงอนกันได้แล้วใช่ไหม” โอ้ยยย.. “มี้ครับผมเจ็บ ปล่อยมือก่อนครับ หูผมจะหลุดแล้วเนี้ย” “ยังจะกล้าบอกว่าเจ็บอีกเหร
คำพูดที่แสนจะธรรมดาของแม่มาร์คมันเหมือนเข็มที่ทิ่มแทงใจเธอจนเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาและชาไปทั้งใจ เธอเองก็ไม่เคยนึกถึงอนาคตตัวเองเลยด้วยซ้ำตั้งแต่สูญเสียน้องชายเธอไป เป้าหมายในชีวิตที่เคยคิดไว้มันพังทลายไปแล้วจริง ๆ เธอจึงไม่มาสามารถตอบคำถามใด ๆ ได้เลย เขาหันหน้าไปมองเธอก็เห็นถึงแววตาที่ไร้จุดหมายและปนเศร้าอยู่หน่อย ๆ เขาเอื้อมมือไปจับมือเธอเพื่อให้กำลังใจ “ถ้าแพงยังไม่มีเป้าหมายในชีวิต พี่จะสร้างเป้าหมายในชีวิตให้แพงเอง แพงอย่าเศร้าไปเลยนะ” พรวด! แค่ก แค่ก “เอาตัวเองให้รอดก่อนไหมมาร์ค นายเองก็ยังไร้จุดหมายในชีวิตเหมือนกันเท่าที่ฉันเห็นแกหนักกว่าน้องแพงเยอะเลยนะ” “ผมก็ช่วยงานพี่อยู่นี้ไง” “มองดูก็รู้ว่าที่ทำอยู่เนี่ยทำเพราะไม่มีอะไรทำ หึ!” “พ่อว่าหนูแพงไปเรียนต่อโทที่ฝรั่งเศสไหมหรือเยอรมันก็ดีนะ เผื่อเจ้าไมค์จะไปเรียนต่อน้องจะได้มีเพื่อนด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายหรือค่าเทอมพ่อดูแลเอง” “ผมไม่อนุญาตครับ” “ถามน้องแพงยัง แม่ว่าน้องอาจจะอยากไปเรียนต่อก็ได้” “งืออ” “แพงขอบคุณคุณน้าทั้งสองคนมาก ๆ นะคะที่เอ็นดูแพงแต่เรื่องนี้แพงขอยังไม่รับน้ำใจนะคะ แพงอยากลองพึ่งพาตัวเองก่