บ้านอัครเทพ
“นังพิมพ์!! นี่แกจะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนห๊ะ!! ทำไมไม่รู้จักเอาแบบอย่างพี่สาวแกบ้าง”
เสียงของผู้เป็นแม่บอกลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนที่นอนอยู่บนเตียงกว้างด้วยท่าทางเอาเรื่อง ก็เพราะลูกสาวเล่นนอนไม่ดูเวลาว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว
“โอ้ยแม่!! จะบ่นทำไมแต่เช้าเนี่ย”
พิมพ์ดาวพูดออกมาอย่างหัวเสียเมื่อโดนรบกวนเวลานอนและอีกเรื่องที่ทำให้เธอหงุดหงิดคือแม่ของเธอชอบเอาเธอไปเปรียบเทียบกับพี่สาวฝาแฝดที่พึ่งเจอกันไม่กี่วัน
“เช้าบ้านแกน่ะสิ!! แหกตาขึ้นมาดูบ้างว่าตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
ดารารายมองลูกสาวด้วยท่าทางสุดปลง ถึงปากเธอจะบ่นจะด่ายังไง แต่ในใจเธอก็รักลูกและเป็นห่วงลูกสาวคนนี้ที่เธอเลี้ยงมากับมืออยู่ดี ต่างจากลูกสาวอีกคนที่ไม่มีความรู้สึกรักเลยสักนิด อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่แรก คงจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้าหากันกับลูกสาวอีกคนพอสมควรเลย
“จะกี่โมงแล้วมันทำไมล่ะแม่ ในเมื่อตอนนี้เรารวยแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งทำงานให้เหนื่อยแล้ว”
พิมพ์ดาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อก่อน จะตอนรวยหรือตอนจน แม่ก็ชอบบังคับเธอตลอด ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอก็คงรีบลุกขึ้นไปแต่งตัวออกไปรับงานอย่างไม่อิดออด ทั้งถ่ายแบบ เดินแบบ พรีเซ็นเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมายที่ทำแล้วได้เงิน
แต่สิ่งที่ทำให้เธอได้เงินมาให้แม่ไปเข้าบ่อนได้ ก็คือรับงานนอก หรือเรียกง่ายๆ ว่าขายตัวนั่นแหละ แต่คนฉลาดและรสนิยมสูงอย่างพิมพ์ดาว ไม่ยอมนอนกับพวกเฒ่าหัวงูหรอกนะ คนที่เธอจะยอมนอนด้วยต้องเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคทั้งหน้าที่การงานและหน้าตา
ครืดดด~
พอพูดถึงเรื่องผู้ชาย เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาทันที พิมพ์ดาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเบ้ปากมองบนด้วยท่าทางเบื่อหน่าย แล้วรีบลุกจากเตียงโดยไม่สนใจเสียงเรียกเข้าที่ดังอย่างต่อเนื่อง
“ใครโทรมา ทำไมไม่รับสาย”
ดารารายถามขึ้นมาด้วยความสงสัย แล้วเดินไปหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าเป็นเบอร์ของผู้ชายที่เธออยากได้เป็นลูกเขย ทั้งฐานะและนิสัยเธอสแกนเรียบร้อย ผู้ชายคนนี้แหละที่จะมาเป็นสามีของพิมพ์ดาว
“ว่าไงลูก”
ดารารายกรอกเสียงไปอย่างสนิทสนม เพราะเคยเจอกันหลายครั้งแล้วและทุกครั้งที่เจอกันว่าที่ลูกเขยคนนี้ก็ให้ของติดไม้ติดมือเธอทุกครั้ง เรียกได้ว่าอัดฉีดจนแม่ยายแทบยกสาวให้เลยทันที
(สวัสดีครับคุณแม่ น้องพิมพ์ทำงานอยู่เหรอครับ?) ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงสุภาพสมกับเป็นลูกผู้ดีมีชาติตระกูล
“ใช่จ้ะ วันนี้น้องพิมพ์งานยุ่งทั้งวันเลยลูก”
ดารารายพูดในสิ่งที่ขัดกับความเป็นจริง เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของลูกสาวให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ความเป็นจริงจะต่างกันราวฟ้ากับเหวก็ตาม
(ถ้าอย่างนั้น ผมวางก่อนก็ได้ครับ ฝากคุณแม่บอกน้องรับสายผมหน่อยนะครับ น้องไม่รับสายผมหลายวันแล้ว)
ดารารายหันไปมองลูกสาวที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ลูกสาวกลับไม่สนใจ
“จ้ะลูก เดี๋ยวแม่บอกให้นะ แค่นี้ก่อนนะลูก แม่ขอไปดูน้องก่อน”
ดารารายรีบกดตัดสายทันที ก่อนจะตรงเข้าไปหาลูกสาวตัวดีที่ชอบขัดคำสั่ง หาสิ่งดีๆ ให้ไม่ชอบ
“โอ้ยแม่!! มันเจ็บนะ”
พิมพ์ดาวร้องเสียงหลงเมื่อผู้เป็นแม่บิดแขนจนเนื้อแทบหลุด
“เจ็บสิดี จะได้จำ!!” ดารารายพูดเสียงเข้มแล้วออกแรงบิดที่แขนเรียวอีกครั้ง
“โอ้ย!! จำอะไรล่ะแม่ แค่นอนตื่นสายแค่นี้ทำไมต้องทำร้ายร่างกายฉันด้วย”
“ทำร้ายร่างกายอย่างนั้นเหรอ นี่มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับลูกไม่รักดีอย่างแก”
ดารารายชี้หน้าด่าลูกเหมือนที่เคยทำ แน่นอนว่าพิมพ์ดาวชินกับการกระทำแบบนี้ไปแล้ว
“อะไรอีกแม่ แค่ตื่นสายต้องด่าขนาดนี้เลยเหรอ”
“แกอย่าแกล้งโง่ไปหน่อยเลย แกรู้ว่าฉันจะหมายถึงเรื่องอะไร”
พรึบ!!!!
มือถือเครื่องหรูถูกโยนไปบนเตียงกว้าง ตามมาด้วยคำสั่งน้ำเสียงดุดัน
“โทรกลับหาอนาวินเดี๋ยวนี้!!”
“โอ้ย!! ก็นึกว่าเรื่องอะไร ที่ไหนได้ก็เรื่องคุณชายซื่อบื้อนี่เอง”
พิมพ์ดาวพูดออกมาด้วยท่าทางเบื่อหน่อย เพราะผู้ชายที่แม่ของเธอกำลังพูดถึงคือ อนาวิน ผู้ชายที่ซื่อบื้อที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา จะไม่ให้เธอเรียกว่าซื่อบื้อได้ยังไงล่ะ ก็ตั้งแต่คบหาดูใจกันมา ออกเดทด้วยกันไม่รู้กี่ครั้ง เขาก็ไม่เคยล่วงเกินเธอเลย ไม่ว่าจะอ่อย จะอ้อน จะใช้มารยายังไงเขาก็ยังเฉย ทำมากสุดก็แค่จับมือหรือโอบเอวบางในตอนที่เธอแกล้งสะดุดขาแล้วเซไปทางเขา ไม่รู้จะเป็นสุภาพบุรุษอะไรนักหนา น่ารำคาญชะมัด พิมพ์ดาวเบ้ปากให้กับความเป็นสุภาพบุรุษของแฟนหนุ่มที่เธอกำลังจะเท
“ซื่อบื้ออะไรของแก” ดารารายขมวดคิ้วมองลูกสาวด้วยความไม่เข้าใจ มันว่าใครซื่อบื้อกัน?
“ซื่อบื้อก็คือซื่อบื้อนั่นแหละ แม่จะถามอะไรนักหนาเนี่ย”
พิมพ์ดาวพูดออกไปด้วยน้ำเสียงติดรำคาญเล็กน้อย แล้วเดินไปเปิดผ้าม่านเพื่อรับแสง
“ถ้าแกหมายถึงเรื่องเลวๆ เหมือนผู้ชายที่แกชอบควง อย่าฝันว่าจะได้เห็นจากผู้ชายคนนี้ เพราะเขาเป็นผู้ดี ซึ่งคนอย่างแกต้องรีบคว้าเอาไว้”
ผู้เป็นแม่บอกลูกสาวด้วยสายตาดุดัน ถึงตอนนี้พวกหล่อนจะได้สุขสบายอยู่บนกองเงินกองทองของลูกสาวคนโตแต่ก็ใช่ว่าจะมั่นคง ดารารายจึงอยากหาความมั่นคงให้กับลูกสาว
“ก็ฉันไม่ชอบ แม่เข้าใจมั้ยว่าฉันไม่ชอบ จะบังคับทำไมนักหนา”
พิมพ์ดาวเริ่มไม่ไหวกับการถูกบังคับ เมื่อก่อนที่เธอยอมทำก็เพราะเธอต้องการเงินจากเขา ต้องการให้เขาเปย์ แต่ตอนนี้เธอสามารถอ้อนเอาเงินจากพี่สาวฝาแฝดผู้อ่อนต่อโลกได้ ไม่จำเป็นต้องไปขอจากผู้ชายเลยให้เปลืองน้ำลาย
“แกอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ ฉันสั่งให้แกคบกับคนนี้ แกก็ต้องทำ!!” ดารารายตะคอกออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ฉันไม่ทำ!! ถ้าแม่อยากได้เขาเป็นลูกเขยนัก แม่ก็บอกลูกสาวสุดที่รักของแม่โน่น”
ปัง!!!!!
เสียงปิดประตูห้องน้ำเสียงดัง ฝีมือของพิมพ์ดาว ทำให้ผู้เป็นแม่มองตามด้วยสายตาโกรธจัด ลูกคนนี้มันต้องเสียใจเข้าสักวันที่ไม่เลือกผู้ชายคนนี้
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน
ร่างหนาเดินออกมาจากห้องน้ำก็ต้องพบกับความเงียบ เมื่อภายในห้องมีเพียงความว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนอนาวินมีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พันรอบเอวอยู่ พอได้อาบน้ำสบายตัวก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนสายตาคมเข้มกวาดมองไปรอบห้องเพื่อที่จะมองหาพราวฟ้า แต่สายตาเขาก็สะดุดไปเห็นเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นที่แขวนไว้อยู่หน้าตู้เสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลซึ่งคงจะเป็นเสื้อและกางเกงที่ใหญ่ที่สุดในตู้ของพราวฟ้าและเธอคงจะมั่นใจและคิดว่าเขาคงจะใส่ได้อย่างแน่นอนอนาวินไม่รอช้ารีบใส่เสื้อผ้าและแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินลงไปหาเธอข้างล่าง แน่นอนว่าเธอคงจะทำอาหารอยู่ในห้องครัวเป็นแน่“อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอคะ” พราวฟ้าที่กำลังยุ่งอยู่หน้าเตาแก๊สก็เอ่ยถามชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม“ครับ ทำอะไรอยู่ครับทำไมหอมจังเลย” อนาวินไม่พูดเปล่าขายาวรีบเดินเข้าไปหาหญิงสาวพร้อมกับกอดเธอเอาไว้แน่น“พราวทำข้าวต้มค่ะ พี่วินหิวหรือยังคะ”ใบหน้าสวยตอบพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้จะโดนอีกฝ่ายกอดในขณะที่เธอกำลังทำข้าวต้มอยู่ เธอก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือวุ่นวาย แต่กลับรู้สึกดีและมีความสุขมากๆ อีกด้วย“หิวครับ”“รออีกนิดนะคะข้าวต้ม
ปึก! ปึก! ปึก!“อะ! อ๊ะ!”เสียงครางหวานยังคงดังออกมาเป็นระยะ โชคดีที่เป็นห้องเก็บเสียงและวันนี้ก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ส่วนแม่บ้านประจำก็ลากลับบ้าน พราวฟ้าอยู่คนเดียวแล้วก็เหงาก็เลยชวนอนาวินมาอยู่เป็นเพื่อนม๊วฟ!“ซี๊ดดด!”ริมฝีปากบางซูดปากครางเสียวร่างสวยเกร็งไปแทบทุกส่วน เมื่อริมฝีปากหนาทั้งดูดทั้งเลียหน้าอกอวบอิ่ม แถมช่วงล่างก็กระแทกสะโพกเข้าออกไม่หยุด เรียกได้ว่าปรนเปรอทั้งช่วงบนช่วงล่างพร้อมกันแบบนี้จะไม่ให้พราวฟ้าเสียวได้ยังไง“อ่าส์!” เสียงคำรามจากร่างหนาก็ดังออกมาเป็นระยะไม่ต่างกัน ยิ่งเขากระแทกและบดขยี้แก่นกายใหญ่ ร่องรักก็ยิ่งรัดแน่นจนอนาวินแทบจะทนไม่ไหวความเสียวที่ถูกปะปนไปด้วยความทรมานแต่ก็ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกดีไม่น้อย ซึ่งมันเป็นความรู้สึกเสียวซ่านจนยากเกินที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้“อึก! อะ! พราวไม่ไหวแล้วค่ะ ซี๊ด!” พราวฟ้าพูดออกมาพร้อมกับความรู้สึกที่แปลกใหม่วิ่งวนอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งเธอไม่เคยรู้สึกดีกับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน“อ๊าส์! พี่ก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันครับ” น้ำเสียงที่อบอุ่นปนด้วยความทรมานเอ่ยบอกหญิงสาวที่นอนอยู่ใต้ร่างถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าไม่ไหวแต่สะโพกหนาก็ยังคงก
แขนเรียวทั้งสองข้างโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้ด้วยความอบอุ่น โดยที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงแนบชิดและบดขยี้กันอย่างดูดดื่ม“อืม…” น้ำเสียงทุ้มต่ำครางเสียงกระเส่าอยู่ข้างใบหูเล็กด้วยความพอใจพราวฟ้าในตอนนี้ราวกับพราวฟ้าคนใหม่ที่ไม่เคยมีใครเห็นเธอในมุมนี้มาก่อน ทั้งท่าทางและน้ำเสียงเธอดูออดอ้อนเพื่อเอาใจอีกฝ่ายอย่างสุดกำลัง ถ้าหากอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มมีความสุข เธอก็พร้อมที่จะทำและปรนเปรอเขาทุกอย่างมือบางจัดการถอดเสื้อผ้าชายหนุ่มออกจนหมดถึงแม้พราวฟ้าจะรู้สึกเกร็งๆ อยู่บ้างแต่เธอก็พยายามทำใจให้สบายและผ่อนคลายมากขึ้นพรึบ!ร่างหนาถูกผลักให้นั่งลงอยู่บนเตียงนอนกว้าง ถึงไม่ใช่ครั้งแรกแต่ก็ทำให้อนาวินตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าตื่นเต้นกว่าครั้งแรกเสียอีก“เดี๋ยวพราวทำให้ค่ะ” น้ำเสียงและสายตายั่วยวนมองไปที่ชายหนุ่ม หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะเมื่อได้ทำอะไรที่แปลกใหม่ ซึ่งเธอเองก็ไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำใบหน้าหล่อกระตุกยิ้มด้วยความพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังถอดเสื้อผ้าออกอย่างช้าๆ ต่อหน้าเขา เรือนร่างสวยไร้สิ่งปกปิดทำเอาอนาวินเผลอจ้องมองไม่ยอมละสายตา“มองแบบนี้พราวก็เขินแย่สิคะ” ใบหน้าส
ระหว่างทางที่อยู่บนรถมีเพียงแค่ความเงียบ ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ปกติแล้วอนาวินจะอารมณ์ดีและชวนคุยอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้พราวฟ้ารับรู้ได้ถึงความผิดปกติลางอย่างขึ้นมาได้อย่างชัดเจนร่างบางนั่งเงียบมองซ้ายมองขวาไม่รู้เลยว่าจะต้องทำตัวยังไง จะต้องถามอะไรถึงจะไม่ทำให้บรรยากาศบนรถนั้นเงียบจนเกินไป“พี่วิน…” พราวฟ้าตัดสินใจเรียกชื่อชายหนุ่มขึ้นมา แต่เธอก็ยังไม่กล้าที่จะพูดหรือถามอะไรในตอนนี้“ครับ” มีเพียงเสียงตอบรับสั้นๆ และสายตานิ่งเรียบที่มองถนนอย่างไม่ยอมละสายตา“พี่วินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” หญิงสาวถามออกมาตามตรงในขณะที่รถยนต์คันหรูวิ่งเข้ามาจอดภายในบ้านหลังใหญ่“เปล่าครับ” ชายหนุ่มยังคงตอบด้วยน้ำเสียงและท่าทางนิ่งเรียบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“งอนพราวอยู่ใช่ไหมคะ” พราวฟ้าถามต่อเมื่อรถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้าน“เปล่าครับ”“ใช่แน่เลย พี่วินงอนพราวเรื่องอะไรคะ” ในขณะที่ถามพราวฟ้าก็พยายามคิดว่าชายหนุ่มกำลังงอนเธอเรื่องอะไร เขาถึงได้ทำตัวเฉยชากับเธอแบบนี้“นี่ก็ดึกแล้ว พี่ว่าพราวเข้าบ้านไปพักเถอะ”ยิ่งเห็นท่าทางและคำพูดที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่มพราวฟ้าก็ยิ่งรู้สึกผิดและอยากจะทำให้ทุกอย่างกลั
เมื่อพราวฟ้าเข้าห้องประชุมเธอก็ทำหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี ตั้งใจทำงานนั่งรับฟังทุกข้อเสนอและทุกแผนงานของบริษัทเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการประชุมใหญ่ประจำปีการประชุมในครั้งนี้จึงใช้เวลาประชุมยาวนานกว่าทุกครั้งใช้เวลาในการประชุมเกือบสามชั่วโมงกว่าพราวจะประชุมเสร็จก็แทบจะหมดแรงและใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ร่างบางเดินกลับเข้าห้องทำงานด้วยความเหนื่อยล้าพลังงานที่มีหมดไปกับการประชุมแล้วจริงๆ“พี่วิน…” หญิงสาวเรียกชื่อชายหนุ่มเสียงเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความตกใจที่เห็นอนาวินนั่งหลับอยู่ที่โซฟารับรองแขกภายในห้องทำงานของเธอพราวฟ้ามองใบหน้าหล่อด้วยความสงสัยพร้อมกับคำถามมากมายที่วิ่งเข้ามาในหัว เธอเดินเข้าไปดูเขาใกล้ๆ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าเขากลับมารับเธอหรือว่าเขานั่งรออยู่ในห้องนี้จนเธอประชุมเสร็จ“ทำไมมานั่งหลับอยู่ตรงนี้คะ”ร่างบางตัดสินใจถามขึ้นมาตามตรง เพราะตอนนี้ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้วเธอจะปล่อยให้เขาหลับต่อไปแบบนี้ไม่ได้“อือ… ประชุมเสร็จแล้วเหรอครับ” ร่างหนางัวเงียลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับคำถาม“เสร็จสักพักแล้วค่ะ”“ทำไมไม่ปลุกพี่ละครับ”“พี่วินได้กลับไปทำงานหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเลือกที่จะถามกลับ
หนึ่งเดือนต่อมาหลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างผ่านไปพิมพ์ดาวกับคุณแม่ก็ได้เดินทางไปเที่ยวและพักผ่อนที่ต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เปลี่ยนบรรยากาศและทำใจให้สบายมากขึ้น ก่อนที่จะกลับมาคลอดและเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าส่วนพราวฟ้าก็ยินดีที่จะออกเงินและดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับคุณแม่และน้องสาว ซึ่งเธอก็มีอนาวินคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง ทำให้ดารารายและพิมพ์ดาวได้ไปเที่ยวแบบสบายใจไม่ต้องคอยเป็นห่วงพราวฟ้า“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”พราวฟ้าเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มพร้อมรอยยิ้ม หลังจากที่คุณแม่กับน้องสาวไปเที่ยว อนาวินก็ทำหน้าที่ดูแลเธอเป็นอย่างดีทุกอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องในหน้าที่แฟนเลยสักครั้ง“เดี๋ยวพี่มารับไปทานข้าวเที่ยงนะครับ”“ไม่เป็นไรค่ะ ตอนบ่ายพราวมีประชุมถ้าออกไปทานข้างนอกคงกลับมาไม่ทันแน่เลยค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะช่วงนี้งานที่บริษัทค่อนข้างเยอะ ทำให้เธอไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะออกไปไหน“งั้นเดี๋ยวพี่ซื้อมาทานด้วยที่บริษัท” อนาวินแทบจะขาดพราวฟ้าไม่ได้ก็อาสาซื้อมาทานด้วยเพื่อเอาใจเธอ“ค่ะ ขับรถดีๆ นะคะ”“ตั้งใจทำงานนะครับ”“พี่วินก็ตั้งใจทำงานเหมือนกันนะคะ”“ครับ แล้วเจอกันนะ”“ค่ะ”