Home / รักโบราณ / เล่ห์แค้นจินฉาน / เข้าถิ่นตามธรรมเนียม 1

Share

เข้าถิ่นตามธรรมเนียม 1

Author: lianlian
last update Last Updated: 2025-05-11 20:09:23

เหล่านางกำนัลขันทีที่ได้ยินองครักษ์หนุ่มกล่าวเช่นนั้น ต่างพากันหัวเราะด้วยน้ำเสียงเอื้อเอ็นดูคนตรงหน้าที่เพิ่งเข้าวังมาไม่กี่ปีจึงได้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดเลยแม้แต่อย่างเดียว

ไสยศาสตร์ทั้งหลายไม่มีวันกล้ำกรายมายังพระราชวังแห่งนี้เด็ดขาด...

ด้วยเคยเกิด 'เหตุภัยพิบัติจากกู่จินฉาน' ซึ่งเกิดขึ้นนับตั้งแต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันขึ้นไปห้าพระองค์ มหาเสนาบดีแห่งต้าเจวียนในขณะนั้นร่วมมือกับนางสนมที่มาจากชนเผ่าหลี่เจิน ทำคุณไสยกู่แก่ฮ่องเต้และนำหลักฐานทั้งหมดใส่ความรัชทายาทและชายา รัชทายาทคิดแก้ต่างแต่ไร้ผล จึงทำให้ตัดสินใจรวมมือกับฮองเฮาผู้เป็นพระราชมารดาและแม่ทัพผู้ถือครองตราพยัคฆ์อีกส่วนนำตราพยัคฆ์ของฝ่าบาทเรียกกำลังส่วนตัวออกมาเพื่อหมายก่อการกบฏ แม้ท้ายที่สุดแล้วจะมีการไต่สวนหาคนที่กระทำผิดมาลงโทษจนได้ ทว่าก็มีคนหลายร้อยคนต้องสังเวยชีวิตไปในระหว่างการสอบสวนครั้งนี้ รวมถึงรัชทายาทที่ถูกปลด ฮองเฮาถูกปลดจากภาระหน้าที่ ใช้ตำหนักของตนปิดประตูตายราวตำหนักเย็น ไม่สามารถก้าวออกมาจากตำหนักตราบจนสิ้นอายุขัย

อาจจะมองว่าเหมือนแพะหายแล้วเสริมคอก (ความหมายเดียวกับวัวหายแล้วล้อมคอก) และงมงาย แต่ก็ได้มีการสร้างอารามขึ้นในส่วนหน้าของพระราชวังไว้อย่างยิ่งใหญ่ตระการตา อีกทั้งมีเถระชั้นผู้ใหญ่และเชื้อพระวงศ์ที่ออกบวชร่วมสวดมนต์ชำระล้างอาถรรพ์และคุณไสยทั้งหลายที่อาจปะปนเข้ามาในวังหลวงปีละหนึ่งครั้ง อีกทั้งยังมีการตรวจตราวัตถุดิบและข้าวของเครื่องใช้ที่จะนำเข้ามาถวายในวังอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดถ้าสามารถนำมาประกอบเป็นพิธีไสยศาสตร์ได้จะถูกริบไปทำลายสิ้นและผู้ที่นำมาจะถูกลงโทษสถานหนักโดยไม่มีการอุทธรณ์หรือยกเว้นแต่ประการใด

ด้วยการรักษาการณ์และบทลงโทษที่เข้มงวดเช่นนี้ทำให้ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาในวังหลวงทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายในสงบสุขมีแต่สิริมงคล สิ่งชั่วร้ายอันใดจึงมิอาจเข้ามากล้ำกรายทำอันตรายเชื้อพระวงศ์รวมถึงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในกำแพงวังหลวงแห่งนี้

............

หลังจากที่ฮ่องเต้ออกจากท้องพระโรงอย่างกะทันหันพร้อมพระสนมใหม่ที่เพิ่งเข้าถวายตัว พระองค์ใช้พระหัตถ์กุมมือขาวเนียนของจินฉานเดินมายังตำหนักปีกใกล้ห้องทรงพระอักษร พร้อมกับไล่ให้ขันทีที่ประจำให้ออกไปเพื่อความเป็นส่วนตัว เมื่ออยู่กันสองต่อสอง ฮ่องเต้ยังกุมมือของนางเอาไว้พลางเอ่ย "เราเห็นเจ้าครั้งสุดท้ายก็เมื่อหกปีก่อน ตอนที่เราประพาสที่ป๋ายอี้พร้อมกับเจ้าห้า...อู่เฉิงหวัง"

จินฉานยิ้มละไมตอบ "เพคะ หม่อมฉันจำได้"

"ตอนนั้นเจ้ายังเป็นเด็กน้อยแสนซนที่เคยติดตามข้ากับบิดาของเจ้าออกล่าสัตว์ด้วยกันอยู่เลย แล้วตอนนี้ดูเจ้าสิ ลูกหมูน้อยในตอนนั้นหายไปไหนเสียแล้ว" เขากวาดตามองสตรีตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

"ฝ่าบาทเคยเรียกหม่อมฉันว่าลูกหมู เพราะตอนยังเด็กหม่อมฉันใบหน้าอ้วนกลมเหมือนพระจันทร์ รูปร่างแขนขาก็เป็นข้อเป็นปล้องเหมือนกับรากบัว ซ้ำยังเคยอาจหาญแย่งเครื่องเสวยของฝ่าบาทไปกินหน้าตาเฉยจนท่านพ่อของหม่อมฉันลงโทษให้ไปคุกเข่าที่ศาลบรรพชนพร้อมทั้งงดมื้อเย็น..."

"แล้วตอนนี้ล่ะ ยังเป็นลูกหมูอยู่หรือไม่?" มืออุ่นบีบกระชับที่มือนุ่มนิ่ม จินฉานเพียงอมยิ้มเอียงอายไม่ตอบคำอยู่อึดใจ จึงพึมพำตอบเสียงเบาประดุจยุงดูเง้างอดน่าเอ็นดู "ฝ่าบาท..."

ฮ่องเต้ทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดีอย่างยิ่ง เขาเลื่อนมือขึ้นไปจับแขนเรียวนั้นลูบไปมา ท่าทีเอื้อเอ็นดูอย่างยิ่ง “ส่วนมากสนมของต้าเจวียนจะเริ่มต้นจากตำแหน่งฟูเหรินที่เป็นตำแหน่งที่ต่ำที่สุด ทว่าเจ้าหาใช่ธิดาสามัญชนหรือธิดาขุนนางต่ำต้อย เจ้าเป็นถึงองค์หญิงจากป๋ายอี้ ดังนั้นตำแหน่งของเจ้าคือเหม่ยเหริน มอบนาม อี๋ (宜) เจ้าชอบหรือไม่?”

“อี๋ ที่แปลว่าทำให้เบิกบานและสบายใจหรือเพคะ?” เด็กสาวเอียงคอเล็กน้อย ท่าทีดูไร้เดียงสา ทว่าดวงตากลมโตวาววับกลับจับจ้องมาที่ฮ่องเต้ “หม่อมฉันจะเป็นผู้ที่ทำให้ฝ่าบาทเบิกบานพระทัยแน่หรือเพคะ”

“แน่นอน หน้าตาหมดจดงดงาม ผู้ใดได้เห็นย่อมเกิดรักและเอ็นดู ดูอย่างเราสิ แค่เห็นหน้าเจ้า เราก็รู้สึกยินดีอย่างบอกไม่ถูกแล้ว” เขายกมือนุ่มหมายจุมพิต แต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากจะได้แตะหลังมือนวลเนียน ก็มีขันทีจากตำหนักใหญ่ขอเข้าเฝ้า "กราบทูลฝ่าบาท บัดนี้ได้เวลาที่จิน...ไม่สิ อี๋เหม่ยเหรินต้องไปเข้าเฝ้าถวายความเคารพฮองเฮาและฮองไทเฮาแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

ขันทีผู้นั้นเฉลียวฉลาดสักปานใด เพียงได้ยินเขาพระราชทานตำแหน่งและราชทินนามให้กับจินฉานไม่ทันจบคำ เขาก็เอ่ยเรียกจินฉานตามตำแหน่งได้อย่างถูกต้องเหมาะสมทันทีทันใด ฮ่องเต้ถึงกับอดเอ่ยหยอกเย้าไม่ได้ “หลีฮุ่ย เจ้านี่ช่างสมกับเป็นคนในวังหลวงโดยแท้”

หลีกงกงพยักหน้ารับ จากนั้นฮ่องเต้จึงหันกลับไปมองจินฉานอีกครั้ง "เช่นนั้นเจ้าไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ที่ตำหนักปีกขวาก่อน ข้าให้นางกำนัลเตรียมเสื้อผ้าของแคว้นนี้เอาไว้ให้แล้ว โบราณว่า 'เข้าถิ่นตามธรรมเนียม' ในเมื่อเป็นผู้หญิงของเรา ย่อมเป็นคนของแคว้นเรา ต่อไปในภายภาคหน้าจะได้อยู่ร่วมกับเหล่าพี่น้องสนมนางในได้อย่างราบรื่น"

เด็กสาวเพียงส่งรอยยิ้มหวานล้ำ พลางย่อกายกล่าวขอบพระทัยแผ่วเบา โอรสสวรรค์ประคองแขนนางให้ลุกขึ้น ท่าทีทะนุถนอมเจ็ดส่วน เอ็นดูสามส่วน ความรู้สึกสองอย่างนี้หลอมรวมให้ฮ่องเต้ที่ก้าวเข้าสู่วัยกลางคนรู้สึกมีกำลังวังชาอย่างน่าประหลาด คล้ายกลับไปเด็กหนุ่มวัยแรกสวมกวานอีกครั้ง

ทรัพย์ศฤงคาร...ลาภยศ...หญิงงาม...เขาล้วนได้ครอบครองโดยสิ้นอย่างง่ายดาย...ต่างจากน้องชายผู้อับโชคของเขา ที่นอกจากจะเสียสิทธิ์เสียโอกาสในการครองบัลลังก์...สตรีที่รักยังตกเป็นของเขา...แม้กระทั่งชีวิต...ก็ต้องทิ้งเอาไว้ที่ห่างไกลอย่างสยดสยอง น่าสังเวชยิ่งกว่าเศษขยะ...เรียกได้ว่าเป็นบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยโชคลาภและอำนาจวาสนาเช่นเขานั้นไม่มีอีกแล้ว

.........

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เล่ห์แค้นจินฉาน   เรื่องราวในวังที่มิได้เล่าขาน - ตื่นจากภวังค์ฝัน 5

    “ชีวิตเจ้าที่ต้องทนทุกข์อยู่ในตำหนักเย็นแห่งนี้ยังอีกยาวไกล อย่าเพิ่งรีบร้อนปลิดชีวิตตนเอง”หญิงสาวช้อนตาขึ้นมองบุรุษที่นางเคยรัก เคยมีช่วงเวลาที่ตกอยู่ในบ่วงเสน่หาร่วมกัน เคยคาดหวังรอคอยถึงชีวิตคู่ที่อบอุ่นพร้อมหน้า ทว่าคนตรงหน้านี้กลับไม่เหลือเค้าของผู้ที่อยู่ในห้วงความทรงจำอีกต่อไป กลับเป็นบุรุษที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เป็นผู้ชายที่พร้อมจะสลัดนางออกไปจากชีวิตเพื่อลาภยศของตนอย่างแท้จริง...หลีอ๋องปล่อยให้อดีตคนรักมองเขาจนพอใจ เขาพรูลมหายใจอย่างนึกสมเพช จากนั้นจึงหันหลังค่อยๆ เดินจากไป หญิงสาวจ้องมองแผ่นหลังสง่างามของอีกฝ่ายเขม็ง ขบฟันกรืดกรอดจนแทบแหลกละเอียด ก่อนตัดสินใจเอ่ยเรียก“ท่านอ๋อง!”เมื่อหลีอ๋องหันกลับมาครั้ง หญิงสาวก็เข้ามาประชิดตัวแล้วทำให้มิอาจปัดป้องหลบหนี รู้ตัวอีกทีสองแขนของนางก็สวมกอดเขาไว้แน่นอีกครั้ง พร้อมริมฝีปากอิ่มที่ประกบเข้าที่ริมฝีปากของชายหนุ่ม เพื่อมอบจูบอ่อนหวานเฉกเช่นที่พวกเขาเคยถ่ายเทแลกเปลี่ยนเวลาลอบพบกัน...สายลมด้านนอกตำหนักปิงตี้เหลียนหวีดหวิวพร้อมพัดพาความหนาวเย็นเสียดกระดูก ทว่าฮ่องเต้และจินฉานก็ยังไม่มีทีท่าขยับ ราวกับรอ

  • เล่ห์แค้นจินฉาน   เรื่องราวในวังที่มิได้เล่าขาน - ตื่นจากภวังค์ฝัน 4

    ...เนื่องจากนั่งอยู่ที่เก้าอี้กุ้ยเฟยเป็นระยะเวลานาน ขาทั้งสองข้างจึงไม่สามารถขยับเดินเหินได้ดั่งใจ จำต้องใช้แขนข้างหนึ่งยันตัวเองให้ลุกขึ้น ก่อนก้าวโผเผเข้าไปหา มือซึ่งทั้งสิบนิ้วสวมแหวนเงินเปรอะเปื้อนเลือดและน้ำเหลืองจากการกอดกล่องใส่ซากทารกมาเนิ่นนานตรงเข้าสวมกอดอีกฝ่าย ใบหน้าซุกซบลงกับอกกว้าง น้ำตาหลั่งริน “ดี...ดียิ่ง เป็นเช่นนี้แสดงว่าท่านได้คืนตำแหน่งอ๋องแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเราฮ่องเต้ยอมรับแล้วใช่หรือไม่? ที่ท่านมาวันนี้เพื่อมารับพวกเราแม่ลูกไปอยู่กับท่านใช่หรือไม่?”หลีอ๋องหรืออดีตต้าซืออู่คงมองเจ้าของริมฝีปากที่กล่าวพร่ำเพ้อไม่หยุดปากด้วยรอยยิ้ม..รอยยิ้มที่แสดงถึงความสมเพชสังเวชอย่างถึงที่สุด เขาผละจากอ้อมกอดอย่างนึกรังเกียจ ทว่าเนื่องด้วยจำเป็นต้องส่งยิ้มอบอบอุ่น ทั้งที่ในใจนั้นสุดแสนจะผะอืดผะอม จนรอยยิ้มที่พยายามปั้นออกมาดูพิลึกพิลั่น แต่หลีอ๋องยังคงเอื้อนเอ่ย “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอก ที่ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องหนึ่งอยากจะบอกให้เจ้าได้รับรู้”เซวียนเฟยพลันร่างกายแข็งทื่อ ดวงตากลอกไปมาท่าทางหวาดหวั่น นางจับมือเขาไว้แน่นแล้วพยายามดึงเขาให้เดินไปพร้อมกับนางพลางเอ่ยเพียงพร่า “ไ

  • เล่ห์แค้นจินฉาน   เรื่องราวในวังที่มิได้เล่าขาน - ตื่นจากภวังค์ฝัน 3

    เซวียนเฟยช้อนตาขึ้นมองด้วยความฉงน แล้วเอ่ย “ข้าจะให้ลูกกินนม เขาหิวแล้ว เสียงร้องไห้ดังไปทั่ว เจ้าไม่ได้ยินเลยหรือ?”หยวนจิ่นขนลุกชูชันพลางหันรีหันขวางมองไปรอบๆ จนแน่ใจแล้วว่าไม่ได้ยินเสียงตามที่เซวียนเฟยกล่าวอ้างแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะใช้คำพูดตามจริงทำร้ายจิตใจ ได้แต่จัดสาบเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเลือดและน้ำเหลืองที่ไหลซึมออกมาจากรอบฝากล่องของอีกฝ่ายให้เข้าที่ พยายามส่งยิ้มฝืดเฝื่อนแล้วกล่าวเสียงอ่อน “อาห์ ที่แท้นายหญิงต้องการให้นมองค์ชายน้อย แต่ว่าเท่าที่หม่อมฉันเห็น ท่านไม่ได้ดื่มน้ำและรับประทานอาหารอย่างเต็มที่มาหลายวันแล้ว เกรงว่าน้ำนมจะมีไม่เพียงพอ ท่านควรจะรับประทานอะไรบ้าง” ว่าพลางผละออกจากเซวียนเฟยอย่างแนบเนียน “อย่างไรเสียให้หม่อมฉันไปดูที่ห้องเครื่องเสียหน่อย ว่ามีอะไรพอให้นายหญิงรับประทานได้บ้าง ท่านรออยู่ตรงนี้ อย่าเพิ่งไปไหนนะเพคะ”เซวียนเฟยพยักหน้าช้าๆ ท่าทีสงบเสงี่ยมว่าง่ายนั้นทำให้หยวนจิ่นเบาใจ จึงเดินไปยังห้องเครื่องเพื่อเตรียมอาหารให้ตามที่ได้ว่าไว้โดยปล่อยให้เจ้านายของตนอยู่เพียงลำพังนาฬิกาน้ำที่วางอยู่ที่มุมห้องบ่งบอกเวลาว่าผ่านไปสองเค่อแล้ว อาจเป็นเพราะอา

  • เล่ห์แค้นจินฉาน   เรื่องราวในวังที่มิได้เล่าขาน - ตื่นจากภวังค์ฝัน 2

    จินฉานร้องอาห์พลางพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงเอ่ยถามต่อ “แล้วต้าซืออู่คงล่ะเพคะ เป็นเช่นไรบ้าง”ฮ่องเต้เลิกคิ้ว “เหตุใดถึงอยากรู้”จินฉานเพียงยิ้มน้อยๆ กล่าว “วันก่อนหม่อมฉันได้ไปงานเลี้ยงน้ำชาที่ตำหนักของฟู่เหม่ยเหริน ได้ยินเหล่าพี่สาวน้องสาวเล่าลือกันว่าต้าซือร่วมสวดอำนวยพรให้พี่เซวียนเฟยไม่สำเร็จ ซ้ำยังทำให้นางให้กำเนิดสิ่งอัปมงคล ฝ่าบาททรงกริ้วนัก สั่งปลดต้าซือจากเจ้าอารามแล้วนำไปไต่สวน ลงทัณฑ์ทรมานสารพัด จนป่านนี้แล้วเสียงของต้าซือยังร้องโหยหวนออกจากฝ่ายราชทัณฑ์ไม่หยุด” จินฉานว่าพลางลูบแขนตนเองไปมา ท่าทางขนพองสยองเกล้า “หม่อมฉันฟังแล้วกลัวยิ่งนัก แต่เชื่อมั่นว่าฝ่าบาทมิใช่คนพระทัยโหดเหี้ยมปานนั้น เห็นว่าวันนี้เป็นโอกาสดี หม่อมฉันเลยทำใจกล้า ทูลถามฝ่าบาทโดยตรง”ฮ่องเต้จ้องมาที่อีกฝ่ายนิ่ง จนจินฉานขยับตัวอย่างรู้สึกอึดอัด “หม่อมฉัน...หม่อมฉันสมควรตาย ไม่ควรถามอันใดไร้สาระเช่นนี้”แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าช้าๆ ท่าทียังเอื้อเอ็นดูมิคลาย “เรามิได้จะตำหนิเจ้า แต่เรากำลังคิดว่าฟู่เหม่ยเหรินนี่เป็นสตรีปากมาก วาดขาเติมตาให้มังกรเก่งมาแต่ไหนแต่ไร ว่างๆ เราจะให้นางคัดตำราสักสิบจบน่าจะช่วยได

  • เล่ห์แค้นจินฉาน   เรื่องราวในวังที่มิได้เล่าขาน - ตื่นจากภวังค์ฝัน 1

    ศพของทารกผู้นั้นลือกันว่าถูกนำไปฝังบริเวณลานทิ้งศพของเหล่านางกำนัลขันทีอย่างเงียบๆ ไร้นาม ไร้พิธีศพ ไร้การสถาปนายศหลังจากสิ้นพระชนม์ ไม่มีการกล่าวถึง ทั่วทั้งวังหลวงต่างปฏิบัติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคราวนั้นเป็นเพียงฝันร้ายตื่นหนึ่ง ไม่เคยมีตัวตนอันแสนอัปลักษณ์ที่เซวียนเฟยให้กำเนิดอุบัติขึ้นในตำหนักปิงตี้เหลียนมาก่อนช่วงนี้ฮ่องเต้มิอาจบรรทมที่ตำหนักใหญ่ได้ จึงได้แต่แวะเวียนไปยังตำหนักต่างๆ แต่สถานที่ที่ทำให้เขารู้สึกสงบใจลงได้อย่างที่สุดคงมีแต่งตำหนักผิงอันของอี๋ผิน ระยะหลังมานี้ถ้าไม่ต้องออกว่าราชการในตอนเช้า ก็มักจะขลุกอยู่แต่ในตำหนักผิงอัน โดยให้หลี่ฮุ่ยนำฎีกามาอ่านที่ตำหนัก ซึ่งจินฉานเองก็มิได้ทำสิ่งใดเป็นการรบกวนให้รำคาญใจ หลังจากชงชากาหนึ่งถวาย ก็มักจะหาหนังสือมาอ่าน ไม่ก็หางานฝีมือมาทำอยู่ไม่ห่างกัน ใช้เวลาร่วมกันยาวนานหลายชั่วยามอย่างสงบจากนั้นจึงร่วมรับประทานอาหารกลางวันและเย็น จากนั้นจึงให้จินฉานถวายการปรนนิบัติฮ่องเต้แล้วเข้าบรรทม เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องนานนับครึ่งเดือนจนกลายเป็นภาพชินตาวันหนึ่งท่ามกลางบรรยากาศที่เริ่มหนาวเย็นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบเฟิงจากต้นเฟิงที่ปลูกอย

  • เล่ห์แค้นจินฉาน   เรื่องราวในวังที่มิได้เล่าขาน - เด็กน้อย 4

    “แต่ว่าพี่หญิงเซวียนเฟย...” จินเฟยเอ่ยแย้งเสียงเบา ทว่าฮ่องเต้ไม่มีท่าทีเคืองโกรธ กลับยินยอมอธิบายโดยดี “ห้องคลอดเป็นเรื่องของหมอตำแยและตัวผู้เป็นแม่ของเด็ก พวกเรารออยู่เช่นนี้ก็มิอาจเข้าไปช่วยเหลืออันใดได้ สู้ไปอยู่ที่อื่น อย่าได้เกะกะพวกเขาทำงานอีกเลย”ฮองเฮาและจินเฟยแม้จะรู้สึกไม่เห็นด้วย แต่ก็มิได้กล่าวอันใดมากความเนื่องด้วยมิใช่ธุระปะปังอันใดของตนไม่ เพียงแค่รับคำอย่างสำรวม แล้วเดินตามฮ่องเต้ไปยังตำหนักปีกอีกที่ ยิ่งเดินเสียงของเซวียนเฟยที่กำลังอยู่ในช่วงเป็นตายยิ่งห่างไกลลงไปทุกที สุดท้ายตำหนักปีกที่เคยเงียบสงบนั้นก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่ชื่นมื่นไร้กังวลจนเสียงชุลมุนวุ่นวายของตำหนักส่วนกลางนั้นถูกกลบไปเสียสิ้น...ทว่าบรรยากาศรื่นรมย์นั้นก็ถูกกลบด้วยเสียงกรีดร้องจากตำหนักกลาง จินฉานเพียงปรายตาไปมองยังประตู พลันเห็นหยวนจิ่น นางกำนัลคนสนิทของเซวียนเฟย วิ่งเข้ามาในตำหนักปีกอย่างลืมสำรวมกิริยา สุดท้ายเข่าสองข้างพลันอ่อนยวบทรุดลงเบื้องหน้าฮ่องเต้และฮองเฮาที่หยุดเดินหมากกลางคัน ก่อนฟุบหน้าลงกับพื้นกราบทูลเสียงสั่นเครือจนเหมือนกับจะร้องไห้ “กราบทูลฝ่าบาท กราบทูลฮองเฮา นายหญิง...นายหญิง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status