Beranda / โรแมนติก / เล่ห์โอบรัก / บทที่ 2 สัมผัสพิเศษ - 35%

Share

บทที่ 2 สัมผัสพิเศษ - 35%

last update Terakhir Diperbarui: 2025-03-15 20:58:38

"คุณย่าขา หนูพราวปวดฉี่"

พราวนภาเดินมาบอกผู้เป็นย่าพร้อมเขย่ามือเบา ๆ ภคินีจึงหันไปบอกบุตรชายกับคนเจ็บที่กำลังให้รายละเอียดส่วนตัวกับพยาบาลเพื่อทำประวัติคนไข้ใหม่ เพราะมัลลิกายังไม่เคยใช้บริการของโรงพยาบาลนี้มาก่อน

"แม่พาหนูพราวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"

ภาวินพยักหน้าให้มารดาก่อนจะเดินไปยืนด้านหลังมัลลิกาเพื่อเปิดทางให้พยาบาลเข้ามาวัดความดันให้หญิงสาว เสร็จเรียบร้อยเขาก็เข็นรถพาเธอไปนั่งรอหมอเรียกที่หน้าห้องตรวจ

ทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะจอดรถเข็นโดยให้หันหน้าไปทางเดียวกันกับตน เขากลับหันรถเข็นเข้าหาตัวเองเพื่อให้หญิงสาวนั่งหันหน้าเข้าหาตน

มัลลิกาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน และไม่รู้จะมองไปทางใดเพราะเบื้องหน้าก็มีใครบางคนนั่งอมยิ้มอยู่ แม้จะเคยแอบมองเขาอยู่สองสามครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยต่อหน้า จึงรู้สึกประหม่าขัดเขินอย่างไม่คุ้นเคย

"เจ็บมากเลยหรือ" จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมา แม้น้ำเสียงจะอ่อนโยนราวกับเป็นห่วงเป็นใยอย่างล้นเหลือ แต่สีหน้าแววตากลับวิบวับกรุ้มกริ่มแปลก ๆ กระนั้นเธอก็ตอบเขาไปตามตรง

"ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ ความจริงก็ดีขึ้นมากแล้ว แค่จี๊ด ๆ ตรงหัวเข่านิดหน่อย"

ชายหนุ่มพยักหน้าช้า ๆ จากนั้นก็นั่งโน้มตัวมาด้านหน้าโดยเท้าแขนกับหน้าขาของตน ซึ่งการนั่งท่านี้ทำให้เธอกับเขาอยู่ใกล้กันมากกว่าเดิม

"พี่เห็นหนูหน้าแดงก็เลยนึกว่าเจ็บมากเสียอีก"

ทันทีที่เขาพูดจบ เธอก็รู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบไหม้ มือข้างหนึ่งเผลอยกขึ้นทาบแก้มตัวเองอย่างลืมตัวก่อนจะรีบเอามือลง มุมปากก็คอยแต่จะยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอยู่ร่ำไปจนต้องแก้ปัญหาด้วยการเม้มเอาไว้แน่นพร้อมกับเบนสายตามองไปทางอื่น แต่มองจากหางตาก็เห็นอยู่ว่าเขายิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม

บ้าจริง! เล่นหยอกกันซึ่งหน้าอย่างนี้ แล้วคนอ่อนประสบการณ์อย่างเธอจะรับมืออย่างไรดีเล่า ไหนจะคำเรียกขานที่เขาเปลี่ยนมาเรียกเธอว่าหนูนั่นอีก ฟังแล้วรู้สึกจั๊กจี้อย่างบอกไม่ถูก

"หนูย้ายมาอยู่ที่นี่นานรึยัง ทำไมพี่ไม่เคยเห็น"

เขาชวนคุยเรื่องอื่นราวกับกลัวว่าเธอจะเขินจนระเบิดตัวเองไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งเธอก็ยอมรับว่าโล่งอกไม่น้อย

"เพิ่งย้ายมาได้เดือนเดียวเองค่ะ ยังไม่รู้จักเพื่อนบ้านคนอื่นเลย ช่วงสองสามวันแรกที่มาอยู่ที่นี่ หนูเห็นหนูพราวนั่งเล่นชิงช้าอยู่คนเดียวก็เลยชวนคุย"

"อ้อ...มิน่าล่ะพี่ถึงไม่เคยเห็นหนู แต่รู้อยู่นะว่าข้างบ้านมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ เพียงแต่ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้งานพี่ค่อนข้างยุ่งน่ะ กว่าจะกลับก็ดึก บินไปต่างประเทศบ่อยด้วย"

เนื่องจากภาวินต้องลาออกจากการเป็นนักบินเพื่อเข้ามาบริหารบริษัทเครื่องสำอางต่อจากบิดามารดา ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่ถนัดนักเพราะเขาแทบไม่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องสำอางเลย ดังนั้นเกือบหนึ่งปีที่เข้ามารับช่วงต่อ เขาจึงต้องพยายามศึกษาเรื่องพวกนี้ให้มาก เพราะไม่อยากให้ใครมาพูดลับหลังว่าตนเป็นผู้บริหารที่มีความรู้ในธุรกิจของตัวเองเป็นศูนย์

"ว่าแต่หนูเรียนคณะอะไรหรือ"

เขาถามโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากใบหน้าของเธอเลย แม้มัลลิกาจะพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้กับสายตาแพรวพราวตรงหน้า แต่ไม่ว่าใครก็ตามหากโดนมองไม่วางตาอย่างนี้ก็ต้องรู้สึกขัดเขินเป็นธรรมดา

"อักษรค่ะ เอกจีน" หญิงสาวตอบเสียงแผ่วพลางทำทีเป็นมองไปเรื่อยเปื่อย

"ถ้าจำไม่ผิด ปีสี่นี่เขาฝึกงานกันแล้วใช่ไหม แล้วหนูฝึกงานที่ไหนล่ะ"

เขายังคงถามต่อ เรียวปากค่อย ๆ คลี่ยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นพวงแก้มของคนตรงหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่ออีกครั้ง

มัลลิกาหลุบตามองมือตัวเองก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมกับยิ้มเจื่อน

"คือว่า...ยังไม่ได้หาเลยค่ะ"

"สนใจมาฝึกงานที่บริษัทพี่ไหมล่ะ บริษัทพี่ทำเกี่ยวกับเครื่องสำอาง แต่โรงงานที่เราจ้างผลิตสินค้าให้อยู่ที่จีนกับไต้หวันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าหนูมาทำกับพี่ พี่จะให้ไปอยู่ฝ่ายประสานงานต่างประเทศ...สนใจไหม"

พูดจบเขาก็ยักคิ้วให้ข้างหนึ่งอย่างหยอกเย้า ก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้อีกนิดแล้วพูดเบา ๆ ว่า

"มาอยู่กับพี่ รับรองว่ามีแต่ได้ เพราะพี่ไม่ได้ใช้งานหนูฟรี ๆ แน่นอนแต่พี่จะมีเงินเดือนให้ด้วย"

ข้อเสนอของเขาน่าสนใจไม่น้อย แต่กระนั้นเธอก็ยังต้องการรู้อะไรบางอย่าง จากสิ่งที่สัมผัสได้ในตอนต้น มัลลิการู้สึกได้ว่าภาวินสนใจตน แต่เขาจะจริงจังมากน้อยแค่ไหน หรือแค่แกล้งหยอกเธอเพราะอยากเช็กเรตติ้งตัวเอง ข้อนี้เธอยังไม่อาจรู้ได้

คิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงทำทีเป็นว่าจะลุกขึ้นจากรถเข็นเพราะเชื่อว่าชายหนุ่มจะต้องรีบประคอง และก็จริงดังคาดเมื่อภาวินยื่นมือมาตรงหน้าทันทีพร้อมกับถามด้วยความสงสัย

"อ้าว จะลุกไปไหน หมอยังไม่เรียกสักหน่อย"

มัลลิกาเห็นมือที่ยื่นมาจึงรีบคว้าเอาไว้แล้วออกแรงบีบเบา ๆ ทันใดนั้นความรู้สึกนึกคิดของชายหนุ่มก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของตนทันที

...น่ารักดีแฮะ อยากรู้จักให้มากกว่านี้...

...มาฝึกงานกับพี่เถอะ เราจะได้รู้จักกันมากขึ้น...

...มีแฟนรึยังวะ ขอให้โสดทีเถอะ อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที โสดมานานแล้ว...

...ชักอยากมีเมียเด็กเสียแล้วสิ สนใจมาเป็นแม่เลี้ยงให้หนูพราวไหม...

หญิงสาวหน้าแดงก่ำ เธอปล่อยมือเขาแล้วทรุดตัวนั่งบนรถเข็นตามเดิม ซึ่งหลังจากที่ปล่อยมือ ความคิดของภาวินที่ไหลเข้ามาในหัวเมื่อครู่ก็หยุดชะงักลงเช่นกัน

"มะ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เมื่อกี้หนูแค่รู้สึกเหมือนเป็นเหน็บ ก็เลยอยากลุกขึ้นเปลี่ยนท่านั่งบ้างเท่านั้น"

ขณะที่พูดเธอแทบไม่กล้ามองหน้าเขาเพราะเขินเกินกว่าจะสบตาด้วยได้ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่ดูดีและมีเสน่ห์แบบเขาจะยังโสดอยู่ และแทบไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่าเขาจะมาสนใจผู้หญิงหน้าตาบ้าน ๆ อย่างเธอ

ทว่าการแอบขโมยอ่านใจเขาเมื่อครู่ ก็ทำให้เธอตัดสินใจได้ว่าจะไปฝึกงานกับเขาดีหรือไม่

มัลลิกาลอบกำมือของตัวเองแล้วคลายออกเพื่อล้างความคิดของชายหนุ่มออกไปจากหัว ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวสามารถอ่านใจคนได้ เรื่องนี้เป็นความลับที่ไม่อาจบอกใคร สิ่งนี้เป็นความสามารถพิเศษที่ติดตัวมาแต่กำเนิด แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่ว่าเธอต้องสัมผัสมือของคน ๆ นั้นจึงจะสามารถอ่านใจอีกฝ่ายได้

ความลับนี้เธอค้นพบตั้งแต่ตอนที่ตัวเองเรียนอยู่ชั้นประถมปลายซึ่งเป็นช่วงที่เริ่มรู้ความแล้วจึงรู้ว่าตนมีความสามารถนี้ และสาเหตุที่หญิงสาวไม่กล้าบอกใครนั่นเป็นเพราะว่า ช่วงประถมต้นเธอเคยมีเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เวลาเล่นด้วยกันหรือเดินจับมือกัน ทุกสิ่งที่เพื่อนคนนั้นพูดในใจเธอสามารถรับรู้ได้หมด แต่เพราะความไร้เดียงสาจึงทำให้มัลลิกาพูดโพล่งออกมาว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ และตั้งแต่นั้นมา เพื่อนคนนั้นก็ป่าวประกาศกับเพื่อนในห้องเรียนว่าเธอเป็นตัวประหลาด เป็นครึ่งคนครึ่งผี ทำให้เธอถูกเพื่อนในห้องแกล้งจนต้องย้ายโรงเรียนในที่สุด

"คุยอะไรกันจ๊ะ เฮ้อ...ห้องน้ำคนรอคิวไม่เยอะเท่าไร แต่ดันใช้ได้แค่ไม่กี่ห้อง ดีนะที่หนูพราวไม่ฉี่ราดเสียก่อน" ภคินีเดินจูงหลานสาวเข้ามานั่งบนเก้าอี้ตัวถัดจากภาวิน

"คุยเรื่องฝึกงานน่ะครับคุณแม่ เห็นมะลิเขาบอกว่าเทอมนี้ต้องฝึกงานแล้วแต่ยังไม่ได้หาบริษัทที่จะไปฝึก ผมก็เลยชวนน้องเขาไปฝึกงานที่บริษัทเราน่ะ เขาเรียนเอกจีนมา ผมว่าน่าจะให้เขาไปอยู่ฝ่ายประสานงานต่างประเทศ คุณแม่ว่าดีไหมครับ"

"ก็ดีน่ะสิ ไปทำที่บริษัทกับพี่เขานั่นแหละหนูมะลิ ไม่ต้องไปหาที่อื่นแล้ว ป้าว่าถ้าหนูเรียนจบก็เข้าทำงานที่บริษัทเลยก็ได้นะ เห็นคุณแม่หนูบอกว่าหนูเรียนเก่งนี่นา"

ภคินียิ้มกว้าง หากบุตรชายของตนสนใจสาวน้อยข้างบ้านและตั้งใจจะสานสัมพันธ์แล้วละก็ จะได้ใช้โอกาสที่คนทั้งคู่ทำงานร่วมกัน ได้เรียนรู้นิสัยใจคอกันและกันว่าสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้นได้หรือไม่ เพราะหากเข้ากันไม่ได้ อย่างน้อยก็ยังเป็นพี่เป็นน้องหรือเป็นเพื่อนบ้านกันได้อยู่

"ถามจริง! เรียนเก่งด้วยหรือเรา เทอมที่แล้วได้เกรดเท่าไร" ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นขณะรอฟัง

มัลลิกายิ้มบาง ๆ ครั้นจะบอกว่าได้เกรดเฉลี่ยไม่เท่าไรทั้งที่ความจริงแล้วอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ก็เกรงว่าคนฟังจะหาว่าตนแสร้งถ่อมตัวเพราะอยากให้คนชม ดังนั้นจึงตัดสินใจบอกตัวเลขไปตามตรง

"สามจุดเก้าแปดค่ะ" หญิงสาวพูดจบก็ยิ้มพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่ถ่อมตัวและไม่ดูโอ้อวดมากจนเกินไป

"ว้าว! ไม่ธรรมดานะเนี่ย" ชายหนุ่มยิ้มโดยไม่เห็นฟัน ยิ่งทำให้ลักยิ้มตรงแก้มเด่นชัดมากขึ้น

"พี่วินเขาก็เรียนเก่งนะ เคยเป็นนักบินด้วย พ่อหนูพราวเขาหัวดีมาตั้งแต่เด็ก หนูพราวของย่าก็เลยฉลาดและน่ารักอย่างนี้ไง เนอะ" ประโยคหลังภคินีหันไปพยักหน้ากับหลานสาวสุดที่รักพร้อมกับโยกศีรษะเล็กไปมาอย่างเอ็นดู

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 24 พ่อตากับลูกเขย - บทส่งท้าย

    มัลลิกานั่งแช่อยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัว หญิงสาวยกแขนขึ้นวางบนขอบสระแล้วเอาคางเกยไว้ สองตาทอดมองผืนน้ำสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างผ่อนคลาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังก้าวลงน้ำมาเช่นกัน จากนั้นแผ่นหลังของเธอก็ถูกทาบทับด้วยแผงอกหนั่นแน่นตามมาด้วยอ้อมแขนที่กอดรัดเอวไว้ และมีริมฝีปากอุ่นร้อนตามมาพรมจูบไปทั่วลาดไหล่"ชอบที่นี่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามชิดริมหู หญิงสาวห่อไหล่ตามสัญชาตญาณเพราะรู้สึกจั๊กจี้"ชอบค่ะ น้ำสีสวยมากเลย อากาศดีด้วยไม่ร้อนอย่างที่คิด" ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่กลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดอ่อน แต่กลับไม่ร้อนเหมือนแดดเมืองไทย"ชอบก็ดีแล้ว พี่นวดให้นะ เดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ"ภาวินขันอาสาอย่างเอาใจ เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วค่อย ๆ บีบนวดต้นแขน หัวไหล่ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับนวดวนเวียนอยู่แต่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นสองก้อนที่อยู่ด้านหน้า บั้นท้ายก็ถูกสิ่งนั้นของเขาบดเบียดอย่างเป็นจังหวะ"ฮื้อ...พี่วินเนี่ยมือซนตลอดเลย" หญิงสาวครางเบา ๆ เมื่อเขาล้วงเข้าไปในชุดว่ายน้ำชิ้นบนแล้วใช้นิ้วหมุนวนปลายยอดอย่างปลุกเร้าภาวินมองไปรอบด้

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 100%

    ภาวินมองคนที่นั่งหลับมาตลอดทางด้วยสายตารักใคร่ วันนี้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งวัน ได้นอนกกกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจนเขาแทบสำลักความสุข เขารู้ว่าตนยังไม่อิ่มแต่ก็ต้องรีบพาหญิงสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ค่ำเกินไปชายหนุ่มจอดรถหน้าบ้านมัลลิกาในตอนหัวค่ำ ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์บอกมารดาของเธอแล้วว่าจะพาหญิงสาวแวะกินมื้อเย็นแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน จึงไม่ห่วงว่าเธอจะถูกบิดามารดาดุ"มะลิ ถึงบ้านแล้วครับ" เขาสะกิดมัลลิกาเบา ๆ หญิงสาวตื่นขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างงัวเงีย"ถึงบ้านหนูแล้ว หรือจะไปนอนบ้านพี่ดี" เจ้าตัวหันมาค้อนใส่เขาทันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถแล้วโบกมือให้ แต่สภาพของเธอเหมือนคนยังไม่ตื่นดี เขาจึงอดไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะออกมาในที่สุด"ตื่นได้แล้ว หลับมาตลอดทางยังไม่พออีกหรือแม่คุณ" เขาถามกลั้วหัวเราะ เธอยู่หน้าใส่เขาแล้วพูดว่า"เพราะใครล่ะ" จากนั้นหญิงสาวก็หันหลังเดินจากไป เขามองจนเธอเข้าบ้านแล้วจึงขับเลยไปที่บ้านของตัวเองบ้างบิดามารดาของภาวินนั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนโซฟาอีกตัว อ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 70%

    "ใส่ทำไม พี่อยากอ่อยคนแถวนี้นี่นา" ไม่พูดเปล่า แต่เขายังแบมือมาทางเธอราวกับต้องการให้วางมือลงไปบนมือของเขามัลลิกายื่นมือไปวางลงบนมืออุ่นข้างนั้น ชายหนุ่มกระตุกเบา ๆ หญิงสาวจึงทรุดนั่งข้างกายเขาแต่โดยดี"เย็น ๆ ค่อยกลับเนอะ หรือจะค้างดี" ภาวินถามพลางนวดมือให้เธอไปด้วย จึงทำให้มัลลิการับรู้ความในใจของชายหนุ่มอีกจนได้...พี่แค่อยากพาหนูมาผ่อนคลาย เห็นอุดอู้อยู่ในบ้านเป็นเดือน ๆ..."พี่ก็โทร. ไปขอคุณพ่อให้หนูสิคะ" เธอแกล้งหยอกเขาเล่น แต่ภาวินกลับคิดจะทำจริง ๆ"ก็ได้นะ พี่มีเบอร์คุณพ่อของหนูอยู่"ชายหนุ่มทำท่าจะยืนขึ้น หญิงสาวจึงรีบกอดแขนเขาไว้ทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตกับบิดาของตนจริง ๆ"ไม่เอา! พี่ก็รู้อยู่ว่าคุณพ่อไม่อนุญาตหรอก ขืนโทร. ไปมีหวังโดนจี้ให้กลับบ้านตอนนี้แน่" พูดจบเธอก็ถูกเขากอดไว้แล้วเอนตัวลงนอนไปด้วยกัน โดยที่หญิงสาวนอนเอาหูแนบอกฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ข้างใน"บ้านก็ติดกันอย่างนั้น ยังไงก็หนีพี่ไม่พ้นหรอก"เขาปัดผมของเธอออกจากลาดไหล่แล้วใช้มือลูบต้นแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาวไปมา ผิ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 35%

    มัลลิการักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอีกสองอาทิตย์ก็ได้กลับบ้าน แผลที่แก้มเริ่มไม่เจ็บเท่าไรแล้ว แต่แผลที่ถูกกระจกบาดและแผลถลอกพอตกสะเก็ดกลับดูน่ากลัวจนมัลลิกาไม่กล้าส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หญิงสาวยังเดินด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยไม้ค้ำช่วยพยุง ในแต่ละวันเธอจึงได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน ภาวินจึงนึกสนุกด้วยการนำเครื่องสำอางมาให้หญิงสาวได้ลองหัดแต่งหน้าโดยแนะนำให้เธอเริ่มศึกษาจากยูทูบช่วงอาทิตย์แรกมัลลิกายังใช้แปรงและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเก้กังเพราะไม่เคยใช้ แต่พออาทิตย์ถัดมาหญิงสาวก็เริ่มคล่องขึ้น และเริ่มสนุกกับการแปลงโฉมใบหน้าของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ เธอเริ่มเข้าเว็บไซต์ และติดตามแฟนเพจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ครีมหรือโลชั่นยี่ห้อไหนที่โด่งดังเรื่องช่วยลบรอยแผลเป็น เธอก็คลิกสั่งออนไลน์เพื่อเอามาลองใช้หลายยี่ห้อมัญชุดานั่งมองบุตรสาวที่กำลังทดลองสีลิปสติกกับข้อมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เมื่อก่อนมัลลิกาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะชอบคิดว่าตนไม่สวย แต่งไปก็ไม่มีใครดู แต่พอแม่สาวน้อยของเธอเริ่มมีความรักก็เริ่มหัดดูแลตัวเองมากขึ้น หนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 100%

    มัลลิกายังคงไม่ยอมออกจากผ้าห่ม แต่เสียงสะอื้นนั้นไม่มีแล้ว ราวกับเจ้าตัวกำลังชั่งใจว่าจะโผล่หน้าออกมาคุยกับเขาดีหรือไม่"ถ้าอย่างนั้น พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้าหากว่าคนที่ถูกรถชนเป็นพี่ คนที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้เป็นพี่ และพี่ต้องมีแผลเป็นบนหน้าบ้าง หนูจะบอกเลิกพี่รึเปล่า หนูจะเลิกรักพี่แล้วหันไปคบคนอื่นไหม"คนนอนคลุมโปงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบ "ไม่ ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้น"ภาวินยิ้มออกทันที "ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นล่ะครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นหน้าผากของหญิงสาวผ่านทางผ้าห่ม"หนูพราวถามหาพี่มะลิทุกวันเลย ไว้วันเสาร์นี้พี่จะพาหนูพราวมาเยี่ยมด้วยนะ"พอพูดถึงพราวนภา คนในผ้าห่มก็เลิกผ้าออก เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและเปลือกตาบวมจากการร้องไห้เมื่อครู่ เจ้าตัวสูดน้ำมูกทีหนึ่งแล้วถาม"หนูพราวเป็นยังไงบ้างคะ หนูผลักแรงขนาดนั้นไม่รู้หัวเข่ากระแทกพื้นจนเป็นแผลรึเปล่า"ภาวินมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนเชื่อม ตัวเองเป็นอย่างนี้ยังอุตส่าห์ถามถึงคนอื่

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 70%

    มัลลิกาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วแต่ก็อดใจหายและเศร้าอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ถึงปรีชญาจะทำไม่ดีกับเธอไว้มากมาย แต่อย่างไรเสียก็ยังเคยคบหากันอย่างสนิทสนมมาก่อน"ทำไมตาลเขาต้องทำอย่างนั้นคะคุณพ่อ""เขาป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกน่ะ ตอนนี้ถึงจะจับตัวได้แล้วแต่ก็ยังดำเนินคดีอะไรไม่ได้ เพราะต้องให้เขารักษาจนอาการดีขึ้นก่อน""อ้าว เขาไม่ติดคุกหรือ แล้วถ้าเขาออกมาขับรถไล่ชนหนูอีกล่ะคะ" มัลลิกาถามหน้าตื่น คิดในใจว่าถ้าโดนชนอีกครั้งคงไม่มีชีวิตรอดแน่นอน"พ่อก็ห่วงเรื่องนี้อยู่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะกักตัวเขาไว้รักษาอาการแบบไหน พ่อกลัวว่าเขาจะปล่อยให้มันไปรักษาที่บ้านแล้วมันก็จะออกมาก่อเรื่องอีก""แย่จัง...แล้วตกลงเจอแพตที่ไหนคะ"เธออยากรู้ว่าตติยะลงมือกับปรีชญาแบบไหน และทำอย่างไรจึงสามารถซ่อนศพไว้ได้นานขนาดนั้นโดยที่ไม่มีใครหาเจอ"ศพลอยมาติดกับกอผักตบข้างวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะ แต่ผลการชันสูตรบอกว่าตายเพราะถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ"นฤเบศร์เล่าให้บุตรสาวฟังไปตามความจริงโดยไม่คิดปิดบัง เพราะคนที่เป็นทั้งเหยื่อและฆาตกรก

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status