เสน่หามนตรา
บทที่ 18 - ถลำลึก!?
....หนึ่งชายหนึ่งหญิงในห้องรับรองส่วนตัว ร่างอรชรที่กำลังปรนเปรอความสุขสมให้ชายหนุ่มด้วยเรียวปากอย่างออกรส ความคล่องตัวของหญิงสาวเหมือนจะเป็นที่ถูกใจของเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก
"อืม...เก่งนักฟาติน" เชคฮ บราฮิมเค้นครวญในลำคอ ใบหน้าที่เชิดเงยอย่างสุขสม เมื่อเรียวลิ้นเล็กของฟาตินโลมเลียปลายมนของความเป็นชายอย่างช่ำชอง
"ฟาตินไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร" ฟาตินละริมฝีปากออกห่าง ใบหน้าเงยมองคนตัวสูงอีกทั้งส่งสายตาสื่อความหมาย ก่อนจะพูดประโยคนี้อย่างเอาใจ มือบางก็จับความเป็นชายเต็มอุ้งมือชักรูดขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง
"ข้าพอใจนัก...อื้ม" เมื่อสิ้นคำพูดของเชคฮ บราฮิม ฟาตินถาโถมเรียวลิ้นตวัดไกว่แกว่งปลายลิ้นอย่างเอาใจ เมื่อได้รับคำชมอันเสนาะหูเมื่อได้ยิน เธอยินดีหากชายคนนี้ต้อง...ในใจนั้นหวังอยากจะได้ครอบครองเชคฮท่านนี้ "แบบนั้นแหละ" มือหนาขยุ้มเรือนผมยาวสลวยแน่นอย่างระบาย เมื่อความเป็นชายอาศัยอยู่ในอุ้งปากของฟาติน ความสะท้านเมื่อปากบางขยับสร้างความกระสันให้อย่างไม่อาจกักกั้นอารมณ์ไว้ได้
"ฟาตินจะสนองให้ท่านได้มีความสุขอย่างไม่มีวันลืม"
"โอ๊ะ! " ฟาตินหยัดตัวลุกเต็มความสูง มือบางผลักร่างหนาจนนอนราบกับพื้นที่นอนนุ่ม ร่างอรชรเปลือยเปล่าท้าทายต่อสายตาคมดุดัน เผยให้เห็นทรวดทรงองเอวที่น่าจับต้อง ความสาวที่อวบอูมปกคลุมด้วยแพรไหมเงาดำชวนให้หลงใหล
ก๊อก ก๊อก ก๊อก....เสียงเคาะประตูดังจากด้านนอก กิจกรรมที่กำลังจะเริ่มต้นจึงต้องสงบลงทันใด
"ใครกันนะที่ช่างไม่รู้เวล่ำเวลาเอาเสียเลย" ฟาตินเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
"พอเถอะ...ไปเปิดประตู" เชคฮ บราฮิมออกคำสั่ง แม้นฟาตินนั้นจะไม่พอใจและหงุดหงิดอยู่บ้างแต่ก็ยอมทำตาม หยิบเสื้อคลุมและเดินมุ่งตรงไปยังประตู
"ขอประทานอภัยครับ" ราชิตเลขาคนสนิทเดินดุ่มเข้ามายังห้องรับรองระดับโกลด์พรีเมี่ยม ะร้อมเอ่ยขออนุญาตอย่างนอบน้อม
"มีอะไรเหรอราชิต" เชคฮ บราฮิมย้อนถามแทรกเสียงดัง เมื่อฟาตินเปิดประตูจนเผยให้เห็นว่าคนมาใหม่นั้นคือใคร
"คุณหนูอาฟียาจะเรียนสายท่านครับ" ราชิตบอกกล่าวถึงจุดประสงค์ของการมาครั้งนี้
"...หมดธุระของเจ้าแล้ว...ราชิตจัดการค่าตอบแทนให้นางด้วย" เชคฮ บราฮิมพยักหน้ารับรู้และโบกมือไล่ฟาตินออกไปจากห้อง ดวงตาฉายแววไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเธอนั้นกำลังจะได้เป็นของเชคฮ บราฮิมด้วยร่างกายที่เธอนั้นทะนุถนอมดูแลมาอย่างดิบดี หวังให้สักวันได้มีใครหมายปองไปเป็นชีคคาหรือภรรยาของมหาเศรษฐี แต่เหมือนฝันนั้นดับมอดไป แต่มีหรือคนอย่างฟาตินจะยอมอะไรง่าย ๆ
"ว่าไงอาฟียา"
(ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะทำอะไร น้องขอบอกไว้ว่าให้ท่านรีบไปหาม่านฟ้า)
"ทำไม! ม่านฟ้าเป็นอะไร...บอกพี่มา"
(ใจเย็นๆ ท่านพี่ นางไม่ได้เป็นอะไร แค่น้องจะบอกไว้ว่า...หากยังอยากมีนางเคียงกาย ให้พี่ชายรีบกลับก่อนดวงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้าในยามรุ่งเช้า เพราะหากดวงตะวันสาดทอแสงเมื่อใด พี่ชายของน้องจะหมดโอกาสทันที เข้าใจสิ่งที่น้องพูดไหมคะ?) อาฟียาบอกกล่าวร่ายยาว
"อาฟียาน้องคงไม่...." เชคฮ บราฮิมพูดติดขัดเมื่อนึกตามสิ่งที่น้องสาวร่ายยาว
(เป็นดั่งที่ท่านพี่คิดเช่นนั้น เพราะแค่เวลาอันสั้นแบบนี้ น้องจำเป็นต้องช่วยท่านด้วยวิธีนี้...แถมอีกอย่างหัวใจของเธอผู้นั้นว่างเปล่า ตอนที่น้องมองตานางข้างในหัวใจของนางมีความเกลียดชังท่านพี่อยู่ น้องเลยต้องทำแบบนี้ เพื่อยับยั้งให้นางอยู่ที่นี่ก่อน)
"แล้วม่านฟ้าจะมีอันตรายไหม? " เชคฮ บราฮิมย้อนถามด้วยความกังวลและห่วงใยม่านฟ้า
(หากท่านพี่ทำตามที่น้องบอก นางจะปลอดภัยและเวลาจะทำให้มนตร์ในตัวนางค่อยๆ คลายมลายไป...แต่....)
ตู๊ด ๆ ๆ ๆ
"อาฟียา! อาฟียา! ...." ประโยคส่งท้ายยังไม่ทันได้รู้แน่ชัดสายนั้นก็ตัดไป เชคฮ บราฮิมร้อนรนใจมาก เอ่ยปากแผดเสียงดังลั่นระงมคับห้อง ก่อนจะมองที่เครื่องมือสื่อสารเจ้าปัญหา "แบตหมด! โธ่เว้ย! "
"มีอะไรหรือเปล่าครับ" ราชิตถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นนายเหนือหัวนั้นสบถและปลดปล่อยอารมณ์อย่างคนกำลังกลัดกลุ้ม
"ราชิต เราต้องรีบไปหาม่านฟ้าตอนนี้ แต่ว่า....." เชคฮ บราฮิมบอกถึงเหตุที่เกิดและต้องสะดุดด้วยใจร้อนรน อีกคนก็หญิงที่หมายปอง ส่วนอีกคนก็สำคัญในธุรกิจ
"ผมจะเคลียร์ทางนี้ให้เองครับ"
"ขอบใจมาก"
"ท่านรีบไปเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันกาล"
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา