INICIAR SESIÓNทุกก้าวที่เยื้องย่างในงานเลี้ยง สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องมาที่เธอ พนิดารู้ตัวว่าที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะข่าวเรื่องธุรกิจ และบทสัมภาษณ์ที่เธอให้กับนิตยสารคู่ชีวิต กว่านิตยสารจะตีพิมพ์ออกมาเป็นรูปเล่มก็ใช้เวลานาน ที่เป็นแบบนี้เพราะภาพและบทสนทนาถูกเผยแผ่ไปทางสื่อโซเชียล เมื่อถูกถามถึงคู่ชีวิตบ่อยขึ้น จึงจำเป็นต้องมีคู่หมั้นเพื่อกันเธอออกจากปัญหาที่กำลังวุ่นวาย ทุกคนพากันสงสัยว่า ใครคือเจ้าของแหวนเพชรน้ำงามที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ ภูริก็เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อภาพของเธอถูกเผยแผ่ทาง
โลกโซเชียล ก็ทำให้ชายหนุ่มนั่งไม่ติดพื้น จนต้องถ่อสังขารมางานเลี้ยงที่น่าเบื่อหน่ายคืนนี้ งานที่มีให้คนในวงการธุรกิจและไฮโซระดับแถวหน้าอวดรวยพนิดาไม่มีทางรู้เลยว่า มีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เธอ ตั้งแต่เธอก้าวเข้ามาในงานเลี้ยง เวลาหญิงสาวทักทายหรือพูดคุยกับใคร ทุกครั้งที่เธอโชว์แหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายให้กล้องถ่ายรูป ภูริก็โมโหจนแทบกระอักเลือด ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของแหวนเป็นใคร เลขาที่เก่งกาจของเขาก็ยังหาข้อมูลมาให้เขาไม่ได้ เธอไม่มีแฟนไม่เคยคบกับใครจริงจัง เขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ ผู้ชายปริศนาคนนั้นคงไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถึงที่ตาย ที่บังอาจมาวุ่นวายกับคนของเขา
“จ้องตาไม่กะพริบเลย ชอบเหรอวะ” อานัสกระแทกไหล่ลงบนไหล่ของเพื่อน เมื่อเห็นภูริมองหญิงสาวนานเกินไป
“ใครวะ” ถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอก
“คุณนิด พนิดา ลูกสาวคุณอรรถพล เจ้าของ
CCL COSMETIC มึงไปหมุดหัวอยู่ไหนมาวะ ถึงไม่รู้จักเธอ” อานัสตอบคำถามพร้อมกับจิกกัดเพื่อนไปพร้อมกัน อยากเอาคืนคนเก่ง ที่รู้ทุกเรื่องแต่กลับไม่รู้จักเจ้า ของแบรนด์เครื่องสำอางที่กำลังเป็นอันดับหนึ่งตอนนี้“เจ้าของ CCL COSMETIC” ทวนคำพูดของเพื่อน พร้อมกับสาดเหล้าลงคออึกใหญ่
“ใช่ นี่แหละตัวแม่ สนใจเหรอ” พระพายถาม
เมื่อขยับมาใกล้วงสนทนาอีกนิด“สนใจเรื่องไหนก่อนดี สถานะหรือธุรกิจของเธอ” ปภังกรถามเพราะรู้ดีว่าภูริมักจะสนใจเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว
“ธุรกิจกำลังประสบปัญหา เจ้าตัวประกาศออกสื่อว่ามีเจ้าของแล้ว น่าจะเป็นการแต่งงานเพื่อธุรกิจ กูไม่เห็นมีใครจีบเธอเลย จะสามสิบแล้ว อยู่เป็นโสดมาได้ไง” คำพูดที่มีคำล้อเลียนอยู่ท้ายประโยค เรียกเสียงหัวเราะให้กับกลุ่มเพื่อนได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าอานัสหมายความว่าอย่างไร มีแค่ภูริคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเธออยู่มาได้ยังไง
“คนที่จะมาแต่งงานด้วยคิดอะไรอยู่ ถ้า CCL ล้มก็หนี้สินทั้งนั้น” พระพายตั้งข้อสังเกต
“CCL อาจล้มแค่ธุรกิจ แต่อสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ ถ้าการแต่งงานที่เกิดขึ้นมาจากธุรกิจจริง ผู้ชายคนนั้นก็ต้องฉลาดมาก คงคิดมาแล้วว่าต่อให้ CCL ล้มละลายก็ยังกำไร ได้ทั้งเงินได้ทั้งตัว ใครบ้างจะไม่เอา สวย ๆ อย่างนี้มีแต่ตัวกูก็เอา” อานัสพูดพร้อมกับทำท่าทางเคลิ้มฝัน เรียกความหมั้นไส้จากเพื่อนฝูงไม่น้อย โดนเฉพาะภูริที่อยากเอากำปั้นกระแทกหน้าเพื่อนมากที่สุด เมื่อวานยังเพ้อหาน้องเทียนอยู่เลย เมาทีไรก็สำรอกความลับที่เก็บไว้เป็นสิบ ๆ ปี ออกมาจนหมด ถือคติสมภารไม่กินไก่วัด ก็ต้องลักกินขโมยกินไปจนวันตาย
“เดี๋ยวกูมา” ภูริขอตัวเมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังจับตาอยู่ แยกตัวออกจากกลุ่ม แล้วเดินไปทางด้านหลัง
“ไปไหนวะรบ” ทุกคนต่างทำหน้างุนงง เมื่ออยู่ ๆ เพื่อนก็วางแก้วเหล้าแล้วเดินออกไป มีเพียงปภังกรคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอมยิ้ม เพราะรู้ทันว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่ พฤติกรรมแบบนี้เขาก็เคยเป็น
อากาศที่หนาวเย็นในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ได้มีผลกับคนที่ใส่ชุดเปิดเปลือยไปทั้งตัวเลยสักนิด ชุดนี้เลขาเป็นคนเลือกให้เธอ เพราะเวลาที่ค่อนข้างจำกัด เธอจึงไม่รู้ว่า
ปิรันญาเตรียมชุดที่ค่อนข้างเปิดเผยไว้ให้ เธอไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลยสักนิด เพราะในหัวมีเรื่องให้คิดมากมาย โดยเฉพาะเรื่องธุรกิจที่ยังแก้ไม่ตก“ขอโทษค่ะ!” เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย เลยไม่ทันมองทาง จนชนกับคนที่เดินสวนมาเข้าอย่างจัง ดีที่ได้แขนแกร่งประคองช่วงเอวเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงล้มลงไม่เป็นท่า
“ขอบคุณค่ะ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ ฉันต้องขอโทษคุณอีกครั้งนะคะ” เอ่ยขอบคุณพร้อมกับขยับออกจากอ้อมแขนของเค้า ขนาดตัวและกลิ่นน้ำหอมที่ติดอยู่กับเสื้อ บอกให้พนิดารู้ว่าเค้าเป็นผู้ชาย
“ขอบคุณค่ะ” ขอบคุณอีกครั้งเมื่อเขายังไม่ยอมปล่อยหรือถอยห่าง มือที่โอบเอวเธอไว้ในตอนแรก ออกแรงบีบจนเธอเจ็บร้าวไปทั้งเอว สัญชาตญาณเอาตัวรอดบอกให้พนิดารู้ว่า ถ้าเขาไม่ใช่คนเลว ก็คงเมาจนขาดสติ เพราะเธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์จากลมหายใจ ที่เป่ารดอยู่บริเวณลำคอของเธอ
“ปล่อยค่ะ” มือทั้งสองข้างค้ำอกแกร่งเอาไว้ เมื่อรู้ว่าใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากลำคอของเธอไม่ถึงคืบ จังหวะที่เงยหน้าเพื่อมองหน้าเขา ขาทั้งสองข้างก็แทบหมดแรง เมื่อสบเข้ากับตาคมเข้มที่มองเธออยู่ก่อนแล้ว
“คุณ!”
“ไง...สบายดีไหมครับ” ถามด้วยน้ำเสียงยานคาง พร้อมกับกระชากหญิงสาวมาจนชิดอกแกร่ง เมื่อเธอดิ้นหนีราวกับว่าเขาเป็นตัวประหลาด
“ปล่อยนะ! ฉันบอกให้ปล่อย!” เมื่อแน่ใจว่าผู้ชายคนนี้คือใคร พนิดาก็ดิ้นหนีสุดแรง เธอต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“หยุดนะคุณนิด หยุดดิ้นเดี๋ยวนี้” ภูริคำรามในลำคอเมื่อเธอยังดิ้นเอาเป็นเอาตาย
“ไม่ฉันไม่หยุด ปล่อยฉันนะ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องให้คนช่วย ปล่อย!” คำพูดและการกระทำของคนในอ้อมแขนทำให้ภูริเดือดจัด คราวก่อนยังนอนตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนสะดีดสะดิ้งขึ้นเยอะ คงคิดว่าตัวเองเป็นสาวแรกรุ่นสินะ ถึงได้เล่นตัวจนน่ารำคาญ
“หยุด! ผมบอกให้หยุด!”
“ไม่!”
“ไม่หยุดใช่ไหม ดีงั้นผมจะเอาคุณตรงนี้!” ไม่พูดเปล่ามือแกร่งยังดึงรั้งชุดสวยของเธอออก พร้อมกับฝังหน้าลงมาที่ลำคอระหง
“กรี๊ดดด! ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต! ปล่อยฉันนะ ฉันบอกให้ปะ...อื้อ” คำพูดที่เหลือถูกกลืนลงคอ เมื่อปากร้อนกระแทกลงมาเพื่อกั้นเสียงที่น่ารำคาญ ที่เขาตามมาก็เพราะมีบางอย่างจะตกลงกับเธอ คิดว่าเขาพิศวาสเธอมากหรือไง
ภูริกลับเข้ามาในห้องนอน ในเวลาต่อมา ตาคู่คมมองไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ ที่มีคนตัวเล็กซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ความรู้สึกในหัวตีกันจนสับสนไปหมด เกิดอะไรขึ้น เขาไม่เคยรู้สึกอยากได้ใครมากมายเท่านี้มาก่อน ยิ่งพนิดาถอยหนีเขาก็ยิ่งอยากได้เธอ ภูริคิดว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเขาอยากเอาชนะ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับค้นพบว่าเธอมีค่ามากกว่านั้น แผนครอบครองเธอไม่ง่ายเสียแล้ว เมื่อข่าวเรื่องธุรกิจของเธอแพร่ออกไป นักลงทุนทั้งหลายต่างก็จดจ้องเหมือนเสือตะครุบเหยื่อ ทุกคนรู้ว่า CCL ยังทำเงินให้อีกมหาศาล เป็นแบบนี้เขายิ่งหัวเสีย เพราะไม่ได้คิดเรื่องนี้เผื่อเอาไว้ เขาคิดเพียงแค่ว่า เพื่อรักษาบริษัทเอาไว้พนิดาจะต้องยอมทำตามข้อเสนอของเขา และเมื่อวันนั้นมาถึงเขาจะคืน CCL ให้เธอ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้ปวดหัวไปกันใหญ่ เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอา CCL มาเป็นของตัวเอง เพราะถ้า CCL ตกอยู่ในมือคนอื่น พนิดาจะไม่มีวันได้มันกลับคืนมา ปัญหาของเขาตอนนี้ก็คือ มีคู่แข่งโผล่มาเสนอราคาให้มากกว่า และไม่ใช่แค่รายเดียว “ผมจะเอามันกลับมาคืนให้คุณนะนิด” จะสายไปไหมถ้าเขาจะแก้ไขสิ่งที่ทำพลาดไป ผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ไม่ใช่เจ้าของ มีคนมาเสน
ภูริอุ้มคนคอพับอยู่กับอกเข้าสู่วงแขน แล้วพาเดินขึ้นชั้นบน บรรจงวางคนหลับลงบนเตียงอย่างเบามือ ถอดรองเท้าส้นสูงที่เธอใช้เป็นอาวุธทำร้ายเขาออกจากเท้าบาง แล้ววางมันไว้ข้างเตียง ร้องเท้าคู่นี้คงคับเกินไป เพราะเขาเห็นรอยแดงที่เท้าของเธอ ตาคมเข้มจับจ้องอยู่ที่ใบหน้า ที่เลอะไปด้วยเครื่องสำอางของเธอ อยากเช็ดออกให้แต่กลัวว่าจะรบกวนเวลานอนของเธอ พนิดาเหนื่อยมาก จนหลับคารถ ทั้ง ๆ ที่กำลังทำเลาะกันอยู่แท้ ๆ “คุณดื้อกับผมเหลือเกินนิด” เขาเองก็เหนื่อยล้าที่ต้องทำร้ายเธอสารพัดวิธี เขาซื้อหุ้นของCCL ได้เมื่อไร พนิดาก็อยู่ในกำมือของเขา อีกไม่นานหรอกเพราะตอนนี้เธอก็จนแต้มแล้ว จังหวะนั้นคนบนเตียงก็สะอื้นออกมา พร้อมกับดิ้นไปมา เธอคงฝันร้าย ร่างสูงก้าวเข้าหาแต่ก็ต้องหยุดเท้าที่ก้าวเดินเพราะมือถือที่สั่นขึ้นครืด~ครืด “ขออนุญาตครับนาย มีเรื่องด่วนครับ” ลูกน้องต่างรู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย จะไม่มีใครรบกวนเวลาพักผ่อนของเขา ขยับผ้าห่มให้กระชับตัวคนหลับ จูบลงที่หน้าผากมนฟอดใหญ่ เมื่อเธอสงบลง “ฝันดีนะครับ” กระซิบชิดใบหูคนหลับ ขโมยจูบริมฝีปากสีซีด ก่อนจะเดินออกไปจากห
สิ้นคำสั่งชายฉกรรจ์กลุ่มนั้น ก็กรูเข้ามายังจุดที่พนิดากับเอื้อตะวันยืนอยู่ หญิงสาวก้าวมาบังเอื้อตะวันเอาไว้ เขาต้องมาเดือดร้อนเพราะเธอ เอื้อตะวันดึงพนิดาไปข้างหลัง แล้วใช้ตัวบังเธอเอาไว้แทน ดารกระทำที่แสดงถึงความห่วงใยของคนทั้งสอง เพิ่มความโมโหให้ภูริเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว กรามแกร่งขบเข้าหากัน อยากสั่งสอนหมอนั่นให้หลาบจำ จะได้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร “หนีไปค่ะคุณเอื้อ พวกเขาไม่ทำอะไรฉันหรอก” “ไม่! ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมไม่รู้ว่าคุณกับเขามีปัญหาอะไรกัน แต่ผมจะไม่ทิ้งคุณ” น้ำเสียงหนักแน่นที่มาพร้อมกับสายตาเด็ดเดี่ยว ทำให้หัวใจที่อ่อนล้าของพนิดาเข้มแข็งขึ้น นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าเพื่อนตาย เพิ่งจะรู้จักกันแท้ ๆ แต่เอื้อตะวันเลือกที่จะอยู่เคียงข้างเธอ “ไม่ค่ะ ฉันทำให้คุณเดือดร้อน เรื่องนี้ฉันต้องรับผิดชอบ ไปสิคะหนีไป” “ไม่นิด ผมจะไม่ไปไหน” บทสนทนาของเขาและเธอเข้าหูภูริทุกประโยค จากที่ตั้งใจว่าจะไปรอในรถก็ต้องเปลี่ยนใจ เพิ่งจะรู้จักกันแต่ยอมตายแทนกันได้ น่าประทับใจจริง ๆ “อย่าเข้ามานะ! คุณเอื้อไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ พวกนายอย่า
บรรยากาศในร้านกาแฟเต็มไปด้วยความอบอุ่น พนิดาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงไว้ใจและยอมมากับเขา เอื้อตะวันเป็นคนคุยเก่ง และตามทันเวลาที่เธอเล่นมุกตลก เธอต่างหากที่ตามไม่ทันมุกตลกฝืดของเขา ความไม่ตลกของเขาทำให้สนุกและผ่อนคลาย เธอสั่งกาแฟร้อนและขนมรองท้อง ในขณะที่เขาสั่งนมสดเย็นแก้วเดียว หมอมักจะรักษาสุขภาพ ชวนเธอมาดื่มกาแฟแต่ตัวเองดื่มนม ก็น่ารักไปอีกแบบ “คุณนิดชอบสัตว์ไหมครับ” ชวนคุยเพราะไม่อยากให้บรรยากาศบนโต๊ะเงียบเกินไป หลายครั้งที่เห็นมือถือเธอสั่น แต่พนิดาไม่รับสาย “สัตว์เลี้ยงเหรอคะ” “ครับ” “ก็มีชอบบ้างค่ะ” นึกว่าเขาจะเล่นมุก เพื่อโยงไปหาตัวเอง สัตว์ที่ว่าคือสัตว์แพทย์อะไรอย่างนี้ แต่เมื่อเขารับคำพนิดาก็ไปไม่เป็น บางครั้งเอื้อตะวันเหมือนจะรุก บางครั้งก็เว้นระยะห่าง เหมือนกลัวว่าเธอจะอึดอัด จึงเดาทางไม่ถูก “ชอบหมาหรือแมวครับ” หมากับแมวคือสัตว์เลี้ยงที่ใครหลาย ๆ คนหลงรัก “ไม่ใช่ทั้งสองอย่างค่ะ ฉันชอบจระเข้” “หืม...จระเข้เหรอครับ” “ใช่ค่ะ ฉันชอบเวลามันกินเหยื่อ มันดูโหดร้ายดีค
สัตว์แพทย์หนุ่มยืนพิงสะโพกในท่าทางสบาย ๆ เมื่อหญิงสาวขอตัวเข้าห้องน้ำ มืดแล้วก็จริงแต่ที่นี่ปลอดภัยเพราะอยู่ใจกลางเมือง ชีวิตที่เป็นเหมือนหุ่นยนต์ของเขาเริ่มต้นขึ้น และจบลงหลังจากปิดคลินิก ยี่สิบสี่ชั่วโมงของคนอื่นเป็นแบบไหนไม่รู้ แต่สำหรับหมอหมาอย่างเขามีแต่งานกับงาน วันนี้ก็เช่นกันหลังจากปิดคลินิก ตั้งใจจะมาเดินเล่นเพื่อพักสมอง เขาเห็นรถของหญิงสาวจอดอยู่ตรงจุดนั้นนานเกินไป เพราะความห่วงใยจึงทำให้เขาได้รู้จักเธอ พนิดา ศิริวิมล นักธุรกิจสาวสวยแถวหน้าของเมืองไทย ข่าวเรื่องธุรกิจของเธอไม่สู้ดีนัก และที่สำคัญเธอมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เพราะหลักฐานอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ “รอนานไหมคะ” คำถามที่มาพร้อมกับร่างระหงที่มายืนอยู่ข้างหน้า ทำให้หมอหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย เพราะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ “ตกใจเหรอคะ ขอโทษค่ะ” พนิดาเอ่ยขอโทษด้วยท่าทางเก้อเขิน “เปล่าครับ เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” ถามพร้อมกับมองหน้าเธอ ที่แต่งหน้าออกมาอย่างสวยงาม จนเขาจำแทบไม่ได้ “ทำไมคะ” พนิดาถามเมื่อถูกมองนาน “สวยครับ” “เพราะเครื่องสำอางค่ะ ฉันแต่งหน้าทำผมใหม
ภูริกลับออกมาหลังจากปล่อยให้เธอรออยู่พักใหญ่ ใบหน้าของเขาชุ่มไปด้วยน้ำ น้ำบางส่วนไหลลงไปเปียกที่คอเสื้อเป็นวงกว้าง ไม่มีกล่องปฐมพยาบาลติดมือมาอย่างที่ควรเป็น พนิดาหน้าตึง เมื่อรู้ว่าเขาแกล้งถ่วงเวลา “กล่องยาอยู่ไหนคะ” ถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ ข่มความไม่พอใจเอาไว้ เวลาทุกวินาทีของเธอมีค่า แต่เขาทำเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องสนุก เธอไม่มีเวลามาล้อเล่นกับเขาหรอกนะ ภูริทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวตรงข้าม จ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง เขาเพิ่งล้างหน้าและเห็นว่าใบหน้าอันหล่อเหลาของเขายับเยินเพราะฝีมือเธอ ถ้าแจ้งความเธอคงติดคุกข้อหาทำร้ายร่างกาย เพราะดีเอ็นเอของเขาอัดแน่นอยู่ในกงเล็บของเธอ “ไม่ทำแผลแล้วใช่ไหมคะ” “ทำยังไงถึงจะใจอ่อน” คำพูดของเขาทำให้มือที่กำลังรวบแฟ้มบนโต๊ะชะงัก สุดท้ายเขาก็วกกลับมาเรื่องเดิม “ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวนะคะ” “นิด...” น้ำเสียงที่ใช้เบาลงก็จริง แต่ยังคงกระด้างหูเหมือนเดิม “ฉันไม่มีเวลามาล้อเล่น หรือเล่นเกมบ้า ๆ กับคุณหรอกค่ะ” “ผมกำลังจะช่วยคุณอยู่นี่ไง” “เก็บความหวังดีของคุณไว้เถอะค่ะ ฉั







