ในหนึ่งวันของม่านทิวาหมดไปกับงานจนไม่มีเวลาหันมาสนใจเรื่องราวของวรรณากับรวิดาเลย เธอรู้เพียงแค่เรื่องเดียวคือหนี้สินที่น้าวรรณาภรรยาใหม่ของบิดาไปก่อเอาไว้หลังจากที่ท่านเสียไป นางติดเงินพนัน แต่ก็ไม่รู้ไปหยิบยืมเอามาจากใครบ้าง เท่าที่ได้ยินกับหูก็มีเสี่ยอู๋อะไรนั่นแหละคนหนึ่ง คนที่ส่งลูกน้องสองคนมาดักทวงหนี้ห้าหมื่นบาทกับเธอนั่น
แล้วถ้าคนของเสี่ยอู๋ย้อนกลับมาทวงหนี้ที่เธออีกล่ะ เธอจะเอาเงินที่ไหนมาคืนให้พวกมันตั้งห้าหมื่น!
พอสองแม่ลูกออกจากบ้านไปแล้ว คนตัวเล็กก็ออกจากบ้านไปจ่ายตลาด เกือบสองชั่วโมงที่หญิงสาวอยู่นอกบ้านเพราะจับจ่ายซื้อของใช้เข้าบ้านยังไม่ครบ ระหว่างที่เลือกซื้อของอยู่นั้นเธอมีลางสังหรณ์แปลก ๆ แวบเข้ามาในใจเหมือนกับว่าที่บ้านกำลังมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น หญิงสาวจึงตัดสินใจกลับจากตลาดทั้ง ๆ ที่ยังซื้อของไม่ครบ
ม่านทิวาแทบจะเป็นลมเมื่อเดินเข้ามาถึงทางเข้าหน้าบ้าน เพราะประตูบ้านที่ล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนาถูกงัดออก อีกทั้งยังได้ยินเสียงดังโครมครามมาจากด้านใน แต่ผู้หญิงตัวคนเดียวจะเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่รู้ว่าข้างในนั้นเป็นใครมีอาวุธปืนหรือไม่ได้หรือ เธอจึงมองหาสิ่งของเอาไว้ป้องกันตัวเองจากอันตราย พลันดวงตาสวยหวานหันไปเห็นไม้หน้าสามที่วางอยู่ไม่ไกล เธอเดินเข้าไปคว้ามันขึ้นมาถือก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านอย่างระแวงระวัง
“หรือว่ามันจะหนีไปแล้ววะ” เสียงเหี้ยมโหดของใครบางคนดังออกมา
“กูว่าเป็นไปได้”
“แล้วจะกลับไปบอกเสี่ยยังไงดีวะ”
ทันทีที่บทสนทนาสิ้นสุดลง ชายชุดดำสามคนหันมองมายังหญิงสาวที่ถือไม้หน้าสามไว้ในมือทันที เจ้าของบ้านตัวน้อย ๆ หน้าถอดสีเตรียมตัวที่จะวิ่งหนีเอาตัวรอดเพราะรู้ว่าสู้ไม่ได้ ชายสองคนนั้นวิ่งตามมาจับตัวเธอทันที
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย…” หญิงสาวร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไม่ขาดปาก ครั้นจะใช้ไม้หน้าสามฟาดมันก็ดันถูกแย้งไปเสียก่อน
“กูว่าเอาอีนี่แหละไปให้เสี่ย ยังไงมันก็เป็นลูกสาวอีคุณนาย…ใช้หนี้แทนกันได้อยู่แล้ว”
“ปล่อยนะ ฉันไม่ใช่ลูกสาวคุณนายอะไรของแกทั้งนั้น”
ร่างเล็กพยายามดิ้นรนขัดขืนไม่ให้พวกชายโฉดพาตัวเธอไป แต่มีหรือที่จะดิ้นรนให้หลุดออกมาจากคนที่มากด้วยกำลังได้ ม่านทิวาร้องเท่าไรก็ไม่มีคนมาช่วย เนื่องด้วยวันนี้คนแถวบ้านไปทำงานกันหมดไม่ใช่วันหยุด
“หุบปากแล้วไปขึ้นรถดี ๆ ” ชายคนหนึ่งพูดข่มขู่เสียงเหี้ยม
“ไม่! ปล่อยฉันนะ”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงตะโกนห้ามของผู้มาใหม่ทำให้ทั้งสามที่ยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่หันมามองเป็นตาเดียว ม่านทิวาใช้ทีเผลอกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องของพวกมันแล้ววิ่งไปหาคุณนายสรวงสุดาทันที
“มึงเป็นใครเกี่ยวอะไรด้วย”
“แล้วพวกแกเป็นใคร มาทำอะไรกับคนของฉัน” นางออกโรงปกป้องหญิงสาวทันที ก่อนจะดึงคนตัวเล็กที่ยืนตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวมาอยู่ข้างหลัง ข้าง ๆ นางมีคนขับรถคนเดิมยืนขนาบคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ไม่ห่าง
“ก็คนของมึงติดหนี้เสี่ยอู๋แล้วไม่มีเงินจ่าย มันก็ต้องจ่ายเป็นอย่างอื่นแทนสิวะ”
คุณนายสรวงสุดาหันมามองหน้าม่านทิวา หญิงสาวส่ายหน้าว่าไม่จริง เธอไม่ได้ติดหนี้พวกมัน
“อย่ามาส่ายหน้า แม่แกติดหนี้เสี่ยอู๋ห้าหมื่น แกต้องเอาเงินมาใช้หนี้แทนแม่แก” ลูกน้องเสี่ยอู๋พูดแทรกขึ้นมากลัวเจ้านายไม่ได้เงินคืน
“ทั้งหมดเท่าไรฉันจะจ่ายให้เอง” บอกกับลูกน้องของเสี่ยอู๋ก่อนจะหันมาพูดปลอบหญิงสาว “ไม่ต้องกลัวลูก เดี๋ยวป้าจัดการให้เอง”
“กูจะเชื่อได้ไงว่ามึงพูดจริง”
“ฉัน สรวงสุดา อนันต์พิทากานต์ ฝากไปบอกเจ้านายของพวกแกด้วย พรุ่งนี้ฉันจะเข้าไปเคลียร์หนี้ทั้งหมดแทนหนูม่าน อย่าได้มายุ่งกับคนของฉันอีก ไม่อย่างนั้นจะหาว่าฉันไม่เตือน” นางเตือนลูกน้องของเสี่ยอู๋ด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ
ลับหลังที่รถกระบะสี่ประตูคันสีดำแล่นออกไป คุณนายสรวงสุดาหันมากอดปลอบขวัญม่านทิวาผู้เคราะห์ร้ายด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะพาหญิงสาวเข้าไปพักในบ้านที่ถูกรื้อค้นจนข้าวของกระจัดกระจายไปทั่ว
“หนูขอบคุณคุณป้ามาก ๆ นะคะที่เข้ามาช่วยเหลือ ถ้าไม่ได้คุณป้าหนูคงจะ…”
คนที่ตกอยู่ในอาการหวาดกลัวกล่าวขอบคุณไม่ทันจบประโยคก็ต้องเงียบไปเมื่อคุณนายสรวงสุดาพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ต้องขอบคุณอะไรทั้งนั้น ป้าเต็มใจช่วยหนู...รวมทั้งเรื่องหนี้สินทั้งหมดด้วย”
“แต่ว่ามันเยอะมากเลยนะคะ” ม่านทิวาค้านด้วยความเกรงใจหญิงสูงวัยผู้มีจิตใจดี
“ไม่ต้องคิดมากนะลูกเดี๋ยวป้าจัดการให้...หนูทำใจให้สบายดีกว่า” นางยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องอื่น “มาหนูม่าน ป้าช่วยเก็บของดีกว่า มันรื้อค้นจนกระจัดกระจายแบบนี้หนูเก็บคนเดียวไม่ไหวแน่”
ม่านทิวามองคุณนายสรวงสุดาด้วยความซาบซึ้งใจ หญิงสาวขอร้องให้นางนั่งรอเฉย ๆ เธอจะจัดการทำความสะอาดบ้านที่โดนรื้อค้นจนกระจัดกระจายนี้เอง แต่นางไม่ยอม...ยืนยันที่จะช่วยหญิงสาวทำความสะอาดให้ได้ เธอห้ามอย่างไรก็ไม่ฟังจึงปล่อยให้นางช่วยทำ แต่ต้องไม่หนักจนเกินไป คุณนายสรวงสุดาช่วยกวาดทางด้านล่าง ส่วนเจ้าของบ้านขึ้นไปสำรวจทางด้านบนว่ามีอะไรสูญหายไปหรือไม่
เธอพบว่ามีบางอย่างผิดปกติไป หญิงสาวทำใจอยู่พักใหญ่ถึงตัดสินใจเดินลงจากชั้นสองด้วยใบหน้าฝืนยิ้มให้กับคุณนายสรวงสุดา
นางรีบตรงเข้ามาหาหญิงสาว จากนั้นก็พากันไปสะสางเรื่องหนี้สินที่แม่เลี้ยงของม่านทิวาได้สร้างเอาไว้ในจำนวนห้าหมื่นบาทตามที่มันบอก เพื่อไม่ให้มันมาวุ่นวายทำร้ายม่านทิวาอีก แต่พอบวกดอกเบี้ยเข้าไปกลับกลายเป็นหลายแสนทั้งที่เวลาก็เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่วันเอง
“หนูขอบคุณคุณป้ามาก ๆ เลยนะคะที่ช่วยเหลือ ถ้าหากมีอะไรที่หนูพอจะช่วยได้คุณป้าบอกมาเลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ หนูยินดีที่จะช่วยเหลือคุณป้าทุกอย่าง”
คุณนายสรวงสุดาส่งยิ้มเป็นคำตอบพร้อมกับลูบเรือนผมนุ่มสลวยของม่านทิวาเบา ๆ มองหน้าตาสะสวยของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่ง
“ถ้าหนูอยากตอบแทนป้า หนูช่วยป้าสักเรื่องได้ไหม?”
รณพีร์กำลังขะมักเขม้นกับการทำอาหารด้วยเตาถ่านที่หลังบ้านของม่านทิวาอย่างใจสู้ เพราะว่าเขาไม่เคยใช้มันมาก่อน ตอนที่อยู่ต่างประเทศเขาทำอาหารรับประทานเองก็จริงแต่เครื่องครัวมันทันสมัยกว่านี้ พอมาลองทำอะไรแบบนี้บอกตรง ๆ ว่าเริ่มต้นไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรดี จนเขาต้องเปิดคลิปวิดีโอจากยูทูปทำตามขั้นตอนทุกอย่างที่สอนในคลิปวิดีโอชายหนุ่มอยากทำอาหารให้ลูกกับเมียได้ลองชิมฝีมือเขาครั้งแรกระหว่างที่ม่านทิวานอนกลางวัน เธอเพิ่งกลับจากการไปทำงานที่บ้านของย่าเขา ครั้นจะห้ามทำก็กลัวเมียจะโกรธจึงต้องปล่อยเลยตามเลย ให้ทำงานเบา ๆ ไม่หนักจนเกินไปไม่อยากขัดใจเมีย ถ้าเธอโกรธมันจะพลอยกระทบกระเทือนถึงลูกในท้อง“ไฟแรงเกินไป มันต้องทำยังไงวะ” บ่นกับตัวเองอย่างหัวเสียเพราะหลังจากเทไข่เจียวหมูสับลงในกระทะที่มีน้ำร้อนจัด ไฟในเตาก็ยิ่งโหมลุกรุนแรงมากยิ่งขึ้นทำเอาไข่เจียวของเขามีกลิ่นไหม้ขึ้นมาทันที“ฉิบหายแล้ว…ไหม้หมดแล้ว!”“พี่สองทำอะไรคะ กลิ่นไหม้ฟุ้งกระจายเต็มบ้านเลย”เป็นจังหวะเดียวกันกับม่านทิวาที่ตื่นจากการนอนกลางวันพอดี เธอออกจากห้องมาดูเพราะได้กลิ่นเหม็นไหม้มาจากทางหลังบ้าน
“เอาน้ำหอมปรับอากาศในรถออกหรือยังคะ” เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เธอนั่งรถคันไหน ๆ ก็ต้องเวียนหัวทุกครั้งไปเพราะกลิ่นน้ำยาปรับอากาศในรถ ทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็เลยไปตรวจดูพบว่าอาการคลื่นเหียนอาเจียนบ่อย ๆ ของเธอนั้นมาจากอาการตั้งครรภ์“เอาออกแล้วน่า รถคันนี้พี่พึ่งจะซื้อมาใหม่ เราไม่มีทางเวียนหัวแน่นอน รู้ว่าท้องอยู่…หลานไม่ชอบ”หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนก้าวขึ้นรถไป ผิดกับนทีที่พอจะได้ยินว่าธาริกาอาเจียนเวียนหัวเพราะเหตุใด เขาจะไม่มีทางปล่อยเธอกับลูกออกจากอกแน่นอนชายหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์มองรถที่ขับออกไปอย่างนิ่งนอนใจและตัดสินใจขับตามไปห่าง ๆ แน่นอนว่าต้องไปสนามบินสุวรรณภูมิ นทีหยิบพาสปอร์ตที่เขาแอบเก็บเอาไว้ในลิ้นชักหน้ารถของตนขึ้นมาดูอยากจะรู้นักถ้าไม่มีพาสปอร์ตนี่…เธอจะหนีเขาไปไหนได้!ธาริกามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปโหลดกระเป๋าให้เรียบร้อยเพราะยังไม่ถึงเวลาขึ้นเครื่อง เธอจึงนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือรอไปพลาง ๆ ตลอดการจับโทรศัพท์มือถือของเธอนั้นนทีพยายามโทร.หาและส่งข้อความมาตลอด แต่หญิงสาวกลับไม่
ตอนพิเศษ 1นที VS ธาริกาทุกคนต่างพากันร่วมแสดงความยินดีกับคู่สามีภรรยาที่ปรับความเข้าใจกันได้เสียที หลังจากที่ไม่เข้าใจกันมานานนับหลายเดือน ธาริกามองภาพของม่านทิวาที่ยิ้มอย่างมีความสุขกับรณพีร์อยู่คู่หนึ่งก็หาจังหวะปลีกตัวออกจากงานที่มากมายไปด้วยผู้คนทุกคนต่างหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน รวมทั้งเพื่อนสาวทั้งสองของเธอที่กำลังคบหาดูใจกับสองหนุ่มหล่ออย่างพชรและจอมพล หญิงสาวรอจังหวะที่ไม่มีสายตาคู่คมคอยจับจ้องรีบถอยห่างออกมาจากตรงนั้นทันทีธาริกาเดินลัดเลาะตามแนวทางเดินของสวนคุณย่ามาลัยไปยังบ้านเช่าที่ตนกับม่านทิวาเช่าอยู่ด้วยกัน นับตั้งแต่ที่พาว่าที่คุณแม่หนีออกมาจากโรงพยาบาล หญิงสาวคอยลอบมองซ้ายมองขวาว่าจะมีใครแอบตามเธอมาหรือไม่ หลังจากที่ดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามมาจึงรีบเดินไปยังประตูหน้าบ้านทันที เพื่อที่จะเอากระเป๋าเดินทางใบเล็กของเธอที่ลืมหยิบออกมาตั้งแต่แรก เมียงมองหากระเป๋าใบใหญ่ของตนแต่ก็ไม่พบ แต่พอลองนึกย้อนเหตุการณ์ก่อนหน้านี้นทีเป็นคนที่คว้าเอาของของเธอไปถือไว้หน้าตาเฉยตอนนี้กร
อีกด้านหนึ่งเมื่อรณพีร์พาม่านทิวาออกมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์จากธรรมชาติและความร่มรื่นภายในสวนของย่ามาลัย หญิงสาวสังเกตบรรยากาศโดยรอบดูแปลกตากว่าปกติ คนงานที่เคยมีกลับไร้ผู้คน มีแต่เพียงการจัดเตรียมสถานที่ไว้เพื่องานบางอย่างซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่างานอะไร“พามาที่นี่ทำไมคะ” สายตาหวานกวาดมองไปรอบ ๆ รู้สึกถึงความผิดปกติของสวนแห่งนี้ที่แปลกตากว่าทุกวัน"ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่เห็นว่าตรงนี้มันเงียบดี พี่อยากคุยกับม่านอีกสักครั้ง เกี่ยวกับเรื่องของเรา"น้ำเสียงของเขาจริงจังกว่าปกติ ว่าที่คนเป็นแม่ยังคงมองเขานิ่งจนรู้สึกใจแป้วก่อนเอ่ยประโยคต่อมา"พี่อยากขอโอกาสอีกสักครั้ง ให้พี่ได้ทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะม่าน พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้ม่านเสียใจอีก ถ้าพี่ผิดคำสัญญาพี่ขอ..." ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค นิ้วเรียวของหญิงสาวแตะห้ามที่ริมฝีปากของเขาที่กำลังจะเอ่ยคำมั่นสัญญาต่อหน้าเธอทันที"อย่าพูดนะ" ว่าที่คุณแม่ห้ามเอาไว้เพราะกลัวว่าเขาจะสัญญาอะไรไม่ดีจนถึงแก่ชีวิต ช่วงนี้เธอยิ่งฝันไม่ค่อยดีอยู่ด้วย"ทำไมล่ะ ม่านจะไม่ให้โอกาสพี่สักครั้งเลยเหรอ" รณพีร์
“ง้อแบบนี้เมื่อไรจะได้เมียคืนกันเล่า ลองปรับเปลี่ยนวิธีเอาใจเยอะ ๆ อ้อนเมียบ่อย ๆ คำไหนที่เมียอยากได้ยินและยังไม่ได้พูด…ก็บอกให้เมียรู้ซะ” ย่ามาลัยแนะนำหลานชาย อยากให้หลานกลับมามีครอบครัวที่อบอุ่นอีกครั้ง"ครับคุณย่า ผมจะง้อเอาเมียคืนมาให้ได้""สู้ ๆ นะหลานย่า"นางชูสองนิ้วขึ้นมาเป็นกำลังใจให้หลานชาย ส่วนคนเป็นหลานยิ้มรับเมื่อได้กำลังใจเต็มเปี่ยม…แล้ววิ่งตามม่านทิวาไปยังบ้านหลังน้อยให้เร็วที่สุดแต่เมื่อไปถึงกับต้องตกใจกับรถยนต์ป้ายทะเบียนคุ้นตาที่จอดอยู่หน้าบ้านของเมียทั้งหมดสามคัน หนึ่งในนั้นเป็นรถของธาริกาคันหนึ่ง พอเดินเข้าใกล้ตัวบ้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะขบขันประสานเสียงกันยกใหญ่"ไอ้จิณณ์ ไอ้เพชร มาที่นี่ได้ไงวะ" รณพีร์ประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนสนิทมานั่งอยู่ในบ้านเมีย และยิ่งประหลาดใจขึ้นไปอีกเมื่อคนที่นั่งข้าง ๆ เพื่อนเขา คือเพื่อนของม่านทิวาอย่างอัญญ์และปอแก้ว"ทำไมจะมาไม่ได้ ก็แฟนกูมาหาเพื่อนมันผิดตรงไหน" จอมพลบอกพลางโอบไหล่บางของปอแก้วเอาไว้บอกให้รู้ว่าเป็นแฟนกันอยู่ ก่อนถามกลับคนที่ตามง้อเมียเป็นเดือน ๆ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะคืน
เวรกรรมได้สนองสองแม่ลูกอย่างสาสมแล้วที่ไปทำร้ายคนดี ๆ อย่างม่านทิวา รวมถึงตัวเขาด้วยที่ไปทำร้ายคนดีอย่างเธอ ทำให้เขาต้องมานั่งทุกข์ทรมานใจเพราะรักเธอในวันที่สายไป...“ฉันขอถามคุณเป็นคำถามสุดท้ายได้ไหมคะ…” ธารริกานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา “…คุณรักเพื่อนฉันไหม”“ผมระ…” คนโดนถามกำลังจะตอบกลับด้วยแววตาเป็นประกายมีความรัก แต่ถูกหญิงสาวห้ามเอาไว้เสียก่อน“คำนั้นเอาไว้พูดกับเพื่อนฉันเองจะดีกว่าค่ะ”“ขอบคุณครับ”“ถ้างั้นฉันขอกลับก่อน…ไว้จะมาใหม่ ง้อให้ได้นะคะถ้าคุณรักเพื่อนฉันอย่างจริงใจ” หญิงสาวเอี้ยวตัวน้อย ๆ เพื่อบอกกับชายหนุ่มที่ตั้งใจมาง้อเมียให้กลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้ง“คุณไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ”“ถ้ายัยม่านถามบอกว่าฉันมีธุระด่วน ฝากดูแลเพื่อนกับหลานฉันด้วยนะคะ”จากนั้นธาริกาก็เดินตรงไปยังรถยนต์ส่วนตัวและขับออกไปในที่สุด ชายหนุ่มจึงเดินกลับเข้าบ้านไปหาแม่ของลูก…ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะทำอาหารเสร็จหรือยังจังหวะนั้นเองที่ชายหนุ่มกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปในตัวบ้าน อยู่ ๆ ม่านทิวาก็ปิดประตูใส่หน้าเขาอย่