เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในช่วงเช้า ทำให้คนที่เพิ่งจะได้เอนกายพักผ่อนหลังจากกิจกรรมสวาทเมื่อคืนต้องขยับตัวขึ้นมาดู มือหนาควานหาเจ้าเครื่องที่ส่งเสียงรบกวนเวลานอนหมายที่จะปิดมันเสีย แต่ทว่าคว้าขึ้นมากลับไม่ใช่โทรศัพท์มือถือของตัวเอง รณพีร์ตลบผ้าห่มที่คลุมกายออกแล้วยืนขึ้น คว้าผ้าขนหนูสีขาวผืนหนานุ่มขึ้นมาพันรอบเอวสอบไว้หมิ่นเหม่ ออกเดินตามหาเสียงก็พบว่ามันดังออกมาจากกระเป๋าสะพายใบน้อยของคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง...ที่ดูท่าทีแล้วน่าจะไม่ตื่นขึ้นมาง่าย ๆ
"ฮัลโหล" ชายหนุ่มกดรับสายด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก แต่ปลายสายกลับไม่ตอบจึงพูดออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงขุ่น ๆ "ถ้าไม่พูดผมจะวางสายแล้วนะ"
คนปลายสายเงียบไปชั่วขณะก่อนตอบเสียงเบา "ขอโทษครับโทร.ผิด" เพียงแค่นั้นแล้วกดวางสายด้วยความแปลกใจ
รณพีร์นิ่วหน้าด้วยความหงุดหงิดใจก่อนวางโทรศัพท์ไว้ข้างกระเป๋าสะพายใบเดิม เดินกลับไปยังเตียงกว้างอีกครั้งเพราะเวลานี้ยังคงเช้าอยู่ จากที่ดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือประมาณเจ็ดโมงเช้าเห็นจะได้ และวันนี้ก็ไม่ได้มีธุระปะปังด่วนอะไรจึงอยากนอนต่ออีกหน่อย
ทว่ายังไม
เดินกลับเข้ามาในห้องมองเมียหมาด ๆ ที่นอนหลับสนิทด้วยใบหน้าอ่อนเพลียแล้วรู้สึกผิด หากคนที่เขาเพิ่งพบเป็นเพื่อนกับม่านทิวาจริง ๆแล้วสิ่งที่เขาทำกับเธออย่างป่าเถื่อนไร้เหตุผลเมื่อคืนนี้ล่ะ...เขาจะแก้ไขอย่างไรดี?บางจังหวะของการขยับตัวหญิงสาวเผลอครางออกมาราวกับว่าตนนั้นเจ็บจุกเหลือเกิน มือน้อย ๆ กุมเข้ากับหน้าท้องแบนราบภายใต้ผ้าห่มผืนนุ่มที่คลุมกายเปลือยเปล่า สายตาคมมองเห็นหยดเลือดจาง ๆ ที่แห้งกรังบนผ้าปูที่นอนสีขาวก็อดภูมิใจไม่ได้ที่เขาได้เป็น ‘คนแรกของเธอ’ ก่อนที่ความรู้สึกบางอย่างจะแทรกแซงเข้ามาภายในใจ ชายหนุ่มรีบสลัดเรื่องราวเหล่านั้นออกไปให้หมด อย่าได้เห็นใจผู้หญิงที่ร้ายกาจเห็นแก่เงินคนนี้เลย ที่เธอเอาตัวเข้ามาเสี่ยงกับเขาก็เพื่อเงินทั้งนั้นไม่ว่าเธอหรือน้องสาวก็เหมือนกันหมด!ส่วนทางด้านของคนที่อยู่ข้างนอกอย่างวีรพลกับแฟนหนุ่มนั้นยังคงงวยงงไม่น้อยที่อยู่ ๆ เพื่อนสาวก็มีสามีเป็นตัวเป็นตน แต่เหตุใดทำไมไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย แถมยัยเพื่อนตัวดีก็นะ...เมื่อวานอยู่ด้วยกันทั้งวันไม่เคยบอกให้รู้สักคำ แต่พอให้ลองนึกดูดี ๆ ผู้ชายคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาคมคายแต่ดุด
ยังไม่ทันที่จะเอ่ยจบประโยคก็ถูกร่างสูงประชิดร่างเล็กด้วยความรวดเร็ว…ทำเอาหญิงสาวตั้งตัวไม่ทัน สองร่างเปลือยเปล่าทัดเทียมกันอยู่ภายใต้เรนชาวเวอร์"คุณสอง…หยุด! ฉันยังเจ็บอยู่เลยนะ" หญิงสาวท้วงเสียงแผ่วเบา วาบหวิวเมื่อคลื่นอารมณ์ใคร่แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย"ครั้งนี้มันจะไม่เจ็บ" ฝ่ามือร้อนลูบไล้ทั่วร่างขาวเนียนอย่างถือสิทธิ์และไล้ขึ้นมาที่ดอกบัวตูมคู่งาม บีบขย้ำแรง ๆ ก่อนจะพลิกร่างเล็กเปลือยเปล่าของม่านทิวาให้แนบชิดติดกำแพง"อะ...อ้า…"เสียงครางที่พยายามกักเก็บเอาไว้ถูกปล่อยออกมาจนหมดสิ้นเพราะคนมากประสบการณ์หลอกล่อเธอในทุกทาง และปล่อยเสียงครางอันแสนรัญจวนออกมาอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มค่อย ๆ พรมจูบทั่วแผ่นหลังขาวเนียนจนหยุดที่บั้นท้ายกลมกลึงน่ากัด คนไม่ประสากำมือแน่นเมื่อความแข็งขึงแทรกเข้ามาในโพรงกุหลาบงามอย่างไม่ทันตั้งตัวแล้วขยับเข้าออกเป็นจังหวะบางครั้งก็ช้าบาดใจ บางครั้งก็รวดเร็วจนรับไม่ไหว ทำเอากายสาวปั่นป่วนสั่นระริกแทบจะยืนไม่อยู่ แต่ยังโชคดีที่ชายหนุ่มคอยประคองเอาไว้ไม่เช่นนั้นเธอคงร่วงลงไปกองกับพื้นห้องน้ำเป็นแน่ เรี่ยวแรงที่มีน้อยนิดอยากจะปฏิ
“เอายังไงดีเนี่ย จะตอบหรือไม่ตอบดีนะ” ม่านทิวาพึมพำอยู่คนเดียวกำลังจะกดตอบแต่ทว่ารณพีร์กับลูกน้องกลับมาเสียก่อน ก็เลยคิดเพียงว่าเจอกันค่อยแก้ตัวจะดีกว่า พิมพ์ตอบในข้อความมันดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไรนักหลังจากสองหนุ่มกลับมาถึงก็ออกรถไปยังเส้นทางหนึ่งที่สองข้างทางเต็มไปด้วยความสวยสดงดงามของธรรมชาติสีเขียวขจี สายตาหวานมองไปยังป้ายข้างทางบ่งบอกว่าเส้นทางนี้กำลังไปที่วัดดังแห่งหนึ่ง“คุณรณพีร์จะไปไหนเหรอคะ” หญิงสาวถามขึ้นเพื่อให้คลายความสงสัย“ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง” ตอบเพียงแค่นั้นแล้วสนใจเอกสารที่อยู่ในแล็ปท็อปจนกระทั่งถึงที่หมายซึ่งไม่ใช่ที่ไหนนอกเสียจากวัดชื่อดังประจำจังหวัด ไปไหว้พระขอพรตามที่ใจหญิงสาวปรารถนา ตอนแรกชายหนุ่มจะให้หญิงสาวเข้าไปคนเดียว แต่เธอพูดขึ้นมาว่า…‘ไหน ๆ ก็มาถึงที่แล้ว คุณก็ไปไหว้พระด้วยกันสิคะ’ บอกเขาพร้อมทั้งส่งยิ้มให้ และยังไม่ลืมที่จะชวนธันวามาไว้พระด้วยกันระหว่างนั้นที่รณพีร์กับม่านทิวาลงไปไหว้พระด้วยกัน ลูกน้องของปรานต์ที่ตามติดไม่คาดสายตาได้ส่งภาพถ่ายทั้งหมดให้เจ้านายและโทร.กลับไปรายงานให้
ม่านทิวาและรณพีร์กลับจากเชียงใหม่มาได้เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ใครว่าหลังจากฮันนีมูนความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาจะดีขึ้นไม่เลย ทุกอย่างแย่ลงเสียยิ่งกว่าเดิม!ม่านทิวาตั้งใจหลบหน้ารณพีร์ทุกวัน สองสามวันแรกไม่ค่อยเท่าไร พอนานเข้าอารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อถูกเมียหลบหน้าหลบตาอย่างเอาเป็นเอาตายเขาจะกลับไปคุยกับเธอให้รู้เรื่อง!สี่วันให้หลังเมื่อชายหนุ่มกลับบ้านมาก็มักจะพบว่าหญิงสาวชิงนอนหลับไปก่อนทุกครั้ง กลิ่นกายหอม ๆ ของเธอทำเอาเขาปั่นป่วนร้อนรุ่มไปทั้งกาย อยากจะปลุกให้ตื่นขึ้นมารับโทษที่ทำให้เขานอนไม่หลับกระสับกระส่าย อยากทำรักกับคนที่นอนข้าง ๆ อยู่ไม่น้อย มิหนำซ้ำตื่นเช้ามาหญิงสาวก็ชิงออกจากบ้านก่อนเขาจะตื่นเสียอีกวันนี้รณพีร์กลับบ้านก่อนเวลาเลิกงานเพื่อที่จะรอพบม่านทิวา ดูซิว่าหญิงสาวจะทำอย่างไร จะหลบหน้าเขาอีกหรือไม่ทันทีที่ชายหนุ่มเข้ามาในบ้านกลับเป็นที่แปลกใจไม่น้อยสำหรับคนในบ้าน…“วันนี้ฝนคงตกหนักเพราะลูกชายคนเล็กของฉันกลับบ้านเร็ว…จริงไหมแม่เจียม” คุณนายสรวงสุดามองบุตรชายที่เดินเข้ามาพลางกระเซ้าเย้าแห
นี่หลานตัวน้อยเจออาคนใหม่แล้วก็ลืมอาคนเก่าอย่างเขาไปเลยหรือ!“อาม่านไปทำงานยังไม่กลับค่ะ มาให้แม่อ่านให้ฟังก่อนเนอะ” มธุรินพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวตัวน้อย แต่หนูน้อยกลับงอแงไม่ยอมท่าเดียว“น้องพายจะรออาม่าน” หนูน้อยหันไปบอกคนเป็นมารดาตาแป๋ว“อีกนานเลยลูกกว่าอาม่านจะกลับมา ย่าว่าน้องพายของย่าไปนอนก่อนดีกว่านะคะ พรุ่งนี้วันหยุดค่อยให้อาม่านอ่านให้ฟังดีไหม” คุณนายสรวงสุดาปะเหลาะหลานสาวเสียงนุ่มละมุน“จริงนะคะคุณย่า” มองหนังสือนิทานในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นย่าตาแป๋ว“มาค่ะ คุณพ่อพาไปนอนนะคะ” รณวีร์อ้าแขนรับลูกสาวเตรียมพาไปขึ้นนอนเพราะเวลานี้ก็ดึกมากแล้ว เจ้าตัวจ้อยกระโดดกอดคอผู้เป็นบิดาแล้วก็พากันขึ้นนอนทันที“ไม่ขึ้นนอนหรือไงตาสอง” นางถามบุตรชายที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนรณพีร์มองหน้ามารดาแล้วพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร ทำเอาคนเป็นมารดาถึงกับส่ายศีรษะให้กับความปากแข็งของบุตรชายที่อยากจะรอเมียแต่ทำเป็นขรึมไปอย่างนั้น“ขึ้นนอนเถอะ อีกสองชั่วโมงกว่าเมียแกจะเลิกงานกลับถึงบ้าน” นางบอกเพียงแค่นั้นแล้วเดินขึ้นห้องนอนทันที ทิ้
“ไม่ ฉันไม่ยอม” หญิงสาวตอบเสียงแข็งพยายามดิ้นรนออกจากร่างสูงกำยำเอาแต่ใจของเขา“ไม่ยอมก็ต้องยอมเพราะเธอเป็นเมียฉัน” รณพีร์บอกอย่างเอาแต่ใจตัวเอง“ไม่! ถ้าอยากมากคุณก็ออกไปซื้อกินข้างนอกสิ มายุ่งกับฉันทำไม” คนอ่อนแรงกว่าบอกชายหนุ่มอีกทั้งพยายามผลักอกแกร่งให้ถอยออกไปเขาต้องการอะไรจากเธอ ในเมื่อเป็นคนพูดเองว่าห้ามเข้าใกล้เขาไม่ใช่หรือ…แล้วนี่อะไรกัน?“มีเมียให้เอาฟรี ๆ อยู่ที่บ้านทั้งคน…จะออกไปเอาผู้หญิงข้างนอกให้เสียเงินทำไม ในเมื่อแม่ฉันเสียเงินจ่ายหนี้สินให้เธอตั้งหลายล้าน…ก็ต้องตอบแทนกันหน่อยสิ”“คุณรู้ได้ไง” ร้องถามด้วยความตกใจเขารู้ได้อย่างไร…หรือว่าคุณนายสรวงสุดาเป็นคนบอก ถ้าหากนางบอก…เขาก็ต้องรู้เรื่องที่เธอตกลงเอาไว้กับมารดาของเขาน่ะสิ“จะบอกอะไรให้นะ…ฉันรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ฉันไม่พูดก็แค่นั้นเอง”“ปล่อยฉันนะ ไม่งั้นฉันร้องจริง ๆ ด้วย” หญิงสาวขู่พร้อมกับอ้าปากหมายจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ“เอาเลย ร้องไห้ตายยังไงก็ไม่มีใครได้ยิน” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจก่อนก้มลงกระซิบเสียงแหบ
"โอ๊ย…เจ็บ!" เสียงหวานร้องออกมาเมื่อสองมือของรณพีร์เลื่อนขึ้นมากอบกุมทรวงอกอวบของตนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาเคลื่อนกายใหญ่โตพร้อมกับโน้มใบหน้าคมลงมาดูดกลืนเม็ดเชอร์รีสีหวานอย่างหิวกระหาย ทั้งริมฝีปากหนา มือ และเอวสอบต่างทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี"อ้า! หวานเป็นบ้าเลยม่านทิวา"ละปากออกจากทรวงอกอวบอิ่มก่อนก้มจูบตักตวงความหวานจากริมฝีปากบางกระจับของหญิงสาวอย่างดูดดื่มอีกครั้ง ก่อนจะผละออกอย่างเสียดายเพราะเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจรณพีร์กระแทกความแข็งขึงเข้ามาในกายสาวจนหน้าอกอวบใหญ่กระเพื่อมไหวไปตามแรงทำให้หญิงสาวเจ็บจุกและเสียดเสียวท้องน้อยในเวลาเดียวกันคนตัวโตถอนกายออกมาก่อนกระแทกเข้าไปอีกครั้งทำเอาหญิงสาวเกือบเสร็จเก็บเสียงครางรัญจวนเอาไว้ไม่อยู่ เขาทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาก่อนเปลี่ยนท่าทำรักใหม่ตามที่ใจเขาต้องการ ไม่สนว่าคนตัวเล็กจะเหน็ดเหนื่อยหรือไม่"คุณสอง...พอแล้ว...ฉันเหนื่อยแล้ว" เสียงหอบหายใจแรงเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน แต่มีหรือคนที่ความต้องการสูงอย่างเขาจะยอม อีกทั้งเมียยังพยายามหลบหน้ามาเกือบอาทิตย์ สิ่งที่สั่งสมในกายจึงต้องการการปลดปล่อยอย่างเ
หลบหน้า 1"อาม่านอยู่ไหนค้า..." เสียงเจื้อยแจ้วของหนูพาลิกาดังขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้ามาหา ในมือของหนูน้อยมีหนังสือนิทานเล่มเดิมถือติดมาด้วย"คุณย่าขา...อาม่านอยู่ไหนค้า" เสียงเล็ก ๆ เอ่ยถามคนเป็นย่าตาแป๋วคนเป็นย่าสอดส่ายสายตามองหาลูกสะใภ้คนเล็กที่ยังไม่เห็นหน้าตั้งแต่เช้า นางเลยร้องถามแม่บ้านเก่าแก่อย่างแม่เจียมจิต"แม่เจียม หนูม่านอยู่ในครัวหรือเปล่า" ร้องถามพร้อมกับชะเง้อคอมองหา"ไม่เห็นคุณม่านเลยค่ะ ตั้งแต่เช้าแล้ว ปกติคุณม่านจะลงมาเตรียมอาหารก่อนเจียมและเด็ก ๆ อีกนะคะ" คนถูกถามออกความเห็นด้วยความสงสัยไม่แพ้เจ้านาย"นั่นน่ะสิ นี่ก็จะสิบโมงเช้าแล้วนะ…หรือว่าออกไปทำงานแล้ว" คุณนายสรวงสุดาตั้งข้อสังเกตด้วยความแปลกใจ ปกติลูกสะใภ้มักจะตื่นเช้ามากไม่ว่าจะกลับบ้านดึกขนาดไหนก็ตาม"วันนี้วันหยุดนะคะคุณนาย" สาวใช้เอ่ยเตือน"งั้นเธอขึ้น..." ยังไม่ทันที่คุณนายสรวงสุดาจะเอ่ยจบประโยค รณพีร์ก็พี่เอ่ยแทรกเข้ามาเสียก่อน“มีอะไรกันเหรอครับเสียงดังกันเชียว” รณพีร์ที่ออกไปทำธุระข้างนอกบ้านตั้งแต่เช้าเพิ่งจะกลับมานั้นถามขึ้
เสียงนาฬิกาปลุกที่นานครั้งจะตั้งดังจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ม่านทิวาที่กำลังหลับสบายต้องรีบลืมตาตื่นจากความฝันอันแสนหวานที่ไม่เคยมีมาก่อน ร่างเล็กรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วจัดการปิดเสียงรบกวนทันทีเพราะกลัวว่ารณพีร์ที่กำลังหลับสบายอยู่นั้นจะตื่นก่อนเวลามือเรียวบางพยายามเอาท่อนแขนแกร่งกำยำที่พาดเข้ากับเอวคอดของตนออกอย่างเบามือที่สุดแล้วหันไปคว้าเสื้อคลุมสีขาวขึ้นมาสวมทับ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายของตน หญิงสาวจำได้ว่าวันนี้มีนัดกับปอแก้วเพื่อที่จะคุยธุระเรื่องงาน แต่ถ้าหากไม่ไปเพื่อนสนิทคงต้องงอนเธอเป็นแน่เกือบสามสิบนาทีกับการอาบน้ำสระผมแล้วออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่พันรอบกายบอบบาง ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเดินเช็ดผมอยู่นั้น เธอแอบมองร่างสูงของสามีหลับสบายบนเตียงนุ่มโดยไม่คิดที่จะปลุกและเผลอยิ้มน้อย ๆ ด้วยความเอ็นดู แต่แล้วเสียงข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ก็ดังเตือนทำให้เท้าเรียวหยุดชะงักแล้วเดินไปยังโต๊ะหัวเตียงเธอหย่อนสะโพกมนนั่งลงกับขอบเตียงเบา ๆ ไม่ให้สะเทือนไปถึงร่างสูงที่กำลังนอนอยู่ ร่างเล็กที่พันกายด้วยผ้าขนหนูสีขาวหยุดมือที่
หลังจากที่ร่างสูงของเจ้าของห้องออกไป หนูน้อยพาลิกาเปิดกระเป๋าใบน้อยสีชมพูน่ารักที่รณวีร์ซื้อให้ หยิบสมุดภาพระบายสีพร้อมทั้งกล่องสีขึ้นมาระบายเล่น มิหนำซ้ำหนูน้อยยังเรียกม่านทิวามาช่วยกันระบายสีอีกแรง"อาม่านขา...มาระบายสีกันค่ะ" ว่าจบก็ฉีกยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่น้อยๆ เรียงเป็นระเบียบคนที่ถูกเรียกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของหลานสาวของสามี ก่อนลุกจากที่นั่งของตนมาหาหนูน้อยที่นั่งกับพื้นพรหมสีเทาฝั่งตรงข้าม"ไหนคะ มาให้อาม่านดูหน่อยสิว่าระบายสีอะไร" หญิงสาวถามหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน"คุณครูบอกว่าการบ้านคะ" ตัวเล็กเงยหน้ามองคุณอาสะใภ้คนสวย"ถ้าการบ้านน้องพายต้องทำเองนะคะ ไม่ให้คนอื่นช่วยนะคะ ต้องทำเองจะได้เก่งขึ้นไง" บอกเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลูบศีรษะทุยเบา ๆ ก่อนถามประโยคต่อมา "น้องพายอยากเป็นคนเก่งไหมคะ""น้องพายอยากเป็นคนเก่งค่า""ถ้าอยากเป็นคนเก่งก็ต้องทำเอง ถ้าทำไม่ได้ให้ถามอาม่านนะคะ"หนูน้อยพยักหน้ารับและลงมือทำแบบฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้า อันไหนหนูน้อยทำไม่ได้ก็หันไปถามคุณอาสะใภ้คนสวยจนกระทั่งทำเสร็จด้วยตัวเองในเวลาไม่นาน ร่างน
“แต่ท่านรองเคยสั่งเอาไว้ อย่าให้คู่ควงพวกนี้เข้ามาก่อกวนในที่ทำงานนี่คะ”"ผู้หญิงคนนี้คือเมียฉัน"สิ้นเสียงเข้มทรงอำนาจทำเอาหลายคนตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นภรรยาของรองประธานบริษัท แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้ช่วยเลขานุการปากแดงที่หน้าซีดกับความผิดครั้งใหญ่“นะ...นี่ภรรยาของท่านรองจริง ๆ เหรอคะ” สุ้มเสียงของผู้ช่วยเลขานุการอึกอักคล้ายมีอะไรติดคอ“อือ”คำตอบรับเพียงสั้น ๆ ทำเอาเสียวสันหลังไม่น้อย จึงต้องรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้านายทันที“เลอเน่กราบขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่คะ”ม่านทิวาไม่ได้ถือสาอะไรกับคนที่ไม่รู้ แต่รณพีร์หันไปแนะนำม่านทิวาให้กับทุกคนรู้จักและสั่งการกับพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานที่ประจำการอยู่หน้าห้องด้วย“ทุกคน...ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้ชื่อม่านทิวาเป็นภรรยาของฉัน กับน้องพายลูกสาวของคุณรณวีร์พี่ชายของฉัน ต่อไปนี้ถ้าคุณม่านมาให้เข้าไปรอในห้องได้ไม่ต้องรอให้ฉันอนุญาต”พนักงานต่างสว
"น้องพายดูทีวีนานเกินไปแล้วนะคะ ปิดก่อนเนอะเดี๋ยวค่อยดูใหม่" ม่านทิวาเกลี้ยกล่อมด้วยความเอ็นดูระคนหวังดี"ได้ค่า" หนูน้อยเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนหันไปหาคุณปู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่ขา น้องพายอยากไปหาอาสอง น้องพายคิดถึงอาสอง" หลานสาวตัวน้อยหันไปอ้อนคุณปู่เสียงหวานใส"อาสองทำงาน ไปกวนไม่ได้นะลูก"คนเป็นปู่ให้เหตุผล แต่คุณย่านั้นเดินกลับมาพร้อมกล่องอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"งั้นก็ให้หนูม่านพาน้องพายไปสิ จะได้เอาข้าวกล่องไปให้ลูกเราด้วย ตอนนี้ลูกทำงานหนักจนลืมกินข้าวอยู่บ่อย ๆ น้องพายไปหาอาสองกับอาม่านนะคะ" นางบอกสามีก่อนหันไปคุยกับหลานสาวเสียงอ่อนละมุน"เย่ ๆ ไปหาอาสอง" หนูน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีใจ"หนูม่านเอาข้าวไปให้พี่เขาที่บริษัททีนะลูก" คุณนายสรวงสุดาบอกกับลูกสะใภ้คนสวย"แต่ว่าม่านจะไปรบกวน..." หญิงสาวกำลังเอ่ยค้านแต่ก็ถูกพูดดักเอาไว้เสียก่อน"ไม่มีแต่นะลูก เราเป็นภรรยาต้องดูแลสามีให้ดี เอาข้าวกลางวันไปให้แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกจ้ะ""ค่ะคุณแม่" เมื่อแม่สามีเห็นว่าดีเธอก็ไม่อาจคัดค้าน"งั้น
ร่างสูงของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์รายใหญ่ ยืนมองวิวทิวทัศน์ของคอนโดมิเนียมราคาถูกที่ทัศนวิสัยไม่ได้ดีมากมายเท่าที่ตนอยู่ มือหนาค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพลางมองคนที่เพิ่งตื่นจากนิทรา พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มสีชมพูอ่อนให้ปิดบังกายเปลือยเปล่าเอาไว้"คุณนที!" เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแผ่วผ่านริมฝีปาก"ตื่นแล้วเหรอ" ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเข้ม“ค่ะ”ร่างสูงของนทีเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมา หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งโยนลงบนเตียงของหญิงสาว"อะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ"เงินของเธอ" นทีพูดเสียงเรียบแล้วเอ่ยประโยคต่อมา "ค่าตัวเธอที่นอนกับฉันเมื่อคืนไงธาริกา""บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว" ธาริกาตวาดว่าเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ"หึ! เธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก" พูดอย่างเหยียดหยามผู้หญิงตรงหน้าธาริกาพอได้ฟังคำพูดของเขาซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ มือเรียวก็กำเข้ากับผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"อ้อ! อย่าแม้แต่จะคิดลาออกล่
q"ค่ะ แต่ว่าม่านอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ม่านจะไปหางานที่ใหม่ทำ...หรือไม่ก็ไปทำงานกับเพื่อนค่ะ" คนที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำงานต้องมาอยู่เฉย ๆ ในบ้านหลังใหญ่ แถมจะหยิบจับทำอะไรหน่อยก็ถูกห้ามไปหมดไม่ได้หรอก"หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉย ๆ หรือไม่ก็รอเลี้ยงลูกของเรา"สิ้นเสียงของรณพีร์ทำเอาม่านทิวาสะดุ้งไม่น้อย เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกมาวางทาบกับหน้าท้องแบนราบของตน"ว่าแต่มาหรือยังน้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนละมุน ทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องเอ่ยแซวในความหวานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"โอ๊ย! จะหวานอะไรเกรงใจกันบ้างสิวะ" รณวีร์โวยขึ้น"นั่นสิคะพี่สอง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ" มธุรินเอ่ยเสริมหลังสิ้นประโยคของสามี"นั่นสิ ลูกชายแม่เป็นอะไรนะ พักนี้ดูรักหนูม่านแปลก ๆ""แปลกตรงไหนครับ คนเรามันต้องเปลี่ยนแปลงกันได้จริงไหม" รณพีร์เฉไฉตอบมารดาก่อนหันไปถามคนภรรยา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย"ดีแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ให้คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์เข้าใจไหม ตาหนึ่งกับหนูมายด์ด้วยนะ""ครับ”
คำตอบสั้น ๆ ทำให้ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ มือหนาเชยคางมนของม่านทิวาให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน"ต่อไปนี้เรียกฉันว่าคุณสอง...หรือพี่สองก็ได้ ไอ้สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อคืนก็อย่าไปใส่ใจมัน เข้าใจไหม?"น้ำเสียงของรณพีร์อ่อนลง แต่ทว่ายังคงแฝงความนัยลึกซึ้งชวนค้นหากับสายตาคู่คมแสนเย็นชากำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาม่านทิวาส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง"ฉันไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ ฉันกลัวคุณจะโกรธแล้วพาลโมโหใส่เหมือนเมื่อคืน" เสียงหวานตอบอย่างแผ่วเบา เธอกลัวมาก ๆ เวลาเขาโกรธแล้วใส่อารมณ์กับเธอ"ถ้าเธอไม่เรียกสิฉันจะโมโห" น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แอบแฝงความนัยบางอย่างในคำพูดที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะจริงจังนัก"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะเอ่ยค้านแต่ก็ถูกชายหนุ่มชิงพูดไปเสียก่อน "ไม่มีแต่ ไหนลองเรียกสิ...จะเรียกคุณสองหรือพี่สองก็ได้""เอ่อ...ค่ะคุณสอง" ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเรียกหรือไม่เรียกดี สุดท้ายก็เอ่ยออกไปทำเอาคนที่รอฟังยกยิ้มมุมปากบาง ๆ ด้วยความพอใจ"เก่งมากเด็กดีของฉัน เรามาเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาเหมือนคู่อื่น ๆ กันจะได้ไหม ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเ
คนเป็นน้องไหวไหล่กวน ๆ ก่อนตอบกลับ..."ปกติเขาก็ตื่นสายอยู่แล้ว" รณพีร์รีบโยนความผิดให้ม่านทิวาหน้าซื่อ ๆ"กูว่าไม่นะ เมียกูบอกว่าม่านไม่เคยตื่นสาย แถมตื่นก่อนคนอื่นในบ้านมาเตรียมอาหารเช้าอีกต่างหาก แต่พอมึงกลับมาอยู่บ้านม่านตื่นสายประจำ ไปทำงานก็สายด้วย กูว่าต้นเหตุมันมาจากมึงแน่ ๆ" คนเป็นพี่พูดยืนยันพลางจับสังเกตที่สีหน้าของน้องชาย"ถ้าต้นเหตุมันมาจากกู มันก็ไม่แปลกไหมวะ ในเมื่อเขาเป็นเมียกู ผัวเมียกันจะเอากันเมื่อไรก็ได้ หรือว่ามึงไม่เอาเมียเลย""เออ กูรู้ว่าผัวเมียจะเอากันเมื่อไรก็ได้ แต่มึงเอาถี่ไปไหม ปล่อยให้เมียมึงพักบ้างเดี๋ยวก็โทรมกันพอดี ระวังแม่จะไม่ปลื้มที่ไปทำลูกสะใภ้สุดที่รักเขาไม่สบาย" รณวีร์เตือนน้องชายด้วยความหวังดี"แล้วไง ก็เมียกูไหมล่ะ กูจะถนอมหรือไม่…มันขึ้นอยู่กับกูเว้ย"รณพีร์ตอบแบบเอาแต่ใจสุด ๆ ทำเอาคนเป็นพี่ชายยกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้น้องชายเพื่อกล่าวล้อ"ใครวะ...ที่บอกว่าจะไม่สนใจคนที่แม่หามาให้ แต่ไหงตอนนี้เรียกเขาว่าเมียเต็มปาก กลืนน้ำลายตัวเองนี่หว่า" เสียงเย้าหยอกของพี่ชายแทงใจดำคนเป็นน้องเข้าอย่างจ
นับว่าเป็นวันแรกที่ต้องกลายเป็นคนตกงานไปโดยปริยายของม่านทิวา อันที่จริงวันนี้เธอต้องเข้าไปที่ทำงานเพื่อเอาของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมา แต่อย่างที่รู้ว่ารณพีร์ได้เอาของทุกอย่างออกมาให้เธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มิหนำซ้ำอดีตเจ้านายยังให้ฝ่ายบุคคลโทร.มาแจ้งเธออีกครั้งว่า ‘เหลือเวลาอีกหนึ่งวันไม่ต้องกลับเข้ามาทำงาน เพราะเป็นคำขอจากรณพีร์’ นี่เขาจะยุ่งเรื่องของเธอมากเกินไปแล้วนะเขายุ่งเรื่องของเธอได้ แต่เธอห้ามยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องของเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?คนตัวเล็กที่เพิ่งตกงานไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีรีบเดินเข้าครัว หมายจะช่วยเหล่าแม่บ้านจัดเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านรับประทาน เพราะเวลานี้เธอนั้นพยายามปรับเวลาให้ตื่นเช้าขึ้นถึงแม้ว่าจะนอนดึกมากก็ตาม"คุณมายด์ ป้าเจียม มีอะไรให้ม่านช่วยไหมคะ" เสียงหวานนุ่มละมุนเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยทักถาม แต่ทว่าวันนี้มีความอ่อนเพลียแทรกติดปลายเสียงมาด้วย"ไม่มีเลยค่ะคุณม่าน อีกนิดเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว" แม่บ้านใหญ่เอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่มือยังคอยคนหม้อต้มยำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายสาวที่ท่าทางอ่อนเพลียไม่