“สำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ทางสาขาสถาปัตยกรรมภายในของเรา ปีนี้ถือเป็นปีแรกที่เราจัดงานกันอย่างเป็นการ เพื่อแสดงถึงศักยภาพ และพลังของเหล่านักออกแบบภายในทั้งหลาย และภายในงานของเรา ทุกท่านจะเห็นการจัดแสดงโชว์ผลงานของรุ่นพี่ในสาขาของเราที่กำลังจะเป็นว่าที่บัณฑิต ทั้งที่ได้รับรางวัล และมีผลงานระดับดีเยี่ยมกันแล้วนะครับ” วิเชษฐ์ พิธีกรชายกล่าวนำรายละเอียดภายในงาน
จากนั้นก็ตามด้วยพิธีกรหญิง กรณิศ กล่าวเสริม
“ใช่แล้วค่ะ เราจะเห็นความสามารถของรุ่นพี่ของเรากันดีแล้วตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน พลังของเหล่ารุ่นพี่ ที่เป็นอินทีเรียดีไซเนอร์ ไม่ทำให้พวกเราผิดหวังจริงๆ ค่ะ”
“และนี้ก็ได้เวลาอันสมควรที่เราจะกล่าวเปิดงาน และร่วมแสดงความยินดีกับรุ่นพี่ของเราที่ประสบความสำเร็จในการเรียน และการงานในอนาคตครับ” พิธีกรชายรับไม้ต่อ และมองหน้าพิธีกรหญิงเพื่อส่งไม้ให้เธอ
“ดิฉันขอเรียนเชิญ ศาสตราจารย์ด้านการออกแบบภายใน ประจำสาขาของเรา ศาสตราจารย์ไพรินทร์ ได้เป็นเกียรติขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวเปิดงานในครั้งนี้ค่ะ” หลังสิ้นเสียง ร่างชายที่ดูมีอายุอานามก็เดินออกจากโต๊ะโซน VIP ด้านหน้าของห้องจัดเลี้ยง
เมื่อประธานในพิธีเดินขึ้นบนเวที พร้อมกล่าวเปิดงาน
“สวัสดีเด็กๆ ที่รัก ผมถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสได้เห็นความสำเร็จของพวกคุณทุกคน .... ตอนนี้ผมก็อายุมากแล้ว ... หากจะนับเป็นคุณปู่ของพวกคุณก็คงจะไม่ผิดอะไร ... ก่อนอื่นเลย ผมขอแสดงความยินดีกับเหล่าบัณฑิตจบใหม่ทุกท่าน ...” ประธานในพิธีที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับคุณปู่ของใครหลายๆ คน ท่านเกษียณอายุราชการมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงทำหน้าที่สอนเป็นอาจารย์พิเศษอยู่
ด้วยความรู้ความสามารถของท่าน มหาวิทยาลัยจึงไม่ปล่อยตัวท่านไปง่ายๆ
วันนี้ ทางสาขาจึงเชิญท่านมาเป็นเกียรติ มอบโอวาทให้กับเหล่าศิษย์ที่เพิ่งเรียนจบ และศิษย์ที่กำลังเรียนกันอยู่
และในช่วงท้ายของการกล่าวเปิด
“ .... ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกิดเพียงแค่อาจารย์ที่คอยให้คำแนะนำ หรือการสั่งสอนแก่พวกเราเท่านั้น รวมทั้งไม่ได้เกิดมาจากตัวเราแต่เพียงแค่อย่างเดียว ... แต่ความสำเร็จทั้งหมดเกิดขึ้นได้ด้วยความร่วมไม้ร่วมมือระหว่างลูกศิษย์ อาจารย์ และเพื่อนร่วมเรียนที่น่ารักของพวกคุณทั้งหลาย... เช่นเดียวกับการทำงาน ที่ความสำเร็จจะต้องมีผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้านาย ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะสายงานของเราที่เป็นงานที่ต้องสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ผมหวังว่าพวกเราทุกคนที่จะเติบโตในอาชีพและการทำงาน จะประสบความสำเร็จกันทุกคน ตอนนี้ก็ได้เวลาที่ทุกคนจะร่วมฉลองไปกับรุ่นพี่ของพวกคุณกันแล้ว ขอให้ทุกคนสนุกและมีความสุขกับงานในค่ำคืนนี้ครับ” หลังประธานได้กล่าวเปิดเสร็จ เสียงตบมือภายในงานก็ดังลั่นฮอลล์
“ต่อไปจะเป็นการมอบเกียรติบัตรให้กับรุ่นพี่ของพวกเรา ที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับสาขาของเรากันนะคะ”
“ใช่แล้วครับ ... ขอเสียงตบมือให้กับเหล่ารุ่นพี่ที่มีผลงานอันยอดเยี่ยม และได้ทุนเรียนต่อระดับปริญญาโท และปริญญาโทควบเอกด้วยครับ”
เสียงพิธีกรดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ประธานในพิธีกล่าวเปิดงานเรียบร้อยแล้ว
“อยากทราบกันแล้วใช่ไหมคะว่า พี่ๆ ที่ทั้งเก่งกาจและหน้าตาดีของเราเป็นใครกันบ้าง ... คนแรกเลย ได้ทุนเรียนต่อ ณ มหาวิทยาลัย XXX ประเทศสหรัฐอเมริกา ระดับปริญญาโทควบเอก จากบริษัทแลนด์เพาเวอร์พร็อพเพอร์ตี้จำกัด และยังได้รับรางวัลชนะเลิศผลงานการออกแบบภายในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากกระทรวงพลังงานอีกด้วยนะคะ ขอเสียงตบมือให้กับพี่พฤษา วรพงษ์ไพรวัลย์ หรือ พี่เมย์คนสวยของเรา ดาวคณะด้วยค่ะ ... ขอเชิญพี่เมย์ขึ้นบนเวลาเลยค่ะ”
“คนต่อไปครับ ได้ทุนเรียนต่อ ณ มหาวิทยาลัย XXX ประเทศสหรัฐอเมริกา ระดับปริญญาโทควบเอกเช่นกัน จากแลนด์เพาเวอร์พร็อพเพอร์ตี้จำกัด และยังได้รับรางวัลชนะเลิศผลงานการออกแบบภายในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จากกระทรวงพลังงานอีกด้วยนะคะ ขอเสียงตบมือให้กับพี่ลดา หรือ ลดา นิโคลาโยวิกา โวโรนินา”
“เราจะเห็นว่า รุ่นพี่ของเราทั้งสองท่านนี้ได้รับรางวัลเดียวกัน ใช่แล้วค่ะ ทั้งสองท่านได้ทำพรอจ์เจคท์ร่วมกัน และได้รับทุนเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แถมยังได้ที่ปรึกษาสุดหล่อคนเดียวกัน ขอเสียงตบมือให้กับ ดอกเตอร์ภาคิน สกุลวิภาสไพรวรรณ์ หรือ ดอกเตอร์ลุกซ์ค่าๆๆๆ”
พิธีกรชายหญิง บนเวทีที่เตรียมตัวมาอย่างดี พูดสลับกันไปมา
บนเวที ที่ตอนนี้มี เมย์ ลดา และอาจารย์ลุกซ์สุดหล่อ ยืนสวยหล่อเป็นสง่ากันเลยทีเดียว
“โอ๊ะ โอ๊ะ โอ๋ ... พวกเราดูสิคะ รุ่นพี่ของพวกเราไม่ใช่ว่าจะเก่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยีนของพวกเขายังทำเอาเราที่เป็นรุ่นน้องพร่องกันไปเลยทีเดียว ... ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เลยค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะจากด้านล่างเวทีก็ดังขึ้นไม่แพ้เสียงพิธีกรชายหญิงที่สร้างเสียงฮือฮาให้
“ผมก็เช่นกัน ใครว่าอาจารย์จะต้องหน้าตาคร่ำครึ แต่งตัวไม่ตามกระแส ... ไม่เลยๆๆๆ ... สำหรับสาขาของเรา รสนิยมและแฟชั่นย่อมไม่ทิ้งอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับดอกเตอร์หนุ่มสุดหล่อประจำสาขาของเรา ดอกเตอร์ลุกซ์”
ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่บ้านเก่าของเมย์ เวลารับประทานอาหารเย็นของที่บ้าน มีปราบยุทธพ่อของเมย์ กันยนา แม่เลี้ยง เพ็ญนีติ์น้องสาว และนดลน้องชาย ทั้งสองถูกกันยนาผู้เป็นแม่เรียกตัวให้กลับบ้าน เพราะปีใหม่ทั้งคู่ไม่ยอมกลับบ้านเลย และผู้เป็นพ่อก็มีเรื่องที่จะต้องคุยกับลูกๆ หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ปราบยุทธ ผู้เป็นพ่อเริ่มบ่นให้ลูกชายคนเล็ก ที่เรียนไม่จบ เพราะนี้เข้าปีที่ 5 แล้ว แถมค่าเทอมก็แสนที่จะแพง เพราะลูกชายเรียนเอกชนสาขานิเทศศาสตร์เช่นเดียวกับพี่สาว แต่พี่สาวเรียนจบตามหลักสูตร และได้งานในวงการบันเทิงแล้ว ตั้งแต่ที่ลูกสาวและลูกชายที่เกิดจากภรรยาใหม่ของเขาเข้าเรียนระดับปริญญาตรี เขาต้องบากหน้าเขียนอีเมลขอเงินจากลูกสาวคนโตเพื่อเป็นค่าเทอมให้กับพวกเขา หลังจากที่เขาไม่ได้ติดต่อลูกสาวคนนี้ตั้งแต่ที่เธอบอกว่าเธอกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ทำให้ปราบยุทธโกรธ และไม่ยอมให้เมย์นำนามสกุลของเขาไปใช้กับหลานๆ เพราะเชื่อคำพูดของกันยนาว่าเมย์ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง การส่งอีเมลไปขอเงินเมย์เพื่อจ่ายค่าเทอมน้องๆ ทำให้ปรายุทธค่อนข้างเสียหน้าแต่ก
กลับมาที่โต๊ะรับประทานอาหาร เมย์ที่ดูบรรยากาศของครอบครัวคิระ เธอรู้สึกอิจฉาที่เขามีคุณพ่อคุณแม่ที่ใจดี ลดาที่มีคุณตาคุณยายที่น่ารัก เธอมองมาที่ลูกๆ ของเธอที่เธอไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะมีคุณปู่คุณย่า และตัวเธอเองที่ตอนนี้ มีคนเรียกเธอว่าลูก และให้เธอเรียกพวกเขาว่า แม่! พ่อ! มันเป็นบรรยากาศของครอบครัวที่เธอไม่เคยได้พบเจอเลยตั้งแต่ที่แม่เธอเสียชีวิตไป!!! “ลูกเมย์ ... มานั่งกับแม่และพ่อทางนี้ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเล็กมัน ปล่อยมันนั่งคนเดียวทางโน้นไปเลย คนอย่างเจ้าเล็กต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” คุณญาณินจัดที่นั่งให้ลูกสะใภ้ป้ายแดงของเธอทันที เมย์ที่มัวแต่คิดนั้นโน้นนี้ และเธอไม่อยากจะเชื่อว่านี้จะเป็นเรื่องจริง “ลูกเมย์ ... ลูก! เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” คุณญาณินที่เห็นเมย์เหม่อ ไม่ตอบอะไรเธอ ขณะที่เมย์เดินมาตามคำสั่งของเธอ “ค่ะ ... คุณยาย” เมย์ที่หลงลืมเรียกคุณยายเหมือนเดิมตามที่เคยเรียก คุณญาณินตีไปที่มือเล็กๆ ของหญิงสาวที่ยังไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่เบาๆ พร้อมยิ้มหวานให้เธอ “ลูกเมย์ ... จะเรียกคุณยายไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกแม่ถึงจะถูก” “อือ ...ค
คิระกลัวว่าแม่จะรับที่เขาพาผู้หญิงที่ท้องก่อนแต่งไม่ได้เช่น “แก ... แกควรจะพาพวกเขามาให้ฉันตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว!!!! แกมัวทำอะไรอยู่ตาเล็ก แกมันช่างเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เอาซะเลยจริงๆ” คุณญาณินพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เธอเริ่มที่จะเข้าข้างลูกสะใภ้แล้วจริงๆ “หา!!! … แม่หมายความว่าว่าไงนะครับ” คิระงงในงงจากประโยคที่คุณนายแม่ประจำบ้านพูดออกมา พร้อมกับหางตาที่มองลูกชายเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่ใช่แค่คิระที่งง แม้กระทั่งลดาก็งงไม่ต่างกัน เธออ้าปากค้าง เจ้าเด็กแฝดทั้ง 2 ก็ทำตาโต ที่เห็นคุณย่าญาณินยอมรับลูกสะใภ้รวดเร็วทันใจ “จะงงอะไร แกมันเจ้าจอมวายร้าย ทำร้ายหนูเมย์และเด็กๆ อย่างนี้ได้ยังไง ... โถๆๆๆ ... หนูเมย์ ... มาหาแม่มะ อย่าไปยุ่งกับผู้ชายอย่างเจ้าเล็กมันเลย” เธอเปลี่ยนจากที่แทนตัวเองว่ายาย มาเป็นแม่ในทันทีทันใด ตอนนี้คุณญาณินเล่นใหญ่ เดินออกมาลากลูกสะใภ้ให้ไปหาตนพร้อมกับตีไปที่ข้อมือของลูกชายที่กอดไหล่หญิงสาวไม่ยอมปล่อย “แม่!!!” “จะมาแม่อะไร!!! ... แกนั้นล่ะที่ผิด ทิ้งลูกทิ้งเมียไป ทำให้พวกเขาต้องลำบาก และทำให้ฉันและพ่อของแกเป็
คิระยิ้มให้ผู้เป็นแม่ และคำตอบที่เล่นเอาเมย์ไปไม่เป็น “คุณแม่ต้องการลูกสะใภ้และหลานไม่ใช่หรือไงครับ ...อุ๊ปปปป” คิระถูกอุดปากด้วยมือน้อยๆ ของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขา แต่มีหรือเขาจะหยุด พูดมาซะขนาดนี้แล้ว เขาจับมือทั้งสองข้างของเมย์ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา เขารวบมันมาไว้ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็พูดต่อ “ผมก็พาลูกและเมียมาให้คุณแม่นี่ไงครับ” คิระที่พูดเหมือนที่เล่นที่จริง แต่เมย์ที่กำลังปัดป้องไหล่ของตัวเองอยู่ก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ตาเล็กแกอย่าเอาหนูเมย์มาพูดพล่อยๆ อย่างนี้นะ คนนี้แม่หวง หนูเมย์เป็นคนดี และน่าสงสาร ถูกผู้ชายเลวๆ ทิ้งให้ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวก็น่าสงสารพออยู่แล้ว แกจะมาทำให้หนูเมย์เสียใจ และเล่นตลกกับหนูเมย์ไม่ได้ ถึงแกจะเป็นลูกฉันก็เถอะ ... มาลูก ... เมย์มาหายายทางนี้ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเล็กมัน” คุณญาณินที่ไม่ได้เข้าข้างลูกชายตัวเอง เธอยังคงคิดว่าลูกชายเล่นตลกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งงาน และหาลูกสะใภ้ ที่เธอชอบมาให้ก็เท่านั้น และเธอก็ชอบหนูเมย์อยู่แล้ว “ถูกผู้ชายเลวๆ ทิ้ง ฮึฮึฮึ!!!” คิระที่ได้ยินประโยคที่คุณแม่บังเกิดเกล้าพูด ย้ำข้างๆ หูของหญิง
“สวัสดีค่ะคุณตาคุณยาย ยินดีที่ได้พบนะคะ” เมย์ทักทายผู้ใหญ่ในบ้านอย่างสุขภาพ “หนูเมย์ไม่ต้องเป็นทางการอย่างนี้ก็ได้ลูก ... มะ ลูกมานั่งกับยายทางนี้” คุณญาณินที่เตรียมที่นั่งข้างๆ ไว้ 1 ที่เพื่อให้เมย์มานั่งข้างเธอ เมย์ที่กำลังจะเดินไปหา ยังไม่ทันได้ก้าวขาที่ 2 ออกไป มือใหญ่ และยาวของชายที่อยู่ระหว่างเธอกับเจ้าวัน ก็โอบรวบมาที่ไหล่ของเธอพร้อมหันมาทางเธอ “คุณจะเรียกคุณตาคุณยายได้ยังไงคุณเมย์” คิระที่เริ่มจะแสดงในสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะเมย์ เขาตกลงกับเธอแล้วว่าจะไม่บอกใครในช่วงนี้ และเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รอเธอพร้อมกว่านี้ เมย์ที่ถูกบังคับให้หยุดไม่ให้เดินต่อ เธอทำตาโตใส่ชายที่กำลังจะพูดในสิ่งที่เธอห้ามเขาเอาไว้ “คุณเล็ก!!! …. หยุดเลยนะ” คิระยิ้มน้อยๆ ให้เธอ “คุณนั้นล่ะหยุดเรียกคุณตาคุณยายเหมือนยัยดาได้แล้ว ต้องเรียกคุณแม่กับคุณพ่อสิถึงจะถูก” คิระมองไปที่หน้าของชายหญิงที่เป็นพ่อกับแม่เขา ที่ตอนนี้อึ้งจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมย์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าผู้ชายที่ผิดคำพูดกับเธอ เธอมองสลับกับคนอื่นๆ ที่อยู่ที่โต๊ะอาหารในตอนนี้
“แก่อิจฉาได้แม้กระทั่งเด็กนะยัยดา หากแกย่อส่วนตัวเองเท่ากับหนูปี หนูวันได้ ฉันก็จะเอ็นดูแกอีกครั้ง” คุณญาณินพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็เธอต้องการเด็กๆ ไม่ใช่คนที่อายุมากเท่าหลานสาวที่ปาเข้าไป 31 ปีอย่างลดาแล้วนี่สิ คุณญาณินเลิกสนใจหลานสาวตัวโต หันมาให้ความสนใจหลานชายตัวน้อยแทน “นี้ปีใหม่ใช่ไหม?” “ครับ ... ผมปีใหม่” “นี่ก็วันใหม่ ... อือ... ทำใหม่ยายรู้สึกคุ้นหน้าเราจังเลยลูก?” คุณญาณินเห็นหน้าเจ้าวันรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็นึกไม่ออก เธอหันไปถามสามีอันเป็นที่รัก “คุณว่าเจ้าวันหน้าเหมือนใครคะ ดูคุ้นตามาก” “อือ ...” คุณฮารุที่กำลังพินิจพิเคราะห์ก็พลันนึกออก “หน้าเหมือนเจ้าเล็กตอนเด็กๆ เลย” คุณญาณินที่กำลังใช้มือทั้งสองจับไปที่แก้มของเด็กชายเพื่อพิจารณาใบหน้านี้ “อะ!!!! ใช่จริงๆ ด้วย ...เหมือนกันจริงๆ เหมือนเจ้าเล็กย่อส่วนลงมาเป็นเด็ก 10 ขวบเลย” ลดา และเจ้าปีใหม่ต่างหันมามองหน้ากันและพากันอมยิ้ม “ดาก็ว่าอยู่ค่ะ ว่าเจ้าวันเหมือนใคร เหมือนน้าเล็ก จริงๆ ด้วยสิคะ หากบอกว่าเป็นลูกน้าเล็กดาก็เชื่อนะคะเนี่ย!!