เมื่อเธอเห็นนิรุจที่กำลังเดินมาหาเธอ เธอก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา
“น้องเดียร์ค่ะ เดี๋ยวพี่พาไปแนะนำให้รู้จักเจ้าคิระเพื่อนพี่” นิรุจที่เดินมาหาเดียร์นา เพื่อนสาวของเดียร์นาเมื่อนเห็นว่านิรุจช่วยเหลือญาติของตนเอง ต่างก็รู้สึกเสียดาย เพราะพวกเธอต่างก็สนใจชายหนุ่มเพื่อนซี้ของเจ้าของงานวันเกิดเช่นกัน
“ค่ะพี่รุจ ... พวกเธอฉันไปก่อนนะ ฮิฮิฮิ” เดียร์น่าได้ทีก็ยิ้มและหัวเราะน้อยๆ อย่างมีความสุขให้กับเพื่อนๆ ของเธอ ที่เธอพาพวกเขามาในวันนี้
“สาวๆ ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ ถึงแม้พี่ไม่ได้พาพวกเราไปแนะนำให้เจ้าคิระรู้จัก แต่เดี๋ยวพี่จะมานั่งเล่นเป็นเพื่อนนะคะ
“ค่ะพี่รุจ พวกเราจะรอนะคะ” สาวๆ เพื่อนของเดียร์นาต่างก็ส่งตาหวานกลับมาให้นิรุจ
“เฮ้คิระ ...” นิรุจที่พาเดียร์นาเดินมาที่โต๊ะที่คิระนั่งอยู่
“น้องเดียร์คะ นี้มัตสึโมโตะ อคิราห์ ประธานบริษัทแลนด์เพาเวอร์พร็อพเพอร์ตี้จำกัด เพื่อนซี้พี่เอง หรือเรียกเจ้านี้ว่า คิระก็ได้ค่ะ จะได้เป็นกันเอง” นิรุจแนะนำคิระ
“สวัสดีค่ะ พี่คิระ เดียร์นา ลูกพี่ลูกน้องของพี่รุจค่ะ” เดียร์นั่งลงข้างๆ คิระ พร้อมแนะนำตัวเอง
“สวัสดีครับน้องเดียร์นา ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” คิระ ยิ้มให้สาวสวยพร้อมทักทายเธอกลับ
บรรยากาศภายในงานเลี้ยงของนิรุจ ที่ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสี่ทุ่มได้
แสงไฟสลัวประกอบเสียงเพลงที่ทำให้รู้สึกอยากเต้นตลอดเวลา
บรรดาเพื่อนๆ และแขกภายในงานต่างก็เริ่มได้ที่กันแล้ว หนุ่มสาวที่เริ่มรู้จักกันภายในงานต่างก็เริ่มพูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น ยิ่งมีดีกรีผสมเข้าไปด้วยยิ่งทำให้แต่ละคนภายในงานเริ่มมีความหลากหลายทางอารมณ์ที่ต้องการใกล้ชิดกัน
งานเลี้ยงวันเกิดของนิรุจ นี้เรียกง่ายๆ ว่างานเลี้ยงสังสรรค์ของคนโสดเลยก็ว่าได้ ร่วมถึง คิระด้วย ส่วนเจ้าของงานนั้นไม่ต้องพูดถึง คนนั้นเต็มที่อยู่แล้ว เพราะเขาคือพ่องานเลยล่ะ จะให้น้อยหน้าคนอื่นได้ไง
“เป็นไงบ้างวะเพื่อน ... ลูกพี่ลูกน้องฉันคนนี้นะ” นิรุจเดินมาหาคิระที่เคาน์เตอร์บาร์ เขากระซิบข้างหูของเพื่อนพร้อมตบไหล่ไปเบาๆ
เขาเดินมาหาเพื่อนซี้เมื่อเห็นเดียร์น่า ลูกพี่ลูกน้องลุกจากเก้าอี้เพื่อไปเข้าห้องน้ำ
คิระหันหน้ามาหาคนที่กำลังคุยกับเขา “น้องเขาก็น่ารักดี คุยสนุกดี”
ด้วยเสียงเพลงที่ไม่ถึงกับดังมาก แต่ทั้งคู่ก็เหมือนคนที่ต้องเพิ่มพลังเสียงในการคุยกันพอสมควร เพราะเพลงที่เปิดภายในงานเป็นเพลงสายตื๊ดชวนเต้นตลอดเวลา
“ฉันขอเตือนแก่ไว้ก่อนเลยนะ ... คนนี้น่ะ” นิรุจเริ่มทำหน้าจริงจัง พร้อมนั่งลง
“แกก็รู้ว่าฉันเป็นคนยังไง ... หากน้องเขาไม่เล่นด้วยฉันก็ไม่บังใคร นายก็รู้” คิระที่พูดไปยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มไป ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกมึนๆ หัวนิดหน่อย ความรู้สึกนี้ปกติไม่ค่อยเกิดขึ้นกับเขา เพราะวันนี้ถือว่าเขาดื่มไม่หนักเลย แต่ก็ยังมีอาการ เขามองแก้วไวน์ที่อยู่ในมือของตัวเอง จากนั้นก็วางมันลง
บาร์เทนเดอร์ที่เห็นแก้วไวน์พร่อง ก็รินเพิ่มให้ทันที
“ฮา ฮา ฮา” เสียงหัวเราะของนิรุจดังขึ้น พร้อมกับที่เขาเอามือโอบไปที่ไหล่ของเพื่อนซี้
“ฉันก็แค่อยากจะเตือนแกว่า ... ลูกพี่ลูกน้องฉันคนนี้ไม่ธรรมดา ให้แกระวังตัวด้วย หากแกพลาดขึ้นมา ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้นะเว้ย ฮา ฮา ฮา!!!” นิรุจพูดในสิ่งที่เขาอยากจะเตือนเพื่อนด้วยความหวังดี เพราะเขารู้จักเดียร์น่าดี ก็เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องเขานี่นา
ส่วนคิระ เป็นเพื่อนซี้เขา ถึงแม้คิระจะไม่ได้ขาดเรื่องผู้หญิงเลย แต่เขาถือว่าเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เอาเปรียบผู้หญิง หากผู้หญิงไม่เสนอตัวเองให้กับเขา แต่หากเสนอมาเขาก็มักจะตอบรับอย่างว่าง่าย
แต่ก่อนจะยินยอมพร้อมใจกัน คิระจะต้องทำข้อตกลงในการมีอะไรกัน เพราะเขาเป็นคนที่ไม่ชอบการผูกมัด และไม่ต้องการให้ตัวเองถูกแบล็กเมล์ด้วย เพราะเขายังไม่ต้องการมีแฟนเป็นตัวเป็นตน และเขายังเป็นชายหนุ่มที่รักอิสระ
“ขอบใจเพื่อนที่บอก นึกว่าแกจะห้ามฉันซะอีก”
“โตโตกันแล้ว ฉันจะไปห้ามใครได้ล่ะ ... เอาชนแก้วหน่อยเพื่อน ยังไงฉันก็เตือนแกเรื่องนี้แล้วนะ อย่าบอกว่าฉันไม่เตือนล่ะ” นิรุจมองดูหน้าเพื่อนซี้ ทั้งคู่ชนแก้วกัน เมื่อนิรุจเห็นเดียร์น่าเดินกลับเข้ามาภายในงาน เขาก็ขอตัวไปหากลุ่มสาวๆ ที่เขาปลีกตัวมา
“น้องเดียร์น่ามาแล้ว งั้นพี่ขอตัวไปนั่งทางโน้นนะครับ” นิรุจยืนขึ้นพร้อมบอกหญิงสาวที่เดินเข้ามาเพื่อนั่งลงยังโต๊ะที่เธอเคยนั่ง แต่มันถูกแทนที่ด้วยนิรุจ เขาจึงต้องลุกขึ้น และคืนมันให้เธอ
“ค่ะพี่รุจ ขอบคุณนะคะ” เดียร์น่ายิ้มหวานให้พี่ชาย
“คุยกันให้สนุกนะเพื่อน ...” นิรุจหันมาบอกเพื่อนพร้อมตบไหล่เพื่อนก่อนจากไป
เดียร์น่านั่งลงข้างๆ คิระ เธอยกแก้วไวน์ของเธอขึ้นจิบเบาๆ พร้อมชายตามองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เธอ นิ้วเรียวยาวของเธอพยายามสะกิดไปที่หลังมือของอีกฝ่าย พร้อมไต่เล่นอยู่อย่างนั้น ชวนให้ขนหัวลุกกันได้เลย
“ชนแก้วหน่อยค่ะพี่คิระ” เดียร์น่ายิ้มหวานให้กับชายหนุ่มที่ดูเพอร์เฟคท์ที่ตอนนี้เธอได้นั่งคลอเคลียอยู่ข้างๆ เขา ทั้งคู่ชนแก้วกัน สายตาของเดียร์น่าจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของชายหนุ่ม แต่ชายหนุ่มกับจ้องอยู่ที่แก้วไวน์ของตน
เขายังคงไม่ลืมใบหน้าของหญิงสาวที่เขาพบตรงบันได มันติดตาเขาไม่หาย และฝังลงในสมองของเขา
นานๆ ที เขาถึงจะหันมาสบตากับหญิงสาวที่กำลังให้ท่าเขาอย่างเต็มที่ในตอนนี้ (ทำไมเรายังนึกถึงเธออยู่ได้วะ) คิระอุตส่าห์มีสาวสวยมานั่งเป็นเพื่อนขนาดนี้ เขาดันกลับคิดถึงคนที่ไม่รู้จัก แทนที่เขาจะสนใจผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ในตอนนี้
ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่บ้านเก่าของเมย์ เวลารับประทานอาหารเย็นของที่บ้าน มีปราบยุทธพ่อของเมย์ กันยนา แม่เลี้ยง เพ็ญนีติ์น้องสาว และนดลน้องชาย ทั้งสองถูกกันยนาผู้เป็นแม่เรียกตัวให้กลับบ้าน เพราะปีใหม่ทั้งคู่ไม่ยอมกลับบ้านเลย และผู้เป็นพ่อก็มีเรื่องที่จะต้องคุยกับลูกๆ หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ปราบยุทธ ผู้เป็นพ่อเริ่มบ่นให้ลูกชายคนเล็ก ที่เรียนไม่จบ เพราะนี้เข้าปีที่ 5 แล้ว แถมค่าเทอมก็แสนที่จะแพง เพราะลูกชายเรียนเอกชนสาขานิเทศศาสตร์เช่นเดียวกับพี่สาว แต่พี่สาวเรียนจบตามหลักสูตร และได้งานในวงการบันเทิงแล้ว ตั้งแต่ที่ลูกสาวและลูกชายที่เกิดจากภรรยาใหม่ของเขาเข้าเรียนระดับปริญญาตรี เขาต้องบากหน้าเขียนอีเมลขอเงินจากลูกสาวคนโตเพื่อเป็นค่าเทอมให้กับพวกเขา หลังจากที่เขาไม่ได้ติดต่อลูกสาวคนนี้ตั้งแต่ที่เธอบอกว่าเธอกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ทำให้ปราบยุทธโกรธ และไม่ยอมให้เมย์นำนามสกุลของเขาไปใช้กับหลานๆ เพราะเชื่อคำพูดของกันยนาว่าเมย์ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง การส่งอีเมลไปขอเงินเมย์เพื่อจ่ายค่าเทอมน้องๆ ทำให้ปรายุทธค่อนข้างเสียหน้าแต่ก
กลับมาที่โต๊ะรับประทานอาหาร เมย์ที่ดูบรรยากาศของครอบครัวคิระ เธอรู้สึกอิจฉาที่เขามีคุณพ่อคุณแม่ที่ใจดี ลดาที่มีคุณตาคุณยายที่น่ารัก เธอมองมาที่ลูกๆ ของเธอที่เธอไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะมีคุณปู่คุณย่า และตัวเธอเองที่ตอนนี้ มีคนเรียกเธอว่าลูก และให้เธอเรียกพวกเขาว่า แม่! พ่อ! มันเป็นบรรยากาศของครอบครัวที่เธอไม่เคยได้พบเจอเลยตั้งแต่ที่แม่เธอเสียชีวิตไป!!! “ลูกเมย์ ... มานั่งกับแม่และพ่อทางนี้ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเล็กมัน ปล่อยมันนั่งคนเดียวทางโน้นไปเลย คนอย่างเจ้าเล็กต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” คุณญาณินจัดที่นั่งให้ลูกสะใภ้ป้ายแดงของเธอทันที เมย์ที่มัวแต่คิดนั้นโน้นนี้ และเธอไม่อยากจะเชื่อว่านี้จะเป็นเรื่องจริง “ลูกเมย์ ... ลูก! เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” คุณญาณินที่เห็นเมย์เหม่อ ไม่ตอบอะไรเธอ ขณะที่เมย์เดินมาตามคำสั่งของเธอ “ค่ะ ... คุณยาย” เมย์ที่หลงลืมเรียกคุณยายเหมือนเดิมตามที่เคยเรียก คุณญาณินตีไปที่มือเล็กๆ ของหญิงสาวที่ยังไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่เบาๆ พร้อมยิ้มหวานให้เธอ “ลูกเมย์ ... จะเรียกคุณยายไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกแม่ถึงจะถูก” “อือ ...ค
คิระกลัวว่าแม่จะรับที่เขาพาผู้หญิงที่ท้องก่อนแต่งไม่ได้เช่น “แก ... แกควรจะพาพวกเขามาให้ฉันตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว!!!! แกมัวทำอะไรอยู่ตาเล็ก แกมันช่างเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เอาซะเลยจริงๆ” คุณญาณินพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เธอเริ่มที่จะเข้าข้างลูกสะใภ้แล้วจริงๆ “หา!!! … แม่หมายความว่าว่าไงนะครับ” คิระงงในงงจากประโยคที่คุณนายแม่ประจำบ้านพูดออกมา พร้อมกับหางตาที่มองลูกชายเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่ใช่แค่คิระที่งง แม้กระทั่งลดาก็งงไม่ต่างกัน เธออ้าปากค้าง เจ้าเด็กแฝดทั้ง 2 ก็ทำตาโต ที่เห็นคุณย่าญาณินยอมรับลูกสะใภ้รวดเร็วทันใจ “จะงงอะไร แกมันเจ้าจอมวายร้าย ทำร้ายหนูเมย์และเด็กๆ อย่างนี้ได้ยังไง ... โถๆๆๆ ... หนูเมย์ ... มาหาแม่มะ อย่าไปยุ่งกับผู้ชายอย่างเจ้าเล็กมันเลย” เธอเปลี่ยนจากที่แทนตัวเองว่ายาย มาเป็นแม่ในทันทีทันใด ตอนนี้คุณญาณินเล่นใหญ่ เดินออกมาลากลูกสะใภ้ให้ไปหาตนพร้อมกับตีไปที่ข้อมือของลูกชายที่กอดไหล่หญิงสาวไม่ยอมปล่อย “แม่!!!” “จะมาแม่อะไร!!! ... แกนั้นล่ะที่ผิด ทิ้งลูกทิ้งเมียไป ทำให้พวกเขาต้องลำบาก และทำให้ฉันและพ่อของแกเป็
คิระยิ้มให้ผู้เป็นแม่ และคำตอบที่เล่นเอาเมย์ไปไม่เป็น “คุณแม่ต้องการลูกสะใภ้และหลานไม่ใช่หรือไงครับ ...อุ๊ปปปป” คิระถูกอุดปากด้วยมือน้อยๆ ของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขา แต่มีหรือเขาจะหยุด พูดมาซะขนาดนี้แล้ว เขาจับมือทั้งสองข้างของเมย์ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา เขารวบมันมาไว้ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็พูดต่อ “ผมก็พาลูกและเมียมาให้คุณแม่นี่ไงครับ” คิระที่พูดเหมือนที่เล่นที่จริง แต่เมย์ที่กำลังปัดป้องไหล่ของตัวเองอยู่ก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ตาเล็กแกอย่าเอาหนูเมย์มาพูดพล่อยๆ อย่างนี้นะ คนนี้แม่หวง หนูเมย์เป็นคนดี และน่าสงสาร ถูกผู้ชายเลวๆ ทิ้งให้ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวก็น่าสงสารพออยู่แล้ว แกจะมาทำให้หนูเมย์เสียใจ และเล่นตลกกับหนูเมย์ไม่ได้ ถึงแกจะเป็นลูกฉันก็เถอะ ... มาลูก ... เมย์มาหายายทางนี้ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเล็กมัน” คุณญาณินที่ไม่ได้เข้าข้างลูกชายตัวเอง เธอยังคงคิดว่าลูกชายเล่นตลกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งงาน และหาลูกสะใภ้ ที่เธอชอบมาให้ก็เท่านั้น และเธอก็ชอบหนูเมย์อยู่แล้ว “ถูกผู้ชายเลวๆ ทิ้ง ฮึฮึฮึ!!!” คิระที่ได้ยินประโยคที่คุณแม่บังเกิดเกล้าพูด ย้ำข้างๆ หูของหญิง
“สวัสดีค่ะคุณตาคุณยาย ยินดีที่ได้พบนะคะ” เมย์ทักทายผู้ใหญ่ในบ้านอย่างสุขภาพ “หนูเมย์ไม่ต้องเป็นทางการอย่างนี้ก็ได้ลูก ... มะ ลูกมานั่งกับยายทางนี้” คุณญาณินที่เตรียมที่นั่งข้างๆ ไว้ 1 ที่เพื่อให้เมย์มานั่งข้างเธอ เมย์ที่กำลังจะเดินไปหา ยังไม่ทันได้ก้าวขาที่ 2 ออกไป มือใหญ่ และยาวของชายที่อยู่ระหว่างเธอกับเจ้าวัน ก็โอบรวบมาที่ไหล่ของเธอพร้อมหันมาทางเธอ “คุณจะเรียกคุณตาคุณยายได้ยังไงคุณเมย์” คิระที่เริ่มจะแสดงในสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะเมย์ เขาตกลงกับเธอแล้วว่าจะไม่บอกใครในช่วงนี้ และเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รอเธอพร้อมกว่านี้ เมย์ที่ถูกบังคับให้หยุดไม่ให้เดินต่อ เธอทำตาโตใส่ชายที่กำลังจะพูดในสิ่งที่เธอห้ามเขาเอาไว้ “คุณเล็ก!!! …. หยุดเลยนะ” คิระยิ้มน้อยๆ ให้เธอ “คุณนั้นล่ะหยุดเรียกคุณตาคุณยายเหมือนยัยดาได้แล้ว ต้องเรียกคุณแม่กับคุณพ่อสิถึงจะถูก” คิระมองไปที่หน้าของชายหญิงที่เป็นพ่อกับแม่เขา ที่ตอนนี้อึ้งจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมย์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าผู้ชายที่ผิดคำพูดกับเธอ เธอมองสลับกับคนอื่นๆ ที่อยู่ที่โต๊ะอาหารในตอนนี้
“แก่อิจฉาได้แม้กระทั่งเด็กนะยัยดา หากแกย่อส่วนตัวเองเท่ากับหนูปี หนูวันได้ ฉันก็จะเอ็นดูแกอีกครั้ง” คุณญาณินพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็เธอต้องการเด็กๆ ไม่ใช่คนที่อายุมากเท่าหลานสาวที่ปาเข้าไป 31 ปีอย่างลดาแล้วนี่สิ คุณญาณินเลิกสนใจหลานสาวตัวโต หันมาให้ความสนใจหลานชายตัวน้อยแทน “นี้ปีใหม่ใช่ไหม?” “ครับ ... ผมปีใหม่” “นี่ก็วันใหม่ ... อือ... ทำใหม่ยายรู้สึกคุ้นหน้าเราจังเลยลูก?” คุณญาณินเห็นหน้าเจ้าวันรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็นึกไม่ออก เธอหันไปถามสามีอันเป็นที่รัก “คุณว่าเจ้าวันหน้าเหมือนใครคะ ดูคุ้นตามาก” “อือ ...” คุณฮารุที่กำลังพินิจพิเคราะห์ก็พลันนึกออก “หน้าเหมือนเจ้าเล็กตอนเด็กๆ เลย” คุณญาณินที่กำลังใช้มือทั้งสองจับไปที่แก้มของเด็กชายเพื่อพิจารณาใบหน้านี้ “อะ!!!! ใช่จริงๆ ด้วย ...เหมือนกันจริงๆ เหมือนเจ้าเล็กย่อส่วนลงมาเป็นเด็ก 10 ขวบเลย” ลดา และเจ้าปีใหม่ต่างหันมามองหน้ากันและพากันอมยิ้ม “ดาก็ว่าอยู่ค่ะ ว่าเจ้าวันเหมือนใคร เหมือนน้าเล็ก จริงๆ ด้วยสิคะ หากบอกว่าเป็นลูกน้าเล็กดาก็เชื่อนะคะเนี่ย!!