ด้วยท่านั่งของเดียร์น่าที่นั่งไขว่ห้าง ด้วยกระโปรงที่เธอใส่เป็นกระโปรงสั่น แหวกหน้า บริเวณขาซ้าย ที่เผยให้เห็นต้นขาวอันขาวอวบของเธอ เสื้อสายเดี่ยวที่เว้าลึกลงไปบริเวณร่องอก มันเป็นชุดที่ชวนให้หนุ่มๆ น้ำลายสอได้เลย แต่ตอนนี้คิระกลับไม่มีอารมณ์ร่วมกับเธอเลยนี่สิแปลก
ปกติผู้หญิงให้ท่าขนาดนี้ เขาต้องจัดให้เธอแล้วสิ ตัวเขาเองยังรู้สึกแปลกเลย แต่เขาก็ยังพยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด
เดียร์น่าหมายตาผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรกที่เธอเห็นเขาเดินเข้ามาภายในงานแล้ว จนตอนนี้เธอสามารถได้มานั่งข้างๆ เขา แผนการต่อไปของเธอคือ เธอต้องจัดการเขาให้ได้ในคืนนี้ มันงั้นเสียหน้าแย่
เธอพูดเอาไว้เยอะกับเพื่อนๆ ของเธอที่กำลังนั่งคลอเคลียอยู่กับนิรุจลูกพี่ลูกน้องของเธอในตอนนี้
“คืนนี้พี่คิระมีธุระต้องไปต่อที่ไหนหรือเปล่าคะ?” เดียร์น่าถามเพื่อหยั่งเชิง
“ถามทำไมครับ ...” สายตาของคิระที่ยังจับจ้องอยู่ที่แก้วไวท์ก็มองมายังเดียร์น่าด้วยสายตาที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล ประกอบกับที่เขาเริ่มมึนเมาจากฤทธิ์ของไวน์
เดียร์น่าหยิบแก้วไวน์ที่อยู่ในมือชายหนุ่มที่เขาดื่มมันหมดไปเมื่อสักครู่นี้ ออกจากมือของเขา
ก่อนหยิบแก้วไวน์ของชายหนุ่มเพื่อยื่นมันให้บาร์เทนเดอร์หนุ่มที่ยังคงรอทำหน้าที่อยู่ เธอหักปลายนิ้วชี้ของเธอให้ปลายมันลงไปที่แก้วไวน์ใบนั้นเพียงเล็กน้อย เธอมองสิ่งที่เธอทำด้วยรอยยิ้ม ด้วยนิ้วเรียวของเดียร์น่าที่มีเล็บเจลหนายาวจึงไม่มีใครทันสังเกตว่าสิ่งที่เธอทำนั้นมันผิดปกติ
“ช่วยเติมไวน์ให้ด้วยนะคะ” เดียร์น่าหันไปบอก
“พี่คิระ ยังไม่ตอบเดียร์เลยนะคะ คืนนี้พี่ว่างหรือเปล่าคะ?” เสียงหวานๆ ของสาวสวยดังขึ้นข้างหูของชายหนุ่มที่รู้สึกว่าเขาจะเมาเป็นพิเศษในคืนนี้
คิระส่ายหัวไปมาเบาๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมา และเขาก็คิดว่าเขามีความผิดปกติเกิดขึ้นแน่นอน
เขามองเห็นใบหน้าหญิงสาวคนนั้นซ้อนทับกับใบหน้าของเดียร์น่าในตอนนี้ แต่เขาก็พยายามเรียกสติตัวเองให้กลับมาได้
“น้องเดียร์เอาอะไรให้พี่ดื่มค่ะ รู้สึกพี่จะเมาเป็นพิเศษ” เสียงของชายหนุ่มเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกายของตนเอง แต่พยายามเรียกสติให้เป็นปกติมากที่สุด หากคนไม่รู้ก็ดูไม่ออกว่าเขามีอาการไม่ปกติแล้ว
“แค่ไวน์เองค่ะ ... พี่คิระเมาแล้วหรือคะ?” หญิงสาวยังคงออดอ้อนข้างกาย
“นิดหน่อยครับแค่รู้สึกว่าวันนี้พี่คงดื่มเยอะไปหน่อย”
“ให้เดียร์ช่วยพี่คิระนะคะ” เสียงหวานๆ ยังคงดังข้างๆ หูของเขาอีก ส่วนมือของเธอก็ไม่อยู่นิ่ง
ข้างหนึ่งลูบไล้ที่แขนของเขา อีกข้างลูบไล้บริเวณต้นขาของเขา
ปกติเขาจะต้องเป็นฝ่ายรุก แต่นี่ ...
(กูโดนแม่เสือสาวเล่นงานเข้าแล้ว)
และอีกอย่างหากเกิดเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้สติ เขาก็กลัวที่จะโดยถ่ายภาพเพื่อแบล็กเมล์เอาได้ เมื่อเรียกสติกลับมาได้
“พี่ขอตัวไปห้องน้ำสักครู่นะครับ” คิระพยายามประคองสติตัวเองให้ได้มากที่สุด จากนั่นก็ลุกขึ้น
“ให้เดียร์ไปเป็นเพื่อนนะคะ”
“ไม่ต้องครับ เดี๋ยวพี่มา น้องเดียร์สนุกกับเพื่อนๆ รอพี่ที่นี่ล่ะ” พูดเสร็จ คิระก็ลุกออกจากที่นั่ง
เขาเดินเข้าไปหานิรุจ
“เฮ้ ... แก ฉันออกไปข้างนอกก่อนนะ หากน้องเดียร์ถามบอกว่าฉันไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมา”
“อือ ...” นิรุจรับคำเพื่อน
ในส่วนของงานเลี้ยงสาขาเรียนจบ ของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ที่จัดทางปีกซ้าย ชั้น 2 ของโรงแรม ตรงข้ามกับอีกงานเลี้ยงที่มีธีมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ภายในห้องจัดงานเป็นแบบเรียบง่าย สไตล์งานราตรี ทางสาขาจัดงานในครั้งนี้เพื่อช่วยให้บัณฑิตเรียนรู้การเข้าสังคม และพร้อมจะเติบโตเข้าสู่สังคมของวัยทำงานได้ง่ายขึ้น ด้วยธีมของงานคืองานราตรี ดังนั้นชุดที่แขกที่เข้าร่วมงานต้องเลือกใส่ คือชุดราตรีสำหรับผู้หญิง ส่วนผู้ชายเน้นไปที่สูทและทักซิโด้กัน
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงโชว์ผลงานของนักศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขานี้ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดในเวทีต่างๆ และผลงานวิจัยที่ได้รับคะแนนยอดเยี่ยมด้วย
หนึ่งในนั้นมีผลงานของ พฤษา วรพงษ์ไพรวัลย์ หรือเมย์ ด้วย ผลงานของเมย์เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลของการประกวดการออกแบบภายใน ภายใต้คอนเซพท์อาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเธอได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดประเภทนี้ และนำไปสู่การรับทุนการศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา ที่มหาวิทยาลัยด้านการออกแบบโดยเฉพาะที่ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่บ้านเก่าของเมย์ เวลารับประทานอาหารเย็นของที่บ้าน มีปราบยุทธพ่อของเมย์ กันยนา แม่เลี้ยง เพ็ญนีติ์น้องสาว และนดลน้องชาย ทั้งสองถูกกันยนาผู้เป็นแม่เรียกตัวให้กลับบ้าน เพราะปีใหม่ทั้งคู่ไม่ยอมกลับบ้านเลย และผู้เป็นพ่อก็มีเรื่องที่จะต้องคุยกับลูกๆ หลังทานอาหารเย็นเสร็จ ปราบยุทธ ผู้เป็นพ่อเริ่มบ่นให้ลูกชายคนเล็ก ที่เรียนไม่จบ เพราะนี้เข้าปีที่ 5 แล้ว แถมค่าเทอมก็แสนที่จะแพง เพราะลูกชายเรียนเอกชนสาขานิเทศศาสตร์เช่นเดียวกับพี่สาว แต่พี่สาวเรียนจบตามหลักสูตร และได้งานในวงการบันเทิงแล้ว ตั้งแต่ที่ลูกสาวและลูกชายที่เกิดจากภรรยาใหม่ของเขาเข้าเรียนระดับปริญญาตรี เขาต้องบากหน้าเขียนอีเมลขอเงินจากลูกสาวคนโตเพื่อเป็นค่าเทอมให้กับพวกเขา หลังจากที่เขาไม่ได้ติดต่อลูกสาวคนนี้ตั้งแต่ที่เธอบอกว่าเธอกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว และไม่ยอมบอกว่าใครเป็นพ่อของเด็ก ทำให้ปราบยุทธโกรธ และไม่ยอมให้เมย์นำนามสกุลของเขาไปใช้กับหลานๆ เพราะเชื่อคำพูดของกันยนาว่าเมย์ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียง การส่งอีเมลไปขอเงินเมย์เพื่อจ่ายค่าเทอมน้องๆ ทำให้ปรายุทธค่อนข้างเสียหน้าแต่ก
กลับมาที่โต๊ะรับประทานอาหาร เมย์ที่ดูบรรยากาศของครอบครัวคิระ เธอรู้สึกอิจฉาที่เขามีคุณพ่อคุณแม่ที่ใจดี ลดาที่มีคุณตาคุณยายที่น่ารัก เธอมองมาที่ลูกๆ ของเธอที่เธอไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะมีคุณปู่คุณย่า และตัวเธอเองที่ตอนนี้ มีคนเรียกเธอว่าลูก และให้เธอเรียกพวกเขาว่า แม่! พ่อ! มันเป็นบรรยากาศของครอบครัวที่เธอไม่เคยได้พบเจอเลยตั้งแต่ที่แม่เธอเสียชีวิตไป!!! “ลูกเมย์ ... มานั่งกับแม่และพ่อทางนี้ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเล็กมัน ปล่อยมันนั่งคนเดียวทางโน้นไปเลย คนอย่างเจ้าเล็กต้องโดนสั่งสอนซะบ้าง” คุณญาณินจัดที่นั่งให้ลูกสะใภ้ป้ายแดงของเธอทันที เมย์ที่มัวแต่คิดนั้นโน้นนี้ และเธอไม่อยากจะเชื่อว่านี้จะเป็นเรื่องจริง “ลูกเมย์ ... ลูก! เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” คุณญาณินที่เห็นเมย์เหม่อ ไม่ตอบอะไรเธอ ขณะที่เมย์เดินมาตามคำสั่งของเธอ “ค่ะ ... คุณยาย” เมย์ที่หลงลืมเรียกคุณยายเหมือนเดิมตามที่เคยเรียก คุณญาณินตีไปที่มือเล็กๆ ของหญิงสาวที่ยังไม่ยอมเรียกเธอว่าแม่เบาๆ พร้อมยิ้มหวานให้เธอ “ลูกเมย์ ... จะเรียกคุณยายไม่ได้แล้วนะ ต้องเรียกแม่ถึงจะถูก” “อือ ...ค
คิระกลัวว่าแม่จะรับที่เขาพาผู้หญิงที่ท้องก่อนแต่งไม่ได้เช่น “แก ... แกควรจะพาพวกเขามาให้ฉันตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว!!!! แกมัวทำอะไรอยู่ตาเล็ก แกมันช่างเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้เอาซะเลยจริงๆ” คุณญาณินพูดในสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด เธอเริ่มที่จะเข้าข้างลูกสะใภ้แล้วจริงๆ “หา!!! … แม่หมายความว่าว่าไงนะครับ” คิระงงในงงจากประโยคที่คุณนายแม่ประจำบ้านพูดออกมา พร้อมกับหางตาที่มองลูกชายเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่ใช่แค่คิระที่งง แม้กระทั่งลดาก็งงไม่ต่างกัน เธออ้าปากค้าง เจ้าเด็กแฝดทั้ง 2 ก็ทำตาโต ที่เห็นคุณย่าญาณินยอมรับลูกสะใภ้รวดเร็วทันใจ “จะงงอะไร แกมันเจ้าจอมวายร้าย ทำร้ายหนูเมย์และเด็กๆ อย่างนี้ได้ยังไง ... โถๆๆๆ ... หนูเมย์ ... มาหาแม่มะ อย่าไปยุ่งกับผู้ชายอย่างเจ้าเล็กมันเลย” เธอเปลี่ยนจากที่แทนตัวเองว่ายาย มาเป็นแม่ในทันทีทันใด ตอนนี้คุณญาณินเล่นใหญ่ เดินออกมาลากลูกสะใภ้ให้ไปหาตนพร้อมกับตีไปที่ข้อมือของลูกชายที่กอดไหล่หญิงสาวไม่ยอมปล่อย “แม่!!!” “จะมาแม่อะไร!!! ... แกนั้นล่ะที่ผิด ทิ้งลูกทิ้งเมียไป ทำให้พวกเขาต้องลำบาก และทำให้ฉันและพ่อของแกเป็
คิระยิ้มให้ผู้เป็นแม่ และคำตอบที่เล่นเอาเมย์ไปไม่เป็น “คุณแม่ต้องการลูกสะใภ้และหลานไม่ใช่หรือไงครับ ...อุ๊ปปปป” คิระถูกอุดปากด้วยมือน้อยๆ ของหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขา แต่มีหรือเขาจะหยุด พูดมาซะขนาดนี้แล้ว เขาจับมือทั้งสองข้างของเมย์ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขา เขารวบมันมาไว้ได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็พูดต่อ “ผมก็พาลูกและเมียมาให้คุณแม่นี่ไงครับ” คิระที่พูดเหมือนที่เล่นที่จริง แต่เมย์ที่กำลังปัดป้องไหล่ของตัวเองอยู่ก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ตาเล็กแกอย่าเอาหนูเมย์มาพูดพล่อยๆ อย่างนี้นะ คนนี้แม่หวง หนูเมย์เป็นคนดี และน่าสงสาร ถูกผู้ชายเลวๆ ทิ้งให้ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวก็น่าสงสารพออยู่แล้ว แกจะมาทำให้หนูเมย์เสียใจ และเล่นตลกกับหนูเมย์ไม่ได้ ถึงแกจะเป็นลูกฉันก็เถอะ ... มาลูก ... เมย์มาหายายทางนี้ ไม่ต้องไปสนใจเจ้าเล็กมัน” คุณญาณินที่ไม่ได้เข้าข้างลูกชายตัวเอง เธอยังคงคิดว่าลูกชายเล่นตลกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องแต่งงาน และหาลูกสะใภ้ ที่เธอชอบมาให้ก็เท่านั้น และเธอก็ชอบหนูเมย์อยู่แล้ว “ถูกผู้ชายเลวๆ ทิ้ง ฮึฮึฮึ!!!” คิระที่ได้ยินประโยคที่คุณแม่บังเกิดเกล้าพูด ย้ำข้างๆ หูของหญิง
“สวัสดีค่ะคุณตาคุณยาย ยินดีที่ได้พบนะคะ” เมย์ทักทายผู้ใหญ่ในบ้านอย่างสุขภาพ “หนูเมย์ไม่ต้องเป็นทางการอย่างนี้ก็ได้ลูก ... มะ ลูกมานั่งกับยายทางนี้” คุณญาณินที่เตรียมที่นั่งข้างๆ ไว้ 1 ที่เพื่อให้เมย์มานั่งข้างเธอ เมย์ที่กำลังจะเดินไปหา ยังไม่ทันได้ก้าวขาที่ 2 ออกไป มือใหญ่ และยาวของชายที่อยู่ระหว่างเธอกับเจ้าวัน ก็โอบรวบมาที่ไหล่ของเธอพร้อมหันมาทางเธอ “คุณจะเรียกคุณตาคุณยายได้ยังไงคุณเมย์” คิระที่เริ่มจะแสดงในสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะเมย์ เขาตกลงกับเธอแล้วว่าจะไม่บอกใครในช่วงนี้ และเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน รอเธอพร้อมกว่านี้ เมย์ที่ถูกบังคับให้หยุดไม่ให้เดินต่อ เธอทำตาโตใส่ชายที่กำลังจะพูดในสิ่งที่เธอห้ามเขาเอาไว้ “คุณเล็ก!!! …. หยุดเลยนะ” คิระยิ้มน้อยๆ ให้เธอ “คุณนั้นล่ะหยุดเรียกคุณตาคุณยายเหมือนยัยดาได้แล้ว ต้องเรียกคุณแม่กับคุณพ่อสิถึงจะถูก” คิระมองไปที่หน้าของชายหญิงที่เป็นพ่อกับแม่เขา ที่ตอนนี้อึ้งจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เมย์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้าผู้ชายที่ผิดคำพูดกับเธอ เธอมองสลับกับคนอื่นๆ ที่อยู่ที่โต๊ะอาหารในตอนนี้
“แก่อิจฉาได้แม้กระทั่งเด็กนะยัยดา หากแกย่อส่วนตัวเองเท่ากับหนูปี หนูวันได้ ฉันก็จะเอ็นดูแกอีกครั้ง” คุณญาณินพูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ก็เธอต้องการเด็กๆ ไม่ใช่คนที่อายุมากเท่าหลานสาวที่ปาเข้าไป 31 ปีอย่างลดาแล้วนี่สิ คุณญาณินเลิกสนใจหลานสาวตัวโต หันมาให้ความสนใจหลานชายตัวน้อยแทน “นี้ปีใหม่ใช่ไหม?” “ครับ ... ผมปีใหม่” “นี่ก็วันใหม่ ... อือ... ทำใหม่ยายรู้สึกคุ้นหน้าเราจังเลยลูก?” คุณญาณินเห็นหน้าเจ้าวันรู้สึกคุ้นเคยอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็นึกไม่ออก เธอหันไปถามสามีอันเป็นที่รัก “คุณว่าเจ้าวันหน้าเหมือนใครคะ ดูคุ้นตามาก” “อือ ...” คุณฮารุที่กำลังพินิจพิเคราะห์ก็พลันนึกออก “หน้าเหมือนเจ้าเล็กตอนเด็กๆ เลย” คุณญาณินที่กำลังใช้มือทั้งสองจับไปที่แก้มของเด็กชายเพื่อพิจารณาใบหน้านี้ “อะ!!!! ใช่จริงๆ ด้วย ...เหมือนกันจริงๆ เหมือนเจ้าเล็กย่อส่วนลงมาเป็นเด็ก 10 ขวบเลย” ลดา และเจ้าปีใหม่ต่างหันมามองหน้ากันและพากันอมยิ้ม “ดาก็ว่าอยู่ค่ะ ว่าเจ้าวันเหมือนใคร เหมือนน้าเล็ก จริงๆ ด้วยสิคะ หากบอกว่าเป็นลูกน้าเล็กดาก็เชื่อนะคะเนี่ย!!