เข้าสู่ระบบ“เสียนเสียน เจ้าไปเรียกนางกำนัลอาวุโสเข้ามา ส่วนคนอื่นจับชายารองฟู่ไว้ ข้าจะลงโทษนางที่ไม่รู้ดีชั่ว กล้าคิดจะมาเทียบขั้นกับข้าซึ่งเป็นชายาเอกและนายหญิงของจวนชินอ๋องแห่งนี้”
น้ำเสียงที่เด็ดขาดบวกกับท่าทางของจริงจังพระชายาเอก ทำให้ทุกคนต่างพากันหวั่นเกรง ทุกคนไม่คิดว่าพระชายาหนิงจะดูน่ากลัวเยี่ยงนี้ จึงรีบทำตามคำสั่งทันที
“อย่านะ เจ้าไม่มีสิทธิ์ ข้าคือชายารองของท่านอ๋อง เหตุใดจะให้สตรีเช่นเจ้ามาลงโทษข้า” ฟู่เจียยวี่กรีดร้องอย่างไม่พอใจเมื่อนางกำนัลจะเข้ามาจับตัว นางไม่คิดว่าจะถูกสตรีตรงหน้าลงโทษและสั่งคนมาจับกุมตัวเช่นนี้
“เหตุใดข้าจะลงโทษสตรีที่ปากมาก ไม่รู้อะไรเช่นเจ้าไม่ได้ ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าคือชายาเอกของจวนชินอ๋อง จวนนี้ข้าเป็นรองแค่ท่านอ๋องเท่านั้น อีกอย่าง เรือนนี้ก็เป็นเรือนของข้า เหตุใดข้าจะลงโทษคนที่บุกรุกเข้ามาไม่ได้เล่า”
“เจ้าไม่มีเหตุผลและบ้าอำนาจ!! ข้าจะฟ้องท่านอ๋อง” ฟู่เจียยวี่เอ่ยขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด
“เชิญ เจ้าจะฟ้องท่านอ๋องก็รีบส่งคนไปบอกเลย ในเมื่อท่านอ๋องเคยบอกแล้วว่าคนที่เป็นรองจากพระองค์ในการดูแลจวนคือชายาเอกที่แต่งเข้ามา หากไม่ใช่ข้า เช่นนั้นควรเป็นเจ้าอย่างนั้นหรือ”
หนิงหว่านซูเอ่ยขึ้นมาอย่างท้าทาย ในใจก็คิดว่า
‘ข้าก็ไม่อยากจะมีปัญหากับสตรีพวกนี้มากนะ ข้ามีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมาย มาอยู่ในร่างนี้ก็นานแล้ว แต่ข้ายังไม่เคยกลับไปพบหน้าบิดามารดาสักครั้ง ไหนจะมีร้านค้ามากมายที่เป็นสินเดิมที่ข้าต้องไปตรวจดู เพราะเมื่อใดที่หย่าร้างได้ ร้านค้าพวกนี้คือแหล่งทำมาหากินของข้าเชียวนะ สตรีม่ายไม่ควรกลับไปอยู่กับครอบครัวให้เป็นมลทินหรอก’
ส่วนฟู่เจียยวี่เมื่อได้รับคำท้าทาย จึงหันมาทางนางกำนัลคนสนิท แล้วสั่งให้นำเรื่องนี้ไปแจ้งที่เรือนของท่านอ๋อง โดยหวังว่าพระองค์จะมาช่วยนางได้
หนิงหว่านซูเห็นแบบนั้นก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
‘ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าท่านอ๋องจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร จะไว้หน้าข้า หรือว่าสั่งลงโทษข้าที่ไปทำร้ายนางในดวงใจของเขา หรือไม่ ร้ายสุดคือการส่งหนังสือหย่าให้ หากเป็นอย่างหลัง ข้าอยากจะจุดประทัดทั่วเรือนเพื่อเป็นการฉลองเลย’ นางนั่งคิดไปก็ยิ้มไปอย่างใจเย็น
ไม่นานนางกำลังอาวุโสสามคนก็เดินเข้ามาอย่างนอบน้อม ก่อนจะถามนายของเรือนแห่งนี้
“พระชายาให้เสียนเสียนไปตามหม่อมฉัน มีเรื่องอันใดให้รับใช้หรือเพคะ”
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าลงโทษชายารองด้วยการโบยสิบไม้ และไม่ต้องยั้งมือ” หนิงหว่านซูลุกขึ้นยื่นกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
กล่าวจบนางกลับมานั่งในที่ของตัวเองอย่างเฉยชา สายตาที่ส่งให้นางกำนัลคนสนิทเหมือนจะขอบใจ เนื่องจากนางกำนัลอาวุโสทั้งสามนั้นมักจะโดนชายารองเล่นงานอยู่เสมอ นี่นับว่าเป็นการเอาคืนอย่างแนบเนียน
“เจ้าจะบ้าหรืออย่างไร โบยข้าสิบไม้ ข้าไม่ตายไปก่อนหรือ เจ้ามันนังเห็นแก่ตัว ใจดำ!!”
เมื่อรู้ว่าตนเองถูกโบยถึงสิบไม้ ฟู่เจียยวี่ก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ในใจนั้นก็หวังว่านางกำนัลคนสนิท จะรีบไปตามท่านอ๋องมาช่วยทันเวลา
ส่วนทางด้านนางกำนัลชิงชิง ยามนี้นางเร่งฝีเท้าเพื่อให้ไปถึงเรือนของชินอ๋องให้เร็วที่สุด และหวังว่าชายารองของนางจะไม่เป็นอะไรไปเสียก่อน
เมื่อมาถึงเรือนชินอ๋อง ก็พบกับฉางกงกงที่กำลังมารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นพอดี จึงได้เอ่ยบอกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ท่านกงกง รีบเรียนท่านอ๋องให้ไปช่วยพระชายารองด้วยนะเพคะ พระชายารองฟู่ไม่มีความผิดเลย” ชิงชิงเอ่ยขึ้นกับฉางกงกงอย่างมีความหวัง
“ข้าไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะว่าอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าใครจะผิดหรือถูก แต่อย่าลืมว่าพระชายาหนิงคือนายหญิงที่ปกครองจวนนี้” ฉางกงกงตอบกลับมาทันที
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (2)และไม่นานชายารักของเขาก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่หนา แต่ก็ไม่วายที่จะบดคลึงสะโพกไปมาโดยที่ยังไม่ยอมให้มังกรออกมาจากกาย ส่วนสวามีก็กอดร่างบางไว้อย่างรักสุดหัวใจ“เจ้ามีความสุขไปสองครั้งแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พี่จะสร้างลูกสาวของเราแล้วนะ” หยางเฟยหลงกระซิบบอกอย่างอ่อนหวาน และส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้นางที่ผลักตัวมาสบสายตากันจากนั้นเขาก็โน้มตัวลงเหมือนม้าโยก จนตอนนี้เขาขึ้นมาอยู่ข้างบนโดยมีร่างชายารักนอนอยู่ใต้ร่าง“ข้ารักเจ้าที่สุด” เขากระซิบบอกรักก่อนจะบดจูบอย่างดูดดื่ม สะโพกหนาก็ส่งมังกรยักษ์เข้าภายในกายนางจากช้าๆ เนิบๆ ก็เร็วขึ้นหนักหน่วงขึ้นตามอารมณ์รักที่พุ่งสูงตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ“โอ้ววว แน่นเหลือเกิน ชายาของข้าช่างน่ารักขึ้นทุกวัน” ชายหนุ่มครางออกมาสุดเสียง เมื่อหยัดตัวขึ้นมานั่งคุกเข่า เขาจับขาของนางพาดบ่าแล้วจับเอวบางไว้ก่อนจะกระแทกสะโพกส่งมังกรเข้าไปอย่างรัวเร็วจนร่างบางกระเพื่อมขึ้นมาจากแรงโยก“อ่าร์ส ท่านพี่ ท่านพี่ น้องไม่ไหวแล้ว” หนิงหว่านซูร้องครางออกมาอย่างกระสันเสียว ใบหน้าสวยส่ายไปส่ายมาบนหมอนนุ่น มือสองข้างดึงผ้าปูที่นอน
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (1)หยางเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องบรรทมที่มีฮองเฮาในชุดนอนเนื้อเบาบางพลิ้วนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้เสียงเทียน พระองค์นั่งลงแล้วดึงหนังสือในมือนางไปเก็บไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะดึงชายารักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“น้องหญิงของข้ามีความสุขดีหรือไม่” เขาถามอย่างอ่อนโยน“หม่อมฉันมีความสุขดีเพคะ ฝ่าบาทเล่าเพคะ มีความสุขดีหรือไม่” นางตอบและถามกลับอย่างอ่อนหวาน และเริ่มรู้สึกว่ามือไม้ของเขากำลังเล่นสนุกอยู่กับเนื้อตัวของนาง “ข้ามีความสุขดี แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเจ้ามอบลูกสาวมาไว้ออดอ้อนข้าสักคน วันนี้ข้าเห็นพี่ชายเจ้ามีบุตรสาวมาออดอ้อนแล้วรู้สึกอิจฉายิ่งนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นมีความอ่อนหวานอย่างมาก“หม่อมฉันเองก็อยากมีลูกสาวมาไว้เรียนรู้การทำอาหารเช่นกันเพคะ แต่ของเช่นนี้จะรอให้หม่อมฉันมอบให้ฝ่ายเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่พระปรีชาของฝ่าบาทแล้วเพคะ”หนิงหวานซูเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนหวานปนเขินอาย มือก็ลูบไล้หยอกเย้าอยู่ที่แผ่นอกกว้างภายใต้ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินที่นุ่มมือ“เช่นนั้นต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกินยาของเจ้าแล้วนะ และวันนี้เรามาช่วยกันสร้างลูกสาวกั
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (2)เวลานั้นมารดาของนางดีใจยกใหญ่ ใช่ว่าดีใจที่ได้องค์หญิงสี่มาเป็นสะใภ้ แต่ดีใจที่บุตรชายแต่งงานเสียที‘จะว่าไปต้องขอบคุณ ผู้ที่ส่งข้ามาอยู่ในร่างนี้ หากไม่แล้วข้าคงไม่มีครอบครัวที่รักและอบอุ่นเยี่ยงนี้หรอก ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดส่งข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ข้าก็อยากขอบคุณคนคนนั้นอยู่ดี ที่ส่งข้ามาที่นี่ ขอบคุณจริงๆ’จากตอนแรกนางยืนยันที่จะหย่ากับพระสวามีที่มีตำแหน่งชินอ๋อง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้นางและพระสวามีผูกมัดกันด้วยหัวใจ จนทำให้มีโอรสถึงสามคน และยามนี้นางยังเป็นแม่ของแผ่นดินอีกทั้งยามนี้ผลผลิตในแคว้นต่างก็อุดมสมบูรณ์ คนยากไร้และขอทานทั่วทั้งเมืองหลวงก็ลดน้อยลงในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา หยางเฟยหลงก็เดินเข้ามาเงียบ ๆ และจ้องมองนางอย่างรักใคร่เมื่อรู้ว่ากำลังถูกจ้องมอง นางจึงรีบหันมาดู ก็พบว่าเป็นพระสวามีของนางเอง เลยยิ้มและถามออกมาอย่างอ่อนโยน“เสด็จพี่มานานแล้วหรือเพคะ ที่ตำหนักอาจจะเงียบสักหน่อย เพราะทั้งสามคนไปที่จวนสกุลหนิงเพคะ” นางรายงานเรื่องลูก ๆ ไปในคราวเดียว“อืมดีมาก เช่
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (1)ห้าปีต่อมา...หนิงหว่านซูไม่คิดว่าหลังจากเป็นแม่คน จะมีความสุขเช่นนี้ แต่ถึงจะทำหน้าที่แม่หนักอย่างไร นางก็ไม่เคยลืมทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ดังนั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ หนิงหว่านซูไม่ตกหล่นหน้าที่ใดเลย“เสด็จแม่”ขณะนั้นเองเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับมีร่างเด็กน้อยสามคนวิ่งเข้ามาหานาง นำโดยโอรสองค์โตมีนามว่า หยางห่าวอี้ ตามมาด้วยโอรสองค์รองมีนามว่า หยางมู่เฉิน ส่วนโอรสองค์สุดท้องมีนามว่าหยางหมิงเจ๋อ“ว่าอย่างไรลูกแม่ ไปวิ่งเล่นที่ใดมา ดูสิเหงื่อท่วมเลย” เมื่อเห็นโอรสทั้งสามวิ่งเข้ามา หนิงหว่านซูจึงอ้าแขนรับพวกเขาอย่างดีใจและถึงแม้จะเป็นโอรสของฮ่องเต้ แต่หนิงหว่านซูกลับเลี้ยงพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง แม้ทั้งสามจะมีแม่นมเป็นของตัวเองก็ตาม เด็กน้อยโผเข้าอ้อมกอดแม่ก่อนจะถูกแม่นมที่วิ่งตามมารีบบอกเสียงดุเล็กน้อย “พระโอรสไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเพคะ เวลานี้เล่นจนเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว”“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับแม่นมเหยานะ ลูกทั้งสามคนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะชงโกโก้และทำแพนเค้กให้กิน” หนิงหว่านซูเอาของโปรดของเด็กท
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.2ในใจเขาคิดว่า‘ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็กลับไปเสีย’“ฝ่าบาททรงพระปรีชาแล้วเพคะ” หนิงหว่านซูได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับและเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยามนี้นางมีความสุขมากกว่าจะคิดเรื่องอื่น นางจึงซบตัวอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพระสวามี ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่นานข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮา ก็ถูกประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก รวมถึงขุนนางที่สนับสนุนพระนาง แต่ก็มีกลุ่มที่ไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะหากฮองเฮาทรงตั้งครรภ์แล้ว คงยากที่จะดันลูกหลานเข้าวังหลังและมีทั้งนางกำนัลหลายคนหมายปองจะปีนขึ้นเตียงฮองเต้ เนื่องจากคิดว่าเวลานี้ฮองเฮาไม่สามารถปรนนิบัติพระสวามีได้ เหมือนดังเช่นเหตุการณ์ในวันนี้“เจ้ากล้ามาก กล้ามากที่มายั่วยวนฝ่าบาท”หนิงหว่านซูกล่าวเสียงเข็มและเย็นชา นางมีความรู้สึกหึงหวงสวามีอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ เลยไม่อาจระงับอารมณ์ตนเองไว้ได้“หม่อมฉันเพียงแค่อยากรับใช้ฝ่าบาทแทนฮองเฮาเพคะ ยามนี้ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว ฝ่าบาทย่อมต้องมีคนปรนนิบัติ”นางกำนัลผู
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.1หลายเดือนต่อมา...พวกขุนนางเฒ่าเมื่อเห็นว่าฮองเฮายังไม่ทรงตั้งครรภ์เสียที จึงมีการส่งฎีกาเพื่อให้ฮ่องเต้รับสนมเข้าวังหลัง แต่ทว่าหยางเฟยหลงยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า พระองค์จะไม่รับสตรีนางใดเข้ามา แล้วยังยกพระราชโองการของอดีตฮ่องเต้ขึ้นมากล่าวโต้แย้งอีกทั้งเขายังจัดการพวกที่เรียกร้องให้รับพระสนมอย่างเด็ดขาด จนคนพวกนั้นถูกริบทรัพย์สินเกือบหมดจวน จนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอีกส่วนทางด้านหนิงหว่านซู นางไม่ได้สนใจว่าตนเองนั้นจะตั้งครรภ์เมื่อใด นางเชื่อแค่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โอรสหรือธิดาก็จะมาเองวันนี้หนิงฮูหยินเข้าวังมานั่งสนทนาและบ่นถึงบุตรชายคนโตที่ยังไม่ยอมแต่งงานสักที ทั้งที่อายุก็เยอะแล้ว“แม่เหนื่อยเหลือเกินกับพี่ชายของลูก ไม่ว่าแม่จะหาบุตรสาวจากตระกูลใดให้ เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าตลอด แม่เองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน หรือว่าสกุลหนิงของเราจะสิ้นสุดลงเพียงนี้เพราะไร้ทายาทสืบสกุล”หนิงฮูหยินกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่กุ้ยเฟยตายจากไป นางเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นาน แต่ยามนี้ก็ทำใจได้แล้ว ทว่าคราวนี้ต้องมากลุ้มใจกับบุตรชายที่ไม่ยอม







