LOGINหนิงหว่านซูเดินเข้ามาในเรือนนอนอีกครั้ง พร้อมด้วยหลงจู๊สาวและลี่เอ๋อร์นางกำนัลคนสนิท โดยมีเสื้อผ้าชุดใหม่ติดมือเข้ามาด้วย
หญิงสาวลองชุดที่ต้องการและยิ้มอย่างพึงพอใจ เมื่อรู้สึกว่ามันพอดีตัวอย่างมาก ใจก็ชื่นชมช่างตัดเย็บของยุคนี้ แต่เมื่อได้ใส่ทุกชิ้นครบหมดแล้วก็เกิดความพอใจมาก แต่เมื่อนางกำนัลคนสนิทเห็นก็แทบลมจับ แล้วรีบเอ่ยขึ้นมา
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันคิดว่าชุดเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไรนะเพคะ” นางทำหน้าเหมือนกลืนยาขมเข้าไปทุกทีเวลามองชุดเหล่านั้น
“เจ้าจะกลัวอันใดเล่า ข้าใส่ในพื้นที่ส่วนตัวเท่านั้น ไม่มีผู้ใดเห็นเสียหน่อย วันนี้ข้าอยากร่ายรำสิ่งที่ข้าเคยร่ำเรียนมาเท่านั้น พวกเจ้าอยากดูหรือไม่เล่า” นางนึกถึงชาติก่อนที่เคยเรียกการเต้นและการร่ายรำมาตอนที่เล่นละคร เมื่อได้ใส่ชุดเช่นนี้แล้ว พลันนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา
“พระชายาจะร่ายรำเช่นนั้นหรือเพคะ” ลี่เอ๋อร์ถามอย่างตื่นเต้น นางอยากจะเห็นการได้ร่ายรำของพระชายาเหลือเกิน
“ใช่แล้ว ข้าจะร่ายรำให้พวกเจ้าได้เห็น” นางบอกอย่างมั่นใจ
จากนั้นทั้งสามออกมาจากเรือนนอน แล้วมาอยู่ในสวนของเรือน ซึ่งพื้นที่ตรงนี้หนิงหว่านซูมองว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว เลยไม่กลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็นภาพของนางในตอนที่ร่ายรำ
แต่ขณะนั้นเอง ชายารองฟู่เจียยวี่ก็ถือวิสาสะเดินเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลคนสนิท และเมื่อพบว่าพระชายาหนิงหว่านซูแต่งชุดใหม่อีกทั้งยังงดงามมาก แม้จะเปิดเผยกายไม่น้อยก็ตาม จึงเอ่ยขึ้นมาด้วยความอิจฉาว่า“ไม่คิดว่าพระชายาจะแต่งกายเยี่ยงนี้ต่อหน้าคนมากมายนะเพคะ มันช่างไม่มีความเหมาะสมเลยสักนิด” น้ำเสียงที่ใช้นั้นคล้ายกับกำลังสั่งสอน
“เช่นนั้นหรือ แต่ข้าจะแต่งกายอย่างไรมันก็เรื่องของข้า ตรงนี้คือพื้นที่ส่วนตัวของข้า แล้วเหตุใดชายารองเช่นเจ้า ถึงได้เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต การกระทำเช่นนี้คิดว่าเหมาะสมแล้วหรือ หรือคิดว่าตนเองเป็นชายาเอก เลยอยากไปที่ใดก็ย่อมได้” หนิงหว่านซูหันมาสวนกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในใจก็คิดว่า
‘เมียน้อยพวกนี้ต้องเอาให้หลาบจำ ก่อนหน้านี้ข้าคิดไว้เพียงว่าต่างคนต่างอยู่ ไม่ยุ่งกัน ในเมื่อเข้ามาวุ่นวายกับข้าไม่หยุดหย่อน ก็อย่าหาว่าข้าร้ายเลยน่ะ’
เมื่อโดนตอบกลับมาเช่นนี้ ฟู่เจียยวี่จึงได้รู้สึกเสียหน้าอย่างมาก นางคิดว่าแม้ตนจะเป็นชายารองก็ตาม อย่างไรก็มั่นใจว่าได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องมากกว่าพระชายาเอกเป็นแน่ จึงกล้าเข้ามาถึงเรือนชายาเอกโดยพลการเช่นนี้ แต่ไม่คิดว่าจะถูกโต้ตอบเช่นนี้
“พระชายาเพคะ ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นชายาเอก อย่างไรก็ไม่ควรกล่าวกับหม่อมฉันเช่นนี้ เพราะเราต่างก็รับใช้ท่านอ๋องเหมือนกัน” นางเชิดหน้ากล่าวออกมาพร้อมกับมีท่าทางไม่ค่อยเคารพอีกฝ่ายอีกต่อไป
“ข้าคิดว่าเจ้ากำลังเอ่ยถึงเรื่องที่ผิดประเด็นไปหรือไม่ ดูเหมือนว่าเวลานี้เจ้าไม่ได้ตอบตรงคำถามสักเท่าไร ยามนี้ข้าเลยสงสัยว่า เจ้าหรือข้าที่เป็นพระชายาเอกของท่านอ๋อง แล้วอีกอย่าง ฐานะชายาเอกกับชายารองห่างชั้นกันยิ่งนัก จะใช้คำว่า เหมือนกัน ได้อย่างไรกัน”
หนิงหว่านซูเอ่ยขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน นางไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมารังแก ดูแล้วชายารองผู้นี้น่าจะมาหาเรื่องมากกว่ามาเยี่ยมเยียน สายตาที่มองอีกฝ่ายจึงไม่ใช่สายตาที่มิตรมองกัน
“เจ้ากล้าพูดอย่างนี้ได้อย่างไร ถึงเจ้าจะเป็นชายาเอก แต่เจ้าเองก็เป็นเพียงชายาที่ถูกท่านอ๋องลืมเท่านั้น ส่วนข้าคือชายาที่ท่านอ๋องโปรดปราน และข้าต้องการจะไปที่ไหน มันก็ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า” ชายารองฟู่เชิดหน้ากล่าวอย่าถือดี จนลืมไปว่านางนั้นไม่มีอำนาจใด ๆ ในจวนชินอ๋องนี้เลยแม้แต่น้อย
“หึ ๆ เจ้าคงลืมไปแล้วสินะว่า ข้าเป็นชายาเอกที่มาจากสมรสพระราชทาน ถึงแม้ท่านอ๋องจะโปรดหรือไม่โปรดข้า ข้าก็มีอำนาจในจวนชินอ๋องนี้อย่างเต็มที่
ส่วนเจ้าเป็นเพียงชายารองที่ไม่มีอำนาจใดเลย แล้วเหตุใดจึงได้กล้ามากล่าวกับข้าเยี่ยงนี้ เห็นทีหากไม่ลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่างเสียบ้าง จวนชินอ๋องคงได้กลายเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่”
หนิงหว่านซูกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจและจ้องมองอีกฝ่ายอย่างรังเกียจและเย็นชา
‘คราแรกข้าคิดว่าจะไม่ยุ่งกับสวามี หรือเหล่าบรรดาเมียน้อยทั้งหลาย ต่างคนต่างอยู่ไป แต่เมื่อคนพวกนี้กลับวิ่งเข้ามาหาและก่อเรื่องวุ่นวายไม่หยุดหย่อน เห็นทีต้องหาทางจัดการให้หลาบจำบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นทั้งชายารองและสนม คงมาหาเรื่องข้าไม่เว้นวันแน่’
หนิงหว่านซูสบสายตากับชายารองพร้อมกับคิดในใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (2)และไม่นานชายารักของเขาก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่หนา แต่ก็ไม่วายที่จะบดคลึงสะโพกไปมาโดยที่ยังไม่ยอมให้มังกรออกมาจากกาย ส่วนสวามีก็กอดร่างบางไว้อย่างรักสุดหัวใจ“เจ้ามีความสุขไปสองครั้งแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พี่จะสร้างลูกสาวของเราแล้วนะ” หยางเฟยหลงกระซิบบอกอย่างอ่อนหวาน และส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้นางที่ผลักตัวมาสบสายตากันจากนั้นเขาก็โน้มตัวลงเหมือนม้าโยก จนตอนนี้เขาขึ้นมาอยู่ข้างบนโดยมีร่างชายารักนอนอยู่ใต้ร่าง“ข้ารักเจ้าที่สุด” เขากระซิบบอกรักก่อนจะบดจูบอย่างดูดดื่ม สะโพกหนาก็ส่งมังกรยักษ์เข้าภายในกายนางจากช้าๆ เนิบๆ ก็เร็วขึ้นหนักหน่วงขึ้นตามอารมณ์รักที่พุ่งสูงตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ“โอ้ววว แน่นเหลือเกิน ชายาของข้าช่างน่ารักขึ้นทุกวัน” ชายหนุ่มครางออกมาสุดเสียง เมื่อหยัดตัวขึ้นมานั่งคุกเข่า เขาจับขาของนางพาดบ่าแล้วจับเอวบางไว้ก่อนจะกระแทกสะโพกส่งมังกรเข้าไปอย่างรัวเร็วจนร่างบางกระเพื่อมขึ้นมาจากแรงโยก“อ่าร์ส ท่านพี่ ท่านพี่ น้องไม่ไหวแล้ว” หนิงหว่านซูร้องครางออกมาอย่างกระสันเสียว ใบหน้าสวยส่ายไปส่ายมาบนหมอนนุ่น มือสองข้างดึงผ้าปูที่นอน
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (1)หยางเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องบรรทมที่มีฮองเฮาในชุดนอนเนื้อเบาบางพลิ้วนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้เสียงเทียน พระองค์นั่งลงแล้วดึงหนังสือในมือนางไปเก็บไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะดึงชายารักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“น้องหญิงของข้ามีความสุขดีหรือไม่” เขาถามอย่างอ่อนโยน“หม่อมฉันมีความสุขดีเพคะ ฝ่าบาทเล่าเพคะ มีความสุขดีหรือไม่” นางตอบและถามกลับอย่างอ่อนหวาน และเริ่มรู้สึกว่ามือไม้ของเขากำลังเล่นสนุกอยู่กับเนื้อตัวของนาง “ข้ามีความสุขดี แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเจ้ามอบลูกสาวมาไว้ออดอ้อนข้าสักคน วันนี้ข้าเห็นพี่ชายเจ้ามีบุตรสาวมาออดอ้อนแล้วรู้สึกอิจฉายิ่งนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นมีความอ่อนหวานอย่างมาก“หม่อมฉันเองก็อยากมีลูกสาวมาไว้เรียนรู้การทำอาหารเช่นกันเพคะ แต่ของเช่นนี้จะรอให้หม่อมฉันมอบให้ฝ่ายเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่พระปรีชาของฝ่าบาทแล้วเพคะ”หนิงหวานซูเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนหวานปนเขินอาย มือก็ลูบไล้หยอกเย้าอยู่ที่แผ่นอกกว้างภายใต้ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินที่นุ่มมือ“เช่นนั้นต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกินยาของเจ้าแล้วนะ และวันนี้เรามาช่วยกันสร้างลูกสาวกั
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (2)เวลานั้นมารดาของนางดีใจยกใหญ่ ใช่ว่าดีใจที่ได้องค์หญิงสี่มาเป็นสะใภ้ แต่ดีใจที่บุตรชายแต่งงานเสียที‘จะว่าไปต้องขอบคุณ ผู้ที่ส่งข้ามาอยู่ในร่างนี้ หากไม่แล้วข้าคงไม่มีครอบครัวที่รักและอบอุ่นเยี่ยงนี้หรอก ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดส่งข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ข้าก็อยากขอบคุณคนคนนั้นอยู่ดี ที่ส่งข้ามาที่นี่ ขอบคุณจริงๆ’จากตอนแรกนางยืนยันที่จะหย่ากับพระสวามีที่มีตำแหน่งชินอ๋อง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้นางและพระสวามีผูกมัดกันด้วยหัวใจ จนทำให้มีโอรสถึงสามคน และยามนี้นางยังเป็นแม่ของแผ่นดินอีกทั้งยามนี้ผลผลิตในแคว้นต่างก็อุดมสมบูรณ์ คนยากไร้และขอทานทั่วทั้งเมืองหลวงก็ลดน้อยลงในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา หยางเฟยหลงก็เดินเข้ามาเงียบ ๆ และจ้องมองนางอย่างรักใคร่เมื่อรู้ว่ากำลังถูกจ้องมอง นางจึงรีบหันมาดู ก็พบว่าเป็นพระสวามีของนางเอง เลยยิ้มและถามออกมาอย่างอ่อนโยน“เสด็จพี่มานานแล้วหรือเพคะ ที่ตำหนักอาจจะเงียบสักหน่อย เพราะทั้งสามคนไปที่จวนสกุลหนิงเพคะ” นางรายงานเรื่องลูก ๆ ไปในคราวเดียว“อืมดีมาก เช่
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (1)ห้าปีต่อมา...หนิงหว่านซูไม่คิดว่าหลังจากเป็นแม่คน จะมีความสุขเช่นนี้ แต่ถึงจะทำหน้าที่แม่หนักอย่างไร นางก็ไม่เคยลืมทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ดังนั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ หนิงหว่านซูไม่ตกหล่นหน้าที่ใดเลย“เสด็จแม่”ขณะนั้นเองเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับมีร่างเด็กน้อยสามคนวิ่งเข้ามาหานาง นำโดยโอรสองค์โตมีนามว่า หยางห่าวอี้ ตามมาด้วยโอรสองค์รองมีนามว่า หยางมู่เฉิน ส่วนโอรสองค์สุดท้องมีนามว่าหยางหมิงเจ๋อ“ว่าอย่างไรลูกแม่ ไปวิ่งเล่นที่ใดมา ดูสิเหงื่อท่วมเลย” เมื่อเห็นโอรสทั้งสามวิ่งเข้ามา หนิงหว่านซูจึงอ้าแขนรับพวกเขาอย่างดีใจและถึงแม้จะเป็นโอรสของฮ่องเต้ แต่หนิงหว่านซูกลับเลี้ยงพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง แม้ทั้งสามจะมีแม่นมเป็นของตัวเองก็ตาม เด็กน้อยโผเข้าอ้อมกอดแม่ก่อนจะถูกแม่นมที่วิ่งตามมารีบบอกเสียงดุเล็กน้อย “พระโอรสไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเพคะ เวลานี้เล่นจนเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว”“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับแม่นมเหยานะ ลูกทั้งสามคนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะชงโกโก้และทำแพนเค้กให้กิน” หนิงหว่านซูเอาของโปรดของเด็กท
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.2ในใจเขาคิดว่า‘ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็กลับไปเสีย’“ฝ่าบาททรงพระปรีชาแล้วเพคะ” หนิงหว่านซูได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับและเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยามนี้นางมีความสุขมากกว่าจะคิดเรื่องอื่น นางจึงซบตัวอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพระสวามี ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่นานข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮา ก็ถูกประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก รวมถึงขุนนางที่สนับสนุนพระนาง แต่ก็มีกลุ่มที่ไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะหากฮองเฮาทรงตั้งครรภ์แล้ว คงยากที่จะดันลูกหลานเข้าวังหลังและมีทั้งนางกำนัลหลายคนหมายปองจะปีนขึ้นเตียงฮองเต้ เนื่องจากคิดว่าเวลานี้ฮองเฮาไม่สามารถปรนนิบัติพระสวามีได้ เหมือนดังเช่นเหตุการณ์ในวันนี้“เจ้ากล้ามาก กล้ามากที่มายั่วยวนฝ่าบาท”หนิงหว่านซูกล่าวเสียงเข็มและเย็นชา นางมีความรู้สึกหึงหวงสวามีอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ เลยไม่อาจระงับอารมณ์ตนเองไว้ได้“หม่อมฉันเพียงแค่อยากรับใช้ฝ่าบาทแทนฮองเฮาเพคะ ยามนี้ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว ฝ่าบาทย่อมต้องมีคนปรนนิบัติ”นางกำนัลผู
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.1หลายเดือนต่อมา...พวกขุนนางเฒ่าเมื่อเห็นว่าฮองเฮายังไม่ทรงตั้งครรภ์เสียที จึงมีการส่งฎีกาเพื่อให้ฮ่องเต้รับสนมเข้าวังหลัง แต่ทว่าหยางเฟยหลงยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า พระองค์จะไม่รับสตรีนางใดเข้ามา แล้วยังยกพระราชโองการของอดีตฮ่องเต้ขึ้นมากล่าวโต้แย้งอีกทั้งเขายังจัดการพวกที่เรียกร้องให้รับพระสนมอย่างเด็ดขาด จนคนพวกนั้นถูกริบทรัพย์สินเกือบหมดจวน จนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอีกส่วนทางด้านหนิงหว่านซู นางไม่ได้สนใจว่าตนเองนั้นจะตั้งครรภ์เมื่อใด นางเชื่อแค่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โอรสหรือธิดาก็จะมาเองวันนี้หนิงฮูหยินเข้าวังมานั่งสนทนาและบ่นถึงบุตรชายคนโตที่ยังไม่ยอมแต่งงานสักที ทั้งที่อายุก็เยอะแล้ว“แม่เหนื่อยเหลือเกินกับพี่ชายของลูก ไม่ว่าแม่จะหาบุตรสาวจากตระกูลใดให้ เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าตลอด แม่เองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน หรือว่าสกุลหนิงของเราจะสิ้นสุดลงเพียงนี้เพราะไร้ทายาทสืบสกุล”หนิงฮูหยินกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่กุ้ยเฟยตายจากไป นางเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นาน แต่ยามนี้ก็ทำใจได้แล้ว ทว่าคราวนี้ต้องมากลุ้มใจกับบุตรชายที่ไม่ยอม







