Mag-log inขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ที่หน้าห้องบรรทมของพระชายา ได้มีนางกำนัลส่งเสียงเข้ามาว่า “ทูลพระชายาเพคะ เวลานี้ชายารองและสนมทั้งสามมาขอคารวะเพคะ”
‘นี่อีกเรื่องที่ต้องมานั่งปั้นหน้าทุกวันยิ้มแย้มและดูโอบอ้อมอารี เพื่อให้บรรดาเมียน้อยของพระสวามีผู้มักมาก มาคารวะยกน้ำชา ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต่างคนต่างอยู่ไม่ได้หรืออย่างไรกันนะ’
นางบ่นในใจอย่างไม่พอใจ ก่อนจะคิดบางอย่างได้ แล้วบอกกับลี่เอ๋อร์นางกำนัลคนสนิทด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ลี่เอ๋อร์ อีกสักสองชั่วยาม เจ้าไปบอกชายารองและสนมพวกนั้นว่าข้ายังไม่หายป่วย ข้าต้องการพักผ่อน และต่อไปก็ไม่ต้องมายกน้ำชาให้ข้าทุกวันเช่นนี้อีก ให้ทุกเจ็ดวันค่อยมาหนึ่งครั้งก็แล้วกัน”
“เพคะ” เมื่อได้รับคำสั่ง ลี่เอ๋อร์ก็พยักหน้ารับ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เลยถามออกไปเบา ๆ “ทำเช่นนี้มันจะดีหรือเพคะ หากชายารองฟู่ไปทูลฟ้องท่านอ๋อง จะไม่ยิ่งทำให้ท่านอ๋องมาตำหนิพระชายาอีกหรือเพคะ”
“แล้วอย่างไร ในเมื่อข้าไม่สามารถทูลขอเรื่องหย่าร้างได้ เช่นนั้นก็ให้ท่านอ๋องเป็นฝ่ายทนไม่ไหว แล้วขอหย่ากับข้าเองดีกว่า จากนั้นข้าจะได้ท่องเที่ยวไปทั่วใต้หล้า และข้าจะพาเจ้าไปกับข้าด้วย เจ้าไม่อยากมีอิสระหรืออย่างไร”
หนิงหว่านซูหันมากล่าวกับนางกำนัลคนสนิทด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมขยิบตาให้ข้างหนึ่ง แล้วคิดในใจอย่างเย่อหยิ่งอีกว่า
‘ข้าเป็นถึงบุตรสาวของเสนาบดี อีกทั้งฝ่ายท่านตาก็เป็นถึงคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง แถมพี่ชายยังเป็นถึงรองแม่ทัพ แล้วเหตุใดต้องมาทำตัวไร้ค่า คอยวิ่งไล่ตามผู้ชายเพียงคนเดียวด้วย หนำซ้ำตัวของข้าเองก็ยังมีทรัพย์สินมากมาย แค่เก็บกำไรก็มีกินมีใช้ทั้งชาติแล้ว ถ้าอยากได้ผู้ชายสักคน ไปซื้อกินง่ายกว่าไหม หรือรับเลี้ยงใครไปเลย หอนายโลมมีเยอะแยะไป!!’
ทันทีที่ได้ยินความคิดและความต้องการของเจ้านายตนเอง ลี่เอ๋อร์จึงได้พยักหน้ารับรัว ๆ นางดีใจอย่างมากเพราะนางหวังมาตลอดว่าคุณหนูของนาง จะพ้นทุกข์กับเรื่องของความรักเสียที ก่อนจะตอบรับอย่างยินดี
“เพคะพระชายา”
“อ้อ...จริงสิ อีกเรื่อง ต่อไปเจ้าไม่ต้องเรียกข้าว่าพระชายาแล้วนะ ให้เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูเหมือนเดิมก็แล้วกัน เพราะอีกไม่นานข้าจะหลุดพ้นกับตำแหน่งพระชายาเอกนี้แล้ว”
หนิงหว่านซูเอ่ยขึ้นมาอย่างจริงจัง นางไม่ต้องการเป็นพระชายาอีกแล้ว ดังนั้นจึงให้คนสนิทกลับมาเรียกเหมือนเดิม เหมือนก่อนที่นางจะแต่งเข้าจวนชินอ๋อง
“มันไม่เหมาะนะเพคะ หากเรียกขานในเวลาส่วนตัว หม่อมฉันยินดีเพคะ แต่หากอยู่ต่อหน้าท่านอ๋องหรือคนอื่น ๆ หม่อมฉันจะโดนลงโทษเอาน่ะสิเพคะ”
ลี่เอ๋อร์กล่าวอย่างรู้ธรรมเนียมดี หากนางเรียกอย่างนั้น มีหวังหัวได้หลุดออกจากบ่าฐานะลบหลู่เบื้องสูงแน่
“ยุ่งยากเสียจริง เช่นนั้นเจ้าอยากเรียกเช่นใดก็เรียกเถอะ ข้าไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว อย่าลืมล่ะ อีกสองชั่วยามเจ้าค่อยไปบอกนางพวกนั้นก็แล้วกัน ข้าขอหลับอีกสักหน่อย ยังปวดหัวอยู่เลย”
หนิงหว่านซูกล่าวจบก็ล้มตัวนอนอีกครั้ง นางไม่ได้แกล้งปวดหัว แต่นางปวดหัวจริง ๆ เพราะเหมือนว่าความทรงจำนั้นยังหลั่งไหลมาไม่หมดนั่นเอง
หน้าห้องบรรทมของชินหวังเฟย ยามนี้เหล่าบรรดาชายารองและพระสนมต่างก็คุกเข่ากับจนเมื่อยแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีผู้ใดออกมา
ชายารองหลินจึงกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจ “นี่พระชายาคิดอยากจะกลั่นแกล้งพวกเราหรืออย่างไรกัน”
“เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้นเล่า ท่านก็รู้ว่าไม่กี่วันก่อนพระชายาตกสระน้ำ แล้วให้เรางดมาคารวะตั้งหลายวัน ไม่แน่ว่าวันนี้อาการอาจจะยังไม่ดีขึ้นก็เป็นได้ อย่างไรก็รอสักหน่อยเถิด”
ชายารองฟู่กล่าวขึ้น แม้ใบหน้าของและน้ำเสียงนางจะเรียบเฉย แต่ทว่าในใจนั้นกลับยิ้มเยาะ เนื่องจากวันนั้นหากนางไม่รู้ล่วงหน้าก่อน คนที่ตกน้ำคงเป็นนางเองสินะ “แต่นี่เกือบสองชั่วยามแล้วนะ เช่นนี้กลั่นแกล้งกันชัด ๆ” ชายารองซวี่กล่าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจอีกคนขณะเดียวกันลี่เอ๋อร์ได้เดินออกมาพอดี นางจึงบอกทุกคนตามที่ชินหวังเฟยสั่งมาว่า
“พระชายาให้มาบอกทุกท่านว่าพระองค์ต้องการพักผ่อน และมีพระบัญชาให้ยกเลิกการมาคารวะทุกวัน เป็นให้มาคารวะทุกเจ็ดวันแทน ส่วนวันนี้ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน”
“น้อมรับพระบัญชาเพคะ พระชายาเอก”
เมื่อได้ฟังแล้วทำให้ทุกคนไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงกล่าวน้อมรับพระบัญชา และกลับเรือนพักของตนเอง
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (2)และไม่นานชายารักของเขาก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่หนา แต่ก็ไม่วายที่จะบดคลึงสะโพกไปมาโดยที่ยังไม่ยอมให้มังกรออกมาจากกาย ส่วนสวามีก็กอดร่างบางไว้อย่างรักสุดหัวใจ“เจ้ามีความสุขไปสองครั้งแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พี่จะสร้างลูกสาวของเราแล้วนะ” หยางเฟยหลงกระซิบบอกอย่างอ่อนหวาน และส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้นางที่ผลักตัวมาสบสายตากันจากนั้นเขาก็โน้มตัวลงเหมือนม้าโยก จนตอนนี้เขาขึ้นมาอยู่ข้างบนโดยมีร่างชายารักนอนอยู่ใต้ร่าง“ข้ารักเจ้าที่สุด” เขากระซิบบอกรักก่อนจะบดจูบอย่างดูดดื่ม สะโพกหนาก็ส่งมังกรยักษ์เข้าภายในกายนางจากช้าๆ เนิบๆ ก็เร็วขึ้นหนักหน่วงขึ้นตามอารมณ์รักที่พุ่งสูงตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ“โอ้ววว แน่นเหลือเกิน ชายาของข้าช่างน่ารักขึ้นทุกวัน” ชายหนุ่มครางออกมาสุดเสียง เมื่อหยัดตัวขึ้นมานั่งคุกเข่า เขาจับขาของนางพาดบ่าแล้วจับเอวบางไว้ก่อนจะกระแทกสะโพกส่งมังกรเข้าไปอย่างรัวเร็วจนร่างบางกระเพื่อมขึ้นมาจากแรงโยก“อ่าร์ส ท่านพี่ ท่านพี่ น้องไม่ไหวแล้ว” หนิงหว่านซูร้องครางออกมาอย่างกระสันเสียว ใบหน้าสวยส่ายไปส่ายมาบนหมอนนุ่น มือสองข้างดึงผ้าปูที่นอน
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (1)หยางเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องบรรทมที่มีฮองเฮาในชุดนอนเนื้อเบาบางพลิ้วนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้เสียงเทียน พระองค์นั่งลงแล้วดึงหนังสือในมือนางไปเก็บไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะดึงชายารักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“น้องหญิงของข้ามีความสุขดีหรือไม่” เขาถามอย่างอ่อนโยน“หม่อมฉันมีความสุขดีเพคะ ฝ่าบาทเล่าเพคะ มีความสุขดีหรือไม่” นางตอบและถามกลับอย่างอ่อนหวาน และเริ่มรู้สึกว่ามือไม้ของเขากำลังเล่นสนุกอยู่กับเนื้อตัวของนาง “ข้ามีความสุขดี แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเจ้ามอบลูกสาวมาไว้ออดอ้อนข้าสักคน วันนี้ข้าเห็นพี่ชายเจ้ามีบุตรสาวมาออดอ้อนแล้วรู้สึกอิจฉายิ่งนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นมีความอ่อนหวานอย่างมาก“หม่อมฉันเองก็อยากมีลูกสาวมาไว้เรียนรู้การทำอาหารเช่นกันเพคะ แต่ของเช่นนี้จะรอให้หม่อมฉันมอบให้ฝ่ายเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่พระปรีชาของฝ่าบาทแล้วเพคะ”หนิงหวานซูเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนหวานปนเขินอาย มือก็ลูบไล้หยอกเย้าอยู่ที่แผ่นอกกว้างภายใต้ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินที่นุ่มมือ“เช่นนั้นต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกินยาของเจ้าแล้วนะ และวันนี้เรามาช่วยกันสร้างลูกสาวกั
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (2)เวลานั้นมารดาของนางดีใจยกใหญ่ ใช่ว่าดีใจที่ได้องค์หญิงสี่มาเป็นสะใภ้ แต่ดีใจที่บุตรชายแต่งงานเสียที‘จะว่าไปต้องขอบคุณ ผู้ที่ส่งข้ามาอยู่ในร่างนี้ หากไม่แล้วข้าคงไม่มีครอบครัวที่รักและอบอุ่นเยี่ยงนี้หรอก ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดส่งข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ข้าก็อยากขอบคุณคนคนนั้นอยู่ดี ที่ส่งข้ามาที่นี่ ขอบคุณจริงๆ’จากตอนแรกนางยืนยันที่จะหย่ากับพระสวามีที่มีตำแหน่งชินอ๋อง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้นางและพระสวามีผูกมัดกันด้วยหัวใจ จนทำให้มีโอรสถึงสามคน และยามนี้นางยังเป็นแม่ของแผ่นดินอีกทั้งยามนี้ผลผลิตในแคว้นต่างก็อุดมสมบูรณ์ คนยากไร้และขอทานทั่วทั้งเมืองหลวงก็ลดน้อยลงในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา หยางเฟยหลงก็เดินเข้ามาเงียบ ๆ และจ้องมองนางอย่างรักใคร่เมื่อรู้ว่ากำลังถูกจ้องมอง นางจึงรีบหันมาดู ก็พบว่าเป็นพระสวามีของนางเอง เลยยิ้มและถามออกมาอย่างอ่อนโยน“เสด็จพี่มานานแล้วหรือเพคะ ที่ตำหนักอาจจะเงียบสักหน่อย เพราะทั้งสามคนไปที่จวนสกุลหนิงเพคะ” นางรายงานเรื่องลูก ๆ ไปในคราวเดียว“อืมดีมาก เช่
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (1)ห้าปีต่อมา...หนิงหว่านซูไม่คิดว่าหลังจากเป็นแม่คน จะมีความสุขเช่นนี้ แต่ถึงจะทำหน้าที่แม่หนักอย่างไร นางก็ไม่เคยลืมทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ดังนั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ หนิงหว่านซูไม่ตกหล่นหน้าที่ใดเลย“เสด็จแม่”ขณะนั้นเองเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับมีร่างเด็กน้อยสามคนวิ่งเข้ามาหานาง นำโดยโอรสองค์โตมีนามว่า หยางห่าวอี้ ตามมาด้วยโอรสองค์รองมีนามว่า หยางมู่เฉิน ส่วนโอรสองค์สุดท้องมีนามว่าหยางหมิงเจ๋อ“ว่าอย่างไรลูกแม่ ไปวิ่งเล่นที่ใดมา ดูสิเหงื่อท่วมเลย” เมื่อเห็นโอรสทั้งสามวิ่งเข้ามา หนิงหว่านซูจึงอ้าแขนรับพวกเขาอย่างดีใจและถึงแม้จะเป็นโอรสของฮ่องเต้ แต่หนิงหว่านซูกลับเลี้ยงพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง แม้ทั้งสามจะมีแม่นมเป็นของตัวเองก็ตาม เด็กน้อยโผเข้าอ้อมกอดแม่ก่อนจะถูกแม่นมที่วิ่งตามมารีบบอกเสียงดุเล็กน้อย “พระโอรสไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเพคะ เวลานี้เล่นจนเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว”“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับแม่นมเหยานะ ลูกทั้งสามคนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะชงโกโก้และทำแพนเค้กให้กิน” หนิงหว่านซูเอาของโปรดของเด็กท
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.2ในใจเขาคิดว่า‘ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็กลับไปเสีย’“ฝ่าบาททรงพระปรีชาแล้วเพคะ” หนิงหว่านซูได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับและเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยามนี้นางมีความสุขมากกว่าจะคิดเรื่องอื่น นางจึงซบตัวอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพระสวามี ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่นานข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮา ก็ถูกประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก รวมถึงขุนนางที่สนับสนุนพระนาง แต่ก็มีกลุ่มที่ไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะหากฮองเฮาทรงตั้งครรภ์แล้ว คงยากที่จะดันลูกหลานเข้าวังหลังและมีทั้งนางกำนัลหลายคนหมายปองจะปีนขึ้นเตียงฮองเต้ เนื่องจากคิดว่าเวลานี้ฮองเฮาไม่สามารถปรนนิบัติพระสวามีได้ เหมือนดังเช่นเหตุการณ์ในวันนี้“เจ้ากล้ามาก กล้ามากที่มายั่วยวนฝ่าบาท”หนิงหว่านซูกล่าวเสียงเข็มและเย็นชา นางมีความรู้สึกหึงหวงสวามีอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ เลยไม่อาจระงับอารมณ์ตนเองไว้ได้“หม่อมฉันเพียงแค่อยากรับใช้ฝ่าบาทแทนฮองเฮาเพคะ ยามนี้ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว ฝ่าบาทย่อมต้องมีคนปรนนิบัติ”นางกำนัลผู
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.1หลายเดือนต่อมา...พวกขุนนางเฒ่าเมื่อเห็นว่าฮองเฮายังไม่ทรงตั้งครรภ์เสียที จึงมีการส่งฎีกาเพื่อให้ฮ่องเต้รับสนมเข้าวังหลัง แต่ทว่าหยางเฟยหลงยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า พระองค์จะไม่รับสตรีนางใดเข้ามา แล้วยังยกพระราชโองการของอดีตฮ่องเต้ขึ้นมากล่าวโต้แย้งอีกทั้งเขายังจัดการพวกที่เรียกร้องให้รับพระสนมอย่างเด็ดขาด จนคนพวกนั้นถูกริบทรัพย์สินเกือบหมดจวน จนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอีกส่วนทางด้านหนิงหว่านซู นางไม่ได้สนใจว่าตนเองนั้นจะตั้งครรภ์เมื่อใด นางเชื่อแค่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โอรสหรือธิดาก็จะมาเองวันนี้หนิงฮูหยินเข้าวังมานั่งสนทนาและบ่นถึงบุตรชายคนโตที่ยังไม่ยอมแต่งงานสักที ทั้งที่อายุก็เยอะแล้ว“แม่เหนื่อยเหลือเกินกับพี่ชายของลูก ไม่ว่าแม่จะหาบุตรสาวจากตระกูลใดให้ เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าตลอด แม่เองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน หรือว่าสกุลหนิงของเราจะสิ้นสุดลงเพียงนี้เพราะไร้ทายาทสืบสกุล”หนิงฮูหยินกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่กุ้ยเฟยตายจากไป นางเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นาน แต่ยามนี้ก็ทำใจได้แล้ว ทว่าคราวนี้ต้องมากลุ้มใจกับบุตรชายที่ไม่ยอม







