LOGIN“ถวายพระพรพระชายา” เสียงนางกำนัลดังตลอดทางเดิน เมื่อนายหญิงของเรือนเดินผ่าน
หนิงหว่านซูทำเพียงพยักหน้ารับรู้เท่านั้น ก่อนจะเดินไปตามทางเพื่อให้ถึงห้องครัว ในใจก็ก่นด่าไม่หยุด ที่เรือนนี้ช่างกว้างขวางเสียเหลือเกิน จะไปไหนแต่ละที เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน
เมื่อมาถึงห้องครัว นางสั่งให้ทุกคนออกไปให้หมด ทว่าลี่เอ๋อร์และเสียนเสียนนางกำนัลอีกคนไม่ยอมออกไป เพราะกลัวว่าพระชายาจะได้รับบาดเจ็บยามที่ทำอาหาร
“พวกเจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าเกิดอันตราย ข้าต้องการความเป็นส่วนตัว หากไม่ฟังคำสั่ง ข้าจะสั่งลงโทษพวกเจ้าทั้งสองคนเดี๋ยวนี้” หนิงหว่านซูส่งเสียงดุและหนักแน่นออกไปอีกครั้ง
สาเหตุที่นางต้องการจะทำอาหารคนเดียวนั้น เพราะนางต้องการทดสอบมิติที่ได้มาว่าใช้ได้จริงหรือไม่ หากมีคนอื่นอยู่ด้วย คงจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร
“แต่...” ลี่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นเบา ๆ
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น นี่คือคำสั่งของข้า” กล่าวจบนางเดินเข้าห้องครัวไปทันที พร้อมปิดประตูใส่หน้านางกำนัลทั้งสองทันที
เมื่ออยู่ตามลำพัง นางก็ส่งสายตามองไปยังวัตถุดิบที่มีอยู่ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ
“วัตถุดิบก็ดูครบถ้วนดี แต่ทว่าหากทำอาหารด้วยวัตถุดิบของที่นี่ คงมีแต่อาหารที่จืดชืด ข้าคงกินข้าวได้ไม่กี่คำ” นางหยิบวัตถุดิบขึ้นมาแล้วเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ
“ว่าแต่มื้อนี้ทำอะไรกินดีล่ะ” ปากพูดไปมือก็หยิบของต่าง ๆ มาดูด้วย “มื้อเที่ยงเช่นนี้กินส้มตำน่าจะอร่อย ลองใช้มิติดูดีกว่า”
ว่าแล้วนางก็ลองเรียกมะละกอและวัตถุดิบในการทำส้มตำออกมาจากมิติ โดยการนึกในใจว่าอยากได้ของเหล่านั้น ชั่วพริบตาเดียวของทุกอย่างก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า นางจึงปรบมือด้วยความชอบใจ
“เช่นนี้สิ ค่อยน่ารักหน่อย” นางเอ่ยขึ้นมาด้วยความดีใจ
จากนั้นก็เริ่มลงมือจัดการกับมะละกอ และในขณะที่กำลังปอกมะละกออยู่นั้น นางคิดว่าควรจะมีหมูย่างหรือไก่ย่าง
“อยากกินหมูย่าง ไก่ย่าง แต่เรื่องนี้คงต้องให้นางกำนัลด้านนอกช่วยย่างเสียแล้ว ส่วนเรื่องเครื่องปรุงไม่ยาก”
คิดได้เช่นนั้นหนิงหว่านซูจึงวางมะละกอในมือลง จากนั้นจึงนำเครื่องปรุงออกมาจากมิติเพื่อเอามาหมักหมูและไก่ที่นางกำนัลเตรียมไว้ให้ เมื่อหมักเสร็จแล้วจึงถือเดินออกมาจากห้องครัว
“พวกเจ้าก่อไฟย่างเนื้อหมูและไก่พวกนี้ได้ใช่หรือไม่” นางถามออกไปทันที
“ได้เพคะพระชายา เรื่องย่างเนื้อพวกเราจัดการให้เองเพคะ ว่าแต่พระชายามีอะไรให้พวกเราช่วยอีกหรือไม่เพคะ”
เสียนเสียนเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม นางหวังว่าพระชายาจะใช้งานเรื่องอื่นด้วย เพราะหากท่านอ๋องรู้เรื่องในวันนี้เข้า พวกนางคงโดนลงโทษหนักแน่ ที่ให้พระชายาปรุงอาหารด้วยพระองค์เอง
“ไม่ล่ะ พวกเจ้าย่างหมูกับไก่พวกนี้ให้ดีก็พอ ส่วนในครัวนั้นหากข้าทำอาหารเสร็จแล้ว จะเรียกเข้าไปก็แล้วกัน” เอ่ยจบนางก็หมุนตัวกลับเข้าห้องครัวอีกครั้ง พร้อมกับปิดประตูใส่กลอนอย่างแน่นหนาเหมือนเดิม
อาหารในวันนี้นอกจากส้มตำ ไก่ย่างและหมูย่างแล้ว หนิงหว่านซูยังทำลาบหมู และต้มแซ่บกระดูกอ่อน แถมนางยังเอาข้าวเหนียวออกมานึ่งอีกด้วย อาหารมื้อนี้ใช้เวลาราว ๆ ครึ่งชั่วยามทุกอย่างก็เรียบร้อย
“อาหารน่ากินทุกอย่างเลย แต่จะมีผู้ใดสงสัยหรือไม่นะ ที่ข้าทำอาหารพวกนี้” นางมองอาหารตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็แอบกังวลเล็กน้อย
“คงจะต้องกำชับนางกำนัลในห้องครัวว่าห้ามสงสัย และห้ามบอกกับผู้ใดในเรื่องนี้ มิฉะนั้นพวกนางจะต้องได้รับโทษไปด้วย ส่วนนางกำนัลคนสนิททั้งสองคน คิดว่าค่อยหาข้ออ้างบอกก็แล้วกัน” นางพูดกับตัวเองเบา ๆ หลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ส่วนข้างนอกน่าจะย่างหมูย่างไก่เสร็จแล้วเหมือนกัน กลิ่นของทั้งสองอย่างหอมตลบอบอวลไปหมดแล้ว ออกไปดูสักหน่อยดีกว่า” นางเอ่ยขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (2)และไม่นานชายารักของเขาก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่หนา แต่ก็ไม่วายที่จะบดคลึงสะโพกไปมาโดยที่ยังไม่ยอมให้มังกรออกมาจากกาย ส่วนสวามีก็กอดร่างบางไว้อย่างรักสุดหัวใจ“เจ้ามีความสุขไปสองครั้งแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พี่จะสร้างลูกสาวของเราแล้วนะ” หยางเฟยหลงกระซิบบอกอย่างอ่อนหวาน และส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้นางที่ผลักตัวมาสบสายตากันจากนั้นเขาก็โน้มตัวลงเหมือนม้าโยก จนตอนนี้เขาขึ้นมาอยู่ข้างบนโดยมีร่างชายารักนอนอยู่ใต้ร่าง“ข้ารักเจ้าที่สุด” เขากระซิบบอกรักก่อนจะบดจูบอย่างดูดดื่ม สะโพกหนาก็ส่งมังกรยักษ์เข้าภายในกายนางจากช้าๆ เนิบๆ ก็เร็วขึ้นหนักหน่วงขึ้นตามอารมณ์รักที่พุ่งสูงตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ“โอ้ววว แน่นเหลือเกิน ชายาของข้าช่างน่ารักขึ้นทุกวัน” ชายหนุ่มครางออกมาสุดเสียง เมื่อหยัดตัวขึ้นมานั่งคุกเข่า เขาจับขาของนางพาดบ่าแล้วจับเอวบางไว้ก่อนจะกระแทกสะโพกส่งมังกรเข้าไปอย่างรัวเร็วจนร่างบางกระเพื่อมขึ้นมาจากแรงโยก“อ่าร์ส ท่านพี่ ท่านพี่ น้องไม่ไหวแล้ว” หนิงหว่านซูร้องครางออกมาอย่างกระสันเสียว ใบหน้าสวยส่ายไปส่ายมาบนหมอนนุ่น มือสองข้างดึงผ้าปูที่นอน
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (1)หยางเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องบรรทมที่มีฮองเฮาในชุดนอนเนื้อเบาบางพลิ้วนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้เสียงเทียน พระองค์นั่งลงแล้วดึงหนังสือในมือนางไปเก็บไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะดึงชายารักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“น้องหญิงของข้ามีความสุขดีหรือไม่” เขาถามอย่างอ่อนโยน“หม่อมฉันมีความสุขดีเพคะ ฝ่าบาทเล่าเพคะ มีความสุขดีหรือไม่” นางตอบและถามกลับอย่างอ่อนหวาน และเริ่มรู้สึกว่ามือไม้ของเขากำลังเล่นสนุกอยู่กับเนื้อตัวของนาง “ข้ามีความสุขดี แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเจ้ามอบลูกสาวมาไว้ออดอ้อนข้าสักคน วันนี้ข้าเห็นพี่ชายเจ้ามีบุตรสาวมาออดอ้อนแล้วรู้สึกอิจฉายิ่งนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นมีความอ่อนหวานอย่างมาก“หม่อมฉันเองก็อยากมีลูกสาวมาไว้เรียนรู้การทำอาหารเช่นกันเพคะ แต่ของเช่นนี้จะรอให้หม่อมฉันมอบให้ฝ่ายเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่พระปรีชาของฝ่าบาทแล้วเพคะ”หนิงหวานซูเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนหวานปนเขินอาย มือก็ลูบไล้หยอกเย้าอยู่ที่แผ่นอกกว้างภายใต้ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินที่นุ่มมือ“เช่นนั้นต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกินยาของเจ้าแล้วนะ และวันนี้เรามาช่วยกันสร้างลูกสาวกั
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (2)เวลานั้นมารดาของนางดีใจยกใหญ่ ใช่ว่าดีใจที่ได้องค์หญิงสี่มาเป็นสะใภ้ แต่ดีใจที่บุตรชายแต่งงานเสียที‘จะว่าไปต้องขอบคุณ ผู้ที่ส่งข้ามาอยู่ในร่างนี้ หากไม่แล้วข้าคงไม่มีครอบครัวที่รักและอบอุ่นเยี่ยงนี้หรอก ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดส่งข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ข้าก็อยากขอบคุณคนคนนั้นอยู่ดี ที่ส่งข้ามาที่นี่ ขอบคุณจริงๆ’จากตอนแรกนางยืนยันที่จะหย่ากับพระสวามีที่มีตำแหน่งชินอ๋อง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้นางและพระสวามีผูกมัดกันด้วยหัวใจ จนทำให้มีโอรสถึงสามคน และยามนี้นางยังเป็นแม่ของแผ่นดินอีกทั้งยามนี้ผลผลิตในแคว้นต่างก็อุดมสมบูรณ์ คนยากไร้และขอทานทั่วทั้งเมืองหลวงก็ลดน้อยลงในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา หยางเฟยหลงก็เดินเข้ามาเงียบ ๆ และจ้องมองนางอย่างรักใคร่เมื่อรู้ว่ากำลังถูกจ้องมอง นางจึงรีบหันมาดู ก็พบว่าเป็นพระสวามีของนางเอง เลยยิ้มและถามออกมาอย่างอ่อนโยน“เสด็จพี่มานานแล้วหรือเพคะ ที่ตำหนักอาจจะเงียบสักหน่อย เพราะทั้งสามคนไปที่จวนสกุลหนิงเพคะ” นางรายงานเรื่องลูก ๆ ไปในคราวเดียว“อืมดีมาก เช่
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (1)ห้าปีต่อมา...หนิงหว่านซูไม่คิดว่าหลังจากเป็นแม่คน จะมีความสุขเช่นนี้ แต่ถึงจะทำหน้าที่แม่หนักอย่างไร นางก็ไม่เคยลืมทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ดังนั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ หนิงหว่านซูไม่ตกหล่นหน้าที่ใดเลย“เสด็จแม่”ขณะนั้นเองเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับมีร่างเด็กน้อยสามคนวิ่งเข้ามาหานาง นำโดยโอรสองค์โตมีนามว่า หยางห่าวอี้ ตามมาด้วยโอรสองค์รองมีนามว่า หยางมู่เฉิน ส่วนโอรสองค์สุดท้องมีนามว่าหยางหมิงเจ๋อ“ว่าอย่างไรลูกแม่ ไปวิ่งเล่นที่ใดมา ดูสิเหงื่อท่วมเลย” เมื่อเห็นโอรสทั้งสามวิ่งเข้ามา หนิงหว่านซูจึงอ้าแขนรับพวกเขาอย่างดีใจและถึงแม้จะเป็นโอรสของฮ่องเต้ แต่หนิงหว่านซูกลับเลี้ยงพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง แม้ทั้งสามจะมีแม่นมเป็นของตัวเองก็ตาม เด็กน้อยโผเข้าอ้อมกอดแม่ก่อนจะถูกแม่นมที่วิ่งตามมารีบบอกเสียงดุเล็กน้อย “พระโอรสไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเพคะ เวลานี้เล่นจนเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว”“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับแม่นมเหยานะ ลูกทั้งสามคนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะชงโกโก้และทำแพนเค้กให้กิน” หนิงหว่านซูเอาของโปรดของเด็กท
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.2ในใจเขาคิดว่า‘ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็กลับไปเสีย’“ฝ่าบาททรงพระปรีชาแล้วเพคะ” หนิงหว่านซูได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับและเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยามนี้นางมีความสุขมากกว่าจะคิดเรื่องอื่น นางจึงซบตัวอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพระสวามี ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่นานข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮา ก็ถูกประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก รวมถึงขุนนางที่สนับสนุนพระนาง แต่ก็มีกลุ่มที่ไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะหากฮองเฮาทรงตั้งครรภ์แล้ว คงยากที่จะดันลูกหลานเข้าวังหลังและมีทั้งนางกำนัลหลายคนหมายปองจะปีนขึ้นเตียงฮองเต้ เนื่องจากคิดว่าเวลานี้ฮองเฮาไม่สามารถปรนนิบัติพระสวามีได้ เหมือนดังเช่นเหตุการณ์ในวันนี้“เจ้ากล้ามาก กล้ามากที่มายั่วยวนฝ่าบาท”หนิงหว่านซูกล่าวเสียงเข็มและเย็นชา นางมีความรู้สึกหึงหวงสวามีอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ เลยไม่อาจระงับอารมณ์ตนเองไว้ได้“หม่อมฉันเพียงแค่อยากรับใช้ฝ่าบาทแทนฮองเฮาเพคะ ยามนี้ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว ฝ่าบาทย่อมต้องมีคนปรนนิบัติ”นางกำนัลผู
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.1หลายเดือนต่อมา...พวกขุนนางเฒ่าเมื่อเห็นว่าฮองเฮายังไม่ทรงตั้งครรภ์เสียที จึงมีการส่งฎีกาเพื่อให้ฮ่องเต้รับสนมเข้าวังหลัง แต่ทว่าหยางเฟยหลงยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า พระองค์จะไม่รับสตรีนางใดเข้ามา แล้วยังยกพระราชโองการของอดีตฮ่องเต้ขึ้นมากล่าวโต้แย้งอีกทั้งเขายังจัดการพวกที่เรียกร้องให้รับพระสนมอย่างเด็ดขาด จนคนพวกนั้นถูกริบทรัพย์สินเกือบหมดจวน จนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอีกส่วนทางด้านหนิงหว่านซู นางไม่ได้สนใจว่าตนเองนั้นจะตั้งครรภ์เมื่อใด นางเชื่อแค่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โอรสหรือธิดาก็จะมาเองวันนี้หนิงฮูหยินเข้าวังมานั่งสนทนาและบ่นถึงบุตรชายคนโตที่ยังไม่ยอมแต่งงานสักที ทั้งที่อายุก็เยอะแล้ว“แม่เหนื่อยเหลือเกินกับพี่ชายของลูก ไม่ว่าแม่จะหาบุตรสาวจากตระกูลใดให้ เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าตลอด แม่เองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน หรือว่าสกุลหนิงของเราจะสิ้นสุดลงเพียงนี้เพราะไร้ทายาทสืบสกุล”หนิงฮูหยินกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่กุ้ยเฟยตายจากไป นางเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นาน แต่ยามนี้ก็ทำใจได้แล้ว ทว่าคราวนี้ต้องมากลุ้มใจกับบุตรชายที่ไม่ยอม







