LOGINหลายปีต่อมา
“ดึกมากแล้วนะน้องเบย์ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก” “คืนนี้เบย์ทำโอทีแทนกายน่ะค่ะพี่มิล” เธอหันไปตอบกลับเจ้าของประโยคนั้น มิล พี่คนสนิทที่เธอเคารพและรักเหมือนพี่สาวแท้ๆ คนหนึ่ง ทุกคนที่นี่รู้จักในนามของแม่เล้า เพราะมิลทำหน้าที่ช่วยประสานผู้หญิงสวยๆ ให้กับเสี่ยรวยๆ ที่เข้ามาใช้บริการหาความสุขกับสาวสวย “กลับเถอะ เดี๋ยวพี่ให้เด็กมาทำต่อเบย์เอง” มิลขยับเรียวปากสีแดงสดพูด สายตาดุจนางพญาจ้องมองเบลินดาด้วยความสงสารปนเอ็นดูในเวลาเดียวกัน หลายเดือนก่อนเบลินดามาขอทำงานด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ดีว่ามันคืองานอะไร แต่ก็ดึงดันจะทำให้ได้เพราะต้องการใช้เงินจำนวนมากเพื่อเอาไปใช้หนี้ให้ทางบ้าน ด้วยความสงสารและเอ็นดูจึงรับเบลินดามาทำงานด้วย โดยให้ทำในหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่งานอย่างว่า “ใกล้เสร็จแล้วค่ะพี่มิล” “พี่เห็นเบย์ทำงานโดยไม่มีวันหยุดพัก ถามจริง ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?” “เหนื่อยค่ะ แต่เบย์ต้องทำ” เธอเงยหน้าขึ้นไปตอบด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเหนื่อยก็พัก เกิดเป็นไรขึ้นมาจะทำยังไง ร่างกายของเบย์ไม่ได้ไหวตลอดเหมือนใจเบย์หรอกนะ” “ขอบคุณพี่มิลมากๆ นะคะที่เป็นห่วง แต่เบย์ยังไหว” “อืม พี่ไปก่อน ทำงานเสร็จแล้วมาหาพี่ เดี๋ยวจะให้คนไปส่งบ้าน กลับบ้านตอนกลางคืนคนเดียวมันอันตราย” “ค่ะ” เธอตอบกลับสั้นๆ ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันมาหน้าที่ของตัวเองต่อ หลังจากเสร็จจากตรงนี้ เบลินดาออกมาทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มให้แขกข้างนอก โดยมีแมสก์สีดำปกปิดครึ่งหน้าเอาไว้เพราะเป็นกฎของทางไนต์คลับสำหรับพนักงานเสิร์ฟไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอเดินมาเก็บเครื่องดื่มในโซนวีไอพีของไนต์คลับ ระหว่างกำลังเช็ดทำความสะอาดโต๊ะ สายตาเหลือบเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งจูบกันอยู่โต๊ะของโซนวีไอพีในมุมหนึ่งโดยมีผู้หญิงนั่งบนตักผู้ชาย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นภาพนี้ ยอมรับว่าตอนแรกตกใจเล็กน้อย พอนานวันก็มองเป็นเรื่องปกติและเริ่มชิน ไม่ทันจะชักสายตากลับ สายตาคมเข้มของผู้ชายคนนั้นก็พลันมามองเธอทั้งที่ยังจูบกับผู้หญิงบนตักอยู่ “!!!!” หัวใจเธอกระตุกเบาๆ ในวินาทีสบตากับเจ้าของนัยน์ตาดำขลับทรงเสน่ห์ หากแต่กลับเต็มไปด้วยความเย็นชา เขายังคงไม่หลบสายตา ไม่รู้อะไรทำให้เธอยืนสบตากับเขาเนิ่นนานขนาดนี้ รู้สึกคุ้นเคยแววตาคู่นั้นอย่างบอกไม่ถูก… ยิ่งมองยิ่งคุ้นเคย ราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่อยากคิดไปเองว่าแววตาคู่นั้นคือของคนที่เธอเคยมอบหัวใจให้ เธอตัดสินใจเป็นฝ่ายหลบแววตาเย็นชาคู่นั้น ก้มหน้าหยิบถาดเครื่องดื่มขึ้นแล้วหมุนตัวเดินออกไป แต่ทว่า… ปึก! เคร้ง! ชายคนหนึ่งที่เมามายเดินเซมาชนโดยที่เธอไม่ทันสังเกตเช่นกันว่าเขาเดินมา ทำให้ขวดเปล่าของเครื่องดื่มและแก้วกระทบกับพื้นจนแตกละเอียด “เดินยังไงวะ! ไม่แหกตาดูคนรึไง” ชายเมาต่อว่าเบลินดาด้วยความไม่พอใจ “ขอโทษค่ะ…” เธอก้มหน้าขอโทษเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องใหญ่ ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อเก็บเศษแก้วที่กระจายเกลื่อนพื้น หมับ “อ๊ะ!” เธออุทานเสียงหลงเมื่อถูกจับทึ้งเส้นผมให้เงยหน้าขึ้นโดยชายขี้เมา “ปะ…ปล่อยนะคะ” “ขอโทษอย่างเดียวมันพอเหรอ?” “แล้วคุณต้องการอะไร” ชายขี้เมากระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอื้อมมือไปถอดแมสก์ของเบลินดาออก ทำให้ใบหน้าสวยหวานปรากฏต่อสายตา นั่นยิ่งทำให้ชายขี้เมาพึงพอใจในความสวยของหญิงสาว “สวยเหมือนกันนิ ถึงว่าทำไมที่นี่ให้พนักงานเสิร์ฟใส่แมสก์ตลอดเวลา เพราะปกปิดความสวยไว้นี่เอง” “ฉะ…ฉันเจ็บ ปล่อยฉันก่อนนะคะ” “คืนนี้ไปต่อกันไหมคนสวย?” “ฉันเจ็บ…” เธอพยายามแกะมือชายขี้เมาที่จิกทึ้งเส้นผมตัวเองอยู่ออกด้วยความยากลำบาก เพราะเขาจับแน่นจนเส้นผมจะหลุดออกจากหนังศีรษะเธออยู่แล้ว ตอนนี้สายตาบางคนเริ่มมองมาที่ชายขี้เมาคนนี้และเธอ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย เพราะชายคนนี้เป็นนักธุรกิจชื่อดังและมีอิทธิพล มิหนำซ้ำยังมีลูกน้องตามประกบตลอด “ปล่อยผู้หญิง…” เสียงนี่มัน…รู้สึกคุ้นหูพิกล วินาทีที่ได้ยินเสียงนั้น หัวใจที่นิ่งสงบของเธอก็พลันเต้นแรง ภาพในอดีตที่จัดเก็บไว้ในความทรงจำถูกขุดขึ้นมาฉายในหัว เธอมองไม่เห็นเจ้าของเสียงนั้น เพราะเขายืนอยู่ข้างหลังเธอ ทั้งที่ยังไม่เห็นหน้า แต่หัวใจของเธอกลับรู้สึกคุ้นเคยกับน้ำเสียงนั้นเหลือเกิน… “มึงเป็นใคร มาแส่อะไร” “ก็แค่เห็นแล้วมันขัดตา” ตึกตัก ตึกตัก นี่คือเสียงหัวใจของเธอที่กำลังเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากขั้ว ถึงไม่เห็นหน้า แต่วิธีการพูดรวมถึงประโยคที่อีกฝ่ายเปล่งออกมา ช่างเหมือนกับ…เขาคนนั้น “ถ้าไม่อยากเดือดร้อน ก็อย่ามายุ่ง” “แค่ไม่ชอบเวลาเห็นผู้หญิงโดนรังแก” “ไอ้นี่แม่งวอนซะ…” “นายครับ! อย่าครับ…” ลูกน้องของชายขี้เมาเข้ามาปรามพร้อมดึงตัวเจ้านายที่ปรี่ไปกระชากคอเสื้อเจ้าของประโยคนั้นออกมา “อย่ามาห้าม กูจะเอาเลือดปากมันออก!” “กลับเถอะครับนาย คนๆ นี้ไม่ใช่คนที่นายควรมาต่อกรด้วย” พอลูกน้องชายขี้เมาพูดจบ ก็ได้กระซิบบางอย่างให้เจ้านายของตนได้รับรู้ พอชายขี้เมารับรู้ ใบหน้าก็เริ่มถอดสีอย่างเห็นได้ชัด “ขอโทษ ผมไม่คิดว่าจะเป็นคุณ…คุณอลัน” “….” ชื่อที่ชายขี้เมาเปล่งออกมา ยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงหนักกว่่าเดิมหลายเท่า อลัน จะใช่อลันคนเดียวกับที่เธอคิดถึงมาตลอดหลายปีหรือเปล่านะ… ภาวนาขอให้ใช่เขา คนที่เธอเฝ้ารอมานานหลายปี หากไม่ใช่เขาอย่างที่คิดไว้ เธอคงผิดหวังมากไม่น้อย เพราะตอนนี้…เธอกำลังคาดหวังให้เป็นเขาเบลินดานั่งมองหน้าโพรไฟล์ตัวเองบนเว็บไซต์เพื่อรอให้แขกวีไอพีมาขอแมตต์ใช้บริการ จำนวนเงินที่เสนอไปค่อนข้างมาก ซึ่งไม่รู้ว่าจะมีใครมากดสนใจหรือเปล่า เธอนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเองสลับกับเวลาที่โชว์หลาบนมุมขวาของหน้าจอ ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกับอีกสามสิบนาที ก่อนหน้านี้เธอคิดหนักเรื่องเงินมากเพราะไม่รู้ว่าจะหามาจากไหนให้ทันระยะเวลาที่เจ้าหนี้กำหนด จำนวนเงินที่พ่อเธอติดหนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆ โชคดีที่ทางนั้นเรียกจำนวนเงินที่จะต้องจ่ายในสามวันข้างหน้าไม่มากมายนักเพราะยังพอมีปัญญาหาได้ ติ้ง…เสียงแจ้งเตือนผ่านโทรศัพท์ช่วยฉุดดึงเธอออกจากภวังค์ความคิด เธอเหลือบสายตามามองหน้าจอโทรศัพท์ พบว่าตอนนี้มีคนมากดถูกใจเธอแล้ว เธอกดเข้าไปอ่านประวัติเขาคนนั้น แต่กลับไม่มีอะไรให้อ่านเพราะลูกค้าวีไอพีรายนี้ไม่ใส่ข้อมูลส่วนตัว แถมรูปโพรไฟล์ยังไม่มีอีกต่างหาก เบลินดา : สวัสดีค่ะเธอตัดสินใจทักไปหาเขาคนนั้น รอไม่นานนักอีกฝ่ายก็ส่งข้อความตอบกลับมาแขกวีไอพี : โรงแรม A ชั้น30 ห้อง 510เบลินดา : จะเป็นอะไรไหมคะ ถ้าจะขอดูหน้าแขกวีไอพี : 21:30 น. ห้ามเลทแขกวีไอพีคนนั้นไม่ได้ตอบคำถามของเธอ แต่กลับส่งเวลานัดหมายกลั
แกร๊กเธอเปิดประตูบ้านเข้ามาในช่วงหกทุ่มท่ามกลางความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและความเงียบเหงาภายในบ้าน หากเป็นบ้านหลังอื่น ทุกคนคงเข้านอนกันหมดแล้ว หากแต่บ้านเธอไม่ใช่ แม่ของเธอไม่ได้นอนที่นี่มาเกือบเดือนหนึ่งแล้วแต่กลับไปนอนที่บ้านของตาและยายเธอ เพราะไม่อยากเห็นหน้าพ่อ แต่ใช่ว่าจะไม่กลับมา พอพระอาทิตย์ของวันใหม่ขึ้น แม่เธอก็กลับมาที่นี่ ส่วนพ่อเธอก็กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้างเพราะติดการพนันและเหล้าหนัก พ่อเธออยู่บ่อนคาสิโนบ่อยกว่าอยู่บ้านเสียอีก เท่ากับว่่าในแต่ละวัน บ้านหลังนี้มีเพียงเธอและน้องชายสองคนเท่านั้น“กลับมาแล้วเหรอพี่เบย์” ไบร์ท น้องชายของเบลินดาเอ่ยถาม “อืม แล้วทำไมยังไม่นอน”“หิวน้ำ” “พรุ่งนี้สอบเหรอ?”“ใช่ เพิ่งอ่านหนังสือเสร็จ”“ตั้งใจสอบนะ” เธอพูดพลางเดินไปยังตู้เย็นเพื่อหยิบน้ำออกมาดื่ม บ้านหลังนี้มีเพียงเธอและน้องชายอยู่ด้วยสองคน “พี่รู้เรื่องรึยัง”“อะไรเหรอ?”“ตอนหนึ่งทุ่มแม่เอาข้าวมาให้ แล้วเห็นพ่อกำลังออกไปข้างนอกพอดี พ่อแม่ทะเลาะกัน แล้วแม่ก็ขอหย่ากับพ่อ”“….” เธอชะงักแก้วน้ำในมือที่กำลังถูกกระดกดื่ม สายตาพลันไปมองไบร์ทที่พูดเรื่องนี้ขึ้น หัวใจพลอยกระตุกตาม “ผ
ราวกับโลกทั้งใบของเธอหยุดเคลื่อนไหวลงเมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่มที่เธอรอคอยมานานหลายปีออกจากปากของชายขี้เมา หัวใจเต้นแรงไม่ต่างจากแผ่นดินที่กำลังสั่นไหวอยู่หลายริกเตอร์ แม้ไม่เห็นหน้าค่าตาคนข้างหลัง หากแต่วิธีการพูดและน้ำเสียงโทนนั้นอดทำให้คิดไม่ได้เลยว่าเขาคือ…คนๆ นั้น“กลับกันเถอะครับนาย” ด้วยความไม่อยากให้เจ้านายเสียโอกาสในการเจรจาขอทำธุรกิจร่วมกับคนตรงหน้า จึงพยายามเกลี่ยกล่อมให้เจ้านายยอมถอยออกมา“ขอโทษที่เสียมารยาท ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณ” ชายขี้ขยับเรียวปากพูดขึ้น “ถ้ารู้แล้วก็กลับไป อย่ามากร่างแถวนี้” ชายหนุ่มที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋าเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ แววตาคมเข้มเต็มไปด้วยความเย็นชาทำให้ชายขี้เมาทำอะไรไม่ถูกนอกจากยอมถอยออกมาแต่โดยดีคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่ตัวเองควรไปต่อกรด้วย ไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ อลัน ลูกชายคนเดียวของออสติน ที่เกิดในตระกูลมาเฟียเก่าแก่ที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว และสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันถ้าอยากรอด ต้องยอมเป็นฝ่ายถอย…“….” เธอมองรองเท้าสีดำที่เคลื่อนมายืนข้างๆ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นเพื่อมองเจ้าของรองเท้า ทว่าไม่ทันที่สายตาจะสะท้อนใบหน้า เขาก็ก้าวเท้าเดินออ
หลายปีต่อมา“ดึกมากแล้วนะน้องเบย์ ทำไมถึงยังไม่กลับบ้านอีก” “คืนนี้เบย์ทำโอทีแทนกายน่ะค่ะพี่มิล” เธอหันไปตอบกลับเจ้าของประโยคนั้นมิล พี่คนสนิทที่เธอเคารพและรักเหมือนพี่สาวแท้ๆ คนหนึ่ง ทุกคนที่นี่รู้จักในนามของแม่เล้า เพราะมิลทำหน้าที่ช่วยประสานผู้หญิงสวยๆ ให้กับเสี่ยรวยๆ ที่เข้ามาใช้บริการหาความสุขกับสาวสวย “กลับเถอะ เดี๋ยวพี่ให้เด็กมาทำต่อเบย์เอง” มิลขยับเรียวปากสีแดงสดพูด สายตาดุจนางพญาจ้องมองเบลินดาด้วยความสงสารปนเอ็นดูในเวลาเดียวกัน หลายเดือนก่อนเบลินดามาขอทำงานด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็รู้ดีว่ามันคืองานอะไร แต่ก็ดึงดันจะทำให้ได้เพราะต้องการใช้เงินจำนวนมากเพื่อเอาไปใช้หนี้ให้ทางบ้าน ด้วยความสงสารและเอ็นดูจึงรับเบลินดามาทำงานด้วย โดยให้ทำในหน้าที่อื่นที่ไม่ใช่งานอย่างว่า “ใกล้เสร็จแล้วค่ะพี่มิล”“พี่เห็นเบย์ทำงานโดยไม่มีวันหยุดพัก ถามจริง ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ?”“เหนื่อยค่ะ แต่เบย์ต้องทำ” เธอเงยหน้าขึ้นไปตอบด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเหนื่อยก็พัก เกิดเป็นไรขึ้นมาจะทำยังไง ร่างกายของเบย์ไม่ได้ไหวตลอดเหมือนใจเบย์หรอกนะ”“ขอบคุณพี่มิลมากๆ นะคะที่เป็นห่วง แต่เบย์ยังไหว”“อืม พี่ไปก่อน ทำงานเสร็จแล้วมา
วันต่อมา“ทำไมวันนี้ถึงมาเรียนสายขนาดนี้” หมั่นโถวเอ่ยถามเบลินดาที่วิ่งหอบเข้ามาในห้องเรียนในเวลาสิบโมงเช้า “ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยน่ะ” เธอตอบพร้อมวางกระเป๋าลงโต๊ะเรียนแล้วหย่อนตัวนั่งลงข้างกายหมั่นโถว แอบยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาที่กลิ้งลงมาบนแก้มออกโดยไม่ให้เพื่อนสนิทเห็น“แกร้องไห้เหรอ?” แม้เบลินดาจะแอบนั่งปาดน้ำตาโดยไม่ให้เห็น แต่ใช่เธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทกำลังร้องไห้“เปล่า…”“เรื่องที่บ้านใช่ไหม?” หมั่นโถวถาม ก่อนหน้านั้นเบลินดาเคยระบายเรื่องในครอบครัวให้ตนฟัง และได้เห็นอีกมุมของเพื่อนสนิทที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ร่าเริงและมีความสดใสฉายออกมาจากแววตาตลอดเวลา ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านั่นเป็นเพียงฉากหน้าที่เบลินดาแสดงออกมาเพื่อกลบเกลื่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง“ช่างมันเถอะ” เธอไม่อยากคิดถึงเรื่องที่บ้านเพราะยิ่งคิด ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่ ตอนนี้ทางบ้านเธอประสบปัญหาหนี้สิน เพราะพ่อเธอติดการพนันแถมยังเอาบ้านไปประกันเจ้าหนี้ จำนวนเงินที่พ่อเธอเป็นหนี้ไม่ใช่น้อยๆ ทำให้แม่เธออยากหย่ากับพ่อเพื่อที่จะหลุดพ้นจากเรื่องนี้แต่ติดตรงมีเธอและน้องชาย นี่เลยทำให้แม่ไม่สามารถไปไหนได้“แก
“กรี๊ดดดด!!!” เสียงร้องเชียร์ของเด็กนักเรียนโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสนามฟุตบอลด้วยความตื่นเต้น สายตาทุกคู่จดจ่อไปยังนักเรียนชายที่กำลังแข่งขันฟุตบอลอย่างดุเดือดและไม่มีใครยอมใครเบลินดา เดินถือถาดที่มีแก้วเปล่ามาวางไว้บนอัฒจันทร์เพื่อให้นักกีฬาที่กำลังแข่งขันในสนามได้ใช้ดื่มน้ำ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังหนึ่งในนักเรียนชายที่กำลังวิ่งใช้เท้าเลี้ยงลูกบอลเพื่อไปยังโกของฝ่ายตรงข้ามด้วยรอยยิ้ม แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกรักใคร่และปลาบปลื้มอลัน รุ่นพี่มอหกที่เธอกำลังแอบรัก เพราะความประทับใจที่อีกฝ่ายช่วยตัวเองจากนักเลง ทำให้เธอตกหลุมรักผู้ชายคนนี้ไปโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทว่าเขากลับอยู่ท่ามกลางความรักของนักเรียนสาวหลายคนในโรงเรียน ไม่ได้มีเพียงเธอที่ตกหลุมรักเขา ผู้หญิงทุกคนในโรงเรียนต่างเทใจให้เขาเกือบหมดทุกคนเขาไม่ได้มีเพียงใบหน้าที่หล่อเหลาราวเทพบุตร แต่ยังสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนมาแล้วมากมาย มิหนำซ้ำยังเรียนเก่งมากอีกต่างหาก อันดับของเขาอยู่ที่หนึ่งตลอด และไม่มีใครกระโดดขึ้นไปแทนที่เขาได้เพอร์เฟกต์อย่างเขา ต้องคนที่เพอร์เฟกต์เหมือนกันเท่านั้นที่คู่ควรแก่การยืนข้างกา







