Se connecter@มหาวิทยาลัย
“ยัยมิน!” เสียงของเม็ดทรายที่ดังขึ้นช่วยฉุดรั้งสติของมินตราที่กำลังหยุดมองอะไรบางอย่างระหว่างกำลังเดินเข้าอาคารเรียนให้หันกลับมามองยังต้นทางของเสียงอีกครั้งก่อนที่เรียวปากบางจะเอ่ยถามคนตรงหน้าไปอย่างคนที่เพิ่งได้สติจนเม็ดทรายเผลอส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับการกระทำของเพื่อนตนเอง “วะ...ว่าไงนะ” “ฉันเรียกเธอหลายรอบแล้วนะ เหม่ออะไรขนาดนั้น” “ก็...” “อย่าบอกนะว่าแอบมองพี่เขาอีกแล้ว” “...” มินตราที่โดนจับได้ก็เงียบไม่ตอบเพื่อนของตัวเองอย่างไปต่อไม่ถูกซึ่งการกระทำเหล่านั้นยิ่งทำให้หญิงสาวถูกจับได้ขึ้นไปอีก “นี่เธอแอบมองพี่เขาทุกวันไม่เบื่อบ้างหรอ ฉันเห็นเธอแอบชอบพี่เขาตั้งแต่ตอนปีหนึ่งแล้วนะ ชอบแล้วทำไมไม่บอกไป ล่ะจะมาคอยมองหาอย่างนี้ทำไม เธอเองก็ออกจะสวยน่ารักสเปคผู้ชายขนาดนี้ พี่เขาอาจจะสนใจก็ได้นะ” เม็ดทรายบ่นเพื่อนรักตัวเองชุดใหญ่ เธอรู้ว่ามินตราแอบชอบรุ่นพี่วิศวะปีสี่มาตั้งแต่ตอนที่พี่เขายังอยู่ปีสามแล้ว แต่มินตราก็ไม่เคยไปบอกชอบตรงๆ หรือไปแสดงตัวให้พี่เขาเห็นเลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่ตัวของหญิงสาวเองก็ทั้งสวยทั้งน่ารัก ตรงสเปคของผู้ชายหลายๆ คน แต่เธอก็ยังคงอยู่ในจุดเดิมอยู่อย่างนั้น จุดที่เอาแต่แอบมองและหวังดีกับเขาอยู่เงียบๆ คนเดียว เม็ดทรายรู้สึกว่าบางทีเธออาจจะคิดง่ายไปก็ได้ แต่สำหรับเธอแล้วถ้าชอบก็แค่บอกออกไปก็แค่นั้น ต่างจากหญิงสาวอีกคน “มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย...” มินตราพูดกับตัวเองเบาๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งปีก่อน @วันวาเลนไทน์ปีที่แล้ว ร้านค้าที่เต็มไปด้วยช่อดอกไม้และของน่ารักมากมายที่คนมักจะนิยมนำไปมอบให้คนรักซึ่งในนั้นมีเด็กสาวปีหนึ่งคนหนึ่งกำลังเลือกของอยู่เช่นกัน “พี่เขาจะชอบไหมนะ...” มินตรายืนบ่นกับตัวเองด้วยเสียงแผ่วเบา ในหัวของเธอตอนนี้มีแต่คำถามและความสับสนเต็มไปหมดว่าเธอควรจะเลือกของชิ้นไหนดี “แต่เราไม่เคยเห็นเขาสนใจอะไรเป็นพิเศษเลยนะ” “จะซื้อไปให้แฟนหรอจ๊ะ” เสียงของแม่ค้าดังขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่ยืนเลือกของมาได้สักพักหนึ่งแล้วแต่เธอก็ยังไม่ตัดสินใจซื้อชิ้นไหนเสียที “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่แฟน” มินตรารีบปฏิเสธออกไปทันทีด้วยกลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดทว่าเธอก็ยังคงไม่กล้าบอกออกไปอยู่ดี “เอ่อ คือ...” “อ๋อ จะซื้อไปสารภาพรักล่ะสิ” แม่ค้าพูดขึ้นอย่างรู้ทันในท่าทีของหญิงสาว ซึ่งมินตราก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับไปเมื่อถูกจับได้ “แล้วลังเลอะไรล่ะ” “เอ่อ คือ...” “คือหนูไม่รู้น่ะค่ะ ว่าเขาชอบอะไร” เรียวปากบางตอบกลับเสียงเบาอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไรนัก “ทำไมไม่เลือกของที่คนเขาซื้อกันเยอะๆ ล่ะ” แม่ค้าเสนอขึ้น “...” “หรือไม่ก็เป็นของแทนใจก็ได้” “ของแทนใจ?” “ก็ใช่น่ะสิ เรารู้สึกยังไงแล้วตั้งใจอยากจะบอกอะไรล่ะ เราก็ใช้ของชิ้นนั้นแทนความรู้สึกเราเลย ถ้าเราตั้งใจให้ ตั้งใจทำเพื่อเขาจริงๆ เขาต้องรับรู้ความรู้สึกได้อยู่แล้ว” ร่างบางคิดตามที่แม่ค้าบอกอย่างตั้งใจ มินตราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะหันไปเห็นตุ๊กตาหมีสีชมพูน่ารักที่วางอยู่ ดวงตากลมโตจ้องมองสิ่งนั้นพักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจเดินไปหยิบมันในที่สุด “อ๊ะ!” แต่แล้วปากเล็กก็ต้องหลุดเสียงอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเผลอเดินชนเข้ากับสาวสวยหุ่นดีคนหนึ่ง มินตราชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้มองหน้าหญิงสาวคนนั้นใกล้ๆ แต่เมื่อได้สติจึงรีบเอ่ยขอโทษออกไป “ขะ...ขอโทษค่ะ” “ไม่เป็นไรจ้ะ” สาวสวยคนนั้นยิ้มตอบกลับอย่างใจดี แล้วจึงเดินไปเลือกซื้อของต่อ “สวยจัง...” เรียวปากบางเอ่ยชมออกมาเสียงเบาพร้อมกับจ้องมองหญิงสาวคนนั้นอยู่พักใหญ่ ใบหน้าหวานส่ายหน้าเล็กน้อยเพื่อเรียกสติจากนั้นจึงเดินไปหยิบตุ๊กตาหมีสีชมพูน่ารักมาเพื่อจ่ายเงิน @มหาวิทยาลัย -คณะวิศวกรรมศาสตร์ ฟู่วว~ เสียงถอนหายใจของมินตราดังขึ้นที่มุมตึกใกล้ๆ โต๊ะที่รุ่นพี่หนุ่มชอบนั่ง เธอมาดักรอเขาตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนเพื่อเตรียมตัว ร่างบางพยายามตั้งสติและนึกคำพูดมากมายที่อยู่ในหัว มือเล็กนั้นสั่นเทาและเย็นเฉียบด้วยความตื่นเต้น “พี่คะ คือ...หนูชื่อมินตรานะคะ ขอบคุณนะคะที่พี่ช่วยหนูวันนั้น คือว่า...” หญิงสาวพยายามเรียบเรียงคำพูดที่จะสารภาพออกไปอย่างยาวเหยียดจากนั้นจึงให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง “เธอทำได้มินตรา เธอทำได้” ร่างเล็กพูดกับตัวเองซ้ำๆ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่เสียงเข้มของผู้ชายจะดังขึ้นยังบริเวณด้านหน้า “เฮ้ย ไอ้วี วันนี้กินไรดีวะ” “ร้านเดิมก็ได้ วันนี้กูต้องรีบกลับ” “เฮ้ย ยังไม่กลางคืนเลยนะคะเว้ย รีบเหรอวะ” เสียงผู้ชายกลุ่มหนึ่งดังขึ้นทำให้มินตรารีบหันไปมองทันที แม้จะไม่ได้ยินชื่อของเขาแต่เธอก็จำเสียงของเขาได้ดี หญิงสาวเรียกความมั่นใจให้ตัวเองอีกครั้ง ก่อนตั้งท่าจะเดินเข้าไปแต่แล้ว... “ชาร์วีคะ” เสียงหวานดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวสวยคนที่เธอเพิ่งเจอที่ร้านนั้น “ผู้หญิงคนนั้นนิ” มินตราที่ยืนอยู่ไม่ไกลพูดขึ้น ก่อนจะยืนมองเหตุการณ์นั้นอยู่เงียบๆ หญิงสาวยื่นดอกไม้ช่อใหญ่ให้กับชาร์วี ซึ่งเขาก็มองดอกไม้นั้นนิ่ง “Happy Valentine's Day ค่ะ” เธอพูดพร้อมส่งยิ้มหวานออกไป “...” “หึ...” “...ขอบใจนะ” ชาร์วีนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะแสยะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจแล้วรับดอกไม้จากหญิงสาวไป “แล้วแนทจะรอนะคะ” เธอยิ้มกว้างเมื่อเห็นชาร์วีรับช่อดอกไม้พลางขยับเขาไปกระซิบบอกชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงยั่วยวนจากนั้นจึงเดินออกมา มินตราที่ยืนมองอยู่ได้แต่นิ่งไปกับภาพตรงหน้าที่เห็นเหมือนมีเข็มมากมายมาปักที่หัวใจเมื่อเห็นชาร์วีรับดอกไม้มา แต่ยังไม่เท่า... “มึงเอาปะ” เมื่อหญิงสาวเดินออกไปแล้วชาร์วีจึงยื่นดอกไม้ให้เพื่อนของเขาที่เดินมาด้วยกัน “เฮ้ย อะไรวะ เขาให้มึงแล้วมึงจะเอามาให้กูทำไม” “ไม่เอาใช่ปะ” “...” “ก็ดี” ชาร์วีพูดขึ้นก่อนจะเดินมาทางที่มินตรายืนอยู่ หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาใกล้ ตุ้บ! ชาร์วีเดินผ่านหน้าหญิงสาวไปยังถังขยะซึ่งอยู่ไม่ไกลก่อนจะโยนช่อดอกไม้นั้นทิ้งแล้วเดินออกมาอย่างไม่ใยดี “ไอ้วี นี่มึงทำเชี้ยไรวะ” เพื่อนของชาร์วีพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นเขาเอาช่อดอกไม้นั่นทิ้งทั้งๆ ที่ยังรับมาได้ไม่ถึงสองนาทีด้วยซ้ำ “วันนี้ไปดื่มดีกว่า กูขี้เกียจแล้ว” “แล้วที่ผู้หญิงคนนั้นบอกอะ มึงไม่ไปเหรอวะ” “เหอะ ไร้สาระ” ชาร์วีตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ไอ้เชี้ย แม่งโคตรเลวเลยว่ะ กูก็พอรู้อยู่หรอกนะว่ามึงเป็นคนไม่สนใจความรักอะ แต่ทำไมมึงไม่ปฏิเสธเขาไปวะ” “จำเป็นที่กูต้องสนใจ? ให้มาก็แค่รับก็ถูกแล้วปะ” “...” “สรุปมึงจะไปไม่ไป?” “ไปดิ” แล้วเขาและเพื่อนก็เดินตรงไปยังรถยนต์คันหรูที่จอดอยู่ทันที@วันวาเลนไทน์-คอนโดชาร์วี"แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารจริงๆ" ร่างสูงที่กำลังถือจานอาหารเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอีกครั้งซึ่งมินตราที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานก็วางดอกไม้ในมือลงแล้วตอบกลับแฟนหนุ่มไปอย่างมั่นใจ"ทานที่ห้องนี่แหละค่ะ ที่ร้านอาหารคนเยอะและมินก็อยากอยู่กับพี่วีสองต่อสองมากกว่า""หึ เป็นเด็กติดพี่เหรอ""ติดแฟนค่ะ" ใบหน้าหวานหันกลับมาตอบกลับอย่างทะเล้นก่อนที่ชาร์วีจะวางอาหารที่สั่งมาลงบนโต๊ะกระจกแล้วสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพลางเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องหน้าแดงออกมา"กินที่ห้องก็ดีเหมือนกัน จะได้อุ้มขึ้นเตียงง่าย"เพี๊ยะ!"พะ...พอเลยค่ะ ครั้งก่อนก็โดนปะป๊าจับได้ มินอายนะคะ" มือเรียวฟาดที่ต้นแขนแกร่งอย่างแรงแล้วทำหน้ามุ่ยออกมาให้กับความหื่นของรุ่นพี่หนุ่มที่เขาได้ทำเรื่องน่าอายไว้ที่บ้านของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจนธันวาเดินเข้ามาเห็นภาพที่ชาร์วีกำลังซุกไซ้เธออยู่ในห้องครัว"ครั้งนี้ทำบนเตียง ไม่ได้ทำที่ห้องครัวแล้ว""ชิ มินไม่พูดกับพี่แล้วค่ะ" มินตราแสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดออกมาแล้วหยิบดอกกุหลาบที่เหลืออยู่ขึ้นมาจัดใส่แจกันต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่กำลังคลอเคลียเธออย
"มิน! ฟังพี่ก่อน""มินตรา...มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ฝ่ามือแกร่งเลื่อนจับล็อกที่ท่อนแขนเรียวเอาไว้แล้วพยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นน้ำตาใสของคนตัวเล็กที่กำลังไหลออกมา"ฮึก...""ใจเย็นๆ นะมิน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ชาร์วีรั้งตัวของคนตัวเล็กเขามาสวมกอดไว้แน่นพลางลูบที่เรือนผมของเธอไปด้วยเพื่อให้มินตราใจเย็นลงแต่ว่าทุกอย่างมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น"ปล่อยมินค่ะ มินจะกลับบ้าน" มินตราพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของชายหนุ่มทว่าชาร์วีก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ"มันไม่มีอะไรจริงๆ นะมิน""แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีอะไร" น้ำเสียงที่เยือกเย็นดังออกมาจากคนตัวเล็กอีกครั้ง มินตราผละใบหน้าออกแล้วจ้องมองแฟนหนุ่มเขม็งในขณะที่ชาร์วีซึ่งพอจะรับรู้ถึงสายตาคนตรงหน้าได้ก็รีบบอกความจริงออกมาเพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องปิดบังเธออยู่แล้ว"ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรด้วยกันมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีเธอเราก็ไม่ได้ยุ่งกันอีก""พี่แน่ใจแล้วเหรอคะว่าไม่เคยยุ่งกันอีก" มินตราเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงสั่นในขณะที่ชาร์วีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงเพราะเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคน
@หลายเดือนต่อมา-มหาวิทยาลัย"คุยกับพี่ชาร์วีอยู่เหรอ" เสียงหวานของเม็ดทรายเอ่ยถามคนด้านข้างที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่หลังจากที่ออกมาจากห้องเรียนแล้วก่อนที่มินตราจะละสายตาจากหน้าจอแล้วหันมาตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มหวาน"ใช่~ พี่วีบอกว่ามารอหน้าตึกแล้ว""เฮ้อ เบื่อคนมีความรักจริงๆ เลย" หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ให้กับความคลั่งรักของทั้งสองคนที่ไม่ว่าจะเป็นมินตราที่มักพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเองให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ชาร์วีเองก็มารับมินตราทุกวันรวมถึงถ่ายรูปของเธอแล้วบอกรักลงอินสตาแกรมอยู่บ่อยครั้งจนทุกคนต่างอิจฉาให้กับความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ดูจะยิ่งมากขึ้นในทุกๆ วัน"แต่ก็เอาเถอะ เห็นว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จะยอมให้ก็แล้วกัน" เม็ดทรายแสร้งกอดอกแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนักจนมินตราหลุดเสียงหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเธอ"ฮ่าๆๆ งั้นเธอคงต้องยอมเราทุกวันแล้วล่ะเพราะเรากับพี่วีผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากกก" มินตรายิ้มตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกเหตุการณ์เธอยังคงจดจำมันได้อยู่เพียงแค่มันไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกหรือทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้วเพียง
"แฮ่ก~""พี่รักเรานะครับ" ชาร์วีกดจูบลงบนไหล่มนชุ่มเหงื่อแล้วบอกรักคนที่นอนอยู่ไปด้วยในขณะที่ตัวของเขาเองก็เหนื่อยหอบไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาดึงแก่นกายใหญ่ออกจนน้ำคาวสีขุ่นไหลทะลักออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนราบแล้วจับร่างบางขึ้นมานั่งบนหน้าตักไปด้วย"พี่วี ไม่ทำแล้วนะคะ มินเหนื่อยแล้ว" มินตรางอแงออกมากชุดใหญ่อย่างรับรู้ความต้องการของแฟนหนุ่ม เพียงแค่เห็นความใหญ่โตที่ผงาดขึ้นอีกครั้งตรงหน้าก็พาลทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ"พี่บอกแล้วไงว่าจะปล่อยเราตอนทุ่มครึ่ง แต่ถ้า..." ปากหนาจงใจเว้นคำในประโยคสุดท้ายแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสเอวคอดไปด้วยจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนที่ชาร์วีจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ"ถ้าเราขึ้นให้พี่ พี่จะให้จบแค่น้ำเดียว""ละ...ลามกที่สุดเลย" ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายให้กับคำพูดลามกของคนด้านล่างแล้วพยายามลุกขึ้นออกจากตรงนั้นทว่ากลับโดนฝ่ามือแกร่งรั้งเอวคอดไว้มั่นจนเธอไม่สามารถหนีไปได้"พี่ให้เวลาเราตัดสินใจนะ ถ้าเราหนีอีกพี่จะจับกระแทกจนถึงเวลาที่บอก" "อึก..." มินตราลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้กับท่าทีที่ดูจริงจังเหล่านั้นพลางเม้มปากเข้าหากันแน่
"เลิกร้องได้แล้วครับ" มือหนาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานอย่างอ่อนโยนในขณะที่คนตัวเล็กยังคงสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ อยู่ ชาร์วีอมยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนิสัยที่ขี้แงของหญิงสาวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็ตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้จากนิสัยนั้นเหมือนกัน"ดีขึ้นหรือยัง""ฮึก! มะ...มันยังอยากร้องอยู่เลยค่ะ อึก มินกลั้นน้ำตาไว้ได้""งั้นไปร้องต่อในห้องก็แล้วกันนะ แต่เป็นร้องคราง""อ๊ะ! ไม่ทำนะคะพีวี" ร่างเล็กออกแรงดิ้นเมื่อถูกคนตัวสูงช้อนตัวเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็วทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอไม่สามารถสู้ชาร์วีได้ ชายหนุ่มวางแฟนสาวลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบาจากนั้นจึงรีบไปคร่อมตัวของเธอเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ตามลำคอขาวเนียนด้วยความหื่นกระหาย"อื้ออ~ พี่วีทำเบาๆ หน่อยค่ะ อ๊ะ! มินเจ็บนะคะ ยะ...อย่าทำรอยเดียวปะป๊าเห็น อื้ออ" เรียวปากบางส่งเสียงร้องประท้วงออกมาไม่หยุดเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชาร์วีสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของคนตัวเล็กอย่างหลงใหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงร่างบางนุ่นนิ่มนี้มาตลอด"ไม่ไหวแล้วมิน พี่ขอเอาเลยนะ" ชายหนุ่มผละใบหน้าออกมาเอ่ยบอกเสียงแหบพร่าแล้วรีบปลดเปลื้องเส
@วันต่อมา-บ้านมินตรา"พี่วีอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวมินก็ใจอ่อนหรอก" มินตราแสร้งทำหน้ายู่ออกมาแล้วเอ่ยต่อว่าคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนักให้กับสายตาที่ดูอ้อนวอนของชายหนุ่มเนื่องจากเธอจะไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดด้วยกัน"เพิ่งได้นอนกอดกันแค่คืนเดียวเอง ยังไม่หายคิดถึงเลย" ร่างสูงรั้งคนตัวเล็กเข้าไปสวมกอดไว้แน่นด้วยความโหยหาพลางกดปลายจมูกโด่งลงบนศีรษะทุยเล็กไปด้วยจนมินตราลอบยิ้มออกมาให้กับความออดอ้อนของเขา"มินนอนที่บ้านแค่ไม่กี่วันเองค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ""ไม่กี่วันตรงไหน ตั้งสี่วัน แล้วยังได้กลับไปนอนด้วยกันแค่สองวันเอง""ปกติตอนปิดเทอมมินกลับมานอนที่บ้านเป็นเดือนเลยนะคะ ตอนนี้เหลือแค่เป็นวันเอง~ มานอนที่บ้านสี่วันแล้วกลับไปนอนกับพี่สองวันมันก็ไม่น้อยเลยนะคะ""แต่ฉันอยากมีเวลาสัมผัสเธอมากกว่านี้""น้อยๆ หน่อย นี่ยังอยู่ที่บ้านอยู่นะ" ธันวาที่เดินออกมาเอ่ยบอกชายหนุ่มรุ่นลูกที่กำลังกอดหอมลูกสาวของเขาอยู่เสียงดุทำให้ชาร์วีต้องยอมผละตัวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในขณะที่มินตราก้มหน้างุดด้วยความเขินอายที่พ่อของตัวเองเข้ามาเห็นในเวลาแบบนี้"ถึงพ่อจะอนุญาตให้คบกันแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว