Se connecter@ปัจจุบัน
“เฮ้ออ~” มินตราลอบพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ทั้งภาพที่ชาร์วีทิ้งช่อดอกไม้ของสาวสวยคนนั้น ทั้งคำพูดของเพื่อนเขาที่บอก มันยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเธอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เธอไม่ยอมสารภาพรักออกไปสักที “เป็นอะไรของเธออีกเนี่ย หรือฉันพูดแรงไปเหรอ” เม็ดทรายถามมินตรากลับไปด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักเงียบไป “เปล่าๆ เราไม่ได้เป็นอะไรหรอก” หญิงสาวยิ้มตอบกลับไป “เราอยู่ของเราแบบนี้แหละดีแล้ว เม็ดทรายไม่ต้องเป็นห่วงนะ เราโอเค” “เฮ้ออ เธอนี่จริงๆ เลย นึกยังไงไปชอบคนแบบนั้นนะ แถมยังไม่ยอมบอกเขาไปอีก รักครั้งแรกก็ดราม่าแล้วเหรอเด็กน้อย” เม็ดทรายเอ่ยหยอกล้อเพื่อนสนิทพลางเลื่อนมือไปลูบที่ศีรษะเล็กของหญิงสาวไปด้วย “เม็ดทรายเราไม่ใช่เด็กแล้วนะ!” มินตราที่โดนล้อเลียนแหวใส่เสียงเขียวแล้วทำหน้ายู่แสดงถึงความไม่พอใจออกมาซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะให้แก่หญิงสาวอีกคนได้ไม่ยาก “ฮ่าๆๆ ไปเถอะไปเข้าเรียนกัน อาจารย์น่าจะใกล้มาแล้ว” “อื้ม!” แล้วทั้งสองก็เดินเข้าไปในตึกเรียนพร้อมกัน โดยระหว่างทางก็มีการพูดคุยกันอย่างสนุกสนานซึ่งจะเป็นเม็ดทรายที่ชวนมินตราคุยไม่หยุดเสียมากกว่าเพราะเธอไม่อยากให้เพื่อนรักต้องคิดมาก สำหรับเธอแล้วเธอรู้จักมินตราดีกว่าใคร เธอรู้ดีว่าถึงแม้ภายนอกมินตราจะทำเหมือนไม่เป็นอะไรแต่ลึกๆ ข้างใน...ตัวเธอก็เจ็บปวดเหมือนกัน มินตราแอบชอบชาร์วีตั้งแต่ตอนเพิ่งเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ ด้วยเหตุผลอะไรตัวของเม็ดทรายเองก็ไม่รู้เหมือนกันรู้เพียงแค่ว่าชาร์วีเป็นทั้งรักแรกและรักเดียวของมินตรามาตลอดระยะเวลาเกือบสองปี ตัวของมินตราเองก็มีคนเข้ามาจีบมากมายเพราะเธอเป็นสเปคของผู้ชายหลายๆ คน แต่มินตราก็ปฏิเสธผู้ชายเหล่านั้นไปทุกคนไม่ว่าจะหล่อ รวย หรือนิสัยดีขนาดไหน คงจะมีเพียงคนเดียวที่มินตราเฝ้ามองและอยู่ในหัวใจของเธอมาตลอดก็คือผู้ชายที่ชื่อ"ชาร์วี" @หลังเลิกเรียน “นี่มินวันนี้ฉันเลี้ยงสาย เธอไปด้วยกันไหม” เสียงของเม็ดทรายดังขึ้นระหว่างกำลังเดินออกมาจากห้องเรียน “ที่ไหนเหรอ” “ที่ร้านxxx เป็นผับของปู่รหัสฉันเอง” “ผับงั้นเหรอ...” มินตราพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างลังเล เพราะเธอไม่เคยไปเที่ยวสถานที่แบบนั้นเลยสักครั้งแล้วก็ไม่คิดจะไปด้วยในความคิดของเธอมันดูอันตรายเกินไป “ไปเปิดหูเปิดตาหน่อยสิ ชวนสายรหัสของเธอมาด้วยก็ได้ ไปด้วยกันหลายๆ คนจะได้สนุก เดี๋ยวฉันจะเป็นองครักษ์ให้เธอเอง” “ฮ่าๆๆ เธอนี่ก็ไม่เห็นต้องพูดยาวขนาดนั้นเลย” มินตราหัวเราะขึ้นเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเพื่อนสนิท “ก็เธอไม่ค่อยไปไหนเลยนี่หน่า ฉันอยากให้เธอไปลองอะไรใหม่ๆ บ้าง” “อืม...งั้นเดี๋ยวเราขอโทรไปถามที่บ้านก่อนนะว่าปะป๊ากับหม่ามี๊ให้ไปหรือเปล่า” “อื้ม! ได้เลย” “งั้นเราขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เม็ดทรายรออยู่ตรงนี้แหละ เราไปล้างมือแปปเดียว~” เรียวปากบางเอ่ยบอกเสียงใสแล้วจึงเดินไปเข้าห้องน้ำตรงใต้ตึกคณะซึ่งอยู่ไม่ไกล มือบางหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมากดหาเบอร์ของแม่ตัวเองไปด้วยเพื่อจะโทรถาม แต่ก่อนที่เธอจะกดโทรไปนั้น... @หน้าห้องน้ำ “อ อ๊ะ พี่ชาร์วีคะ เบาๆ หน่อยค่ะ อ อ๊าา~” มินตราหยุดชะงักฝีเท้าทันทีเมื่อได้ยินชื่อของชาร์วีดังมาจากด้านในห้องน้ำ ซึ่งประตูด้านหน้าถูกปิดไว้และมีป้ายทำความสะอาดกั้นอยู่ “อื้มมม วันนี้แค่รอบเดียวนะถุงฉันหมด อ่าส์” เสียงของผู้ชายดังเล็ดลอดออกมา ถึงมันจะแผ่วเบากว่าที่ได้ยินรอบแรกแต่มินตราก็มั่นใจว่ามันคือเสียงของใคร มือบางกำโทรศัพท์ในมือแน่น ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้ยิน “ฮึก!” อยู่ดีๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ มินตรายกมือปิดปากตัวเองไว้แน่นแล้วพยายามกลั้นเสียงสะอื้น ในขณะที่เสียงในห้องน้ำก็ยังคงดังเล็ดลอดออกมาเรื่อยๆ เมื่อได้สติร่างบางก็รีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันทีเพราะไม่อยากทนรับรู้สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดใจ “อึก...ฮือออ” แม้จะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์ในตัวของเขาแต่เธอก็ไม่สามารถห้ามความเสียใจไว้ได้เลย มินตราปล่อยโฮออกมาอย่างหนักให้กับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่ เหมือนหัวใจของเธอมันแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงแม้เธอจะเคยเห็นชาร์วีไปกับผู้หญิงคนอื่นอยู่บ่อยครั้งแต่เธอก็ไม่เคยชินกับมันสักที เธออยากเป็นคนนั้นบ้าง คนที่ได้ยืนอยู่ข้างๆ เขา... กริ๊ง กริ๊ง~ เสียงโทรศัพท์ในมือดังขึ้นฉุดรั้งสติของมินตราให้กลับมาอีกครั้ง เธอมองหน้าจอเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิทจึงกดรับสายไป “วะ...ว่าไง~” มินตราพยายามทำเสียงให้เป็นปกติเพราะไม่อยากให้เม็ดทรายสงสัยพลางยกมือขึ้นมาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ แล้วฝืนยิ้มตอบกลับไป “นี่เธออยู่ไหนเนี่ย ทำไมไปเข้าห้องน้ำนานจัง” เสียงปลายสายแสดงถึงความเป็นกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ๆ มินตราก็หายตัวไปอีกทั้งเมื่อเธอไปหาที่ห้องน้ำก็ไม่เจออีกต่างหาก “เราอยู่ อึก ที่หลังมอน่ะ” “หลังมอ? เธอไปทำอะไรตรงนั้น” “พอดีปะป๊าโทรมาว่าวันนี้จะมารับเราพอดีน่ะ เราเลยมารอที่หลังมอ” “โอ๊ยยย แล้วเธอก็ทิ้งฉันให้เป็นห่วงแทบแย่” “แหะๆ ขอโทษนะ เราดีใจไปหน่อย” “ไม่เป็นไรๆ ฉันก็กลัวเธอจะเป็นอะไรไป ปลอดภัยก็ดีแล้ว งั้นวันนี้ก็ไม่ได้ไปใช่มะ...” “ไป” ยังไม่ทันที่เม็ดทรายจะพูดจบมินตราก็รีบตอบกลับไปทันที เธอหวังเพียงแค่ว่าการไปผับในครั้งนี้มันจะช่วยคลายความเสียใจให้เธอได้บ้าง เหมือนกับที่คนอื่นๆ ไปหาความสุขกันจากที่นั่น “หื้ม?” “เราอยากไปด้วยน่ะ เดี๋ยวเม็ดทรายส่งโลเคชั่นมาได้ไหม เราขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดก่อน” “งั้นให้ฉันไปรับไหม เธอไปคนเดียวมันอันตรายยิ่งไปเคยไปอยู่ด้วย” “อื้ม ได้สิ” “โอเคงั้นสองทุ่มเจอกันนะ” “โอเค” นิ้วเรียวยาวกดวางสายไปพลางยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาอีกครั้งแล้วนั่งอยู่คนเดียวตรงนั้นเงียบๆ ประมาณครึ่งชั่วโมงมินตราจึงนั่งรถกลับคอนโดไป@วันวาเลนไทน์-คอนโดชาร์วี"แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารจริงๆ" ร่างสูงที่กำลังถือจานอาหารเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอีกครั้งซึ่งมินตราที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานก็วางดอกไม้ในมือลงแล้วตอบกลับแฟนหนุ่มไปอย่างมั่นใจ"ทานที่ห้องนี่แหละค่ะ ที่ร้านอาหารคนเยอะและมินก็อยากอยู่กับพี่วีสองต่อสองมากกว่า""หึ เป็นเด็กติดพี่เหรอ""ติดแฟนค่ะ" ใบหน้าหวานหันกลับมาตอบกลับอย่างทะเล้นก่อนที่ชาร์วีจะวางอาหารที่สั่งมาลงบนโต๊ะกระจกแล้วสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพลางเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องหน้าแดงออกมา"กินที่ห้องก็ดีเหมือนกัน จะได้อุ้มขึ้นเตียงง่าย"เพี๊ยะ!"พะ...พอเลยค่ะ ครั้งก่อนก็โดนปะป๊าจับได้ มินอายนะคะ" มือเรียวฟาดที่ต้นแขนแกร่งอย่างแรงแล้วทำหน้ามุ่ยออกมาให้กับความหื่นของรุ่นพี่หนุ่มที่เขาได้ทำเรื่องน่าอายไว้ที่บ้านของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจนธันวาเดินเข้ามาเห็นภาพที่ชาร์วีกำลังซุกไซ้เธออยู่ในห้องครัว"ครั้งนี้ทำบนเตียง ไม่ได้ทำที่ห้องครัวแล้ว""ชิ มินไม่พูดกับพี่แล้วค่ะ" มินตราแสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดออกมาแล้วหยิบดอกกุหลาบที่เหลืออยู่ขึ้นมาจัดใส่แจกันต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่กำลังคลอเคลียเธออย
"มิน! ฟังพี่ก่อน""มินตรา...มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ฝ่ามือแกร่งเลื่อนจับล็อกที่ท่อนแขนเรียวเอาไว้แล้วพยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นน้ำตาใสของคนตัวเล็กที่กำลังไหลออกมา"ฮึก...""ใจเย็นๆ นะมิน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ชาร์วีรั้งตัวของคนตัวเล็กเขามาสวมกอดไว้แน่นพลางลูบที่เรือนผมของเธอไปด้วยเพื่อให้มินตราใจเย็นลงแต่ว่าทุกอย่างมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น"ปล่อยมินค่ะ มินจะกลับบ้าน" มินตราพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของชายหนุ่มทว่าชาร์วีก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ"มันไม่มีอะไรจริงๆ นะมิน""แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีอะไร" น้ำเสียงที่เยือกเย็นดังออกมาจากคนตัวเล็กอีกครั้ง มินตราผละใบหน้าออกแล้วจ้องมองแฟนหนุ่มเขม็งในขณะที่ชาร์วีซึ่งพอจะรับรู้ถึงสายตาคนตรงหน้าได้ก็รีบบอกความจริงออกมาเพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องปิดบังเธออยู่แล้ว"ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรด้วยกันมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีเธอเราก็ไม่ได้ยุ่งกันอีก""พี่แน่ใจแล้วเหรอคะว่าไม่เคยยุ่งกันอีก" มินตราเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงสั่นในขณะที่ชาร์วีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงเพราะเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคน
@หลายเดือนต่อมา-มหาวิทยาลัย"คุยกับพี่ชาร์วีอยู่เหรอ" เสียงหวานของเม็ดทรายเอ่ยถามคนด้านข้างที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่หลังจากที่ออกมาจากห้องเรียนแล้วก่อนที่มินตราจะละสายตาจากหน้าจอแล้วหันมาตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มหวาน"ใช่~ พี่วีบอกว่ามารอหน้าตึกแล้ว""เฮ้อ เบื่อคนมีความรักจริงๆ เลย" หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ให้กับความคลั่งรักของทั้งสองคนที่ไม่ว่าจะเป็นมินตราที่มักพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเองให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ชาร์วีเองก็มารับมินตราทุกวันรวมถึงถ่ายรูปของเธอแล้วบอกรักลงอินสตาแกรมอยู่บ่อยครั้งจนทุกคนต่างอิจฉาให้กับความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ดูจะยิ่งมากขึ้นในทุกๆ วัน"แต่ก็เอาเถอะ เห็นว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จะยอมให้ก็แล้วกัน" เม็ดทรายแสร้งกอดอกแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนักจนมินตราหลุดเสียงหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเธอ"ฮ่าๆๆ งั้นเธอคงต้องยอมเราทุกวันแล้วล่ะเพราะเรากับพี่วีผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากกก" มินตรายิ้มตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกเหตุการณ์เธอยังคงจดจำมันได้อยู่เพียงแค่มันไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกหรือทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้วเพียง
"แฮ่ก~""พี่รักเรานะครับ" ชาร์วีกดจูบลงบนไหล่มนชุ่มเหงื่อแล้วบอกรักคนที่นอนอยู่ไปด้วยในขณะที่ตัวของเขาเองก็เหนื่อยหอบไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาดึงแก่นกายใหญ่ออกจนน้ำคาวสีขุ่นไหลทะลักออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนราบแล้วจับร่างบางขึ้นมานั่งบนหน้าตักไปด้วย"พี่วี ไม่ทำแล้วนะคะ มินเหนื่อยแล้ว" มินตรางอแงออกมากชุดใหญ่อย่างรับรู้ความต้องการของแฟนหนุ่ม เพียงแค่เห็นความใหญ่โตที่ผงาดขึ้นอีกครั้งตรงหน้าก็พาลทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ"พี่บอกแล้วไงว่าจะปล่อยเราตอนทุ่มครึ่ง แต่ถ้า..." ปากหนาจงใจเว้นคำในประโยคสุดท้ายแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสเอวคอดไปด้วยจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนที่ชาร์วีจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ"ถ้าเราขึ้นให้พี่ พี่จะให้จบแค่น้ำเดียว""ละ...ลามกที่สุดเลย" ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายให้กับคำพูดลามกของคนด้านล่างแล้วพยายามลุกขึ้นออกจากตรงนั้นทว่ากลับโดนฝ่ามือแกร่งรั้งเอวคอดไว้มั่นจนเธอไม่สามารถหนีไปได้"พี่ให้เวลาเราตัดสินใจนะ ถ้าเราหนีอีกพี่จะจับกระแทกจนถึงเวลาที่บอก" "อึก..." มินตราลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้กับท่าทีที่ดูจริงจังเหล่านั้นพลางเม้มปากเข้าหากันแน่
"เลิกร้องได้แล้วครับ" มือหนาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานอย่างอ่อนโยนในขณะที่คนตัวเล็กยังคงสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ อยู่ ชาร์วีอมยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนิสัยที่ขี้แงของหญิงสาวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็ตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้จากนิสัยนั้นเหมือนกัน"ดีขึ้นหรือยัง""ฮึก! มะ...มันยังอยากร้องอยู่เลยค่ะ อึก มินกลั้นน้ำตาไว้ได้""งั้นไปร้องต่อในห้องก็แล้วกันนะ แต่เป็นร้องคราง""อ๊ะ! ไม่ทำนะคะพีวี" ร่างเล็กออกแรงดิ้นเมื่อถูกคนตัวสูงช้อนตัวเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็วทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอไม่สามารถสู้ชาร์วีได้ ชายหนุ่มวางแฟนสาวลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบาจากนั้นจึงรีบไปคร่อมตัวของเธอเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ตามลำคอขาวเนียนด้วยความหื่นกระหาย"อื้ออ~ พี่วีทำเบาๆ หน่อยค่ะ อ๊ะ! มินเจ็บนะคะ ยะ...อย่าทำรอยเดียวปะป๊าเห็น อื้ออ" เรียวปากบางส่งเสียงร้องประท้วงออกมาไม่หยุดเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชาร์วีสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของคนตัวเล็กอย่างหลงใหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงร่างบางนุ่นนิ่มนี้มาตลอด"ไม่ไหวแล้วมิน พี่ขอเอาเลยนะ" ชายหนุ่มผละใบหน้าออกมาเอ่ยบอกเสียงแหบพร่าแล้วรีบปลดเปลื้องเส
@วันต่อมา-บ้านมินตรา"พี่วีอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวมินก็ใจอ่อนหรอก" มินตราแสร้งทำหน้ายู่ออกมาแล้วเอ่ยต่อว่าคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนักให้กับสายตาที่ดูอ้อนวอนของชายหนุ่มเนื่องจากเธอจะไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดด้วยกัน"เพิ่งได้นอนกอดกันแค่คืนเดียวเอง ยังไม่หายคิดถึงเลย" ร่างสูงรั้งคนตัวเล็กเข้าไปสวมกอดไว้แน่นด้วยความโหยหาพลางกดปลายจมูกโด่งลงบนศีรษะทุยเล็กไปด้วยจนมินตราลอบยิ้มออกมาให้กับความออดอ้อนของเขา"มินนอนที่บ้านแค่ไม่กี่วันเองค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ""ไม่กี่วันตรงไหน ตั้งสี่วัน แล้วยังได้กลับไปนอนด้วยกันแค่สองวันเอง""ปกติตอนปิดเทอมมินกลับมานอนที่บ้านเป็นเดือนเลยนะคะ ตอนนี้เหลือแค่เป็นวันเอง~ มานอนที่บ้านสี่วันแล้วกลับไปนอนกับพี่สองวันมันก็ไม่น้อยเลยนะคะ""แต่ฉันอยากมีเวลาสัมผัสเธอมากกว่านี้""น้อยๆ หน่อย นี่ยังอยู่ที่บ้านอยู่นะ" ธันวาที่เดินออกมาเอ่ยบอกชายหนุ่มรุ่นลูกที่กำลังกอดหอมลูกสาวของเขาอยู่เสียงดุทำให้ชาร์วีต้องยอมผละตัวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในขณะที่มินตราก้มหน้างุดด้วยความเขินอายที่พ่อของตัวเองเข้ามาเห็นในเวลาแบบนี้"ถึงพ่อจะอนุญาตให้คบกันแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว







