Se connecter@หลายวันต่อมา
“เฮ้ยไอ้วี ร้านเดิมเปล่าวะ” “เอาดิ” “เออ ที่เก่าเวลาเดิมนะเว้ย” เสียงของนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งดังขึ้นบริเวณหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์โดยมีร่างเล็กของหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มยืนมองอยู่ไม่ไกล “เฮ้อ ทำไมมันยากแบบนี้เนี่ย” “สุดท้ายก็ไม่กล้าบอกจนได้...” มินตราที่ยืนอยู่พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา หลายวันมานี้เธอตั้งใจจะมาบอกขอบคุณกับชาร์วีที่ช่วยเธอไว้ที่ผับวันนั้น แต่ไม่ว่าจะมาทีไรเขาก็อยู่กับกลุ่มเพื่อนของเขาทุกครั้ง นั่นจึงทำให้เธอไม่กล้าที่จะเดินออกไปแสดงตัวหรือบอกกับเขาอย่างที่ตั้งใจ หญิงสาวทำได้แค่รอให้ชาร์วีอยู่คนเดียวแล้วจึงค่อยไปบอกเท่านั้น แต่วันแล้ววันเล่าเธอก็ยังไม่มีโอกาส ทั้งๆ ที่เธออุตส่าห์รวบรวมความกล้าเพื่อเขาขนาดนี้แล้วแต่เหมือนทุกอย่างจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย หญิงสาวก้มหน้าด้วยความผิดหวังเมื่อเห็นชาร์วีเดินห่างออกไปกับเพื่อนของเขาเรื่อยๆ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายข้างจะดังขึ้นเรียกสติเธอกลับมาอีกครั้ง กริ๊ง กริ๊ง~ มือบางหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาดู ใบหน้าหวานคลี่ยิ้มจนตาหยีเมื่อเห็นเบอร์ของผู้เป็นแม่โทรมา ไม่รอช้าเธอรีบกดรับสายทันที “คะหม่ามี๊~” มินตราทักทายผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงสดใสอย่างเช่นเคย (อยู่ไหนตัวเล็ก ช่วงนี้ไม่เห็นโทรมาหาหม่ามี๊บ้างเลยนะ) “ช่วงนี้มินอ่านหนังสือหนักเลยค่ะ หม่ามี๊ไม่งอนน้า~ มินคิดถึงหม่ามี๊ม๊ากมาก” (คิดถึงจริงหรือเปล่า ถ้าคิดถึงต้องมาหาหม่ามี๊ที่บ้านนะ) “หื้ม? วันนี้เลยหรอคะ” (ใช่จ้ะ วันนี้ปะป๊าก็รอเราด้วยนะ มากินข้าวที่บ้านกัน หม่ามี๊มีข่าวดีจะบอกเราด้วย) “ข่าวดีอะไรเหรอคะ?” คิ้วบางขมวดเข้าหากันยุ่งด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นของคนปลายสาย (มาที่บ้านสิ เดี๋ยวหนูก็รู้เอง ปะป๊าเขาอยากบอกหนูจะแย่อยู่แล้ว) “ได้เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวมินจะรีบไปเลยย คิดถึงปะป๊ากับหม่ามี๊นะคะ” (รีบมานะตัวเล็ก แล้วเจอกันจ้ะ) สิ้นเสียงปลายสายก็กดวางสายไปทันที มินตราเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋าสะพายตามเดิมแล้วรีบเดินกลับไปยังรถของตัวเองด้วยความดีใจ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่... “มองใครวะไอ้วี” ทิศเหนือหันกลับมาถามชาร์วีที่อยู่ๆ ก็หันไปมองด้านหลัง ก่อนที่เขาจะเห็นนักศึกษาผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินออกไป “ผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วเหรอ” “อืม” ชาร์วีพยักหน้าตอบกลับไป ซึ่งเขาเห็นหญิงสาวมาที่ตึกคณะของเขาและคอยแอบมองเขาอยู่หลายวัน แต่เธอก็ไม่ทำอะไรสักที ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่จะเข้าหาเขาตั้งแต่วันแรกๆ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเอาแต่แอบมองเขาอยู่เงียบๆ อย่างนั้น ในตอนแรกชาร์วีก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะคิดว่าเธอน่าจะมารอเพื่อนหรือคนรู้จัก แต่พอเห็นหลายวันเข้าเขาก็ยิ่งมั่นใจว่าหญิงสาวมาหาเขาไม่ผิดแน่ ซึ่งเขาก็พอจะจำได้ว่าเธอเป็นคนที่เขาช่วยไว้ที่ผับในคืนนั้น “น้องเขาก็ดูน่ารักดีนะ” “น้อง?” “อืม กูพอได้ยินมาบ้าง เป็นคนดังของบริหารเลย เรียนเก่ง น่ารัก นิสัยดี รู้สึกจะชื่อมินตรา” ทิศเหนืออธิบายไปเกี่ยวกับข้อมูลที่เขาเคยได้ยินให้คนด้านข้างได้รู้จัก “มินตรา...” ปากหนาพูดชื่อของหญิงสาวเบาๆ โดยที่ใบหน้าคมคายไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเช่นเดิม “หรือน้องเขาจะชอบมึงวะ กูเห็นแอบมองมึงมาหลายวันแล้วนะ” ความจริงมินตราคอยแอบมองชาร์วีตั้งแต่ตอนเขาอยู่ปีสามแล้ว แต่ชาร์วีไม่เคยรู้ตัวเลยเพราะเธอมักจะคอยมองอยู่ห่างๆ และไม่ได้มาหาที่ตึกคณะอย่างนี้ เพียงแต่จะมองเวลาที่บังเอิญเจอกันเท่านั้น แต่ครั้งนี้มินตราตั้งใจจะมาขอบคุณชาร์วีที่ช่วยเธอไว้ เธอเลยเข้ามาใกล้และแสดงตัวมากกว่าปกติจนเขารับรู้ได้ "หึ ชอบกูงั้นเหรอ" ชาร์วีเค้นหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยันให้กับคำพูดของทิศเหนือ “ถ้าไม่ชอบจะมาคอยแอบมองทำไมวะ กูว่าน้องเขาน่ารักดีนะ มีคนจีบเยอะนะเว้ยแถมน้องนิสัยดีด้วย มึงไม่ชอบน้องเขาเหรอ” “ไม่ใช่สเปค” “...” “...แต่ก็น่าสนใจดี” ปากหนาแสยะยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจในประโยคสุดท้าย เพราะปกติชาร์วีไม่ชอบผู้หญิงที่ภายนอกดูใสซื่ออย่างนั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ที่เขาเจอมาผู้หญิงแบบนี้มักจะร้ายกาจกว่าผู้หญิงทั่วไปเสียอีก และเขาก็คิดว่ามินตราก็คงไม่ต่างกัน แต่ถ้าหากเธอคนนั้นเสนอตัวให้แล้ว เสืออย่างเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะรับเหยื่อนี้ไว้ ทุกอย่างของมินตราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าใครๆ ที่ได้เห็นต่างก็ต้องตกหลุมรักเธอทั้งนั้น แต่นั่นไม่ใช่เขา สำหรับผู้ชายที่ไม่สนใจความรักอย่างชาร์วีแล้ว มินตราเป็นได้แค่ผู้หญิงที่น่าสนใจเท่านั้น ไม่ใช่...ผู้หญิงที่เขารัก @คอนโดของชาร์วี ชาร์วีกลับมายังคอนโดของตัวเองในเวลาเกือบตีสองอีกเช่นเคย สองเท้าหนักเดินเข้ามายังด้านในห้องนอนและปลดกระดุมเสื้อออกเพื่อที่จะอาบน้ำไปด้วย แต่แล้วอยู่ๆ ร่างสูงก็นึกถึงคำพูดของเพื่อนสนิทขึ้นมา “น้องเขาก็ดูน่ารักดีนะ” “น้อง?” “อืม กูพอได้ยินมาบ้าง เป็นดาวเด่นของบริหารเลย เรียนเก่ง น่ารัก นิสัยดี รู้สึกจะชื่อมินตรา” "มินตรา" เป็นอีกครั้งที่ชาร์วีเรียกชื่อของหญิงสาวคนนั้นออกมา ริมฝีปากหนายกยิ้มเล็กน้อยเมื่อนึกถึงท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ของเธอที่พยายามมาแอบมองเขาทุกวัน แต่เธอก็ไม่เคยเข้ามาหาสักที "ถ้าชอบฉันขนาดนั้นก็ควรจะเข้ามาหานะ..." "หึ น่าสนุกดีนิ" ชาร์วีแสยะยิ้มออกมาเมื่อเจอเรื่องราวที่น่าสนุกเข้า ดวงตาคมฉายออกมาถึงความคิดบางอย่าง ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเมื่อครุ่นคิดถึงสิ่งนั้นมาได้พักใหญ่@วันวาเลนไทน์-คอนโดชาร์วี"แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารจริงๆ" ร่างสูงที่กำลังถือจานอาหารเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอีกครั้งซึ่งมินตราที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานก็วางดอกไม้ในมือลงแล้วตอบกลับแฟนหนุ่มไปอย่างมั่นใจ"ทานที่ห้องนี่แหละค่ะ ที่ร้านอาหารคนเยอะและมินก็อยากอยู่กับพี่วีสองต่อสองมากกว่า""หึ เป็นเด็กติดพี่เหรอ""ติดแฟนค่ะ" ใบหน้าหวานหันกลับมาตอบกลับอย่างทะเล้นก่อนที่ชาร์วีจะวางอาหารที่สั่งมาลงบนโต๊ะกระจกแล้วสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพลางเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องหน้าแดงออกมา"กินที่ห้องก็ดีเหมือนกัน จะได้อุ้มขึ้นเตียงง่าย"เพี๊ยะ!"พะ...พอเลยค่ะ ครั้งก่อนก็โดนปะป๊าจับได้ มินอายนะคะ" มือเรียวฟาดที่ต้นแขนแกร่งอย่างแรงแล้วทำหน้ามุ่ยออกมาให้กับความหื่นของรุ่นพี่หนุ่มที่เขาได้ทำเรื่องน่าอายไว้ที่บ้านของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจนธันวาเดินเข้ามาเห็นภาพที่ชาร์วีกำลังซุกไซ้เธออยู่ในห้องครัว"ครั้งนี้ทำบนเตียง ไม่ได้ทำที่ห้องครัวแล้ว""ชิ มินไม่พูดกับพี่แล้วค่ะ" มินตราแสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดออกมาแล้วหยิบดอกกุหลาบที่เหลืออยู่ขึ้นมาจัดใส่แจกันต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่กำลังคลอเคลียเธออย
"มิน! ฟังพี่ก่อน""มินตรา...มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ฝ่ามือแกร่งเลื่อนจับล็อกที่ท่อนแขนเรียวเอาไว้แล้วพยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นน้ำตาใสของคนตัวเล็กที่กำลังไหลออกมา"ฮึก...""ใจเย็นๆ นะมิน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ชาร์วีรั้งตัวของคนตัวเล็กเขามาสวมกอดไว้แน่นพลางลูบที่เรือนผมของเธอไปด้วยเพื่อให้มินตราใจเย็นลงแต่ว่าทุกอย่างมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น"ปล่อยมินค่ะ มินจะกลับบ้าน" มินตราพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของชายหนุ่มทว่าชาร์วีก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ"มันไม่มีอะไรจริงๆ นะมิน""แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีอะไร" น้ำเสียงที่เยือกเย็นดังออกมาจากคนตัวเล็กอีกครั้ง มินตราผละใบหน้าออกแล้วจ้องมองแฟนหนุ่มเขม็งในขณะที่ชาร์วีซึ่งพอจะรับรู้ถึงสายตาคนตรงหน้าได้ก็รีบบอกความจริงออกมาเพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องปิดบังเธออยู่แล้ว"ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรด้วยกันมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีเธอเราก็ไม่ได้ยุ่งกันอีก""พี่แน่ใจแล้วเหรอคะว่าไม่เคยยุ่งกันอีก" มินตราเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงสั่นในขณะที่ชาร์วีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงเพราะเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคน
@หลายเดือนต่อมา-มหาวิทยาลัย"คุยกับพี่ชาร์วีอยู่เหรอ" เสียงหวานของเม็ดทรายเอ่ยถามคนด้านข้างที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่หลังจากที่ออกมาจากห้องเรียนแล้วก่อนที่มินตราจะละสายตาจากหน้าจอแล้วหันมาตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มหวาน"ใช่~ พี่วีบอกว่ามารอหน้าตึกแล้ว""เฮ้อ เบื่อคนมีความรักจริงๆ เลย" หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ให้กับความคลั่งรักของทั้งสองคนที่ไม่ว่าจะเป็นมินตราที่มักพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเองให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ชาร์วีเองก็มารับมินตราทุกวันรวมถึงถ่ายรูปของเธอแล้วบอกรักลงอินสตาแกรมอยู่บ่อยครั้งจนทุกคนต่างอิจฉาให้กับความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ดูจะยิ่งมากขึ้นในทุกๆ วัน"แต่ก็เอาเถอะ เห็นว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จะยอมให้ก็แล้วกัน" เม็ดทรายแสร้งกอดอกแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนักจนมินตราหลุดเสียงหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเธอ"ฮ่าๆๆ งั้นเธอคงต้องยอมเราทุกวันแล้วล่ะเพราะเรากับพี่วีผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากกก" มินตรายิ้มตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกเหตุการณ์เธอยังคงจดจำมันได้อยู่เพียงแค่มันไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกหรือทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้วเพียง
"แฮ่ก~""พี่รักเรานะครับ" ชาร์วีกดจูบลงบนไหล่มนชุ่มเหงื่อแล้วบอกรักคนที่นอนอยู่ไปด้วยในขณะที่ตัวของเขาเองก็เหนื่อยหอบไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาดึงแก่นกายใหญ่ออกจนน้ำคาวสีขุ่นไหลทะลักออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนราบแล้วจับร่างบางขึ้นมานั่งบนหน้าตักไปด้วย"พี่วี ไม่ทำแล้วนะคะ มินเหนื่อยแล้ว" มินตรางอแงออกมากชุดใหญ่อย่างรับรู้ความต้องการของแฟนหนุ่ม เพียงแค่เห็นความใหญ่โตที่ผงาดขึ้นอีกครั้งตรงหน้าก็พาลทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ"พี่บอกแล้วไงว่าจะปล่อยเราตอนทุ่มครึ่ง แต่ถ้า..." ปากหนาจงใจเว้นคำในประโยคสุดท้ายแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสเอวคอดไปด้วยจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนที่ชาร์วีจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ"ถ้าเราขึ้นให้พี่ พี่จะให้จบแค่น้ำเดียว""ละ...ลามกที่สุดเลย" ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายให้กับคำพูดลามกของคนด้านล่างแล้วพยายามลุกขึ้นออกจากตรงนั้นทว่ากลับโดนฝ่ามือแกร่งรั้งเอวคอดไว้มั่นจนเธอไม่สามารถหนีไปได้"พี่ให้เวลาเราตัดสินใจนะ ถ้าเราหนีอีกพี่จะจับกระแทกจนถึงเวลาที่บอก" "อึก..." มินตราลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้กับท่าทีที่ดูจริงจังเหล่านั้นพลางเม้มปากเข้าหากันแน่
"เลิกร้องได้แล้วครับ" มือหนาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานอย่างอ่อนโยนในขณะที่คนตัวเล็กยังคงสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ อยู่ ชาร์วีอมยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนิสัยที่ขี้แงของหญิงสาวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็ตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้จากนิสัยนั้นเหมือนกัน"ดีขึ้นหรือยัง""ฮึก! มะ...มันยังอยากร้องอยู่เลยค่ะ อึก มินกลั้นน้ำตาไว้ได้""งั้นไปร้องต่อในห้องก็แล้วกันนะ แต่เป็นร้องคราง""อ๊ะ! ไม่ทำนะคะพีวี" ร่างเล็กออกแรงดิ้นเมื่อถูกคนตัวสูงช้อนตัวเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็วทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอไม่สามารถสู้ชาร์วีได้ ชายหนุ่มวางแฟนสาวลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบาจากนั้นจึงรีบไปคร่อมตัวของเธอเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ตามลำคอขาวเนียนด้วยความหื่นกระหาย"อื้ออ~ พี่วีทำเบาๆ หน่อยค่ะ อ๊ะ! มินเจ็บนะคะ ยะ...อย่าทำรอยเดียวปะป๊าเห็น อื้ออ" เรียวปากบางส่งเสียงร้องประท้วงออกมาไม่หยุดเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชาร์วีสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของคนตัวเล็กอย่างหลงใหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงร่างบางนุ่นนิ่มนี้มาตลอด"ไม่ไหวแล้วมิน พี่ขอเอาเลยนะ" ชายหนุ่มผละใบหน้าออกมาเอ่ยบอกเสียงแหบพร่าแล้วรีบปลดเปลื้องเส
@วันต่อมา-บ้านมินตรา"พี่วีอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวมินก็ใจอ่อนหรอก" มินตราแสร้งทำหน้ายู่ออกมาแล้วเอ่ยต่อว่าคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนักให้กับสายตาที่ดูอ้อนวอนของชายหนุ่มเนื่องจากเธอจะไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดด้วยกัน"เพิ่งได้นอนกอดกันแค่คืนเดียวเอง ยังไม่หายคิดถึงเลย" ร่างสูงรั้งคนตัวเล็กเข้าไปสวมกอดไว้แน่นด้วยความโหยหาพลางกดปลายจมูกโด่งลงบนศีรษะทุยเล็กไปด้วยจนมินตราลอบยิ้มออกมาให้กับความออดอ้อนของเขา"มินนอนที่บ้านแค่ไม่กี่วันเองค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ""ไม่กี่วันตรงไหน ตั้งสี่วัน แล้วยังได้กลับไปนอนด้วยกันแค่สองวันเอง""ปกติตอนปิดเทอมมินกลับมานอนที่บ้านเป็นเดือนเลยนะคะ ตอนนี้เหลือแค่เป็นวันเอง~ มานอนที่บ้านสี่วันแล้วกลับไปนอนกับพี่สองวันมันก็ไม่น้อยเลยนะคะ""แต่ฉันอยากมีเวลาสัมผัสเธอมากกว่านี้""น้อยๆ หน่อย นี่ยังอยู่ที่บ้านอยู่นะ" ธันวาที่เดินออกมาเอ่ยบอกชายหนุ่มรุ่นลูกที่กำลังกอดหอมลูกสาวของเขาอยู่เสียงดุทำให้ชาร์วีต้องยอมผละตัวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในขณะที่มินตราก้มหน้างุดด้วยความเขินอายที่พ่อของตัวเองเข้ามาเห็นในเวลาแบบนี้"ถึงพ่อจะอนุญาตให้คบกันแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว







