Se connecter@ผับหรูใจกลางเมือง
“นี่ยัยมินเป็นอะไรไป ทำไมเอาแต่นั่งเงียบล่ะ” เม็ดทรายหันมาถามเพื่อนรักที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่คนเดียวซึ่งตั้งแต่ที่เธอไปรับมินตรามาจากคอนโด มินตราก็เอาแต่นั่งเงียบและเหม่อลอยอย่างเห็นได้ชัด “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เราแค่...เครียดเรื่องเรียนน่ะ” มินตรายิ้มๆ ตอบกลับไปด้วยท่าทางที่พยายามทำตัวให้ปกติที่สุด หากแต่ในใจของเธอมันยังคงนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อเย็น “หื้ม? คนเรียนเก่งอย่างเธอเนี่ยนะเครียด” “...” “เฮ้อ เอาเถอะๆ วันนี้ฉันพามาเปิดหูเปิดตาก็สนุกให้เต็มที่หน่อยสิ นั่งเงียบแบบนี้ฉันเป็นห่วงนะ” “อื้ม ได้สิ...” มินตราพยักหน้ารับเล็กน้อยเป็นเชิงเข้าใจ ซึ่งเม็ดทรายที่เห็นอย่างนั้นก็ชวนเพื่อนรักคุยนู่นคุยนี่ไปเรื่อยๆ อย่างสนุกสนาน จนมินตราที่เอาแต่นั่งเงียบในตอนแรกก็เริ่มพูดคุยกับเธอมากขึ้น ถึงจะไม่เท่ากับตอนเมื่อเช้าก็ตาม @สองชั่วโมงต่อมา “เม็ดทราย” “...” “เม็ดทราย” “อื้อ~ มีอะไรเหรอ” เม็ดทรายที่นั่งฟุบไปกับโต๊ะพูดอย่างงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงของมินตราเรียกอยู่ใกล้ๆ “เราบอกแล้วไงว่าอย่าดื่มเยอะ เธอเมาแล้วเห็นไหม” “ไม่ได้เมา~ แค่มึนๆ นิดหน่อยเองง” “เฮ้อ เราว่าพวกเรากลับกันเลยไหม นี่มันก็ดึกแล้วเราไม่อยากให้ปะป๊ากับหม่ามี๊เป็นห่วง” น้ำเสียงที่ยานคางของเม็ดทรายทำเอามินตราถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ สุดท้ายเธอก็ต้องชวนเพื่อนรักกลับบ้านไปเพราะนี่มันก็เริ่มดึกแล้วและเม็ดทรายก็เมามากด้วย มันจึงไม่ดีเท่าไรถ้าจะอยู่ต่อ แต่แล้วสิ่งที่ได้มากลับเป็นความเงียบเท่านั้นเมื่อเม็ดทรายฟุบหลับไปกับโต๊ะอีกครั้ง “...” “นี่เม็ดทราย!” “ฮะๆ อื้ม กลับเลยสิ” เม็ดทรายเงยหน้าขึ้นด้วยความมึนงงทำเอามินตราส่ายหัวให้กับภาพที่เห็นก่อนที่เธอจะหยิบกระเป๋าสะพายข้างขึ้นมาคล้องบ่า แล้วตั้งท่าจะลุกขึ้นไป “มา งั้นลุกขึ้น อ๊ะ!” เสียงของมินตราร้องขึ้นอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ เด็กเสิร์ฟคนหนึ่งก็มาชนเธอเข้า ทำให้เครื่องดื่มในถาดที่ถืออยู่นั้นหกมาเลอะตรงแขนของเธอพอดี “ขอโทษครับ คุณลูกค้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” “มะ...ไม่เป็นอะไรค่ะ” “ขอโทษจริงๆ นะครับ” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ” มินตรายิ้มๆ ตอบกลับไปอย่างใจดีก่อนที่เด็กเสิร์ฟคนนั้นจะก้มหัวให้เธออีกครั้งแล้วเดินออกไป “เม็ดทราย เดี๋ยวเราไปห้องน้ำแปปหนึ่งนะ” “ฝน พี่ฝากดูแลพี่ทรายหน่อยนะ” มินตราหันไปบอกรุ่นน้องที่มาด้วยเพียงนิดก่อนที่ตัวเองจะเดินไปยังห้องน้ำของผับเพื่อจัดการกับเครื่องดื่มที่หกเมื่อสักครู่นี้ “หื้ม เราจำได้ว่ามาทางนี้นิ แล้วทำไมไม่เห็นทุกคนเลยล่ะ” มินตราพูดขึ้นกับตัวเองเบาๆ เมื่อเห็นว่าทางที่กำลังยืนอยู่นั้นไม่เห็นพวกเพื่อนๆ หรือน้องๆ ที่มาด้วยกันเลย “มาผิดทางงั้นเหรอ โทรถามเม็ดทรายดีกะ...อ๊ะ!” ไม่รอช้ามือบางรีบหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาเพื่อจะกดโทรหาเพื่อนของตัวเองทันที เพราะเธอคิดว่าเธอน่าจะหลงจากการมาเที่ยวผับครั้งแรกแล้ว แต่ในขณะที่มินตรากำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั้นร่างบางก็เซไปข้างหลังสองสามก้าวเมื่อเผลอชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนมาพอดี “ขะ...ขอโทษค่ะ” “นี่ น้องมาชนพี่แบบนี้ได้ไงอะ” “ขอโทษค่ะ คือหนูไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่ได้ตั้งใจอะไรวะ ก็เห็นๆ กันอยู่” “อย่างนี้ต้องชดใช้หรือเปล่าน้อง” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดกลัวเมื่อเห็นผู้ชายอีกคนที่อยู่ด้านหลังเดินออกมาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางที่ดูคุกคาม “นั่นน่ะสิ หน้าตาน่ารักนะเรา ชื่ออะไรล่ะ” ผู้ชายที่เธอเดินชนในตอนแรกค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำให้มินตรารีบถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณทันทีพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่นเทา “อึก ยะ...อย่าเข้ามานะ” “ทำเป็นสะดีดสะดิ้งไปได้ อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย” “กรี๊ดดด!” เรียวปากบางกรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัวเมื่อผู้ชายอีกคนยื่นมือมาหมายจะจับที่ตัวของเธอ แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตาโพลงทันทีเมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา พรึ่บ! “เฮ้ย มาเสือกอะไรด้วยวะ” ผู้ชายคนที่กำลังจะยื่นมือมาจับมินตราตะเบ็งเสียงขึ้นอย่างอารมณ์เสียที่อยู่ๆ ก็มีคนมาจับตรงข้อมือของเขาไว้แน่นก่อนที่จะถึงตัวของหญิงสาว “โทษทีว่ะ กูอยากหาที่ลงอยู่พอดี” “พะ...พี่ชาร์วี” หญิงสาวเรียกชื่อของที่ผู้ชายที่เข้ามาช่วยเธอเสียงสั่น “อยากมีเรื่องเหรอวะ เฮ้ย จัดการให้มันคลานหนีไปเลย” ผู้ชายสองคนนั้นพุ่งตัวเข้ามาหาชาร์วีอย่างไม่รีรอ แต่ด้วยความที่ชาร์วีเก่งในเรื่องของการต่อสู้มากกว่าจึงทำให้เอาชนะสองคนนั้นได้อย่างง่ายดาย มือหนาหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดคราบเลือดที่มือเล็กน้อยพลางจ้องมองไปที่ผู้ชายสองคนที่วิ่งหนีออกไปจนลับสายตาก่อนจะได้ยินเสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวดังแทรกขึ้น “ฮึก...” “เลิกร้องได้แล้ว” “...” “ถ้าจะกลัวขนาดนั้นก็ไม่ควรมาตรงนี้นะ” ชาร์วีทิ้งผ้าในมือลงแล้วจองหน้าหญิงสาวตรงหน้านิ่ง “นะ...หนูหลงค่ะ ฮึก” “เหอะ! ทำเป็นไม่เคยมาไปได้” “เธอโชคดีนะที่วันนี้ฉันกำลังหาที่ลงพอดี ไม่งั้นฉันคงไม่มาวุ่นวายให้เสียเวลา” ชายหนุ่มพูดกับเธอเพียงแค่นั้นแล้วเดินออกมาจากตรงนั้นทันที ทางด้านมินตราที่ยืนอยู่ก็รีบตั้งสติ มือบางยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าลวกๆ แล้วรีบเดินกลับไปหาเพื่อนของตัวเองด้วยกลัวว่าสองคนนั้นจะย้อนมาอีกถึงสภาพของทั้งคู่จะดูไม่น่ากลับมาได้เลยก็ตาม @อีกด้าน “กว่าจะเสด็จมาได้นะมึง” เหมันต์ที่นั่งดื่มอยู่คนเดียวเอ่ยแซวเพื่อนรักที่เพิ่งเดินเข้ามาด้วยอารมณ์คุกรุ่นก่อนที่ชาร์วีกระแทกตัวลงฝั่งตรงข้ามอย่างแรง มือหนาหยิบเหล้าขึ้นมาเทใส่แก้วของตัวเองแล้วกระดกเข้าปากอึกใหญ่ “แล้วนี่เป็นไร ที่บอกกูว่าอารมณ์ไม่ดี” “เจอพวกน่ารำคาญมา หาว่ากูไปยุ่งกับเมียมัน” ชาร์วีวางแก้วเหล้าที่หมดแล้วลงและเริ่มเทเหล้าลงไปใหม่อีกครั้ง “ก็เลยชวนกูมาดื่ม? ” “เออ” “ถ้ามันมีตามันก็น่าจะรู้นะว่าเมียมันแทบจะแก้ผ้าโชว์มึงอยู่ละ แต่มึงไม่เล่นด้วย” “แต่มึงดูไม่ค่อยหงุดหงิดแบบตอนที่โทรมาหากูนะ หรือว่าเจอเหยื่อดีๆ?” เหมันต์เอ่ยกระแนะกระแหนเพื่อนรักเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีอารมณ์ที่หงุดหงิดมากแบบตอนแรก “เปล่า เมื่อกี้มีพวกดวงซวยมาให้กูระบายอารมณ์พอดี” “หึ ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของมัน” เหมันต์ยกแก้วเหล้าขึ้นมาจิบพลางนึกถึงสภาพของคนที่โดนชาร์วีเล่นงานไปด้วยเพราะชาร์วีเรียนศิลปะการป้องกันตัวมาตั้งแต่เด็กจึงไม่แปลกถ้าจะบอกว่าคนที่ต้องมาดวลกับชาร์วีนั้นเป็นคราวซวยของพวกเขา แล้วทั้งสองคนก็นั่งดื่มกันเงียบๆ จนเวลาล่วงเลยไปถึงตีหนึ่งจึงแยกย้ายกันกลับแบบที่เคยทำ @คอนโดมินตรา ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก เสียงหัวใจของหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มคนหนึ่งกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียง หัวใจของเธอมันยังคงเต้นแรงและแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนึกถึงภาพที่ชาร์วีเข้ามาช่วยเธอไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน เพียงแค่การกระทำเล็กน้อยที่ไม่ตั้งใจของเขาก็พาลทำให้หัวใจของเธอพองโตได้ไม่ยาก “ทำไมเธอใจร้ายกับเราอย่างนี้นะ” หญิงสาวพูดขึ้นพลางใช้มือลูบที่อกด้านซ้ายของตัวเองอย่างแผ่วเบา “ทั้งๆ ที่เมื่อเย็นเพิ่งเจอแบบนั้นแท้ๆ แต่มันก็ห้ามความรู้สึกไม่ได้เลย...” “พี่ชาร์วีจะเป็นยังไงบ้างนะ...เขามาช่วยเราขนาดนั้น” “ยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย” ดวงตากลมโตฉายออกมาถึงความคิดอะไรบางอย่างก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกจากห้องนอนไป@วันวาเลนไทน์-คอนโดชาร์วี"แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารจริงๆ" ร่างสูงที่กำลังถือจานอาหารเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอีกครั้งซึ่งมินตราที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานก็วางดอกไม้ในมือลงแล้วตอบกลับแฟนหนุ่มไปอย่างมั่นใจ"ทานที่ห้องนี่แหละค่ะ ที่ร้านอาหารคนเยอะและมินก็อยากอยู่กับพี่วีสองต่อสองมากกว่า""หึ เป็นเด็กติดพี่เหรอ""ติดแฟนค่ะ" ใบหน้าหวานหันกลับมาตอบกลับอย่างทะเล้นก่อนที่ชาร์วีจะวางอาหารที่สั่งมาลงบนโต๊ะกระจกแล้วสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพลางเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องหน้าแดงออกมา"กินที่ห้องก็ดีเหมือนกัน จะได้อุ้มขึ้นเตียงง่าย"เพี๊ยะ!"พะ...พอเลยค่ะ ครั้งก่อนก็โดนปะป๊าจับได้ มินอายนะคะ" มือเรียวฟาดที่ต้นแขนแกร่งอย่างแรงแล้วทำหน้ามุ่ยออกมาให้กับความหื่นของรุ่นพี่หนุ่มที่เขาได้ทำเรื่องน่าอายไว้ที่บ้านของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจนธันวาเดินเข้ามาเห็นภาพที่ชาร์วีกำลังซุกไซ้เธออยู่ในห้องครัว"ครั้งนี้ทำบนเตียง ไม่ได้ทำที่ห้องครัวแล้ว""ชิ มินไม่พูดกับพี่แล้วค่ะ" มินตราแสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดออกมาแล้วหยิบดอกกุหลาบที่เหลืออยู่ขึ้นมาจัดใส่แจกันต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่กำลังคลอเคลียเธออย
"มิน! ฟังพี่ก่อน""มินตรา...มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ฝ่ามือแกร่งเลื่อนจับล็อกที่ท่อนแขนเรียวเอาไว้แล้วพยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นน้ำตาใสของคนตัวเล็กที่กำลังไหลออกมา"ฮึก...""ใจเย็นๆ นะมิน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ชาร์วีรั้งตัวของคนตัวเล็กเขามาสวมกอดไว้แน่นพลางลูบที่เรือนผมของเธอไปด้วยเพื่อให้มินตราใจเย็นลงแต่ว่าทุกอย่างมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น"ปล่อยมินค่ะ มินจะกลับบ้าน" มินตราพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของชายหนุ่มทว่าชาร์วีก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ"มันไม่มีอะไรจริงๆ นะมิน""แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีอะไร" น้ำเสียงที่เยือกเย็นดังออกมาจากคนตัวเล็กอีกครั้ง มินตราผละใบหน้าออกแล้วจ้องมองแฟนหนุ่มเขม็งในขณะที่ชาร์วีซึ่งพอจะรับรู้ถึงสายตาคนตรงหน้าได้ก็รีบบอกความจริงออกมาเพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องปิดบังเธออยู่แล้ว"ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรด้วยกันมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีเธอเราก็ไม่ได้ยุ่งกันอีก""พี่แน่ใจแล้วเหรอคะว่าไม่เคยยุ่งกันอีก" มินตราเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงสั่นในขณะที่ชาร์วีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงเพราะเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคน
@หลายเดือนต่อมา-มหาวิทยาลัย"คุยกับพี่ชาร์วีอยู่เหรอ" เสียงหวานของเม็ดทรายเอ่ยถามคนด้านข้างที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่หลังจากที่ออกมาจากห้องเรียนแล้วก่อนที่มินตราจะละสายตาจากหน้าจอแล้วหันมาตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มหวาน"ใช่~ พี่วีบอกว่ามารอหน้าตึกแล้ว""เฮ้อ เบื่อคนมีความรักจริงๆ เลย" หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ให้กับความคลั่งรักของทั้งสองคนที่ไม่ว่าจะเป็นมินตราที่มักพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเองให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ชาร์วีเองก็มารับมินตราทุกวันรวมถึงถ่ายรูปของเธอแล้วบอกรักลงอินสตาแกรมอยู่บ่อยครั้งจนทุกคนต่างอิจฉาให้กับความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ดูจะยิ่งมากขึ้นในทุกๆ วัน"แต่ก็เอาเถอะ เห็นว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จะยอมให้ก็แล้วกัน" เม็ดทรายแสร้งกอดอกแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนักจนมินตราหลุดเสียงหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเธอ"ฮ่าๆๆ งั้นเธอคงต้องยอมเราทุกวันแล้วล่ะเพราะเรากับพี่วีผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากกก" มินตรายิ้มตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกเหตุการณ์เธอยังคงจดจำมันได้อยู่เพียงแค่มันไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกหรือทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้วเพียง
"แฮ่ก~""พี่รักเรานะครับ" ชาร์วีกดจูบลงบนไหล่มนชุ่มเหงื่อแล้วบอกรักคนที่นอนอยู่ไปด้วยในขณะที่ตัวของเขาเองก็เหนื่อยหอบไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาดึงแก่นกายใหญ่ออกจนน้ำคาวสีขุ่นไหลทะลักออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนราบแล้วจับร่างบางขึ้นมานั่งบนหน้าตักไปด้วย"พี่วี ไม่ทำแล้วนะคะ มินเหนื่อยแล้ว" มินตรางอแงออกมากชุดใหญ่อย่างรับรู้ความต้องการของแฟนหนุ่ม เพียงแค่เห็นความใหญ่โตที่ผงาดขึ้นอีกครั้งตรงหน้าก็พาลทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ"พี่บอกแล้วไงว่าจะปล่อยเราตอนทุ่มครึ่ง แต่ถ้า..." ปากหนาจงใจเว้นคำในประโยคสุดท้ายแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสเอวคอดไปด้วยจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนที่ชาร์วีจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ"ถ้าเราขึ้นให้พี่ พี่จะให้จบแค่น้ำเดียว""ละ...ลามกที่สุดเลย" ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายให้กับคำพูดลามกของคนด้านล่างแล้วพยายามลุกขึ้นออกจากตรงนั้นทว่ากลับโดนฝ่ามือแกร่งรั้งเอวคอดไว้มั่นจนเธอไม่สามารถหนีไปได้"พี่ให้เวลาเราตัดสินใจนะ ถ้าเราหนีอีกพี่จะจับกระแทกจนถึงเวลาที่บอก" "อึก..." มินตราลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้กับท่าทีที่ดูจริงจังเหล่านั้นพลางเม้มปากเข้าหากันแน่
"เลิกร้องได้แล้วครับ" มือหนาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานอย่างอ่อนโยนในขณะที่คนตัวเล็กยังคงสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ อยู่ ชาร์วีอมยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนิสัยที่ขี้แงของหญิงสาวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็ตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้จากนิสัยนั้นเหมือนกัน"ดีขึ้นหรือยัง""ฮึก! มะ...มันยังอยากร้องอยู่เลยค่ะ อึก มินกลั้นน้ำตาไว้ได้""งั้นไปร้องต่อในห้องก็แล้วกันนะ แต่เป็นร้องคราง""อ๊ะ! ไม่ทำนะคะพีวี" ร่างเล็กออกแรงดิ้นเมื่อถูกคนตัวสูงช้อนตัวเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็วทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอไม่สามารถสู้ชาร์วีได้ ชายหนุ่มวางแฟนสาวลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบาจากนั้นจึงรีบไปคร่อมตัวของเธอเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ตามลำคอขาวเนียนด้วยความหื่นกระหาย"อื้ออ~ พี่วีทำเบาๆ หน่อยค่ะ อ๊ะ! มินเจ็บนะคะ ยะ...อย่าทำรอยเดียวปะป๊าเห็น อื้ออ" เรียวปากบางส่งเสียงร้องประท้วงออกมาไม่หยุดเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชาร์วีสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของคนตัวเล็กอย่างหลงใหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงร่างบางนุ่นนิ่มนี้มาตลอด"ไม่ไหวแล้วมิน พี่ขอเอาเลยนะ" ชายหนุ่มผละใบหน้าออกมาเอ่ยบอกเสียงแหบพร่าแล้วรีบปลดเปลื้องเส
@วันต่อมา-บ้านมินตรา"พี่วีอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวมินก็ใจอ่อนหรอก" มินตราแสร้งทำหน้ายู่ออกมาแล้วเอ่ยต่อว่าคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนักให้กับสายตาที่ดูอ้อนวอนของชายหนุ่มเนื่องจากเธอจะไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดด้วยกัน"เพิ่งได้นอนกอดกันแค่คืนเดียวเอง ยังไม่หายคิดถึงเลย" ร่างสูงรั้งคนตัวเล็กเข้าไปสวมกอดไว้แน่นด้วยความโหยหาพลางกดปลายจมูกโด่งลงบนศีรษะทุยเล็กไปด้วยจนมินตราลอบยิ้มออกมาให้กับความออดอ้อนของเขา"มินนอนที่บ้านแค่ไม่กี่วันเองค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ""ไม่กี่วันตรงไหน ตั้งสี่วัน แล้วยังได้กลับไปนอนด้วยกันแค่สองวันเอง""ปกติตอนปิดเทอมมินกลับมานอนที่บ้านเป็นเดือนเลยนะคะ ตอนนี้เหลือแค่เป็นวันเอง~ มานอนที่บ้านสี่วันแล้วกลับไปนอนกับพี่สองวันมันก็ไม่น้อยเลยนะคะ""แต่ฉันอยากมีเวลาสัมผัสเธอมากกว่านี้""น้อยๆ หน่อย นี่ยังอยู่ที่บ้านอยู่นะ" ธันวาที่เดินออกมาเอ่ยบอกชายหนุ่มรุ่นลูกที่กำลังกอดหอมลูกสาวของเขาอยู่เสียงดุทำให้ชาร์วีต้องยอมผละตัวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในขณะที่มินตราก้มหน้างุดด้วยความเขินอายที่พ่อของตัวเองเข้ามาเห็นในเวลาแบบนี้"ถึงพ่อจะอนุญาตให้คบกันแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว







