Se connecter@หลายวันต่อมา
-บ้านพักบนดอย
"มินทางนี้" เสียงของเม็ดทรายเอ่ยเรียกมินตราที่กำลังเดินเข้ามายังบ้านพัก ณ ค่าอาสาบนดอยแห่งนี้ ซึ่งตอนนี้นักศึกษาทั้งหมดต่างแยกย้ายกันมาเอาของเก็บที่บ้านพักของตัวเอง จากนั้นจึงค่อยเริ่มไปทำกิจกรรมอื่นๆ ตามที่นัดหมายกันไว้
"ดูดีกว่าที่คิดว่าแฮะ" เม็ดทรายพูดขึ้นระหว่างจัดกระเป๋าไปด้วยซึ่งมินตราก็พูดเสริมอย่างอารมณ์ดีเช่นเดียวกัน
"เราชอบที่นี่นะ ทั้งสงบแล้วก็มีแต่ธรรมชาติด้วย ถ้าในเมืองมีต้นไม้เยอะๆ แบบนี้ก็ดีน่ะสิ"
"ชอบสถานที่หรือชอบคนกันแน่คะ"
"..."
"เป็นอะไรทำไมเงียบไปล่ะ ปกติเธอคงเขินหน้าแดงไม่ก็โวยวายเถียงฉันแล้วนะ"
"เอ่อ...เม็ดทราย" มินตราที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเพื่อนรักอย่างชั่งใจ ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถามออกมา
"เธอว่าฉันบอกชอบพี่ชาร์วีดีไหม"
"ฮะ! นี่ฉันได้ยินไม่ผิดใช่ไหมเนี่ย สาวขี้อายที่เก็บความรู้สึกมาตลอดสองปีอย่างเธอจะบอกชอบพี่เขาเหรอ"
"บะ...เบาๆ สิ เดี๋ยวคนอื่นก็ได้ยินหรอก"
"ก็ฉันตกใจนิ แล้วทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้นล่ะ"
"เรา...ไม่อยากเสียโอกาสไปน่ะ ถ้าพี่เขาเรียนจบไปก็ไม่รู้จะได้เจอกันอีกหรือเปล่า"
"เราคิดมาหลายวันแล้วเม็ดทราย ที่ผ่านมาเราเอาแต่ไม่กล้าซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองจนปล่อยให้เวลาผ่านไป ซึ่งเราไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ถึงยังไงอย่างน้อยพี่เขาก็จะได้รู้ว่ามีคนที่รักและหวังดีกับเขาอยู่" เพราะเธอเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าชาร์วีจะชอบเธอไหม ถึงมันจะเป็นโอกาสเพียงน้อยนิดแต่เธอก็อยากจะลองเสี่ยงดู
"ถึงเขาจะไม่ชอบฉัน แต่อย่างน้อยฉันก็เป็นคนที่เขารู้จักแล้ว ฉันอาจจะมีโอกาสได้เฝ้ามองเขาตอนเรียนจบไปแล้วบ้างก็ได้นะ จริงไหม" ปากบางอมชมพูยิ้มเอ่ยบอกเพื่อนรักออกไป หากแต่แววตาของเธอกลับฉายถึงความกังวลออกมาอย่างปิดไม่มิด
"ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ พี่เขาต้องชอบเธออยู่แล้ว เธอออกจะสวยน่ารักขนาดนี้" เม็ดทรายให้กำลังใจมินตราออกไปเมื่อสัมผัสได้ถึงความกังวลของเธอ
"ฉันดีใจนะที่เธอกล้าซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง อย่างน้อยเธอก็ไม่ปล่อยโอกาสที่มีอยู่ไป"
"อืม..."
"แล้วนี่ได้เจอพี่เขาหรือยัง"
"ยังเลย..."
"อ้าว แล้วอย่างนี้เธอจะไปบอกตอนไหนล่ะ"
"ฉันคิดว่าจะรอดูก่อนน่ะ คงหาเวลาที่เหมาะสมแล้วค่อยไปบอกกับเขา ยังไงเราก็มีเวลาตั้งห้าวัน"
"อืม อย่าให้นานเกินไปล่ะ แล้วก็ห้ามเปลี่ยนใจด้วยนะรู้ไหม ฉันอุตส่าห์ลุ้นมาตั้งนาน ถ้าเธอเปลี่ยนใจอีกฉันจะไปหาเพื่อนใหม่" ร่างเล็กพูดอย่างหยอกล้อเพื่อคลายความกังวลให้หญิงสาวตรงหน้า
"ฮ่าๆๆ เธอนี่ก็"
"รีบจัดเสื้อผ้ากันเถอะ ใกล้ได้เวลารวมตัวแล้ว" มินตราพูดขึ้นกับเม็ดทรายก่อนที่ทั้งสองคนจะเริ่มจัดของออกจากกระเป๋า และเตรียมตัวไปทำกิจกรรมกันต่อไป
@ค่ายอาสา
หลังจากที่ทั้งคู่จัดกระเป๋ากันเสร็จแล้ว เม็ดทรายและมินตราก็เดินออกมายังจุดรวมพลตามที่ได้นัดหมายกันไว้ ซึ่งในช่วงเช้าจะเป็นเพียงการทำกิจกรรมเบาๆ และพูดคุยถึงกำหนดการณ์ต่างๆ เพียงเท่านั้น โดยมินตราเองก็ได้พยายามมองหาชาร์วีอยู่ตลอดจนพบว่าเขามักจะอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเขา และไม่ค่อยออกมาแสดงตัวเท่าไหร่นัก ซึ่งหญิงสาวก็พยายามหาโอกาสที่จะสังเกตว่าช่วงเวลาไหนที่เขาอยู่คนเดียวบ้าง แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังหาโอกาสนั้นไม่ได้สักที
"เฮ้อ แล้วอย่างนี้จะไปบอกได้ยังไงล่ะเนี่ย คงไม่ต้องฝ่าวงเพื่อนพี่เขาไปหรอกนะ" มินตราถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เมื่อเธอพยายามในการหาจังหวะจะเข้าไปหาชาร์วีมาทั้งวันซึ่งในขณะนี้ก็เป็นเวลาเย็นแล้วแต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีช่วงเวลาไหนที่ชาร์วีอยู่คนเดียวสักที หญิงสาวก้มหน้าอย่างผิดหวังที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอตั้งใจไว้ แต่แล้วก็เหมือนสวรรค์จะเปิดทางให้เมื่อ...
"อ๊ะ!" ร่างบางเซถอยหลังออกไปสองสามก้าวเมื่ออยู่ๆ เธอก็เดินเข้าไปชนกับร่างสูงคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์พอดี
"พะ...พี่ชาร์วี" ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจแล้วเผลอเอ่ยชื่อคนตรงหน้าออกมา มือเล็กกำอุปกรณ์ที่ถือในมือแน่น และจ้องมองคนตรงหน้าอยู่พักใหญ่อย่างทำอะไรไม่ถูก เมื่อเธอพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของผู้ชายที่แอบมองเขามาทั้งวัน
"รู้จักฉัน?"
"อะ...เอ่อ นิดหน่อยค่ะ" หญิงสาวก้มหน้างุดเมื่อชาร์วีจ้องเธอเขม็ง หัวใจดวงน้อยเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกจากเบ้าเมื่อต้องมาเผชิญหน้าเข้ากับเขาจริงๆ
"..."
"มิน...พอได้ยินพวกพี่เขาเรียกชื่อพี่มาบ้างน่ะค่ะ" เพราะความเงียบของชาร์วีทำให้มินตราต้องเอ่ยบอกไปอีกครั้งอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"ชื่ออะไร"
"..!!" มินตราเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เธอไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าคนอย่างชาร์วีจะยอมคุยกับเธอ อีกทั้งยังถามชื่อของเธออีกต่างหาก
"มะ...มินตราค่ะ"
"มินตรา...ชื่อเพราะดีนะ"
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
"มีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า เพราะฉันเห็นเธอ...เหมือนกำลังมองหาใครอยู่" ชาร์วีโน้มใบหน้าเข้ามาพูดใกล้ๆ ที่ข้างใบหูเล็ก ทำให้ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ร่างบางได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูกเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นเป่ารดตรงบริเวณลำคอ
"หึ" ชายหนุ่มเค้นหัวเราะในลำคอเพียงนิดเมื่อหญิงสาวเอาแต่ยืนก้มหน้า หากแต่ใบหูกลับแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
"เอาอุปกรณ์มาเก็บเหรอ มานี่สิเดี๋ยวฉันเอาเข้าไปให้"
"อะ...เอ่อ อ๊ะ!" มินตราสะดุ้งออกมาเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆ ชาร์วีก็ยื่นมือมาจับอุปกรณ์ในมือของเธอ และเพราะตำแหน่งที่เขาจับนั้นเป็นตำแหน่งใกล้กับที่เธอถืออยู่พอดีจึงทำให้ตอนนี้มือของเขาคล้ายว่ากำลังจับมือของเธออยู่
"ปล่อยมือสิ ฉันจะได้เอาไปเก็บ"
"ขะ...ขอบคุณนะคะ" หญิงสาวรีบปล่อยมือออกทันทีเมื่อได้สติ ในขณะที่ชาร์วีแสยะยิ้มมองเธอเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมา
"แล้วเจอกันนะ...มินตรา" แล้วชาร์วีก็เดินเข้าไปในห้องเก็บอุปกรณ์ ทิ้งให้มินตรายืนตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูกอยู่คนเดียว ถึงเธอจะเตรียมใจเอาไว้บ้างแล้วแต่มันก็ยังกะทันหันเกินไปอยู่ดีที่อยู่ๆ ต้องมาเจอกับเขาแบบนี้ แถมยังเป็นการพูดคุยกันแบบที่ไม่ได้คาดคิดไว้อีก หญิงสาวสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกเล็กน้อย แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันที เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยอะไรกับเขาตอนนี้ สำหรับมินตราแล้วมันกะทันหันเกินไป
ชาร์วีเดินออกมาจากห้องเก็บอุปกรณ์เมื่อเห็นว่ามินตราได้เดินออกไปแล้ว ดวงตาคมจ้องมองแผ่นหลังบางด้วยสายตายากจะคาดเดา ปากหนายกยิ้มเล็กน้อยให้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ก่อนเสียงเรียกของใครบางคนจะทำให้เขาหันกลับไป
"เฮ้ย ไอ้วี มายืนทำอะไรตรงนี้วะ"
"อย่าบอกนะว่ามึงแอบกินผู้หญิงคนนั้นในห้องเก็บอุปกรณ์อะ นี่มึงอดอยากขนาดนี้เลย?" ภูผาที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนคนตรงหน้าเมื่อเห็นชาร์วีเอาแต่ยืนจ้องมองผู้หญิงสวยที่เพิ่งเดินออกไปอยู่อย่างนั้น
"ยัง แต่อนาคต...ไม่แน่"
"เฮ้ย ยังไงวะ ที่อาสามาเก็บอุปกรณ์นี่คือจะมาอ่อยเหยื่อ?"
"กูก็แค่สนองความต้องการก็แค่นั้น"
"เหอะ! คนอย่างมึงนี่นะสนองความต้องการใคร กูเห็นคนอื่นมาสนองมึงมากกว่า"
"ก็อยากไม่กล้าเอง กูก็แค่...เร่งเวลาอีกหน่อย"
"มึงชอบผู้หญิงคนนั้น? กูอยากเห็นหน้าเลยว่ะว่าเด็ดแค่ไหน คนอย่างชาร์วีถึงขั้นลงมาเล่นด้วย"
"..."
"น่ารักเหรอวะมึง" ภูผาถามต่อด้วยความอยากรู้
"ก็...ได้อยู่"
"มึงชอบเขา?"
"เปล่า แค่น่าสนใจ" เพราะชายหนุ่มค่อนข้างมั่นใจแล้วว่ามินตรานั้นชอบเขาอย่างแน่นอน จากการที่เห็นว่าเธอคอยแอบมองอยู่ตลอดการที่อยู่ค่ายนี้ แล้วไหนจะก่อนหน้านั้นที่มหาวิทยาลัยอีก และยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นจากการที่ได้ลองเช็คดูเมื่อสักครู่และได้เห็นใบหูที่แดงระเรื่อของเธอ ทั้งๆ ที่แสดงออกว่าสนใจเขาขนาดนั้นแต่เธอก็ยังไม่กล้ามาสู้หน้าเสียที ชาร์วีจึงต้องมาเร่งเวลาให้เธออีกสักหน่อย เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงที่ภายนอกดูอ่อนต่อโลกและขี้อายอย่างเธอ จะทำยังไงเมื่อเขาเปิดโอกาสให้ขนาดนี้
@วันวาเลนไทน์-คอนโดชาร์วี"แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารจริงๆ" ร่างสูงที่กำลังถือจานอาหารเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอีกครั้งซึ่งมินตราที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานก็วางดอกไม้ในมือลงแล้วตอบกลับแฟนหนุ่มไปอย่างมั่นใจ"ทานที่ห้องนี่แหละค่ะ ที่ร้านอาหารคนเยอะและมินก็อยากอยู่กับพี่วีสองต่อสองมากกว่า""หึ เป็นเด็กติดพี่เหรอ""ติดแฟนค่ะ" ใบหน้าหวานหันกลับมาตอบกลับอย่างทะเล้นก่อนที่ชาร์วีจะวางอาหารที่สั่งมาลงบนโต๊ะกระจกแล้วสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพลางเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องหน้าแดงออกมา"กินที่ห้องก็ดีเหมือนกัน จะได้อุ้มขึ้นเตียงง่าย"เพี๊ยะ!"พะ...พอเลยค่ะ ครั้งก่อนก็โดนปะป๊าจับได้ มินอายนะคะ" มือเรียวฟาดที่ต้นแขนแกร่งอย่างแรงแล้วทำหน้ามุ่ยออกมาให้กับความหื่นของรุ่นพี่หนุ่มที่เขาได้ทำเรื่องน่าอายไว้ที่บ้านของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจนธันวาเดินเข้ามาเห็นภาพที่ชาร์วีกำลังซุกไซ้เธออยู่ในห้องครัว"ครั้งนี้ทำบนเตียง ไม่ได้ทำที่ห้องครัวแล้ว""ชิ มินไม่พูดกับพี่แล้วค่ะ" มินตราแสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดออกมาแล้วหยิบดอกกุหลาบที่เหลืออยู่ขึ้นมาจัดใส่แจกันต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่กำลังคลอเคลียเธออย
"มิน! ฟังพี่ก่อน""มินตรา...มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ฝ่ามือแกร่งเลื่อนจับล็อกที่ท่อนแขนเรียวเอาไว้แล้วพยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นน้ำตาใสของคนตัวเล็กที่กำลังไหลออกมา"ฮึก...""ใจเย็นๆ นะมิน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ชาร์วีรั้งตัวของคนตัวเล็กเขามาสวมกอดไว้แน่นพลางลูบที่เรือนผมของเธอไปด้วยเพื่อให้มินตราใจเย็นลงแต่ว่าทุกอย่างมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น"ปล่อยมินค่ะ มินจะกลับบ้าน" มินตราพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของชายหนุ่มทว่าชาร์วีก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ"มันไม่มีอะไรจริงๆ นะมิน""แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีอะไร" น้ำเสียงที่เยือกเย็นดังออกมาจากคนตัวเล็กอีกครั้ง มินตราผละใบหน้าออกแล้วจ้องมองแฟนหนุ่มเขม็งในขณะที่ชาร์วีซึ่งพอจะรับรู้ถึงสายตาคนตรงหน้าได้ก็รีบบอกความจริงออกมาเพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องปิดบังเธออยู่แล้ว"ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรด้วยกันมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีเธอเราก็ไม่ได้ยุ่งกันอีก""พี่แน่ใจแล้วเหรอคะว่าไม่เคยยุ่งกันอีก" มินตราเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงสั่นในขณะที่ชาร์วีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงเพราะเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคน
@หลายเดือนต่อมา-มหาวิทยาลัย"คุยกับพี่ชาร์วีอยู่เหรอ" เสียงหวานของเม็ดทรายเอ่ยถามคนด้านข้างที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่หลังจากที่ออกมาจากห้องเรียนแล้วก่อนที่มินตราจะละสายตาจากหน้าจอแล้วหันมาตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มหวาน"ใช่~ พี่วีบอกว่ามารอหน้าตึกแล้ว""เฮ้อ เบื่อคนมีความรักจริงๆ เลย" หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ให้กับความคลั่งรักของทั้งสองคนที่ไม่ว่าจะเป็นมินตราที่มักพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเองให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ชาร์วีเองก็มารับมินตราทุกวันรวมถึงถ่ายรูปของเธอแล้วบอกรักลงอินสตาแกรมอยู่บ่อยครั้งจนทุกคนต่างอิจฉาให้กับความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ดูจะยิ่งมากขึ้นในทุกๆ วัน"แต่ก็เอาเถอะ เห็นว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จะยอมให้ก็แล้วกัน" เม็ดทรายแสร้งกอดอกแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนักจนมินตราหลุดเสียงหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเธอ"ฮ่าๆๆ งั้นเธอคงต้องยอมเราทุกวันแล้วล่ะเพราะเรากับพี่วีผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากกก" มินตรายิ้มตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกเหตุการณ์เธอยังคงจดจำมันได้อยู่เพียงแค่มันไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกหรือทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้วเพียง
"แฮ่ก~""พี่รักเรานะครับ" ชาร์วีกดจูบลงบนไหล่มนชุ่มเหงื่อแล้วบอกรักคนที่นอนอยู่ไปด้วยในขณะที่ตัวของเขาเองก็เหนื่อยหอบไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาดึงแก่นกายใหญ่ออกจนน้ำคาวสีขุ่นไหลทะลักออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนราบแล้วจับร่างบางขึ้นมานั่งบนหน้าตักไปด้วย"พี่วี ไม่ทำแล้วนะคะ มินเหนื่อยแล้ว" มินตรางอแงออกมากชุดใหญ่อย่างรับรู้ความต้องการของแฟนหนุ่ม เพียงแค่เห็นความใหญ่โตที่ผงาดขึ้นอีกครั้งตรงหน้าก็พาลทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ"พี่บอกแล้วไงว่าจะปล่อยเราตอนทุ่มครึ่ง แต่ถ้า..." ปากหนาจงใจเว้นคำในประโยคสุดท้ายแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสเอวคอดไปด้วยจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนที่ชาร์วีจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ"ถ้าเราขึ้นให้พี่ พี่จะให้จบแค่น้ำเดียว""ละ...ลามกที่สุดเลย" ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายให้กับคำพูดลามกของคนด้านล่างแล้วพยายามลุกขึ้นออกจากตรงนั้นทว่ากลับโดนฝ่ามือแกร่งรั้งเอวคอดไว้มั่นจนเธอไม่สามารถหนีไปได้"พี่ให้เวลาเราตัดสินใจนะ ถ้าเราหนีอีกพี่จะจับกระแทกจนถึงเวลาที่บอก" "อึก..." มินตราลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้กับท่าทีที่ดูจริงจังเหล่านั้นพลางเม้มปากเข้าหากันแน่
"เลิกร้องได้แล้วครับ" มือหนาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานอย่างอ่อนโยนในขณะที่คนตัวเล็กยังคงสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ อยู่ ชาร์วีอมยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนิสัยที่ขี้แงของหญิงสาวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็ตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้จากนิสัยนั้นเหมือนกัน"ดีขึ้นหรือยัง""ฮึก! มะ...มันยังอยากร้องอยู่เลยค่ะ อึก มินกลั้นน้ำตาไว้ได้""งั้นไปร้องต่อในห้องก็แล้วกันนะ แต่เป็นร้องคราง""อ๊ะ! ไม่ทำนะคะพีวี" ร่างเล็กออกแรงดิ้นเมื่อถูกคนตัวสูงช้อนตัวเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็วทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอไม่สามารถสู้ชาร์วีได้ ชายหนุ่มวางแฟนสาวลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบาจากนั้นจึงรีบไปคร่อมตัวของเธอเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ตามลำคอขาวเนียนด้วยความหื่นกระหาย"อื้ออ~ พี่วีทำเบาๆ หน่อยค่ะ อ๊ะ! มินเจ็บนะคะ ยะ...อย่าทำรอยเดียวปะป๊าเห็น อื้ออ" เรียวปากบางส่งเสียงร้องประท้วงออกมาไม่หยุดเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชาร์วีสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของคนตัวเล็กอย่างหลงใหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงร่างบางนุ่นนิ่มนี้มาตลอด"ไม่ไหวแล้วมิน พี่ขอเอาเลยนะ" ชายหนุ่มผละใบหน้าออกมาเอ่ยบอกเสียงแหบพร่าแล้วรีบปลดเปลื้องเส
@วันต่อมา-บ้านมินตรา"พี่วีอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวมินก็ใจอ่อนหรอก" มินตราแสร้งทำหน้ายู่ออกมาแล้วเอ่ยต่อว่าคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนักให้กับสายตาที่ดูอ้อนวอนของชายหนุ่มเนื่องจากเธอจะไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดด้วยกัน"เพิ่งได้นอนกอดกันแค่คืนเดียวเอง ยังไม่หายคิดถึงเลย" ร่างสูงรั้งคนตัวเล็กเข้าไปสวมกอดไว้แน่นด้วยความโหยหาพลางกดปลายจมูกโด่งลงบนศีรษะทุยเล็กไปด้วยจนมินตราลอบยิ้มออกมาให้กับความออดอ้อนของเขา"มินนอนที่บ้านแค่ไม่กี่วันเองค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ""ไม่กี่วันตรงไหน ตั้งสี่วัน แล้วยังได้กลับไปนอนด้วยกันแค่สองวันเอง""ปกติตอนปิดเทอมมินกลับมานอนที่บ้านเป็นเดือนเลยนะคะ ตอนนี้เหลือแค่เป็นวันเอง~ มานอนที่บ้านสี่วันแล้วกลับไปนอนกับพี่สองวันมันก็ไม่น้อยเลยนะคะ""แต่ฉันอยากมีเวลาสัมผัสเธอมากกว่านี้""น้อยๆ หน่อย นี่ยังอยู่ที่บ้านอยู่นะ" ธันวาที่เดินออกมาเอ่ยบอกชายหนุ่มรุ่นลูกที่กำลังกอดหอมลูกสาวของเขาอยู่เสียงดุทำให้ชาร์วีต้องยอมผละตัวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในขณะที่มินตราก้มหน้างุดด้วยความเขินอายที่พ่อของตัวเองเข้ามาเห็นในเวลาแบบนี้"ถึงพ่อจะอนุญาตให้คบกันแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว







