Se connecterด้านมินตรา
"เฮ้อ จะทำยังไงดีเนี่ย ดันเผลอเจอกันซะได้"
"ขนาดยังไม่ได้บอกยังใจเต้นแรงขนาดนี้เลย..." มินตราที่เดินออกมาไกลพอสมควรบ่นอุบพลางยกมือขึ้นมาสัมผัสที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเองไปด้วยที่ด้านในมันกำลังเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำของเขา
"แค่พี่เขาพูดด้วยก็ไปไม่ถูกแล้วเหรอมินตรา"
"ยัยมิน!" เสียงเรียกของเม็ดทรายดังขึ้นด้านหลังทำให้มินตราต้องหันกลับไปยังต้นทางของเสียงอัตโนมัติก่อนที่หญิงสาวจะเริ่มเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
"หายไปไหนของเธอเนี่ย ฉันเป็นห่วงแทบแย่ ไหนว่าจะไปเก็บอุปกรณ์ไง อย่าบอกนะว่าหลงทางน่ะ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ต้องไป..." เม็ดทรายบ่นเพื่อนรักของตัวเองชุดใหญ่เมื่ออยู่ๆ เธอก็หายไปโดยที่ไม่บอกกล่าวเลยแม้แต่น้อย
"อะ...เอ่อ"
"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้น อ๊ะ! ทำไมเธอหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ" เม็ดทรายทักขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงอย่างเห็นได้ชัดของเพื่อนสนิท โดยมินตราก็รีบก้มหน้างุดทันทีอย่างกลัวจะโดนคนตรงหน้าจับได้ถึงหัวใจที่กำลังเต้นแรงอยู่รวมถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ เธอยังไม่กล้าที่จะเล่าให้เม็ดทรายฟังตอนนี้
"อย่าบอกนะว่าเธอไปบอกชอบพี่ชาร์วีแล้ว!" เม็ดทรายตะโกนขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัว
"มะ...ไม่ใช่นะ"
"แล้วอะไรที่ทำให้เธอหน้าแดงขนาดนี้ล่ะ"
"..." ริมฝีปากบางเม้มปากเข้าหากันแน่นด้วยความลังเลว่าควรจะบอกคนตรงหน้าออกไปดีไหม ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่ความลับอะไร แต่เธอก็ยังไม่กล้าอยู่ดี
"เอาล่ะๆ ฉันไม่ถามแล้วก็ได้" เม็ดทรายพูดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางที่ลำบากใจของคนตรงหน้า
"ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันมาตามหาเธอเพราะเรื่องนี้แหละ"
"อะ...อืม" มินตราเองก็พยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจแล้วเดินตามเม็ดทรายออกไปยังจุดที่รับประทานอาหาร ก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นแผ่นหลังแกร่งของคนที่คุ้นเคย
ร่างบางหยุดชะงักฝีเท้าไปทันทีเมื่อได้เห็นภาพนั้น ภาพที่ชาร์วียืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งอย่างสนิทสนม รอยยิ้มของผู้หญิงคนนั้นที่มอบให้ชาร์วี สายตาคู่นั้น มันไม่ผิดแน่ที่ผู้หญิงคนนั้นก็สนใจชาร์วีเหมือนกัน และยิ่งไม่ได้เห็นใบหน้าของรุ่นพี่หนุ่มว่าเขามองเธอคนนั้นอย่างไร มันก็ยิ่งทำให้มินตรายิ่งกังวล เธอกลัว...กลัวว่าชาร์วีจะมอบหัวใจให้คนอื่น
"เป็นอะไรหรือเปล่ามิน" เม็ดทรายที่เห็นมินตราหยุดเดินก็หันกลับมาเอ่ยถาม
"เปล่าหรอก เราแค่...เหมือนเห็นอะไรน่ะ สงสัยคงตาฝาด"
"อ๋อ งั้นรีบๆ เดินกัน ฉันหิวข้าวจะแย่แล้ว~"
"อืม"
@หลายวันต่อมา
-งานรอบกองไฟ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วกับค่ายอาสาแห่งนี้จนมาถึงวันนี้ที่เป็นคืนวันสุดท้ายที่ทุกคนจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ก่อนจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมินตราเองก็ยังไม่ได้สารภาพรักกับชาร์วีไปเนื่องจากความลังเลที่เกิดขึ้นเมื่อเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่ในความลังเลนั้นก็ยังมีเรื่องที่ดีอยู่เมื่อเธอสังเกตเห็นว่าชาร์วีก็มักจะคอยมองเธออยู่เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้พูดคุยเหมือนวันแรกแต่เขาก็ยังคอยมองเธออยู่บ่อยครั้งจนตัวมินตราเองสัมผัสได้จากการที่มักจะเผลอสบตากับชายหนุ่มบ่อยๆ
ไม่เพียงเท่านั้นตัวของเม็ดทรายที่อยู่กับมินตราเองก็รู้สึกได้เหมือนกันว่ารุ่นพี่หนุ่มคอยมองมินตราอยู่บ่อยๆ นั่นจึงทำให้หญิงสาวเริ่มมีความมั่นใจขึ้นว่าทุกอย่างกำลังไปในทางที่ดี เธอเองก็เตรียมที่จะสารภาพรักในคืนวันสุดท้ายในงานรอบกองไฟที่แสนจะโรแมนติกนี้ตามที่เม็ดทรายแนะนำเหมือนกัน จนกระทั่ง...
"ฮ่าๆๆ ชาร์วีก็" เสียงหวานของผู้หญิงที่เอ่ยเรียกชื่อของชาร์วีดังขึ้นไม่ไกลจากจุดที่มินตรายืนอยู่ หัวใจดวงน้อยเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะเมื่อได้ยินประโยคถัดมา
"แล้วคืนนี้แป้งจะรอนะ" หญิงสาวหุ่นดีเอ่ยขึ้นในขณะที่มือลูบไล้ที่แผงอกแกร่งไปด้วย ซึ่งชาร์วีเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาแสยะยิ้มมองคนตรงหน้าก่อนที่ผู้หญิงคนนั้นจะผละตัวเดินออกมา
คล้ายกับโลกทั้งใบพังทลายลงอีกครั้ง มินตราได้แต่ยืนตัวสั่นเทาให้กับภาพที่เห็น ทั้งๆ ที่เธอคิดว่าทุกอย่างมันกำลังดีขึ้นแล้ว ทั้งๆ ที่เธอกำลังเตรียมมาพูดความในใจกับเขา และทั้งๆ ที่...ชาร์วีก็ทำเหมือนสนใจในตัวเธอขนาดนั้น แต่เหมือนว่าสุดท้ายมันก็เปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้อยู่ดี ความจริงที่ว่าเธอไม่มีวันเป็นคนที่ยืนข้างเขาได้
หญิงสาวสูดลมหายเข้าเพื่อเรียกสติของตัวเอง ใบหน้าหวานเงยขึ้นเพื่อห้ามน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา วันนี้เธอได้รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว ที่ไม่ว่าเธอและเขาจะได้รู้จักกันหรือไม่ ยังไงระหว่างทั้งคู่ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเมื่อคิดได้อย่างนั้นมินตราจึงรีบเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีเพื่อไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้ายที่ทำให้เธอเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวเดินกลับมายังงานรอบกองไฟที่ทุกคนกำลังสนุกสนานกันเพื่อคลายความรู้สึกเจ็บปวดที่มี มินตรานั่งลงข้างๆ เม็ดทรายที่กำลังพูดคุยกับรุ่นพี่อยู่ ซึ่งก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งที่เห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารักที่ตัวเองคอยมองมาหลายวันอยู่ในระยะใกล้แค่เอื้อม เขาเองก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยทักทายคนตัวเล็กไปทันที
"เพิ่งมาเหรอน้อง" รุ่นพี่หนุ่มพูดทักทายมินตราที่เพิ่งเดินเข้ามาร่วมวง
"ค่ะ..."
"มาสายนะ ต้องโดนทำโทษหรือเปล่า"
"..." มินตราก็เงียบไม่ตอบเพราะในหัวของเธอตอนนี้กำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่อยู่
"เฮ้ย มึงก็ไปแกล้งน้อง ดูสิน้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว" รุ่นพี่ผู้ชายอีกคนพูดแซวเพื่อนตัวเองเมื่อเห็นว่ามินตราเงียบไป
"กูแค่พูดเล่นเอง"
"พี่ไม่ได้คิดจะทำโทษอะไรเราแรงหรอก แค่จะชวนมาดื่มสนุกๆ กันก็แค่นั้น"
"อย่าเลยค่ะพี่เพื่อนของหนูไม่เคยดื่มเลย แล้วยัยมินไม่สนระ..."
"หนูอยากดื่มค่ะ" มินตราที่นั่งเงียบในตอนแรกพูดแทรกขึ้นก่อนที่เม็ดทรายจะพูดจบ มือเรียวคว้าแก้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในมือของรุ่นพี่ด้านข้างที่ยื่นมาให้ทันที ดวงตากลมปรายตามองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เล็กน้อยแล้วกระดกเครื่องดื่มในมือลงคออึกใหญ่ รสขมของมันทำให้ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวแต่ถึงอย่างนั้นมินตราก็ยังคงถือแก้วเครื่องดื่มนั้นแน่น แล้วจ้องมองไปยังคนใจร้ายที่เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อสักครู่
"ยะ...ยัยมิน กระดกไปขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหรอก" เม็ดทรายปรามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากมินตราไม่เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก่อนแถมยังกระดกทีเดียวเยอะขนาดนั้นอีก
"เมาก็ดีสิ" มินตราพูดเสียงเบาด้วยความรู้สึกที่จุกแน่นอยู่ภายใน ถึงเธอจะไม่เคยดื่มมาก่อนแต่เธอก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่ไม่รู้ว่าแอลกอฮอล์มันช่วยอะไร มินตราพอรู้มาบ้างว่าคนที่มีความเครียดหรือเศร้าเสียใจส่วนใหญ่มักจะดื่มกันเพื่อให้ลืมเรื่องราวต่างๆ และเธอก็อยากดื่มให้เมาเพื่อที่จะได้ลืมความเสียใจทั้งหมด ในตอนนี้เธอไม่อยากจะจดจำอะไรเกี่ยวกับคนใจร้ายคนนั้นเลย
"เป็นอะไรหรือเปล่ามิน"
"เปล่า ไม่มีอะไรหรอกเม็ดทราย เราแค่อยากลองดูน่ะ" ใบหน้าหวานหันกลับไปยิ้มตอบคนด้านข้างแล้วกระดกเครื่องดื่มในมือเข้าปากอีกครั้ง เธอปล่อยให้รสขมของมันไหลลงคอครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะหวังว่ามันจะสร้างผลลัพธ์ที่เธอต้องการได้ โดยมีสายตาของรุ่นพี่หนุ่มข้างๆ ที่นั่งมองภาพตรงหน้าอย่างพึงพอใจ
@วันวาเลนไทน์-คอนโดชาร์วี"แน่ใจเหรอว่าจะไม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารจริงๆ" ร่างสูงที่กำลังถือจานอาหารเอ่ยถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะอีกครั้งซึ่งมินตราที่อยู่ในชุดสีชมพูหวานก็วางดอกไม้ในมือลงแล้วตอบกลับแฟนหนุ่มไปอย่างมั่นใจ"ทานที่ห้องนี่แหละค่ะ ที่ร้านอาหารคนเยอะและมินก็อยากอยู่กับพี่วีสองต่อสองมากกว่า""หึ เป็นเด็กติดพี่เหรอ""ติดแฟนค่ะ" ใบหน้าหวานหันกลับมาตอบกลับอย่างทะเล้นก่อนที่ชาร์วีจะวางอาหารที่สั่งมาลงบนโต๊ะกระจกแล้วสวมกอดหญิงสาวจากทางด้านหลังพลางเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังต้องหน้าแดงออกมา"กินที่ห้องก็ดีเหมือนกัน จะได้อุ้มขึ้นเตียงง่าย"เพี๊ยะ!"พะ...พอเลยค่ะ ครั้งก่อนก็โดนปะป๊าจับได้ มินอายนะคะ" มือเรียวฟาดที่ต้นแขนแกร่งอย่างแรงแล้วทำหน้ามุ่ยออกมาให้กับความหื่นของรุ่นพี่หนุ่มที่เขาได้ทำเรื่องน่าอายไว้ที่บ้านของเธอเมื่อไม่กี่วันก่อนจนธันวาเดินเข้ามาเห็นภาพที่ชาร์วีกำลังซุกไซ้เธออยู่ในห้องครัว"ครั้งนี้ทำบนเตียง ไม่ได้ทำที่ห้องครัวแล้ว""ชิ มินไม่พูดกับพี่แล้วค่ะ" มินตราแสดงท่าทีกระฟัดกระเฟียดออกมาแล้วหยิบดอกกุหลาบที่เหลืออยู่ขึ้นมาจัดใส่แจกันต่อโดยไม่สนใจร่างสูงที่กำลังคลอเคลียเธออย
"มิน! ฟังพี่ก่อน""มินตรา...มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ฝ่ามือแกร่งเลื่อนจับล็อกที่ท่อนแขนเรียวเอาไว้แล้วพยายามอธิบายให้หญิงสาวตรงหน้าฟัง หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นน้ำตาใสของคนตัวเล็กที่กำลังไหลออกมา"ฮึก...""ใจเย็นๆ นะมิน มันไม่ใช่อย่างที่เราคิดนะ" ชาร์วีรั้งตัวของคนตัวเล็กเขามาสวมกอดไว้แน่นพลางลูบที่เรือนผมของเธอไปด้วยเพื่อให้มินตราใจเย็นลงแต่ว่าทุกอย่างมันกลับไม่ได้ง่ายแบบนั้น"ปล่อยมินค่ะ มินจะกลับบ้าน" มินตราพยายามออกแรงดิ้นเพื่อให้พ้นจากพันธนาการของชายหนุ่มทว่าชาร์วีก็ยังคงไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ"มันไม่มีอะไรจริงๆ นะมิน""แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีอะไร" น้ำเสียงที่เยือกเย็นดังออกมาจากคนตัวเล็กอีกครั้ง มินตราผละใบหน้าออกแล้วจ้องมองแฟนหนุ่มเขม็งในขณะที่ชาร์วีซึ่งพอจะรับรู้ถึงสายตาคนตรงหน้าได้ก็รีบบอกความจริงออกมาเพราะเขาไม่มีอะไรจะต้องปิดบังเธออยู่แล้ว"ฉันกับผู้หญิงคนนั้นไม่ได้มีอะไรด้วยกันมานานแล้ว ตั้งแต่ที่มีเธอเราก็ไม่ได้ยุ่งกันอีก""พี่แน่ใจแล้วเหรอคะว่าไม่เคยยุ่งกันอีก" มินตราเอ่ยถามคนตรงหน้าเสียงสั่นในขณะที่ชาร์วีขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงุนงงเพราะเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคน
@หลายเดือนต่อมา-มหาวิทยาลัย"คุยกับพี่ชาร์วีอยู่เหรอ" เสียงหวานของเม็ดทรายเอ่ยถามคนด้านข้างที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่หลังจากที่ออกมาจากห้องเรียนแล้วก่อนที่มินตราจะละสายตาจากหน้าจอแล้วหันมาตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยรอยยิ้มหวาน"ใช่~ พี่วีบอกว่ามารอหน้าตึกแล้ว""เฮ้อ เบื่อคนมีความรักจริงๆ เลย" หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ให้กับความคลั่งรักของทั้งสองคนที่ไม่ว่าจะเป็นมินตราที่มักพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเองให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ชาร์วีเองก็มารับมินตราทุกวันรวมถึงถ่ายรูปของเธอแล้วบอกรักลงอินสตาแกรมอยู่บ่อยครั้งจนทุกคนต่างอิจฉาให้กับความคลั่งรักของทั้งคู่ที่ดูจะยิ่งมากขึ้นในทุกๆ วัน"แต่ก็เอาเถอะ เห็นว่าผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ จะยอมให้ก็แล้วกัน" เม็ดทรายแสร้งกอดอกแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่จริงจังนักจนมินตราหลุดเสียงหัวเราะออกมาให้กับท่าทางของเธอ"ฮ่าๆๆ งั้นเธอคงต้องยอมเราทุกวันแล้วล่ะเพราะเรากับพี่วีผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากกก" มินตรายิ้มตอบกลับไปอย่างอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีต ทุกเหตุการณ์เธอยังคงจดจำมันได้อยู่เพียงแค่มันไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกหรือทำให้เธอต้องเจ็บปวดอีกแล้วเพียง
"แฮ่ก~""พี่รักเรานะครับ" ชาร์วีกดจูบลงบนไหล่มนชุ่มเหงื่อแล้วบอกรักคนที่นอนอยู่ไปด้วยในขณะที่ตัวของเขาเองก็เหนื่อยหอบไม่ต่างกัน ฝ่ามือหนาดึงแก่นกายใหญ่ออกจนน้ำคาวสีขุ่นไหลทะลักออกมาก่อนจะล้มตัวลงนอนราบแล้วจับร่างบางขึ้นมานั่งบนหน้าตักไปด้วย"พี่วี ไม่ทำแล้วนะคะ มินเหนื่อยแล้ว" มินตรางอแงออกมากชุดใหญ่อย่างรับรู้ความต้องการของแฟนหนุ่ม เพียงแค่เห็นความใหญ่โตที่ผงาดขึ้นอีกครั้งตรงหน้าก็พาลทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ"พี่บอกแล้วไงว่าจะปล่อยเราตอนทุ่มครึ่ง แต่ถ้า..." ปากหนาจงใจเว้นคำในประโยคสุดท้ายแล้วเลื่อนมือไปสัมผัสเอวคอดไปด้วยจนร่างบางขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนที่ชาร์วีจะเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ"ถ้าเราขึ้นให้พี่ พี่จะให้จบแค่น้ำเดียว""ละ...ลามกที่สุดเลย" ใบหน้าจิ้มลิ้มแดงระเรื่อด้วยความเขินอายให้กับคำพูดลามกของคนด้านล่างแล้วพยายามลุกขึ้นออกจากตรงนั้นทว่ากลับโดนฝ่ามือแกร่งรั้งเอวคอดไว้มั่นจนเธอไม่สามารถหนีไปได้"พี่ให้เวลาเราตัดสินใจนะ ถ้าเราหนีอีกพี่จะจับกระแทกจนถึงเวลาที่บอก" "อึก..." มินตราลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ให้กับท่าทีที่ดูจริงจังเหล่านั้นพลางเม้มปากเข้าหากันแน่
"เลิกร้องได้แล้วครับ" มือหนาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานอย่างอ่อนโยนในขณะที่คนตัวเล็กยังคงสะอื้นไห้ออกมาเบาๆ อยู่ ชาร์วีอมยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับนิสัยที่ขี้แงของหญิงสาวแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาก็ตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้จากนิสัยนั้นเหมือนกัน"ดีขึ้นหรือยัง""ฮึก! มะ...มันยังอยากร้องอยู่เลยค่ะ อึก มินกลั้นน้ำตาไว้ได้""งั้นไปร้องต่อในห้องก็แล้วกันนะ แต่เป็นร้องคราง""อ๊ะ! ไม่ทำนะคะพีวี" ร่างเล็กออกแรงดิ้นเมื่อถูกคนตัวสูงช้อนตัวเข้าไปในห้องนอนด้วยความรวดเร็วทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดของเธอไม่สามารถสู้ชาร์วีได้ ชายหนุ่มวางแฟนสาวลงบนเตียงด้วยความแผ่วเบาจากนั้นจึงรีบไปคร่อมตัวของเธอเอาไว้แล้วโน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ตามลำคอขาวเนียนด้วยความหื่นกระหาย"อื้ออ~ พี่วีทำเบาๆ หน่อยค่ะ อ๊ะ! มินเจ็บนะคะ ยะ...อย่าทำรอยเดียวปะป๊าเห็น อื้ออ" เรียวปากบางส่งเสียงร้องประท้วงออกมาไม่หยุดเมื่อคนด้านบนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ชาร์วีสูดดมกลิ่นกายหอมหวานของคนตัวเล็กอย่างหลงใหล ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาคิดถึงร่างบางนุ่นนิ่มนี้มาตลอด"ไม่ไหวแล้วมิน พี่ขอเอาเลยนะ" ชายหนุ่มผละใบหน้าออกมาเอ่ยบอกเสียงแหบพร่าแล้วรีบปลดเปลื้องเส
@วันต่อมา-บ้านมินตรา"พี่วีอย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ เดี๋ยวมินก็ใจอ่อนหรอก" มินตราแสร้งทำหน้ายู่ออกมาแล้วเอ่ยต่อว่าคนตรงหน้าอย่างไม่จริงจังนักให้กับสายตาที่ดูอ้อนวอนของชายหนุ่มเนื่องจากเธอจะไม่ได้กลับไปนอนที่คอนโดด้วยกัน"เพิ่งได้นอนกอดกันแค่คืนเดียวเอง ยังไม่หายคิดถึงเลย" ร่างสูงรั้งคนตัวเล็กเข้าไปสวมกอดไว้แน่นด้วยความโหยหาพลางกดปลายจมูกโด่งลงบนศีรษะทุยเล็กไปด้วยจนมินตราลอบยิ้มออกมาให้กับความออดอ้อนของเขา"มินนอนที่บ้านแค่ไม่กี่วันเองค่ะ เดี๋ยวก็ได้กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วนะ""ไม่กี่วันตรงไหน ตั้งสี่วัน แล้วยังได้กลับไปนอนด้วยกันแค่สองวันเอง""ปกติตอนปิดเทอมมินกลับมานอนที่บ้านเป็นเดือนเลยนะคะ ตอนนี้เหลือแค่เป็นวันเอง~ มานอนที่บ้านสี่วันแล้วกลับไปนอนกับพี่สองวันมันก็ไม่น้อยเลยนะคะ""แต่ฉันอยากมีเวลาสัมผัสเธอมากกว่านี้""น้อยๆ หน่อย นี่ยังอยู่ที่บ้านอยู่นะ" ธันวาที่เดินออกมาเอ่ยบอกชายหนุ่มรุ่นลูกที่กำลังกอดหอมลูกสาวของเขาอยู่เสียงดุทำให้ชาร์วีต้องยอมผละตัวออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ในขณะที่มินตราก้มหน้างุดด้วยความเขินอายที่พ่อของตัวเองเข้ามาเห็นในเวลาแบบนี้"ถึงพ่อจะอนุญาตให้คบกันแล้วแต่ก็ไม่ใช่ว







