“ไอ้ธีร์ มึงจะรีบแดกไปไหน เพิ่งบ่ายสามโมงเอง”
กิตติภพทักขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนซี้เอาแต่ยกแก้วเหล้ากระดกเข้าปากรัว ๆ โดยที่ไม่เว้นจังหวะตั้งแต่มาถึงคลับของเขา ถึงแม้ที่นี่จะเปิดร้านหนึ่งทุ่ม แต่ห้องวีไอพีเจ้าของร้านนั้นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง
“แดกเหมือนเมียทิ้ง” คราวนี้เป็นภัทรกรพูดขึ้นบ้าง
“พวกมึงสองคนไม่เข้าใจหรอก ว่าคนกำลังเครียดมันเป็นยังไง”
“แล้วมึงเครียดเรื่องอะไร”
สองเพื่อนซี้ถามขึ้นแทบจะพร้อมกัน แล้วตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากปากของคนที่จะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
“เมื่อเช้าแม่กูมาหา แล้วก็ถามเรื่องสายขิม”
พอพูดจบ เพื่อนทั้งสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างกับนัดไว้ โดยเฉพาะกิตติภพ ที่ดูจะขบขันกับอาการของเพื่อนซี้ในตอนนี้มากที่สุด
“ไอ้เหี้ยตี๋ มึงจะหัวเราะอะไรขนาดนั้นวะ”
“แม่มึงอยากจะให้แต่ง แต่ง ๆ ไปก็จบ สายขิมก็สวย น่ารัก ทำกับข้าวก็เก่ง ทำงานก็เก่ง ไม่ดีตรงไหนวะ”
ที่รู้ เพราะเพื่อนตัวดีที่กำลังกระดกเหล้ารัว ๆ เคยเล่าให้ฟังอยู่บ้าง ทีแรกคิดว่าธีร์ธวัชไม่น่าจะมีปัญหาหากต้องแต่งงานกับเธอจริง ๆ เพราะเขาก็ดูไม่ได้รังเกียจอีกฝ่าย แถมเวลาพูดถึงก็สายตาเป็นประกายตลอด
“แต่กูไม่อยากมีเมียตอนนี้พวกมึงก็รู้ หรือว่าพวกมึงอยากมี”
“ไม่อยาก”
“กูก็ไม่อยาก”
ทั้งกิตติภพและภัทรกรตอบพร้อมกันทั้งยังส่ายหน้ายืนยันคำตอบของตน พวกเขาแม้จะอายุ 35 ปีแล้ว แต่ก็ยังอยากจะใช้ชีวิตโสดสนุกสนานแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้อยากผูกมัดกับใคร การแต่งงาน นั่นหมายถึงต้องหยุดการใช้ชีวิตแบบที่ว่ามา
“แต่กูมีแผนสอง”
“แผนสอง?”
สองเพื่อนซี้หัวคิ้วขมวดเข้ากันอย่างสงสัย พร้อมกับมองหน้าของธีร์ธวัชที่ตอนนี้กำลังยิ้มกริ่มกับแผนการที่ตัวเองคิดขึ้นมาได้อยู่คนเดียว
“แผนอะไรของมึงวะ” กิตติภพถามย้ำ
“ก็สายขิมวางแผนจะยั่วกู แล้วถ้ากูตกหลุมพรางพลาดไปมีอะไรด้วย ถึงตอนนั้นกูก็ต้องแต่งงานอย่างเลี่ยงไม่ได้”
“แล้วแผนมึงคืออะไร”
คนโดนถามหยักยิ้มมุมปาก คล้ายกำลังมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
“ยั่วมา กูก็เล่นด้วย...แค่นั้น คนอย่างสายขิมถ้าถูกรุกหนัก ๆ เข้าเดี๋ยวก็หนีกลับใต้ไปเอง”
ทั้งภัทรกรและกิตติภพต่างหันมองหน้ากัน พวกเขาไม่แน่ใจนักว่าเพื่อนซี้จะทำแผนการนี้ได้สำเร็จ เพราะสายขิมไม่ใช่คนขี้เหร่ เรียกได้ว่าสวยมากคนหนึ่ง หากเพื่อนของพวกเขาโดนยั่วมาก ๆ แล้วเอาตัวเองลงไปเล่นด้วย เห็นท่าแล้ว...คนที่จะตกหลุมพรางของแผนการนี้คงเป็นธีร์ธวัชเสียเอง
“มึงแน่ใจเหรอวะ ว่าจะสำเร็จ ไม่ใช่ติดกับดักเสียเองหรือไง” ภัทรกรถามขึ้นแล้วก็ยกแก้วเครื่องดื่มกระดกเข้าปาก
“นี่ใคร” คนโดนถามเมื่อครู่ถามกลับ
“ก็มึงไงไอ้ธีร์”
“ก็ใช่ไง นี่เสี่ยธีร์นะเว้ย ไม่มีทางติดกับดักตื้น ๆ นี่หรอก กูให้เวลาอย่างมากหนึ่งเดือน บอกได้เลยว่าสายขิมต้องร้องไห้กลับใต้แน่”
เสียง ‘หึ’ ดังออกมาจากลำคอของเพื่อนซี้ ใช่แล้ว...พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่าธีร์ธวัชจะทำได้ งานนี้มีหวังเสี่ยธีร์แห่งแก๊งมังกรคงได้มีเมียเด็กนำหน้าเพื่อน ๆ แน่นอน
“นี่พวกมึงไม่เชื่อ?”
“เออ!”
“แล้วก็รอดู”
พูดออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ เขาอายุเท่าไหร่ สายขิมอายุเท่าไหร่ ประสบการณ์และฝีไม้ลายมือยังห่างชั้นกันเยอะ เด็ก ๆ แบบนี้ รุกนิด หยอกหน่อย เดี๋ยวจับ เดี๋ยวกอด อืม...หรืออาจจะต้องมีจูบด้วย ไม่กี่ครั้งหรอก รับรองร้องไห้กลับบ้านไปหาแม่เขาไม่ทันแน่
นั่งดื่มกับเพื่อนต่ออีกหลายชั่วโมงจนเกือบสองทุ่ม ธีร์ธวัชตัดสินใจไม่เข้าร้าน เขาเลือกจะกลับคอนโดเพราะว่าไหน ๆ ก็ดื่มจนกรึ่มขนาดนี้แล้ว เริ่มแผนการที่สองวันตั้งแต่วันนี้ก็แล้วกัน
รถยนต์คู่ใจถูกเร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ ภายในเวลาแค่หนึ่งชั่วโมงก็มาถึงคอนโดของเขา ขายาวรีบก้าวลงจากรถแล้วตรงไปยังห้องพักของตัวเอง เพิ่งสามทุ่ม ยัยตัวแสบยังไม่หลับแน่นอน
แต่ทันทีที่ประตูเปิดออกเขาก็ต้องแปลกใจ เมื่อไฟข้างในถูกเปิดเพียงสลัว ๆ แล้วก็มีแสงสว่างจากหน้าจอโทรทัศน์สว่างวาบขึ้นมาเป็นระยะ เมื่อเพ่งสายตามองดี ๆ ก็เห็นว่าสายขิมนั่งอยู่ตรงนั้น
เหมือนเธอจะรู้ว่าเขากลับมาแล้ว ร่างเล็กลุกจากโซฟาแล้วก็เดินตรงมาทางเขา แต่สิ่งที่ทำให้คนตัวโตต้องตกตะลึงมากกว่าเดิมก็คือ บนร่างกายของสายขิมมีเพียงชุดลูกไม้บาง ๆ คลุมอยู่ แม้ว่าจะใส่ชุดชั้นในเอาไว้แต่มันก็ยัง...
อึก! น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคอ ยิ่งเธอเดินเข้ามาใกล้มากเรื่อย ๆ เขาก็ยิ่งเห็นว่าชุดที่ยัยตัวเล็กใส่มันบางแค่ไหน ยิ่งใกล้ ยิ่งเห็น เห็นว่าหน้าอกคู่นั้นมันใหญ่กว่าที่เขาเห็นครึ่งเต้าคราวก่อน เอวคอดที่น่าจะพอดีมือตอนจับกระแทก อืม...แพนตี้ตัวจิ๋วนั่นก็ด้วย บางทีไม่ใส่น่าจะดีกว่า
‘ไม่ได้’ ใบหน้าหล่อเหลารีบสะบัดไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อครู่ออกไปจากหัว เป็นจังหวะเดียวกันกับที่สายขิมเดินมาถึงตัวเขาพอดี
“เฮียธีร์ เหนื่อยไหมคะ”
น้ำเสียงที่ใช้เอ่ยถามนั้นหวานฉ่ำเสียจนเขาเกือบลืมตัว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ลืมแผนการที่เล่าให้เพื่อนซี้ทั้งสองฟังเมื่อช่วงบ่าย
“ถ้าเฮียบอกว่าเหนื่อย ขิมจะช่วยเฮียยังไงครับ หืม...”
น้ำเสียงและสีหน้าของเขาที่เธอมองเห็นผ่านแสงสลัว ๆ ทำให้คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว วงแขนแกร่งก็ตวัดโอบเอวคอดเอาไว้แล้ว
“ว่าไงครับ ขิมจะช่วยเฮียยังไง”
ยิ่งเขาพูด ใบหน้าคมก็ยิ่งโน้มลงมาต่ำ จนกระทั่งปลายจมูกจรดลงบนผิวขาวเนียนช่วงหัวไหล่
“หอมจัง ขิมเพิ่งอาบน้ำเหรอ”
หัวใจเต้นตึกตัก ๆ เพราะไม่ทันเตรียมตัวตั้งรับว่าเขาจะเป็นแบบนี้ หรือเพราะเมากันนะ ถึงทำให้เฮียธีร์ดูแปลก ๆ คิดแบบนี้เพราะได้กลิ่นเหล้าที่เจือลมหายใจของคนตัวโตออกมา
“ก็ถ้าเฮียธีร์เหนื่อย เฮียก็ไปอาบน้ำ เสร็จแล้วเดี๋ยวขิมช่วยนวดให้ เอาไหมคะ ขิมนวดเก่งนะ”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะ เดี๋ยวเฮียรอให้ห้องนอน”
เขาไม่ปฏิเสธ แถมยังบอกว่าจะรอในห้องนอนอีก หรือว่าชุดที่คุณแม่ซื้อมาให้จะได้ผลจริง ๆ เอาไงดี ยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย
ฮึบ! ลมหายใจถูกสูดเข้าจนเต็มปอดเพื่อเรียกความมั่นใจ เอาก็เอาวะ มาถึงขนาดนี้แล้วคงถอยไม่ได้ อย่างน้อย ๆ มันก็ดีกว่าให้เฮียธีร์ไปคว้าเอาคนอื่นมาทำเมีย
คนตัวเล็กเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องนอนของเฮียธีร์ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่สะดุ้งเพราะอีกฝ่ายเปิดประตูห้องออกมาถาม
“ไหนบอกจะนวดให้เฮียไงครับ เฮียอาบน้ำเสร็จนานแล้วนะ”
“ค่ะ ๆ ขิมไปนวดให้ตอนนี้เลยค่ะ”
อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือฉันใด อยากได้ผู้ชายก็ต้องเข้าห้องผู้ชายฉันนั้น เอาวะ! สู้เว้ยสายขิม
สองเท้าก้าวเดินเข้าไปยังห้องที่เปิดประตูรออยู่อย่างช้า ๆ เฮียธีร์เปิดไฟจนสว่างทุกดวง แล้วมันก็ทำให้เธอเกิดรู้สึกอายขึ้นมา ก็เพราะไอ้ชุดที่สวมอยู่ตอนนี้มันบางจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนน่ะสิ
“มาเร็วขิม เฮียเมื่อยตัวจะแย่แล้ว”
คนตัวโตเอ่ยบอกในขณะที่เขานอนคว่ำอยู่บนเตียง ใบหน้าเอียงมาทางที่เธอยืนอยู่ สายตาคมจับจ้อง ราวกับว่ากำลังมองทะลุเข้ามาในเนื้อผ้า
“เฮียธีร์อยากให้ขิมนวดตรงไหนเป็นพิเศษคะ”
“ตรงนี้ มันตึง ๆ น่ะ”
เขาใช้ฝ่ามือตบลงบนบ่าเปลือยเปล่า เพราะว่าไม่ได้สวมเสื้อเอาไว้
“ขิมนวดให้นะคะ”
มือเล็กกดน้ำหนักลงบนไหล่ของคนตัวโตอย่างช้า ๆ ขยับนวดไปมาทั่วบริเวณ แต่ขณะที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงที่นอนคว่ำอยู่ก็พลิกตัวกลับมา กลายเป็นว่า ตอนนี้เป็นตัวเธอที่หลังแนบสนิทกับที่นอนและเฮียธีร์กำลังใช้วงแขนคร่อมร่างเล็กเอาไว้
“ฮะ เฮียธีร์จะทำอะไรคะ”
“ขิมรู้อะไรไหม เฮียก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งนะ” เสียงทุ้มแหบพร่าจนพาให้เธอใจสั่น “บางที ความอดทนก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น”
ยิ่งเขาพูด ร่างสูงก็ยิ่งเบียดเข้าหา ทั้งตอนนี้ยังใช้เข่าดันให้ขาเรียวอ้าออกแล้วก็แทรกตัวเองเข้ามาอยู่ตรงกลาง
“หรือว่า...เราจะทำแบบที่คุณแม่ต้องการ ดีไหม”
ประโยคนั้นจบลงพร้อม ๆ กับริมฝีปากหยักที่กดทาบลงบนเนินอกที่โผล่พ้นชุดลูกไม้ออกมา
“ขะ ขิมง่วงแล้วค่ะ”
“ง่วงแล้วเหรอ เพิ่งสี่ทุ่มเอง”
“ค่ะ”
ใบหน้าสวยเบนหลบ ไม่กล้าสบสายตาคมคู่นั้น วันนี้เขาแปลกกว่าทุกวัน จากที่คิดตั้งใจจะยั่ว กลายเป็นตัวเองที่ถูกเฮียธีร์ต้อนให้จนมุม
“แล้วขิมอยากจะนอนกับเฮีย หรืออยากจะกลับไปนอนห้องตัวเองครับ หืม...”
“ขะ ขิมจะกลับห้องตัวเองค่ะ”
พูดเสร็จฝ่ามือเล็กก็ดันตัวเขาออก ซึ่งธีร์ธวัชก็ยอมผละตัวออกอย่างง่ายดาย เสร็จแล้วยัยตัวแสบก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนไป
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังอยู่ในลำคอ
“เธอยังเด็กเกินไป...สายขิม”
///////////////////////////////////////////////////////
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต