เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังไม่หยุดทำให้เปลือกตาคู่สวยต้องเปิดขึ้น ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอจะไม่อยากตื่นเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองฝ้าเพดาน หัวใจเต้นตึกตัก ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
จู่ ๆ เฮียธีร์ก็เปลี่ยนไป ทั้งที่ปกติเขาจะพยายามอยู่ห่างเธอให้มากที่สุดแท้ ๆ ฝ่ามือแตะลงบนหัวไหล่ แล้วเลื่อนมาแตะบนเนินอกที่ถูกเขาประทับริมฝีปากลงไปเมื่อคืน ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับคนเป็นไข้ เฮียธีร์ร้ายกาจที่สุด!
ร่างเล็กดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เรื่องเมื่อคืนเธอแค่ยังไม่ทันตั้งตัว วันนี้เอาใหม่ ยังไงก็ยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้ เพื่อคุณแม่ ท่องไว้ เพื่อคุณแม่
ก๊อก ก๊อก!
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูที่ดังอยู่หลายครั้ง ทำให้คนที่ยังนอนอยู่จำใจลุกขึ้นมาทั้งที่งัวเงียแล้วเดินมาเปิดประตู
“มีอะไร คนจะนอน”
“เฮียธีร์พูดไม่เพราะเหมือนเมื่อคืนเลยค่ะ”
น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจของยัยตัวเล็กที่พูดอยู่ตรงหน้าทำให้ธีร์ธวัชต้องรีบปรับโทนเสียงตัวเองใหม่ ภารกิจยังไม่สำเร็จ ช่วงนี้ก็คงต้องทำแบบเมื่อคืนไปก่อน
“ขอโทษครับ พอดีเฮียเพิ่งตื่นก็เลยไม่ค่อยสดชื่น”
“นี่เฮียธีร์จะบอกว่า ขิมมารบกวนเหรอคะ”
‘เก่งมาก’ ยัยตัวแสบนี่แสดงได้สมบทบาทจริง ๆ ดูเหมือนเขาจะประเมินความสามารถของเธอต่ำไปหน่อย ขนาดเจอรุกใส่แบบเมื่อคืน เช้านี้ยังมายืนทำหน้าน้อยอกน้อยใจออดอ้อนเขาได้
“แล้วนี่ขิมมีอะไรหรือเปล่า”
“ขิมแค่จะมาปลุกเฮียมากินข้าวเช้าด้วยกันค่ะ แต่วันนี้ขิมไม่ได้ทำเองนะ สั่งจากร้านมาค่ะ”
เสียงหวานตอบออดอ้อนแล้วช้อนสายตาขึ้นมองราวกับลูกแมวน้อย ๆ ที่กำลังอ้อนเจ้าของ และมันก็น่ารักมาก
‘น่ารัก?’ ไม่ได้เด็ดขาด เขาจะตกหลุมพลางของยัยเตี้ยไม่ได้เด็ดขาด ใจแข็งไว้ ๆ
“ไม่ได้ทำเองก็ไม่เป็น แค่ได้นั่งกินกับขิมก็พอแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น...เฮียธีร์รีบไปอาบน้ำนะคะ เดี๋ยวขิมรอ”
“เฮียอยากให้ขิมมารอในห้อง ได้หรือเปล่า”
เขาเอ่ยถามด้วยเสียงไม่ดังมากนัก แต่สายตาคมคู่นั้นกลับทำให้เธอปฏิเสธไม่ลง
“กะ ก็ได้ค่ะ”
คนตัวเล็กเดินตามร่างสูงเข้าไปด้านใน ถึงจะเคยเข้ามาหลายครั้งแล้ว แต่คราวนี้มันให้ความรู้สึกต่างออกไป โดยเฉพาะ ภาพของเฮียธีร์ที่กำลังถอดเสื้อออกจากตัว
น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคอ นี่จะมีใครว่าไหมถ้าภายในใจมันกำลังคิดลามกอยู่ อยากรู้ว่ากล้ามนั่นจะแน่นแค่ไหน อยากจับ อยากลูบ อยาก...
“ขิม”
“คะ คะ?”
ความคิดเมื่อกี้ต้องชะงักหยุดลงเมื่อคนตัวโตเอ่ยเรียกจนเธอสะดุ้งตกใจ พอรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เฮียธีร์มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว อืม...กล้ามแน่น ๆ มันชัดกว่าเมื่อคืนที่เห็นตอนนวดให้เขาอีก
“เฮียไปอาบน้ำก่อน รอแป๊บเดียวนะ”
“ได้ค่ะ”
บอกเสร็จร่างสูงก็เดินเข้าไปในห้องน้ำ ส่วนเธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ไม่โดนเขาจับได้ว่ากำลังแอบมองร่างกายล่ำ ๆ ของเขาอยู่ แต่บางทีก็ไม่ได้อยากแค่มองนะ
ฮึ่ย...แรดเกินไปแล้วนังขิม
ขณะที่ความคิดกำลังตีกันอยู่ในหัวสมอง เสียงเปิดประตูห้องน้ำก็ดังขึ้น คราวนี้สายขิมได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้าง เพราะภาพตรงหน้าคือ เฮียธีร์ที่เปลือยท่อนบน ส่วนท่อนล่างพันเพียงผ้าขนหนูเอาไว้หลวม ๆ คิดว่าแค่เธอดึงนิดหน่อยก็น่าจะหลุดออกมาอย่างง่ายดาย
อ่า...หรือว่าจะลองดึงดู บางทีก็อยากจะรู้ว่านอกจากหุ่นล่ำ ๆ ช่วงบน ช่วงล่างจะล่ำเหมือนกันหรือเปล่า
“มองขนาดนี้ ขิมลองจับดูไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับเขาที่ก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอพอดี และตอนนี้ กล้ามท้องแน่น ๆ มันก็เด่นมาก
“จับได้เหรอคะ”
“แล้วทำไมไม่ได้ครับ”
เพียงจบประโยค ฝ่ามือเล็กก็ถูกมือหนาจับเอาไว้แล้วพาไปวางทาบลงบนหน้าท้องที่แน่นด้วยลอนกล้าม ความรู้สึกแรกคือมันแข็ง แล้วก็อุ่น ๆ ผิวเฮียธีร์ก็เนียนมาก แต่ว่า...ถ้าลูบลงต่ำกว่านี้จะโดนว่าหรือเปล่านะ
“อยากทำมากกว่าจับหรือเปล่า”
ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้ ทำเอาคนที่กำลังตะลึงกับกล้ามแน่น ๆ สะดุ้งเล็กน้อย ใบหน้าของเขาห่างกับหน้าของเธอไม่ถึงคืบ กลิ่นครีมอาบน้ำลอยเตะจมูกจนจะเคลิ้ม
“ฮะ เฮียธีร์รีบใส่เสื้อผ้าเถอะค่ะ กับข้าวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
สุดท้ายก็ต้องรีบตัดบท เพราะตอนนี้หัวใจดวงน้อยเริ่มสั่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ไหว ๆ หัวใจของเธอยังรับสายตาและท่าทางแบบนี้ไม่ไหว
“ครับ...”
ธีร์ธวัชตอบกลับเพียงสั้น ๆ พร้อมกระตุกยิ้มมุมปากโดยที่ยัยตัวเล็กไม่เห็น ท่าทางเหมือนลูกแมวกลัวน้ำนี่น่ามันเขี้ยวชะมัด ยังอ่อนประสบการณ์แท้ ๆ แต่กล้าจะมาแหย่หนวดมังกรแบบเขา พอโดนรุกเข้าหน่อยก็ตัวสั่นเชียว
หรือจะลองแหย่เล่นอีกหน่อยดีนะ
“ขิม มาช่วยเฮียเลือกเสื้อหน่อยสิ”
“วันนี้เฮียธีร์อยากจะใส่แบบไหนคะ”
สายขิมเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าของเขา แล้วมองดูเสื้อผ้าที่แขวนเรียงกันอยู่ด้านใน
“ปกติเฮียชอบใส่เสื้อยืดอยู่บ้าน ขิมว่าเอาสีนี้ดีกว่านะคะ อ๊ะ!”
ร่างเล็กถูกจับพลิกหันกลับมาหาเขาโดยที่เธอไม่ได้ตั้งตัว แต่ตอนนี้ แผ่นอกกว้างที่ไร้เสื้อผ้าปกปิดมันได้ระดับกับใบหน้าของเธอพอดี
“เฮียธีร์จะทำอะไรคะ”
“ขิมว่า เราควรจะทำอะไรกันดีล่ะ ออกกำลังกายตอนเช้าสักหน่อยดีไหม”
นิ้วยาวเชยปลายคางมนขึ้น ให้ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาสบตากับเขา ท้องนิ้วโป้งเกลี่ยตรงริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา จะว่าไปแล้ว ‘ปากยัยเตี้ยก็น่าจูบเหมือนกันแฮะ’
“ฝึกจูบหน่อยดีไหม”
ถามออกไปด้วยความมั่นใจว่าเธอจะกลัว แต่ผิดคาด เมื่อสายขิมยกแขนของเธอขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้ แล้วเบียดตัวเข้าชิดจนเต้าอวบที่อยู่ภายใต้เสื้อยืดรัดรูปบดเบียดหน้าอกแกร่ง
“ก็เอาสิคะ ขิมอยากให้เฮียสอนพอดีเลย”
มาถึงขั้นนี้แล้วจะถอยได้ไง มันก็ต้องสู้กันสักตั้ง และแทนที่เธอจะรอให้เขาเป็นคนประทับริมฝีปากลงมา ปลายเท้าคนตัวเล็กกลับเขย่งขึ้น แล้วประกิบริมฝีปากของตัวเองลงไป
กลีบปากนิ่มค่อย ๆ บดคลึงอย่างไม่รู้ประสา แค่ทำตามวิดีโอหนังผู้ใหญ่ที่เคยดูผ่านตามาบ้าง แต่บางทีเธออาจไม่รู้ตัวว่าความเงอะงะนี้กำลังทำให้อีกฝ่ายเริ่มจะคุมตัวเองไม่ได้
วงแขนแกร่งตวัดรั้งร่างบางให้แนบชิดกว่าเก่า ฝ่ามือของเขาเคล้นคลึงไปตามแผ่นหลังของคนตัวเล็กอย่างลืมตัว ก่อนที่จะบดจูบเข้าหาอย่างเร่าร้อน
นานเท่าไหร่ไม่รู้ รู้แต่เพียงตอนนี้เธอทำได้เพียงจิกเล็บลงบนหัวไหล่กว้างของอีกฝ่ายแรงขึ้นและแรงขึ้น
“ถ้ายังไม่พร้อมก็อย่ายั่วเฮียเล่น” ธีร์ธวัชผละจูบออกเมื่อรู้สึกได้ว่าสายขิมตัวสั่นกว่าเมื่อครู่ “เพราะถ้าเฮียหยุดไม่ได้ขิมจะโดนเฮียเอาจริง ๆ รู้ตัวหรือเปล่า”
“คะ ใครบอกว่าขิมยังไม่พร้อม ขิมอายุตั้ง 23 แล้วนะ”
“แน่ใจ? งั้นก็ต่อจากเมื่อกี้ดีไหม”
จากมือที่วางอยู่บนแผ่นหลังนอกเสื้อยืด คราวนี้ธีร์ธวัชเลื่อนมันเข้าไปด้านใน เคล้นคลึงผิวเนียนโดยที่ไร้สิ่งขวางกั้น สายตาคมจับจ้องเด็กดื้อที่ยืนหลับตาปี๋ตรงหน้า ยิ่งเห็นก็ยิ่งนึกอยากแกล้ง
ปลายนิ้วยาวเกี่ยวตะขอบราตัวจิ๋วเพียงครั้งเดียวก็หลุดออกอย่างง่ายดาย พาลให้คนตัวเล็กสะดุ้ง แต่ว่า...ก็ยังทำใจดีสู้เสือไม่หือ ไม่อือ
“ถ้าขิมไม่บอกให้เฮียหยุด เฮียจะเลื่อนมาจับด้านหน้าแล้วนะ ว่าไงครับ”
“ยะ หยุดก่อนก็ได้ค่ะ กับข้าวเย็นหมดแล้ว”
สุดท้ายก็เป็นเธอที่ยอมแพ้ในเกมรุกครั้งนี้ เฮียธีร์ในแบบที่เธอไม่เคยเห็นอันตรายต่อหัวใจเหลือเกิน แม้อยากลองดูว่ามันจะรู้สึกอย่างไรหากได้ทำไปถึงขั้นนั้น แต่คนที่ไร้ประสบการณ์กลับกลัวขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
“ถ้างั้น...วันหลังเฮียจะสอนมากกว่าจูบนะครับ”
เป็นอีกครั้งที่ยัยตัวเล็กวิ่งหนีเขาออกไปจากห้อง แต่ที่แตกต่างจากทุกครั้งก็คือ หัวใจของตัวเองที่วูบวาบแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หรือว่า...
///////////////////////////////////////////////////////
การมาบาร์วันนี้ต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เนื่องจากคนเป็นเจ้าของต้องมาที่นี่เพียงคนเดียว ใจหนึ่งก็อยากจะหยุดอยู่คอนโดเพราะว่าสายขิมดันป่วยขึ้นมาเฉย ๆ ด้วยอาการแพ้อากาศ อยากจะดูแลอยู่ข้าง ๆ แต่ทางภรรยากลับไล่ให้ออกมาที่บาร์ เธอไม่อยากให้ตัวเองกลายเป็นภาระขนาดนั้น และบอกว่าให้เขามองงานสำคัญเป็นที่หนึ่งเสมอ...ห้ามเกเร ห้ามดื้ออีก อาจเพราะสภาพอากาศในช่วงนี้ที่ช่างน่าเบื่อหน่าย การที่ผู้คนเลือกจะหาสถานที่ดื่มด่ำผ่อนคลายจึงกลายเป็นเรื่องที่นิยมขึ้นมา ยูนิคอร์นบาร์จึงแทบไม่เหลือที่ว่าง มันประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิด แต่ก็รองลงมาจากการประสบความสำเร็จเรื่องราวความรักอยู่ดี... ธีร์ธวัชดินตรวจดูรอบ ๆ ร้าน พูดคุยกับลูกค้าสอบถามความเห็นและปัญหาอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้บริการ สิ่งนี้คืออีกเสน่ห์หนึ่งที่ทำให้บาร์ของธีร์ธวัชประสบความสำเร็จได้และติดลมบนอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขาเดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม ที่เวลานี้บาร์เทนเดอร์กำลังโชว์ลวดลายลีลาเชคผสมรังสรรค์เมนูเลิศรสให้กับลูกค้าชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว มองจากข้างหลังก็ยังรู้ว่าเป็นใคร
เธอยังคงสดในเหมือนกับวันแรกที่ได้เจอ... ธีร์ธวัชลอบมองใบหน้าจิ้มลิ้มยามหลับใหลของหญิงสาวอันเป็นที่รักเงียบ ๆ เธอยังไม่ตื่น อาจเพราะเมื่อคืนบทรักที่ร่วมบรรเลงคงยาวนานไปหน่อยสำหรับเด็กดื้อเสียงลมหายใจดังขึ้นแผ่วเบา แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ลอดผ่านม่านพลิ้วไสวสาดทับใบหน้าเนียนยิ่งทำให้ความน่าเสน่หาของสายขิมเปล่งประกาย ปลายนิ้วละเลียดสัมผัสปอยผมด้วยความรักใคร่ ทุกครั้งเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน ธีร์ธวัชไม่เคยนึกฝันว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะได้ลงเอยกับใครสักคนแบบนี้หนึ่งเดือนพ้นผ่านหลังจากงานวิวาห์ จะว่าตนเองคือรางวัลของพยายามที่สายขิมตามจีบตามตื๊ออย่างไม่ว่างเว้นก็คงไม่ผิด แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ไม่เคยอยากจะมีเมียกลับรู้สึกอบอุ่นและโชคดีที่ได้เธอคนนี้มานอนกอดไม่ต่างกัน รัก...รัก...รัก...รักที่สุด ขิมของเฮีย! ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกริ่มขึ้นมาในความเงียบงัน เป็นเวลาเดียวกับที่แพขนตาสวยขยับเปิดขึ้น สายขิมลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า ขยับตัวไปมาในวงแขนของสามี ก่อนที่จะได้เห็นว่าอีกฝ่ายตื่นอยู่ก่อนแล้ว “เฮียธีร์...ตื่นนานหรือยังคะ” เสียงใสเอ่ยถาม พอสายตาได
“เฮียธีร์...เป็นอะไรคะ” สายขิมเอ่ยถามพร้อมกับใช้สายตามองดูสามีที่นอนคว่ำอยู่บนที่นอน ทั้งยังใช้กำปั้นทุบบริเวณไหล่ตัวเองไม่หยุด “ปวดไหล่เหรอคะ”“อืม...” ธีร์ธวัชพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ“ถ้าอย่างนั้นขิมช่วยนวดให้นะ” มือนุ่มวางสัมผัสลงไปบนแผ่นหลังกว้าง เปลือกตาคมปิดลงให้ภรรยาตัวน้อยช่วยนวดคลายความปวดเมื่อย “ไปทำอะไรมาคะ ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ปวดหลัง ปวดไหล่ได้ หรือว่าเฮียไปยกอะไรหนัก ๆ มา” “เมื่อคืนช่วยเด็กยกลังใส่โซดาน่ะ เดินผ่านเห็นคนไม่พอ น่าจะผิดท่าไปหน่อย” มือนุ่มเริ่มขยับออกแรงกดลงไปหนัก ๆ ใบหน้าคมเอียงซบลงไปบนหมอนนิ่ม เอียงข้างหันมาด้านหนึ่ง เมื่อเส้นตึงได้รับการบีบนวดถูกอกถูกใจ จึงเผลอครางออกมาผ่านลำคอ เหมือนต้องการอยากบอกกับหมอนวดส่วนตัวว่าตนพออกพอใจเพียงใด “อืม...ขิมนวดเก่งจัง ตรงนั้นแหละ” “ตรงนี้เหรอคะ” คนตัวเล็กขยับตัวขึ้นมาอีกนิดเพื่อจะได้กดน้ำหนักลงบนไหล่แกร่งได้สะดวก ทำให้ตอนนี้ลำตัวของเธออยู่ระดับสายตาของคนที่นอนอยู่อย่างพอดิบพอดี “อืม...”เจ้าของไหล่กว้างปรือตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้สายตา
โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮี้โห่...ฮิ้ว.... จบเสียงโห่นำก็ตามมาด้วยเสียงกลองยาว ฉิ่ง ฉาบ ที่เริ่มบรรเลงดนตรีเป็นจังหวะสนุกสนาน พร้อมกับคนที่เดินอยู่ในขบวนขันหมากต่างยกไม้ยกมือขึ้นฟ้อนรำมาตามถนน ธีร์ธวัชในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดพาดบ่าด้วยสไบสีทองเดินอยู่หน้าสุด ข้าง ๆ กันเยื้องไปด้านหลังนิดหน่อยมีเพื่อนสนิทสองคนที่เดินถือพานสินสอดตามมาด้วย “หน้าบานเหมือนจานข้าวหมา” เป็นเสียงของกิตติภพพูดขึ้นปนหมั่นไส้ เนื่องจากสีหน้าของคนเป็นเจ้าบ่าววันนี้ดูจะเบิกบานเกินหน้าเกินตา ไม่เหมือนกับไอ้คนที่ประกาศปาว ๆ ว่าจะไม่แต่งงานเมื่อหลายเดือนก่อนเลยสักนิดเดียว “เรื่องของกู” คนโดนแขวะตอบกลับทั้งที่สายตายังจ้องมองไปยังถนนที่ตรงไปยังบ้านของเขา รอยยิ้มกว้างที่อยู่บนใบหน้าไม่ได้หุบลงแม้แต่วินาทีเดียว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับเด็กดื้อที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไม่แต่งงานด้วยเด็ดขาด แต่ใครใช้ให้เธอน่ารัก น่ามอง แถมยั่วเก่ง นาทีนี้อดใจไหวก็คงไม่ใช่ผู้ชาย แต่ที่มากกว่านั้น ก็คงเป็นความจริงใจที่สายขิมมีให้ หากคิดทบทวนกลับไปให้ดี
สายขิมจ้องมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือของธีร์ธวัช ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันมองหน้ากัน แล้วก้มมองรายชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจออีกครั้ง “เฮียธีร์แน่ใจแล้วนะ” “แน่ใจแล้วสิ ถ้าไม่แน่ใจเฮียไม่ทำแบบนี้หรอก” เขาตอบแล้ววาดวงแขนรั้งคนตัวเล็กให้มาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่ปลายนิ้วจะกดโทรออกหาคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ ไม่นานนักก็มีเสียงทักทายมาจากปลายสาย //โทรมาแต่เช้า มีอะไรหรือเปล่าตาธีร์ หรือว่าน้องไม่สบายแกถึงได้โทรมาหาแม่// แม่ของเขานี่ยังไงกัน นึกถึงแต่ลูกสาวสุดที่รักตลอด ไม่ถามไถ่ลูกตัวเองสักคำว่าสุขสบายดีไหม “นี่แม่คิดแต่ว่าผมจะรังแกลูกสาวแม่หรือไงครับ ถึงได้ถามแบบนี้” น้ำเสียงน้อยอกน้อยใจกรอกไปตามสาย ทำเอาคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนได้แต่แอบหัวเราะอยู่คนเดียว ก็เวลาเฮียธีร์คุยกับคุณแม่ เหมือนว่าจะทำตัวเป็นเด็กมากกว่าตอนอยู่กับเธอเสียอีก //แล้วแกโทรมาทำไมแต่เช้า// “ผมมีข่าวดีจะบอกแม่ด้วยล่ะ” //ข่าวดีอะไรของแก// แม้จะเป็นประโยคคำถาม แต่น้ำเสียงของคุณหญิงแม่ดูจะไม่ค่อยตื่นเต้นสักเท่าไหร่กับคำว่า ‘ข่าว
แสงแดดในยามบ่ายตกกระทบน้ำทะเลจนเป็นประกายระยิบระยับราวกับเพชรที่กำลังต้องแสง สายลมพัดโชยพาเอาไอเค็มของทะเลมาแตะต้องผิวหนัง ธีร์ธวัชเอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดสีขาว สายตาคมกวาดมองไปทั่วบริเวณจนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่ร่างบางของเด็กดื้อที่กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่ไม่ไกล สายขิมในชุดบิกินี่สีชมพูอ่อนตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูโดดเด่น ขณะที่คลื่นลูกเล็กๆ ซัดเข้าใส่ร่างอรชร ทำให้ชุดว่ายน้ำแนบชิดไปกับเรือนร่างยิ่งขึ้น นัยน์ตาคมเข้มไล่มองคนตัวเล็กที่กำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่เส้นผมสีดำสนิทที่ปลิวไปตามลม ใบหน้าหวานที่เปื้อนยิ้ม แก้มนุ่มที่แดงระเรื่อจากแสงแดด ไปจนถึงเรือนร่างที่ดูสมส่วนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋ว แล้วก้อนเนื้อใต้หน้าอกข้างซ้ายก็เต้นรัวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ เป็นเอามากแล้วจริง ๆ ยิ่งเขามองยัยตัวเล็กนานมากเท่าไหร่ รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าก็กว้างขึ้นมากเท่านั้น และมันก็กว้างเสียจนกิตติภพที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้ชายหาดข้าง ๆ กันพูดขึ้น “อาการมันเป็นยังไงบอกกูมาดิ๊ ต้องกินยา หรือว่าต้องไปหาหมอไหมไอ้ธีร์” ได้ยินคำถามของเพื่อนซี้ ธีร์ธวัชก็ค่อย ๆ เบนสายต