Share

บทที่ 10

"หาน... หลี่หาน..." เสิ่นหาน หรือเขาควรจะชื่อว่าหลี่หานพึมพำชื่อนั้นซ้ำไปซ้ำมาราวกับเป็นคำที่ไม่คุ้นเคย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความผูกพันอันลึกซึ้งที่ก่อตัวขึ้นในใจ เขามองจี้หยกจักรพรรดิในมือลูกสาวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของผู้หญิงที่เคยเรียกว่าแม่มาทั้งชีวิต... ผู้หญิงที่เลี้ยงดูเขามาด้วยความลำเอียงกดขี่ และบัดนี้กำลังยื่นคำขาดที่แสนโหดร้าย

"หากอยากจะอยู่ที่นี่ต่อและใช้แซ่เสิ่นแกก็ยอมยกตำแหน่งงานให้อาฉีซะ หากไม่ตกลงแกก็ออกไปจากบ้านนี้โดยที่แม้แต่แซ่เสิ่นแกก็ต้องทิ้งเอาไว้ด้วย" คำพูดของจางหลินยังคงก้องอยู่ในหู

มันคือทางเลือกที่บีบคั้นหัวใจ... เลือกที่จะอยู่ในบ้านที่เต็มไปด้วยการหลอกลวงและการกดขี่ต่อไปเพียงเพื่อรักษาแซ่ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง

หรือเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างออกไปเผชิญโลกภายนอกด้วยตัวตนที่แท้จริง แต่ไร้ซึ่งหลักประกันใด ๆ ถึงอนาคตที่มองไม่เห็นทาง

เสิ่นฉีและฟางหลานมองมาด้วยแววตาคาดหวังและเย้ยหยัน พวกเขาเชื่อมั่นว่าน้องชาย/น้องเขยที่หัวอ่อนและหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงมาตลอดจะต้องยอมจำนนในที่สุด

จางหลินเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยรอคอยคำตอบด้วยความมั่นใจ นางเชื่อว่าคนที่นางเลี้ยงมากับมือจะไม่มีวันกล้าปฏิเสธนาง แต่แล้ว...สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

เสิ่นหานที่ตอนนี้ตัดสินใจจะใช้แซ่ของตนตามหยกที่ได้มาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความสับสนและเจ็บปวดบัดนี้กลับฉายแววของความสงบนิ่งและความเด็ดเดี่ยวอย่างประหลาด เขามองจางหลินนิ่งนานก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและชัดเจนมากกว่าทุกครั้งในชีวิต

"ผมจะตกลงก็ต่อเมื่อคุณให้ผมทำการแยกบ้านและตัดขาดความสัมพันธ์กับผมทั้งหมดโดยที่นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปไม่ว่าผมกับครอบครัวจะเป็นเช่นไรคุณจะไม่นำมาพูดถึงอย่างเด็ดขาด" คำกล่าวของพ่อทำให้เสิ่นเมี่ยวเบิกตากว้างมองไปทางเขาอย่างเหลือเชื่อ

พ่อ...ยอมแลกตำแหน่งงานกับอิสรภาพอย่างนั้นเหรอ แม้ว่าเรื่องนี้จะผิดแผนไปจากที่เธอวางไว้แต่เธอคิดว่านี่ก็เป็นทางออกที่ดีเหมือนกันยังไงซะก็จะได้ไปจากบ้านที่เปรียบเหมือนนรกหลังนี้

"แกว่าอะไรนะ!" จางหลินแทบไม่อยากเชื่อหู นางคิดคำนวณในใจอย่างรวดเร็ว หากว่าหลี่หานเลือกตัดความสัมพันธ์จริงแล้วต่อไปหล่อนจะไปรีดไถเงินจากพวกมันได้ยังไง?

ตำแหน่งงานของเสิ่นฉีมันก็สำคัญแต่แหล่งเงินในอนาคตก็ทิ้งไม่ได้ "แกจะบ้าเหรอ! แยกบ้าน ตัดขาดกันง่าย ๆ แบบนี้น่ะนะ! แกคิดว่าแกจะไปรอดรึไง!" นางจางเริ่มหาเหตุผลมาคัดค้าน

แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะได้พูดอะไรมากไปมากกว่านั้น เสิ่นฉีที่อยากได้ตำแหน่งงานจนตัวสั่นก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที

"แม่ครับ! ผมว่าข้อเสนอของอาหานก็ไม่เลวนะ" เขารีบสนับสนุนน้องชายนอกไส้อย่างรวดเร็วกลัวว่าแม่จะเปลี่ยนใจ

"เราก็ได้ตำแหน่งงานที่เราควรจะได้ ส่วนพวกมันอยากจะแยกไปไหนก็เรื่องของมัน ตัดขาดกันไปเลยก็ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายกันอีก"

ฟางหลานเองก็รีบพยักหน้าเห็นด้วย "ใช่ค่ะแม่! พี่ฉีพูดถูกค่ะ ตำแหน่งงานสำคัญที่สุดนะคะ ส่วนเรื่องอื่นช่างมันเถอะ"

จางหลินมองหน้าลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้ที่เห็นแก่ได้อย่างชัดเจน นางลังเลอย่างหนัก ใจหนึ่งก็อยากได้ตำแหน่งงานให้เสิ่นฉี อีกใจก็เสียดายแหล่งเงินที่จะหายไป แต่เมื่อเห็นสายตาแน่วแน่ของหลี่หานและท่าทีกระตือรือร้นของเสิ่นฉี นางก็รู้ว่าคงจะรั้งไว้ไม่ได้แล้ว

"ก็ได้!" นางกัดฟันพูดออกมาในที่สุด แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ "ถ้าแกยืนยันจะไปนัก ก็ไป แยกบ้านไปเลยตัดขาดกันไป แต่ตำแหน่งงานนั่นแกต้องเขียนใบลาออกให้เรียบร้อย แล้วก็..." นางปรายตามองไปยังจี้หยกจักรพรรดิในมื เสิ่นเมี่ยวอีกครั้ง

"หยกนั่นต้องทิ้งไว้ด้วย"

"เรื่องตำแหน่งงาน ผมจัดการให้ได้" หลี่หานตอบรับอย่างหนักแน่น "แต่หยกชิ้นนี้เป็นของผม เป็นของดูต่างหน้าจากแม่ แท้ ๆ ของผม ผมไม่ให้!"

"แก!" จางหลินกำลังจะอาละวาดอีกครั้ง

"พอเถอะค่ะแม่!" คราวนี้เป็นฟางหลานที่รีบห้ามไว้ หล่อนกระซิบกับแม่สามี "เรื่องหยกช่างมันก่อนเถอะค่ะ เอาตำแหน่งงานมาก่อนดีกว่าอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง อีกอย่างหยกนั่นก็สลักแซ่กับชื่อของมันไว้เอามาจะมีประโยชน์อะไรได้"

จางหลินจ้องหลี่หานอย่างกินเลือดกินเนื้อ แต่สุดท้ายก็สะบัดหน้าพรืด "เออ! ไม่ให้ก็ไม่ต้องให้! แต่แกต้องไปทำเรื่องลาออกให้เสร็จภายในวันนี้ แล้วก็ไสหัวออกจากบ้านฉันไปซะ! อย่าให้ฉันเห็นหน้าพวกแกอีก!"

"เรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่ก่อนอื่นผมว่ารีบไปบอกผู้ใหญ่บ้านให้มาเป็นพยานเรื่องตัดขาดความสัมพันธ์ก่อนดีกว่าเพราะผมกับครอบครัวก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่ให้เสียเวลาเหมือนกัน"

คำพูดของหลี่หานเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวทำให้จางหลินโกรธจนหน้าเขียว แต่ก่อนที่นางจะได้เอ่ยปากเสิ่นฉีก็รีบตอบรับทันทีเพราะกลัวว่าเรื่องจะพลิกผัน

"ใช่ครับแม่! รีบไปตามผู้ใหญ่บ้านมาเลยดีกว่าครับ จะได้จัดการให้มันจบ ๆ ไปเสียที อาหานเขาอยากไปเราก็ควรจะปล่อยเขาไปตามทางของเขาจริงไหมครับ" เสิ่นฉีหันไปยิ้มเอาใจหลี่หาน แต่แววตาฉายแววสมใจอย่างปิดไม่มิด

"ใช่ค่ะแม่ ให้พี่ฉีไปตามผู้ใหญ่บ้านเถอะค่ะ" ฟางหลานรีบเสริมทัพสามี

จางหลินมองหน้าลูกชายและลูกสะใภ้ที่แทบจะรอไม่ไหว นางกัดฟันกรอดรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า แต่เมื่อนึกถึงตำแหน่งงานที่มั่นคงของโรงงาน นางก็จำต้องสะกดความไม่พอใจเอาไว้

"ก็ได้! เสี่ยวตง แกรีบวิ่งไปตามผู้ใหญ่บ้านมา! บอกให้มาเป็นพยานเรื่องแยกบ้าน ตัดขาดความสัมพันธ์เดี๋ยวนี้"

เสิ่นตงที่แอบฟังอยู่รับคำอย่างรวดเร็วราวกับกลัวใครจะแย่งหน้าที่ จากนั้นเขาก็รีบวิ่งออกจากบ้านไปด้วยความเร็วทิ้งให้บรรยากาศในบ้านตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม

จางหลินทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง ใบหน้ายังคงบึ้งตึงและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ หล่อนจ้องมองหลี่หานราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก

ในใจกำลังคิดคำนวณถึงผลกระทบที่จะตามมา แม้จะได้ตำแหน่งงานให้ลูกชายคนโตสมใจแต่การตัดขาดกับหลี่หานก็หมายถึงการสูญเสียแหล่งพึ่งพิงและเบี้ยเลี้ยงในอนาคตไปเช่นกัน

เสิ่นฉีและฟางหลานนั่งอยู่ด้านข้างพยายามเก็บอาการดีใจไว้ แต่แววตาที่ลอบมองหลี่หานเป็นครั้งคราวก็เต็มไปด้วยความสมใจและเย้ยหยัน ในที่สุดอุปสรรคชิ้นใหญ่ก็กำลังจะถูกกำจัดออกไป ตำแหน่งงานที่พวกเขาใฝ่ฝันกำลังจะตกมาอยู่ในมือ! ส่วนเรื่องอื่น...ค่อยว่ากันทีหลัง

ทางด้านครอบครัวหลี่หาน พวกเขายืนจับมือกันแน่นเป็นวงกลมขนาดเล็กอยู่กลางห้องโถง หลี่หานยืนตัวตรงแม้ภายในใจจะยังคงสับสนและเจ็บปวดกับความจริงที่เพิ่งรับรู้

แต่การตัดสินใจที่จะตัดขาดและเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยตัวตนที่แท้จริง ทำให้เขารู้สึกถึงความปลดปล่อยและความมุ่งมั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขามองภรรยาและลูกสองคนด้วยแววตาที่แน่วแน่...ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรพวกเขาจะเผชิญมันไปด้วยกัน

เซี่ยอวิ๋นซือซบศีรษะลงบนไหล่สามี น้ำตายังคงคลอหน่วย แต่ไม่ใช่เพราะความเสียใจอีกต่อไปแต่เป็นความตื้นตันใจในความเด็ดเดี่ยวของสามีและความหวังในอนาคตที่กำลังจะเริ่มต้น แม้ว่าตอนนี้จะยังมองไม่เห็นหนทางแต่เธอก็พร้อมจะสู้ไปกับเขา

เสิ่นหยวนยืนอยู่ข้างพ่อมองไปยังย่าและลุงป้าด้วยแววตาที่แข็งกร้าวขึ้น เขาอาจจะยังเด็กแต่เขาก็เข้าใจดีว่าการตัดสินใจครั้งนี้มีความหมายต่อครอบครัวพวกเขามากเพียงใด เขาจะเข้มแข็งและคอยช่วยเหลือพ่อแม่และน้องสาวให้ดีที่สุด

เสิ่นเมี่ยวยืนกุมมือพ่อไว้แน่น เธอมองไปรอบห้องโถงที่เคยเรียกว่าบ้านเป็นครั้งสุดท้าย ในใจกำลังวางแผนขั้นต่อไปอย่างรวดเร็ว...เมื่อออกจากบ้านหลังนี้แล้วพวกเขาจะไปอยู่ที่ไหน? จะหาเงินได้อย่างไร? เธอต้องรีบคิดหาทางให้เร็วที่สุด

เสี่ยวหม่าว สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? มีบ้านเช่าราคาถูกใกล้ ๆ หรือที่พักชั่วคราวแนะนำไหม?

กำลังค้นหาครับเจ้านาย! พบข้อมูลบ้านร้างท้ายหมู่บ้านหลังหนึ่ง เจ้าของย้ายไปอยู่เมืองหลวงนานแล้วอาจจะพอเจรจาขออาศัยชั่วคราวได้ และก็มีห้องเช่าหลังเล็กค่อนข้างเก่าในซอยใกล้ตลาดแต่สภาพค่อนข้างทรุดโทรมครับ ต้องใช้เงินซ่อมแซมอยู่บ้าง

หากอยากให้พ่อเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าตามที่เราวางแผนกันไว้ ฉันว่าบ้านเช่าใกล้ตลาดน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ว่าหากมันต้องซ่อมแซมฉันก็ไม่รู้ว่าบ้านเราจะมีเงินพอหรือเปล่า เสิ่นเมี่ยวรู้สึกลังเลโดยหลงลืมเรื่องที่แม่ของเธอนั้นได้เคยขอยื่นเรื่องให้ทางโรงงานจัดสรรที่พักเอาไว้ให้ตั้งแต่ต้นปี

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ละวินาทีดูเหมือนจะยาวนานกว่าปกติ ทุกคนต่างจมอยู่ในความคิดของตนเองรอคอยการมาถึงของผู้ที่จะมาเป็นสักขีพยานในการแยกทางครั้งนี้

และแล้ว...เสียงฝีเท้าหนัก ๆ และเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นจากหน้าประตูบ้าน เสิ่นตงกลับมาแล้ว...พร้อมกับผู้ใหญ่บ้านรวมถึงยังมีชาวบ้านตามมาอีกเป็นพรวน
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 109

    หลังจากแสดงความยินดีและซักถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควรแล้ว หลี่หยุนก็เข้าเรื่องทันที "คืออย่างนี้ครับ ผู้อำนวยการหวัง ผมเองก็อายุมากแล้ว อยากจะขอเกษียณตัวเองจากตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงเสียที และผมก็เห็นว่าหลี่หานลูกชายของผมคนนี้เขามีความรู้ความสามารถทางด้านช่างเทคนิคและเครื่องยนต์ก

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 108

    ยามเช้าของวันต่อมา แสงแดดแรกของหางโจวในช่วงต้นฤดูร้อนสาดส่องลงมาอย่างอบอุ่นปลุกชีวิตชีวาให้กับสรรพสิ่ง ณ อาคารที่พักของพนักงานของโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเฟยเยว่ ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่และมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมือง ที่ซึ่งหลี่หานกำลังจะก้าวเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงต่อจากบิดา

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 107

    เย็นวันเดียวกันนั้น หลังจากที่ทุกคนได้กินอาหารมื้อเย็นร่วมกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่น หลี่หยุนได้มีโอกาสพูดคุยและทำความรู้จักกับหลาน ๆ ทั้งสองคนอย่างเต็มที่ เขารู้สึกเหมือนความสุขทั้งหมดในชีวิตได้ย้อนกลับคืนมาอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 106

    "จริงเหรอครับ/ค่ะ พ่อ" สองพี่น้องร้องออกมาด้วยความดีใจ " "จริงสิลูก แต่ว่าเรื่องตู้เย็นเอาไว้พวกเราค่อย ๆ เก็บเงินซื้อกันนะ ตอนนี้ก็ซื้อน้ำแข็งไปก่อนเพราะโรงงานน้ำแข็งประชาชนอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง พอหน้าหนาวพ่อว่าน้ำแข็งก็ไม่น่าจะเป็นที่ต้องการเท่าไหร่แล้วละ" พูดถึงเรื่องนี้เซี่ยอ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 105

    เย็นวันนั้นข่าวการเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกซ่อมบำรุงโรงงานเฟยเยว่ของหลี่หาน และความสำเร็จในการซ่อมเครื่องจักรที่แม้แต่ทีมช่างของโรงงานยังจนปัญญาก็ได้สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้กับทุกคนในครอบครัวหลี่และครอบครัวเซี่ยเป็นอย่างมาก บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่ำเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและคำชื่นชม เซ

  • เสื่นเมี่ยวย้อนเวลาเปลี่ยนชะตา   บทที่ 104

    (ซึ่งในระหว่างนี้ ทักษะการวิเคราะห์ปัญหาเครื่องจักรระดับสูงสุดที่เสี่ยวหม่าวมอบให้กำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพในหัวของเขา) หลังจากใช้เวลาพิจารณาอยู่ไม่นานนัก ประมาณสิบกว่านาทีเห็นจะได้ หลี่หานก็เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาที่มั่นใจ "ผมคิดว่าผมพอจะมองเห็นสาเหตุแล้วครับท่านผู้อำนวยกา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status