Share

บทที่ 1 ปืน

last update Last Updated: 2025-12-11 13:55:27

บทที่ 1 ปืน

ตึง ตึง ผ่าง..

“ปืน ปืน ไอ้ปืน ตื่น ๆ”

“อืออ”

“โมงเช้าแล้วแก ไปโรงเรียน”

ผมดึงผ้าห่มคลุมหัวแล้วพลิกไปอีกด้านทันที แต่ยายเตี้ยไม่ยอมยังพยายามดึงผ้าห่มจนผมต้องรีบตะครุบไว้จับแน่น

“เฮ้ย!! แก้ม มึงเข้ามาในห้องผู้ชายไม่อายหรือไง”

“อายอะไร มาเกือบทุกวัน เร็ว ลุก วันนี้ถ้าไปสายจะโดนวิ่งรอบสนาม”

ผมสลืมสลือมัวขี้ตาตั้งท่าจะสะบัดผ้าห่มนึกขึ้นได้ว่าไม่ทันได้ใส่กางเกง จึงชักขากลับ

“มึงออกไปก่อน ไปรอข้างล่าง”

“ไม่ เป็นอะไรของมึง”

“เปล่ากูไม่เป็นอะไร อย่าดึง!! กูบอกว่าอย่าดึงผ้าห่ม”

ด้วยความอายผมจึงเผลอขึ้นเสีย เห็นมือเล็กขาวชะงักหยุดทันทีเลยนึกละอายใจ เงยหน้าขึ้นตั้งใจจะเอ่ยขอโทษ แต่ทว่า ...

พรึบ!!

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่แท้ก็ไม่ได้ใส่กางเกงนอน”

ดีที่ผมคว้าหมอนมาปิดไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นยายเตี้ยได้เห็นอาวุธลับแน่

“มึงนี่ เป็นผู้หญิงหรือเปล่า หลบไปกูจะเข้าห้องน้ำ”

“เออ ไปเลย เดี๋ยวกูนอนรอแทน”

ผมหลบแทบไม่ทันเมื่อยายเตี้ยกระโดดขึ้นเตียงเล็กขนาดสามฟุตครึ่งจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด แล้วดึงผ้าห่มไปกอดไว้ควักโทรศัพท์ไถโซเชียลไม่ได้สนใจผมอีก

“มึงอย่าไปทำแบบนี้กับใครนะไอ้แก้ม”

“ทำไม”

ปากถามแต่ตายังมองโทรศัพท์ ผมมองหาผ้าเช็ดตัวที่โยนทิ้งไว้บนเก้าอี้เมื่อคืนแล้วคว้าเอามาพันตัวก่อนลุกยืน

“มึงได้โดนปล้ำแน่”

“เออ ดี กูอยากโดน”

ยายเตี้ยปากดีจนผมเข่นเขี้ยว เอี้ยวหน้าไปมองร่างเล็กในชุดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ปักชั้นมอหกจุดสอง - - ฮึ ดีแต่ปาก สมองยังไงก็ด้อยกว่าผมล่ะว่ะ

ตอนนี้แก้มไม่ได้สูงไปกว่าเดิมสักเท่าไร หากยืนแล้วเตี้ยกว่าผมมาก สูงเลยหัวไหล่ผมมานิดเดียว  เส้นผมดกหนายาวมัดรวบผูกโบสีน้ำเงินเข้ม จมูกโด่งเรียวเล็ก ตากลมโต ปากกว้างเล็กน้อยเคลือบด้วยสีชมพู ปลายจมูกชื้นเหงื่อ ผิวขาวใสจนเห็นเส้นเลือดบนพวงแก้มไล่หายลับลงต้นคอ

“เดี๋ยวกูเปิดแอร์ให้”

“เปิดทำไม”

“ก็มึงร้อน”

“มึงรู้ได้ไงว่ากูร้อน”

ผมไม่เถียงอีกหยิบรีโมทเปิดแอร์กำลังจะหันกลับไปเข้าห้องน้ำ พลันยายเตี้ยนอนชันขาขึ้นจนกระโปรงร่วงร่นถึงต้นขา

อึก...

สองวินาที ... สถิติใหม่ที่ผมก้าวจากหน้าเตียงมายืนหน้ากระจกในห้องน้ำ หอบหายใจเอามือออกจากจมูกแล้วส่องดู - - ก็ไม่มีเลือดกำเดานี่หว่า

พลันก้มลงมองกลางตัว ผ้าเช็ดตัวพุ่งตรงเคารพธงชาติ ลองใช้มือดันลงแต่ยังผงาดพุ่งจึงถอนหายใจ - - มึงเลิกนึกภาพไอ้แก้มได้แล้ว

ซ่า ..... อืม.... แฮก ๆ

....................

ก๊อก แก๊ก แอ๊ด

“ทำไมช้าตั้งครึ่งชั่วโมง”

ยายเตี้ยโพล่งคำถามทันทีเมื่อผมเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำเปียกโชกทั้งตัวทั้งหัว

“โกนหนวด”

ผมตอบแบบส่ง ๆ เดินไปทางตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนักเรียนออกมาสวม ชำเลืองมองไปทางยายเตี้ยเห็นยังง่วนอยู่กับการพับผ้าห่มจึงรีบสวมเสื้อผ้าเผลอแปปเดียวมันมายืนจ้องหน้า

“โกนยังไง ทำไมยังขึ้นเต็ม”

“เฮ้ย..มึง!! นี่ผีหรือคน ตกใจหมด”

ผมหน้าแดงซ่านรีบหันหลังติดกระดุมจนเสร็จจับยัด ๆ ใส่กางเกงแล้วยืนหวีผม

“บ่ายนี้ครูเรียกไปห้องแนะแนว”

“ไปทำไม”

“เรื่องเข้ามหาลัย”

“คุยซ้ำซาก”

“เออ! ไปหรือเปล่า”

“ฮึ ไม่ไป เบื่อ บอกไปแล้วจะเข้าวิดวะ”

ยายเตี้ยเงียบไปเป็นพักจนกระทั่งผมแต่งตัวเสร็จ หันกลับไปมองอีกทีเห็นนั่งหน้าจ่อยอยู่บนเตียง

“ไป รีบไป เดี๋ยวค่อยคิดจะเรียนที่ไหน”

“กูไม่ได้หัวดีอย่างมึง จะเลือกเรียนที่ไหนก็ได้”

ผมคว้าข้อมือนุ่มมันขึ้นมาแล้วฉุดออกจากห้องพาเดินลงบันไดบ้าน

“อ้าว สายแล้วนะปืน ไม่รีบพาแก้มไปโรงเรียน”

เสียงแม่ตะโกนออกมาจากในครัวพร้อมเสียงล้างจานกระทะ

“กำลังจะไปแล้ว”

“ไม่ทันได้กินข้าวเช้าเลย” แก้มบ่นออดแอดขณะสอดเท้าเข้ารองเท้านักเรียน

“งั้นรีบไปกินที่โรงอาหาร เดี๋ยวเลี้ยง”

“จริงดิ”

“เออ ไปเร็ว”

แก้มยิ้มจนแก้มขึ้นลูกทั้งสองข้าง โน้มตัวลงหยิบหมวกกันน็อกบนชั้นวางของขึ้นมาสวมโดยมีผมทำหน้าที่เป็นคนคาดสายรัดให้เหมือนเคย จากนั้นจึงขึ้นนั่งไพล่ข้างซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์แบบกระเทย (อันนี้แม่เรียกแต่ผมก็จำมาใช้เพราะมันเท่ดี)

มือเล็กโอบเอวสอบผมมาด้านหน้า นั่งแกว่งขาไปร้องเพลงไปตลอดทาง บางครั้งผมก็แกล้งเบรกจนเธอชนเข้ากับแผ่นหลัง - - อืม นุ่มดี อมยิ้มแล้วขับต่อไป ยายเตี้ยไม่เห็นหรอกเพราะเธอซ้อนหลัง

บางทีก็แกล้งจับมือไว้ตอนจอดไฟแดง หรือตอนออกตัว กระชากเบา ๆ อีกหนึ่งที นี่แหล่ะครับในทุกเช้าของผมกับแก้ม

“ปืน”

“เออ ว่าไง” ผมหยุดเดินเมื่อได้ยินไอ้เหนือตะโกนเรียกมาแต่ไกล

“กูมีเรื่องวานว่ะ”

ผมมองหน้ามันเห็นท่าไม่ดีตั้งท่าจะปฏิเสธ

“มึงห้ามบอกปัด นี่กูเป็นเพื่อนมึงนะโว้ย”

ผมเบือนหน้าหนีแล้วพลันสะดุดตากับยายเตี้ยกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนข้างเสาธงกับเพื่อน หรี่ตามองคล้ายเห็นกระดาษในมือยายนั่น  จึงรีบหันกลับมา

“มึงมีอะไร”

“กูแค่จะวานมึงเอานี่ให้แก้มหน่อย”

ผมมองกระดาษพับสี่ส่วนจนเล็กเท่าฝ่ามือตวัดตามองเพื่อนอีกที

“อะไร” น้ำเสียงเริ่มห้วน

“เออน่า มึงไม่ต้องรู้ ฝากให้แก้มหน่อย แล้วนี่ ค่าเดินเรื่อง”

ไอ้เหนือยัดแบงก์ร้อยใส่มือมาสองใบ ผมไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกนะแต่รับไว้ยัดใส่กระเป๋ากางเกง

“เดี๋ยวตอนเย็นเอาให้”

“เออ ขอบใจว่ะ”

ไอ้เหนือพาดแขนบนไหล่แล้วผลักจนผมต้องออกเดินทั้ง ๆ ที่ยังมองยายเตี้ยนั่งอ่านอะไรสักอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หน้าแดง

“มึงไปก่อน กูต้องไปห้องแนะแนวกับไอ้แก้ม”

“เออ งั้นกูขึ้นห้องก่อน”

ผมรอจนไอ้เหนือเดินห่างออกไปจึงเลี้ยวกลับไปทางม้าหินอ่อน

“แก้ม”

“อ้าว ปืน”

“จะบ่ายแล้วต้องไปห้องแนะแนว”

ผมทำทีชำเลืองมองเพื่อนร่วมห้องของแก้มแล้วยิ้มให้ เห็นหน้าแดงกันเป็นแถว - - ต้องมีเรื่องอะไรแน่

“งั้นฉันไปก่อนนะเปิ้ล ฝ้าย”

แก้มเก็บของใส่แฟ้มรวมไปถึงจดหมายฉบับนั้นพับอย่างดีแล้วสอดไว้ในหนังสืออ่านนอกเวลาเล่มเล็ก ก่อนสอดใส่แฟ้มใสอีกที

“เย็นนี้อยู่ทำการบ้านไหม”

ผมถามขึ้นทันทีเมื่อเดินออกห่างเพื่อนแก้ม

“เออ ดี อยากกินก๋วยเตี๋ยวหลอดว่ะ ให้แม่มึงทำให้กินหน่อยดิ”

ผมหรี่ตามองแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาแม่ แก้มยิ้มจนแก้มปริเดินแกว่งแขนไปเรื่อยผ่านตึกหนึ่งแล้ววกไปทางด้านหลังจนถึงตึกห้า ผมถอนหายใจยาวยามมองห้องแนะแนวตรงหน้า - - ไม่น่าเลยไอ้ปืน มึงหาเรื่องหูแฉะอีกแล้ว

ได้แต่บ่นพึมในใจแต่ขายังก้าวขึ้นบันไดตึกเป็นเพื่อนยายเตี้ยไปห้องแนะแนว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 5 วัยมหา’ลัย

    บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 7 ถึงคราวต้องจาก

    บทที่ 7 ถึงคราวต้องจากพายุเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่กรมอุตุแจ้งเตือนมาได้สองวันแล้ว ฉันนอนหงายบนเตียงยกเท้าซ้ายพาดหัวเข่าขวาแกว่งเท้า มือเลื่อนไถหน้าจอโทรศัพท์อินสตราแกรมแล้วอมยิ้มปืนไม่ได้อัพหน้าฟีคมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันรู้ทุกวินาทีชีวิตของเพื่อนสนิท ไม่สิ อีกสองวันก็ไม่ใช่แล้ว - - ทำไมฉันต้องอมยิ้มด้วยนะร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงกำลังจะวางโทรศัพท์พลันเสียงข้อความดังขึ้น แก้ม ต้องกลับบ้านด่วนแม่ฉันรีบผุดลุกนั่งขมวดคิ้วจนย่นตรงกลางหน้าผาก ปกติแม่ไม่ใช้คำพูดแบบนี้ ถ้ามีเรื่องด่วนยังไงก็ไม่ห้วนจัด จึงตัดสินใจต่อสายคุยกริ๊ง ...“แม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ความเงียบเข้าปกคลุมก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงถอนหายใจ“กลับบ้านแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง คืนนี้เลยนะมีรถทัวร์ เก็บเสื้อผ้ามาให้มากหน่อย ข้าวของที่ไม่จำเป็นให้ฝากเพื่อนไว้ ส่วนอะไรสำคัญเก็บมาให้หมด”ฉันยิ่งขมวดคิ้วหนัก แบบนี้เรื่องใหญ่แน่“แม่ไม่เล่าให้หนูฟังสักหน่อยเหรอคะ”“เล่าตรงนี้ไม่ได้แก้ม เชื่อแม่นะกลับบ้าน”ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างเพื่อดูหน้าจอ แม่วางสายไปแล้ว ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสาม เร็วสุดคงรถเที่ยวสองทุ่มพอมี แล้วส่งข้อความหาปื

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 6 nc

    บทที่ 6 ncฟ้าฝนไม่เป็นใจช่วงยามเช้าในอีกสี่วันต่อมาหลังจากการประกาศก้องยอมให้ปืนเชยชมร่างกายอันสวยสดของฉันในเช้าวันนี้ฉันยืนนิ่งมองท้องฟ้าและฝนที่พัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตามกรมอุตุประกาศเป๊ะ ๆ ในมือยังถือร่มแต่ร่มคงต้านลมและเม็ดฝนได้ไม่ไหวแม่ไม่ได้ส่งรถมอเตอร์ไซค์มาให้ฉันใช้เหมือนบ้านปืน แต่ถึงยังไงการขี่รถฝ่าฝนคงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไร ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่ห้องของฉันหรอกก๊อก ก๊อก เงียบ ...สาวในชุดนักศึกษารัดรึงอย่างนักศึกษาสาวทั่วไปเริ่มขยับเท้าไปมา ฉันและปืนพักหอนอกมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ว่าอยู่คนชั้นแอ๊ด ....“ทำงานดึกเหรอ” ฉันโพล่งคำถามทันทีและผลุบตัวเข้าไปในห้องวางแฟ้มเรียนไว้บนโต๊ะแล้วนั่งที่เก้าอี้ทำงาน มองปืนที่เดินกลับไปนอนต่อแล้ว“อือ เร่งงาน”“ฝนตก”“อือ ได้ยินเสียงแล้ว”“ตกหนักมาก”“อือ”ฉันนั่งมองร่างสูงใหญ่ของปืน เขาไม่สวมเสื้อนอนอีกตามเคย ห่มผ้าปิดเพียงท่อนล่างและนอนคว่ำหันหน้ามาทางฉันตั้งแต่ขึ้นปีสอง ปืนเปลี่ยนการแต่งกายใหม่จนฉันต้องเร่งตามให้ทัน ฉันกวาดตามองผมทำสีน้ำตาลอมทองและต่างหูด้านขวาที่ใส่เพียงข้างเดียว ยิ่งทำให้ปืนดูเ

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 5 วัยมหา’ลัย

    บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 4 วัยใส

    บทที่ 4 วัยใสมันเป็นเดือนที่แย่ที่สุดในชีวิต ถ้าไม่นับรวมวันที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันหลังจากที่พ่อกลับมาจากต่างจังหวัดได้สองวันฉันแหงนศีรษะมองท้องฟ้าในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน กระชับเสื้อกันหนาวไหมพรมสีอ่อนขณะยืนรอกำปั่นมารับ ในตอนนี้คนทั้งโรงเรียนรับรู้ว่าฉันและกำปั่นเป็นแฟนกันแปร๋น!!“แก้ม” เสียงกำปั่นสดใสเช่นเคยในทุกเช้าซึ่งเป็นเวลาเกือบเดือนมาแล้วที่มารับส่งฉันถึงบ้าน“กำปั่น”ฉันเพิ่งสังเกตว่ากำปั่นตัวเล็กแค่ไหนเมื่อฉันนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วหน้าฉันโผล่พ้นไหล่จนลมกระแทกทรงผม ซึ่งถ้าฉันนั่งซ้อนไอ้ปืน ฉันไม่เคยโดนลมเลยด้วยซ้ำ - - นี่ฉันเปรียบเทียบกำปั่นกับไอ้ปืนได้ยังไงฉันรับหมวกกันน็อกมาสวมและรัดสายคาดเองก่อนจะขึ้นไปนั่งไพล่ ชำเลืองกลับไปมองในซอยบ้านไอ้ปืนยังปิดเงียบ ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง“วันนี้เย็นไปกินลานนมกันไหม”กำปั่นเอี้ยวหน้ากลับมาตะโกนถาม“ไม่ได้อ่ะ ต้องเรียนพิเศษ”พอพูดจบฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อจึงนั่งซ้อนท้ายเงียบ ๆ มองพื้นถนนขณะที่รถมอเตอร์ไซค์พาฉันไปเรื่อย ๆ รู้สึกมือไม้เกะกะจนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหน ถ้าซ้อนไอ้ปืนฉันจะโอบเอวมันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่กับกำปั่นแล้วฉั

  • เส้นรัก 0 เซนติเมตร   บทที่ 3 วัยพลุ่งพล่าน

    บทที่ 3 วัยพลุ่งพล่านอันที่จริงผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ และ ... มีไอ้นั่นกลางหว่างขาผมขยับตัวพลิกตะแคงไปอีกด้านสะกดใจตนเองไม่ให้รับรู้ถึงกลิ่นอันอ่อนหวานและร่างนุ่มนิ่มจากคนข้าง ๆ ที่ยังเอามือพาดเอวผมไว้ - - ผมต้องหันหนีก็เพราะไอ้นั่นมันดันเคารพธงเช้าผมจับมือไอ้แก้มไว้แน่นแล้วเหม่อลอยมองฝาหนัง มือมันพาดเอวทาบกางบนพุงผมพอดี อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น หากมันเลื่อนลงสักห้าเซนติเมตรปลายนิ้วก้อยมันจะโดนส่วนหัวพอดิบพอดี - - ถอนหายใจครั้งที่ล้านแล้วกู“มึงตื่นแล้ว” แก้มทำเสียงงัวเงียแล้วพลิกตัวออกไปอีกด้าน“อือ ตื่นแล้ว กูเข้าห้องน้ำก่อน” ผมทำท่าจะลุกขึ้นแล้วพลันรู้สึกว่าคงยังไม่ได้จึงนั่งนิ่งไว้ก่อนเอาผ้าห่มปิดไว้“อ้าว ไหนบอกจะไปเข้าห้องน้ำ” ไอ้แก้มพลิกตัวกลับมานอนตะแคงกอดผ้าห่มยกขาพาดขาผมไว้เขี่ยเล่นเบา ๆสายตาผมมองเท้าเล็กขาวเนียน มันเอานิ้วเท้าคีบผ้าห่มเล่น ผมจึงดึงผ้าห่มออก มันชักเท้ากลับแล้วแหย่มาข้างหน้าต่อหัวเราะในลำคอ ผมรู้สึกได้เลยว่ามันจ้องผมอยู่เพราะแผ่นหลังผมร้อนวูบวาบพิกล เลยแกล้งมันจับข้อเท้าไว้กำแน่นกำลังสะบัดออก มันดันยกขึ้นอย่างแรงผล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status