LOGINบทที่ 1 ปืน
ตึง ตึง ผ่าง..
“ปืน ปืน ไอ้ปืน ตื่น ๆ”
“อืออ”
“โมงเช้าแล้วแก ไปโรงเรียน”
ผมดึงผ้าห่มคลุมหัวแล้วพลิกไปอีกด้านทันที แต่ยายเตี้ยไม่ยอมยังพยายามดึงผ้าห่มจนผมต้องรีบตะครุบไว้จับแน่น
“เฮ้ย!! แก้ม มึงเข้ามาในห้องผู้ชายไม่อายหรือไง”
“อายอะไร มาเกือบทุกวัน เร็ว ลุก วันนี้ถ้าไปสายจะโดนวิ่งรอบสนาม”
ผมสลืมสลือมัวขี้ตาตั้งท่าจะสะบัดผ้าห่มนึกขึ้นได้ว่าไม่ทันได้ใส่กางเกง จึงชักขากลับ
“มึงออกไปก่อน ไปรอข้างล่าง”
“ไม่ เป็นอะไรของมึง”
“เปล่ากูไม่เป็นอะไร อย่าดึง!! กูบอกว่าอย่าดึงผ้าห่ม”
ด้วยความอายผมจึงเผลอขึ้นเสีย เห็นมือเล็กขาวชะงักหยุดทันทีเลยนึกละอายใจ เงยหน้าขึ้นตั้งใจจะเอ่ยขอโทษ แต่ทว่า ...
พรึบ!!
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ที่แท้ก็ไม่ได้ใส่กางเกงนอน”
ดีที่ผมคว้าหมอนมาปิดไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นยายเตี้ยได้เห็นอาวุธลับแน่
“มึงนี่ เป็นผู้หญิงหรือเปล่า หลบไปกูจะเข้าห้องน้ำ”
“เออ ไปเลย เดี๋ยวกูนอนรอแทน”
ผมหลบแทบไม่ทันเมื่อยายเตี้ยกระโดดขึ้นเตียงเล็กขนาดสามฟุตครึ่งจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด แล้วดึงผ้าห่มไปกอดไว้ควักโทรศัพท์ไถโซเชียลไม่ได้สนใจผมอีก
“มึงอย่าไปทำแบบนี้กับใครนะไอ้แก้ม”
“ทำไม”
ปากถามแต่ตายังมองโทรศัพท์ ผมมองหาผ้าเช็ดตัวที่โยนทิ้งไว้บนเก้าอี้เมื่อคืนแล้วคว้าเอามาพันตัวก่อนลุกยืน
“มึงได้โดนปล้ำแน่”
“เออ ดี กูอยากโดน”
ยายเตี้ยปากดีจนผมเข่นเขี้ยว เอี้ยวหน้าไปมองร่างเล็กในชุดนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ปักชั้นมอหกจุดสอง - - ฮึ ดีแต่ปาก สมองยังไงก็ด้อยกว่าผมล่ะว่ะ
ตอนนี้แก้มไม่ได้สูงไปกว่าเดิมสักเท่าไร หากยืนแล้วเตี้ยกว่าผมมาก สูงเลยหัวไหล่ผมมานิดเดียว เส้นผมดกหนายาวมัดรวบผูกโบสีน้ำเงินเข้ม จมูกโด่งเรียวเล็ก ตากลมโต ปากกว้างเล็กน้อยเคลือบด้วยสีชมพู ปลายจมูกชื้นเหงื่อ ผิวขาวใสจนเห็นเส้นเลือดบนพวงแก้มไล่หายลับลงต้นคอ
“เดี๋ยวกูเปิดแอร์ให้”
“เปิดทำไม”
“ก็มึงร้อน”
“มึงรู้ได้ไงว่ากูร้อน”
ผมไม่เถียงอีกหยิบรีโมทเปิดแอร์กำลังจะหันกลับไปเข้าห้องน้ำ พลันยายเตี้ยนอนชันขาขึ้นจนกระโปรงร่วงร่นถึงต้นขา
อึก...
สองวินาที ... สถิติใหม่ที่ผมก้าวจากหน้าเตียงมายืนหน้ากระจกในห้องน้ำ หอบหายใจเอามือออกจากจมูกแล้วส่องดู - - ก็ไม่มีเลือดกำเดานี่หว่า
พลันก้มลงมองกลางตัว ผ้าเช็ดตัวพุ่งตรงเคารพธงชาติ ลองใช้มือดันลงแต่ยังผงาดพุ่งจึงถอนหายใจ - - มึงเลิกนึกภาพไอ้แก้มได้แล้ว
ซ่า ..... อืม.... แฮก ๆ
....................
ก๊อก แก๊ก แอ๊ด
“ทำไมช้าตั้งครึ่งชั่วโมง”
ยายเตี้ยโพล่งคำถามทันทีเมื่อผมเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำเปียกโชกทั้งตัวทั้งหัว
“โกนหนวด”
ผมตอบแบบส่ง ๆ เดินไปทางตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนักเรียนออกมาสวม ชำเลืองมองไปทางยายเตี้ยเห็นยังง่วนอยู่กับการพับผ้าห่มจึงรีบสวมเสื้อผ้าเผลอแปปเดียวมันมายืนจ้องหน้า
“โกนยังไง ทำไมยังขึ้นเต็ม”
“เฮ้ย..มึง!! นี่ผีหรือคน ตกใจหมด”
ผมหน้าแดงซ่านรีบหันหลังติดกระดุมจนเสร็จจับยัด ๆ ใส่กางเกงแล้วยืนหวีผม
“บ่ายนี้ครูเรียกไปห้องแนะแนว”
“ไปทำไม”
“เรื่องเข้ามหาลัย”
“คุยซ้ำซาก”
“เออ! ไปหรือเปล่า”
“ฮึ ไม่ไป เบื่อ บอกไปแล้วจะเข้าวิดวะ”
ยายเตี้ยเงียบไปเป็นพักจนกระทั่งผมแต่งตัวเสร็จ หันกลับไปมองอีกทีเห็นนั่งหน้าจ่อยอยู่บนเตียง
“ไป รีบไป เดี๋ยวค่อยคิดจะเรียนที่ไหน”
“กูไม่ได้หัวดีอย่างมึง จะเลือกเรียนที่ไหนก็ได้”
ผมคว้าข้อมือนุ่มมันขึ้นมาแล้วฉุดออกจากห้องพาเดินลงบันไดบ้าน
“อ้าว สายแล้วนะปืน ไม่รีบพาแก้มไปโรงเรียน”
เสียงแม่ตะโกนออกมาจากในครัวพร้อมเสียงล้างจานกระทะ
“กำลังจะไปแล้ว”
“ไม่ทันได้กินข้าวเช้าเลย” แก้มบ่นออดแอดขณะสอดเท้าเข้ารองเท้านักเรียน
“งั้นรีบไปกินที่โรงอาหาร เดี๋ยวเลี้ยง”
“จริงดิ”
“เออ ไปเร็ว”
แก้มยิ้มจนแก้มขึ้นลูกทั้งสองข้าง โน้มตัวลงหยิบหมวกกันน็อกบนชั้นวางของขึ้นมาสวมโดยมีผมทำหน้าที่เป็นคนคาดสายรัดให้เหมือนเคย จากนั้นจึงขึ้นนั่งไพล่ข้างซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์แบบกระเทย (อันนี้แม่เรียกแต่ผมก็จำมาใช้เพราะมันเท่ดี)
มือเล็กโอบเอวสอบผมมาด้านหน้า นั่งแกว่งขาไปร้องเพลงไปตลอดทาง บางครั้งผมก็แกล้งเบรกจนเธอชนเข้ากับแผ่นหลัง - - อืม นุ่มดี อมยิ้มแล้วขับต่อไป ยายเตี้ยไม่เห็นหรอกเพราะเธอซ้อนหลัง
บางทีก็แกล้งจับมือไว้ตอนจอดไฟแดง หรือตอนออกตัว กระชากเบา ๆ อีกหนึ่งที นี่แหล่ะครับในทุกเช้าของผมกับแก้ม
“ปืน”
“เออ ว่าไง” ผมหยุดเดินเมื่อได้ยินไอ้เหนือตะโกนเรียกมาแต่ไกล
“กูมีเรื่องวานว่ะ”
ผมมองหน้ามันเห็นท่าไม่ดีตั้งท่าจะปฏิเสธ
“มึงห้ามบอกปัด นี่กูเป็นเพื่อนมึงนะโว้ย”
ผมเบือนหน้าหนีแล้วพลันสะดุดตากับยายเตี้ยกำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะม้าหินอ่อนข้างเสาธงกับเพื่อน หรี่ตามองคล้ายเห็นกระดาษในมือยายนั่น จึงรีบหันกลับมา
“มึงมีอะไร”
“กูแค่จะวานมึงเอานี่ให้แก้มหน่อย”
ผมมองกระดาษพับสี่ส่วนจนเล็กเท่าฝ่ามือตวัดตามองเพื่อนอีกที
“อะไร” น้ำเสียงเริ่มห้วน
“เออน่า มึงไม่ต้องรู้ ฝากให้แก้มหน่อย แล้วนี่ ค่าเดินเรื่อง”
ไอ้เหนือยัดแบงก์ร้อยใส่มือมาสองใบ ผมไม่ได้เห็นแก่เงินหรอกนะแต่รับไว้ยัดใส่กระเป๋ากางเกง
“เดี๋ยวตอนเย็นเอาให้”
“เออ ขอบใจว่ะ”
ไอ้เหนือพาดแขนบนไหล่แล้วผลักจนผมต้องออกเดินทั้ง ๆ ที่ยังมองยายเตี้ยนั่งอ่านอะไรสักอย่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่หน้าแดง
“มึงไปก่อน กูต้องไปห้องแนะแนวกับไอ้แก้ม”
“เออ งั้นกูขึ้นห้องก่อน”
ผมรอจนไอ้เหนือเดินห่างออกไปจึงเลี้ยวกลับไปทางม้าหินอ่อน
“แก้ม”
“อ้าว ปืน”
“จะบ่ายแล้วต้องไปห้องแนะแนว”
ผมทำทีชำเลืองมองเพื่อนร่วมห้องของแก้มแล้วยิ้มให้ เห็นหน้าแดงกันเป็นแถว - - ต้องมีเรื่องอะไรแน่
“งั้นฉันไปก่อนนะเปิ้ล ฝ้าย”
แก้มเก็บของใส่แฟ้มรวมไปถึงจดหมายฉบับนั้นพับอย่างดีแล้วสอดไว้ในหนังสืออ่านนอกเวลาเล่มเล็ก ก่อนสอดใส่แฟ้มใสอีกที
“เย็นนี้อยู่ทำการบ้านไหม”
ผมถามขึ้นทันทีเมื่อเดินออกห่างเพื่อนแก้ม
“เออ ดี อยากกินก๋วยเตี๋ยวหลอดว่ะ ให้แม่มึงทำให้กินหน่อยดิ”
ผมหรี่ตามองแล้วจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาแม่ แก้มยิ้มจนแก้มปริเดินแกว่งแขนไปเรื่อยผ่านตึกหนึ่งแล้ววกไปทางด้านหลังจนถึงตึกห้า ผมถอนหายใจยาวยามมองห้องแนะแนวตรงหน้า - - ไม่น่าเลยไอ้ปืน มึงหาเรื่องหูแฉะอีกแล้ว
ได้แต่บ่นพึมในใจแต่ขายังก้าวขึ้นบันไดตึกเป็นเพื่อนยายเตี้ยไปห้องแนะแนว
บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั
บทที่ 7 ถึงคราวต้องจากพายุเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่กรมอุตุแจ้งเตือนมาได้สองวันแล้ว ฉันนอนหงายบนเตียงยกเท้าซ้ายพาดหัวเข่าขวาแกว่งเท้า มือเลื่อนไถหน้าจอโทรศัพท์อินสตราแกรมแล้วอมยิ้มปืนไม่ได้อัพหน้าฟีคมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันรู้ทุกวินาทีชีวิตของเพื่อนสนิท ไม่สิ อีกสองวันก็ไม่ใช่แล้ว - - ทำไมฉันต้องอมยิ้มด้วยนะร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงกำลังจะวางโทรศัพท์พลันเสียงข้อความดังขึ้น แก้ม ต้องกลับบ้านด่วนแม่ฉันรีบผุดลุกนั่งขมวดคิ้วจนย่นตรงกลางหน้าผาก ปกติแม่ไม่ใช้คำพูดแบบนี้ ถ้ามีเรื่องด่วนยังไงก็ไม่ห้วนจัด จึงตัดสินใจต่อสายคุยกริ๊ง ...“แม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ความเงียบเข้าปกคลุมก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงถอนหายใจ“กลับบ้านแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง คืนนี้เลยนะมีรถทัวร์ เก็บเสื้อผ้ามาให้มากหน่อย ข้าวของที่ไม่จำเป็นให้ฝากเพื่อนไว้ ส่วนอะไรสำคัญเก็บมาให้หมด”ฉันยิ่งขมวดคิ้วหนัก แบบนี้เรื่องใหญ่แน่“แม่ไม่เล่าให้หนูฟังสักหน่อยเหรอคะ”“เล่าตรงนี้ไม่ได้แก้ม เชื่อแม่นะกลับบ้าน”ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างเพื่อดูหน้าจอ แม่วางสายไปแล้ว ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสาม เร็วสุดคงรถเที่ยวสองทุ่มพอมี แล้วส่งข้อความหาปื
บทที่ 6 ncฟ้าฝนไม่เป็นใจช่วงยามเช้าในอีกสี่วันต่อมาหลังจากการประกาศก้องยอมให้ปืนเชยชมร่างกายอันสวยสดของฉันในเช้าวันนี้ฉันยืนนิ่งมองท้องฟ้าและฝนที่พัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตามกรมอุตุประกาศเป๊ะ ๆ ในมือยังถือร่มแต่ร่มคงต้านลมและเม็ดฝนได้ไม่ไหวแม่ไม่ได้ส่งรถมอเตอร์ไซค์มาให้ฉันใช้เหมือนบ้านปืน แต่ถึงยังไงการขี่รถฝ่าฝนคงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไร ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่ห้องของฉันหรอกก๊อก ก๊อก เงียบ ...สาวในชุดนักศึกษารัดรึงอย่างนักศึกษาสาวทั่วไปเริ่มขยับเท้าไปมา ฉันและปืนพักหอนอกมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ว่าอยู่คนชั้นแอ๊ด ....“ทำงานดึกเหรอ” ฉันโพล่งคำถามทันทีและผลุบตัวเข้าไปในห้องวางแฟ้มเรียนไว้บนโต๊ะแล้วนั่งที่เก้าอี้ทำงาน มองปืนที่เดินกลับไปนอนต่อแล้ว“อือ เร่งงาน”“ฝนตก”“อือ ได้ยินเสียงแล้ว”“ตกหนักมาก”“อือ”ฉันนั่งมองร่างสูงใหญ่ของปืน เขาไม่สวมเสื้อนอนอีกตามเคย ห่มผ้าปิดเพียงท่อนล่างและนอนคว่ำหันหน้ามาทางฉันตั้งแต่ขึ้นปีสอง ปืนเปลี่ยนการแต่งกายใหม่จนฉันต้องเร่งตามให้ทัน ฉันกวาดตามองผมทำสีน้ำตาลอมทองและต่างหูด้านขวาที่ใส่เพียงข้างเดียว ยิ่งทำให้ปืนดูเ
บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั
บทที่ 4 วัยใสมันเป็นเดือนที่แย่ที่สุดในชีวิต ถ้าไม่นับรวมวันที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันหลังจากที่พ่อกลับมาจากต่างจังหวัดได้สองวันฉันแหงนศีรษะมองท้องฟ้าในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน กระชับเสื้อกันหนาวไหมพรมสีอ่อนขณะยืนรอกำปั่นมารับ ในตอนนี้คนทั้งโรงเรียนรับรู้ว่าฉันและกำปั่นเป็นแฟนกันแปร๋น!!“แก้ม” เสียงกำปั่นสดใสเช่นเคยในทุกเช้าซึ่งเป็นเวลาเกือบเดือนมาแล้วที่มารับส่งฉันถึงบ้าน“กำปั่น”ฉันเพิ่งสังเกตว่ากำปั่นตัวเล็กแค่ไหนเมื่อฉันนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วหน้าฉันโผล่พ้นไหล่จนลมกระแทกทรงผม ซึ่งถ้าฉันนั่งซ้อนไอ้ปืน ฉันไม่เคยโดนลมเลยด้วยซ้ำ - - นี่ฉันเปรียบเทียบกำปั่นกับไอ้ปืนได้ยังไงฉันรับหมวกกันน็อกมาสวมและรัดสายคาดเองก่อนจะขึ้นไปนั่งไพล่ ชำเลืองกลับไปมองในซอยบ้านไอ้ปืนยังปิดเงียบ ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง“วันนี้เย็นไปกินลานนมกันไหม”กำปั่นเอี้ยวหน้ากลับมาตะโกนถาม“ไม่ได้อ่ะ ต้องเรียนพิเศษ”พอพูดจบฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อจึงนั่งซ้อนท้ายเงียบ ๆ มองพื้นถนนขณะที่รถมอเตอร์ไซค์พาฉันไปเรื่อย ๆ รู้สึกมือไม้เกะกะจนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหน ถ้าซ้อนไอ้ปืนฉันจะโอบเอวมันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่กับกำปั่นแล้วฉั
บทที่ 3 วัยพลุ่งพล่านอันที่จริงผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ และ ... มีไอ้นั่นกลางหว่างขาผมขยับตัวพลิกตะแคงไปอีกด้านสะกดใจตนเองไม่ให้รับรู้ถึงกลิ่นอันอ่อนหวานและร่างนุ่มนิ่มจากคนข้าง ๆ ที่ยังเอามือพาดเอวผมไว้ - - ผมต้องหันหนีก็เพราะไอ้นั่นมันดันเคารพธงเช้าผมจับมือไอ้แก้มไว้แน่นแล้วเหม่อลอยมองฝาหนัง มือมันพาดเอวทาบกางบนพุงผมพอดี อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น หากมันเลื่อนลงสักห้าเซนติเมตรปลายนิ้วก้อยมันจะโดนส่วนหัวพอดิบพอดี - - ถอนหายใจครั้งที่ล้านแล้วกู“มึงตื่นแล้ว” แก้มทำเสียงงัวเงียแล้วพลิกตัวออกไปอีกด้าน“อือ ตื่นแล้ว กูเข้าห้องน้ำก่อน” ผมทำท่าจะลุกขึ้นแล้วพลันรู้สึกว่าคงยังไม่ได้จึงนั่งนิ่งไว้ก่อนเอาผ้าห่มปิดไว้“อ้าว ไหนบอกจะไปเข้าห้องน้ำ” ไอ้แก้มพลิกตัวกลับมานอนตะแคงกอดผ้าห่มยกขาพาดขาผมไว้เขี่ยเล่นเบา ๆสายตาผมมองเท้าเล็กขาวเนียน มันเอานิ้วเท้าคีบผ้าห่มเล่น ผมจึงดึงผ้าห่มออก มันชักเท้ากลับแล้วแหย่มาข้างหน้าต่อหัวเราะในลำคอ ผมรู้สึกได้เลยว่ามันจ้องผมอยู่เพราะแผ่นหลังผมร้อนวูบวาบพิกล เลยแกล้งมันจับข้อเท้าไว้กำแน่นกำลังสะบัดออก มันดันยกขึ้นอย่างแรงผล







