LOGINบทที่ 2 แก้ม
ตึก ตึก ตึก
“แก้ม”
“ขา”
แก้มหยุดฝีเท้าลงขณะกำลังวิ่งลงบันไดบ้าน พลันเลี้ยวซ้ายไปทางห้องนั่งเล่นเมื่อได้ยินเสียงแม่เรียก
“ไปบ้านปืนเหรอ”
“ค่ะ ไปทำการบ้านพ่วงติว”
แก้มยกกระเป๋าเป้ขึ้นให้ดูก่อนเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำอัดลมไปด้วยสองกระป๋อง
“แล้วนี่อาบน้ำแล้วเหรอ”
“อาบแล้วค่ะแม่ เออแม่ วันนี้ครูแนะแนวบอกให้แก้มเลือกคณะมนุษย์”
“อ้าว แต่แกเรียนสายวิทย์”
ฉันเหลือบมองหาขนมจนเจอ เลยหยิบเอาขนมสอดไส้ใส่ถุงไปด้วยอีกสามอัน ของปืนสอง ของฉันหนึ่ง
“ก็แก้มเรียนไม่เก่งเหมือนปืนนี่แม่”
“แล้วมันจะได้เรื่องเหรอไอ้คณะมนุษย์ จบมาทำงานอะไร”
“โธ่แม่ สมัยนี้เรียนอะไรก็ได้ ขอให้เก่งจริง”
ขาก้าวผ่านแม่ที่ยังนั่งอยู่โต๊ะกินข้าวแล้วนึกขึ้นได้
“เออหนูลืมอีกแล้ว พ่อจะกลับวันไหน ไปนานเชียวเที่ยวนี้”
“คงปลายเดือนมีอะไรหรือเปล่า”
“หนูต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษ”
ฉันสังเกตว่าแม่เงียบเสียงลงจึงเอี้ยวหน้ากลับไปมอง ช่วงนี้แม่ดูท่าทางไม่ร่าเริง ไม่ค่อยยิ้ม หรือที่บ้านจะมีเรื่อง
“แม่มีอะไรหรือเปล่า”
ฉันเดินย้อนกลับมาทันทีวางกระเป๋าบนโต๊ะกินข้าวก่อนนั่งลงข้างกัน
“พ่อแกเขา ... ช่างเถอะ ไม่มีอะไร ไปติวหนังสือกับปืนเถอะ แล้วนี่ค้างหรือเปล่า”
“ค่ะ ว่าจะค้างเพราะคงดึก ติวเสร็จว่าจะเล่นเกมต่อ”
“เจ้าปืนนี่มันหัวดีนะ”
ฉันรีบผลักเก้าอี้ลุกขึ้นทันทีขี้เกียจฟังแม่สาธยายสรรพคุณความเก่ง ความฉลาดของปืน คว้ากระเป๋าและถุงขนมเดินออกจากบ้าน เงยหน้ามองท้องฟ้า ใกล้หน้าหนาวแล้ว อีกไม่กี่เดือนทั้งฉันและเขาต้องเลือกที่เรียนให้ได้เสียที - - ไอ้ปืนคงไม่มีปัญหา แต่ฉันนี่แหล่ะ
แก้มพาร่างในชุดนอนกางเกงขาสั้นเสื้อนอนแบบติดกระดุมสีส้มอ่อน ค่อยเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน บ้านหลังถัดไปอีกสองหลัง เสียงลากร้องเท้าแตะ เสียงไอ้ด่างบ้านหลังตรงกลางเห่าทันทีเมื่อเธอเดินเข้าใกล้
เท้าฉันหยุดนิ่ง ตาจ้องมองบ้านเลขที่ 91/1212 ทำไมไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนว่าบ้านเลขที่ของเราสองคนสลับ ของเธอ 91/2121 - - ตลกดี
“น้าเจน ปืนอยู่บนห้องไหมคะ”
ด้วยความสนิทสนมกันมาหลายปี ทำให้ฉันไม่จำเป็นต้องกดกริ่ง ประตูรั้วบ้านปืนเปิดต้อนรับร่างเล็กของฉันเสมอมา
“อยู่ในห้อง เห็นเอาของกินขึ้นไปด้วย”
‘ของกิน’ ฉันรู้สึกแก้มตัวเองปริด้วยรอยยิ้มกริ่ม ปืนรู้ใจเสมอ คิดแล้วซอยเท้าขึ้นบันไดบ้านทันที
แอ๊ด...
“อะไรน่ะ”
ฉันเอ่ยถามทั้งที่ยังไม่ทันได้ปิดประตูห้องด้วยซ้ำ แล้วรีบวางกระเป๋าซอยเท้าไปยังโต๊ะทำงานตัวเล็กข้างเตียง
“ตามกลิ่นมาเลยนะ ยังไม่ทันจุดธูปเลย”
“ไอ้บ้า นั่นมันผี”
“ฮ่า ฮ่า มานี่ สั่งเค้กมาให้”
“ฮู้ยยย”
ครืน...เลื่อนเก้าอี้อย่างเร็ว
“กำลังอยากกินเลย รู้ใจกูที่ซู้ดดด”
ตาฉันยังจ้องไปยังขนมเค้กนมสดสตรอเบอรี่ แต่หัวถูไถต้นแขนปืนกระทั่งปืนเอามือดันออก
“กินดี ๆ เลย เอาหัวมาถูเป็นไอ้เสือ”
“ไอ้เสือมันไปดาวแมวแล้ว ยังจะเอามันมาล้อเล่น”
ปากพูดไปเรื่อยแต่มือฉันคว้าช้อนตักเค้กเข้าปาก ยิ้มแป้นจนตาหยี
“อิตะดะคิมัส จะกินแล้วนะคะ” มีเสียงหัวเราะทุ้มดังขึ้นทันที “ทำไมไอ้ปืน ไม่เคยดูการ์ตูนหรือไง เนี่ยก่อนกินเราต้องพูด จะกินแล้วนะคะ”
“เค๊ย... แต่ไม่เห็นมีใครทำแล้วตลกเท่านี้”
“ตลกยังไง อืม อร่อยจัง เออใช่เกือบลืม กูเอาน้ำอัดลมกับขนมสอดไส้มาด้วย”
ตากวาดลงข้างโต๊ะใกล้ปลายเท้าปืน แต่ด้วยความขี้เกียจลุกจึงพาดตัวเอื้อมมือลงไปหยิบ
“เป็นอะไรปืน สะดุ้งเชียว” พูดแล้วหยิบขนมขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“ไอ้แก้ม มึงจะเอาของก็บอกดิว่ะ”
ฉันมองหน้าที่ขึ้นสีของปืนชั่วแวบหนึ่งแล้วคร้านจะใส่ใจ ช่วงนี้ปืนเป็นอะไรกัน เดี๋ยวหน้าแดง เดี๋ยวเหงื่อออก ได้แต่คิดแล้วยักไหล่
“กินไหม อ่ะ ป้อนเจ้าของเงิน” ตักให้หนึ่งคำ ไม่ใหญ่มากหรอกเดี๋ยวหมด
“อืม..อร่อยดี”
“ใช่ อร่อยดี”
ฉันเลียช้อนพลาสติกอันเดิมหันไปมองหน้าปืนอีกรอบแล้วขมวดคิ้ว หน้าแดงอีกแล้วลามไปถึงใบหูเลย
“ปืน”
“อะไร”
“มึงไม่สบายหรือไง”
“เปล่า”
“แต่มึงหน้าแดง หูก็แดง”
“เปล่า”
“แต่ว่า...”
“กูบอกว่า...เปล่า” ย้ำเสียงหนัก
“มึงโกรธอะไรกู ทำไมต้องขึ้นเสียง”
ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจก่อนที่ปืนจะลุกเดินไปนั่งที่โซฟาแทน - - เค้กเริ่มไม่อร่อยแล้ว
“มึงทำการบ้านไปไอ้แก้ม เดี๋ยวกูเล่นเกมรอ มึงทำเสร็จค่อยเล่นเกม”
น้ำเสียงปืนคล้ายเหนื่อยหน่ายจนทำให้ฉันเสียความรู้สึก หรือว่ามันเกิดจากฉันเองว่ะที่ขลุกอยู่กับมันมากเกินไป หางตาเห็นมือเรียวยาวผิวไม่ขาวแต่ไม่ดำแบบคนผิวสองสี ในมือของปืนคือจอยสติ๊กซ์ แล้วเลื่อนสายตามองแผงไหล่กว้างด้านหลัง เสื้อยืดสีขาวเหยียดตึงไปกับกล้ามเนื้อ - - ไหล่มันกว้างขึ้นกว่าเดิมเปล่าว่ะ
พอขึ้นมอหอทางโรงเรียนก็ปล่อยปละละเลยจนเด็กนักเรียนชายผมยาวระต้นคอก็ไม่ว่า ผมของปืนดกหนาไร้ระเบียบ
กริ๊ง...
ฉันเหลือบสายตาไปยังสายเรียกเข้า ไอ้เปิ้ล คงโทรมาทวงสัญญาเมื่อกลางวัน - - ไม่อยากรับเลย
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
ปากฉันยังคาช้อนพลาสติกอยู่เมื่อได้ยินปืนถาม ไม่ยอมหันไปสบตากลัวมันจับได้
“ไม่อยากรับ”
“ทำไม”
“เรื่องของกู”
“เฮ้ย .. อะไรว่ะ ถามดี ๆ”
“ทีมึงยังไม่บอกเลยว่าทำไมหน้าแดง”
ความเงียบคือคำตอบสำหรับปืน เขาเป็นเช่นนี้เสมอโดยเฉพาะในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ฉันปิดกล่องเค้กผลักออกอย่างอารมณ์เสีย เหลือบมองสมุดจดบันทึกที่สอดใส่จดหมายของไอ้เปิ้ล - - หงุดหงิดว่ะ
“ไม่ทำแล้วการบ้าน เล่นเกมดีกว่า” พูดจบพุ่งตัวไปโซฟานั่งข้างปืนทันที คว้าจอยสติ๊กซ์อีกอันขึ้นมา
“อ้าวไอ้แก้ม เสาร์อาทิตย์นี้ต้องไปเรียนพิเศษอีกนะมึง ขืนทำไม่เสร็จวันอาทิตย์มึงได้นั่งปั่นยันเช้า”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าเอ่ยบ่นแต่ตายังมองเกมในโทรทัศน์ ฉันเพิ่งสังเกตอีกอย่าง ดูเหมือนตัวของปืนใหญ่ขึ้นอีก เมื่อหลายเดือนก่อนนั่งสองคนบนโซฟายังไม่เบียดขนาดนี้ แต่คืนนี้เหมือนหัวเข่าเราสัมผัสเสียดสีกันตลอด จึงหลุบตามองหัวเข่าปืนแล้วจึงยิ้ม
“แผลเป็นตรงหัวเข่านี่ คงไม่มีวันหายเนอะ” เอานิ้วไปลูบ ๆ เล่น ตามรอยขีดพลันนึกถึงวันนั้นตอนที่แข่งกันวิ่งกลับบ้านแล้วปืนดันสะดุดล้มคว่ำหน้าคะมำต่อหน้า ลูบเพลินจนไม่ทันสังเกตว่าปืนเกร็งร่างขึ้นก่อนเอามือปัดนิ้วฉันออก
“มึงไม่กินขนมแล้วไง”
“ไม่แล้ว” ฉันนิ่งไปก่อนมองเกมในโทรทัศน์ตรงหน้า “ไอ้เปิ้ลมันฝากจดหมายมาให้” จู่ ๆ ฉันก็รู้สึกผิดถ้าไม่บอกเรื่องนี้
“เออ แล้วไง” น้ำเสียงไม่ยี่หระ
“มึงจะอ่านไหม”
“ไม่ ยกให้มึงเอาไปเช็ดตูด”
“ไอ้บ้า! ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ฉันหัวเราะร่วนออกมา รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที - - ทำไมว่ะ
“ไอ้เหนือห้องกูมันก็ฝากจดหมายมา มึงจะอ่านไหม”
“ไม่ ยกให้มึงเอาไปเช็ดตูด”
ฉันพูดเลียนแบบมันแล้วพบว่าอกแกร่งใต้เสื้อยืดสีขาวกำลังกระเพื่อมไหวแรงขึ้นทีละน้อยก่อนจะหัวเราะร่วนเช่นเดียวกับฉัน จากนั้นฉันจึงเลื่อนตัวลงไปนั่งด้านล่างใช้หัวพิงหัวเข่ามันไว้
“ปืน กูขอถามหน่อย กูไม่เคยถามเรื่องนี้เลย”
มันเงียบไปเป็นครู่จนฉันต้องเงยหน้ามอง ไอ้ปืนวางจอยสติ๊กซ์แล้วยกน้ำอัดลมดื่มหลุบตาลงมองฉันที่นั่งต่ำกว่า
“กูไม่เคยเห็นพ่อมึงเลย”
“มึงจะเห็นได้ไง พ่อทิ้งแม่ไปนานแล้ว ตั้งแต่กูเป็นเด็ก” ปืนยักไหล่ “มึงถามทำไม”
“วันนี้กูเห็นแม่เศร้า ๆ ว่ะ แล้วพ่อไม่กลับมาบ้านนานแล้วเกือบเดือน” ฉันเบือนหน้าออกมองเล็บเท้าไอ้ปืน มองราวกับว่ามันเป็นสิ่งมีค่าขณะที่พูดต่อ “กูคิดว่าพ่อมีเมียใหม่”
“เฮ้ย มึงคิดมากน้าปั่นคงไม่ทำหรอก”
“กูก็ได้แค่หวังว่ะ กูไม่รู้จะทำใจได้หรือเปล่า”
แหมะ... มือโคตรใหญ่กุมหัวแล้วโยก
“ดูซีรีส์แล้วกัน เอาเรื่องที่มึงชอบ ถือสะว่าปลอบใจ”
ฉันดึงมือใหญ่ลงมากุมไว้เอาหน้าถูไปมาคล้ายแมวก่อนเหลือบตากลมโตขึ้นมองกะพริบตาถี่ ๆ ให้อีกสองสามครั้งพร้อมรอยยิ้มหวานที่ฉีกไปถึงใบหู
“งั้นซีรีส์เกาหลี ไป ไปนอนดูกัน”
ฉันไม่ให้ปืนมีเวลาตัดสินใจอีก ดึงจนร่างใหญ่โตกว่าฉันมากต้องลุกขึ้นจากโซฟาหน้าโทรทัศน์แล้วลากเท้าตามไปล้มลงบนเตียง ขยับไปนอนด้านในอย่างรู้งานแล้วนอนตะแคงมือเท้าหัว ส่วนฉันนอนหงายแต่เอียงหน้าไปทางโทรทัศน์
“พระเอกงี่เง่าว่ะ ทำไมไม่ไปง้อว่ะ” เสียงปืนดังขึ้นข้างหัว
“เออ เดี๋ยวก็ง้อ มึงนี่ มันซีรีส์ ต้องให้เล่นตัวหน่อย”
“แล้วไอ้พระรองเสือกอะไรด้วยว่ะ แม่งทำไมนางเอกใจง่ายยังงี้”
“ปืน...มันเป็นซรีรีส์รัก เดี๋ยวพระเอกนางเอกก็คืนดีกัน”
“ถ้าเป็นชีวิตจริงคงยุ่งตายห่า”
“ยุ่งยังไง นางเอกมีผู้ชายมาให้เลือกอีกคน ดีออก”
“ดีกับผีอะไร เป็นกูต่อยหน้าไอ้พระรองหงายหลังไปแล้ว”
ฉันกลั้นหัวเราะเป็นพักก่อนปล่อยก๊ากลั่นจนตัวงอไปอีกทางก่อนกลับมานอนหงายอีกครั้ง ดึงผ้าห่มขึ้น
“หนาวเหรอ” ปืนโพล่งขึ้นพร้อมก้มลงมองฉันนิ่ง
“นิดหน่อย” อ้อมแอ้มตอบพยายามนอนนิ่งไม่ดึงผ้าห่มขึ้นมาอีกทั้ง ๆ ที่หนาวเหมือนกัน
จู่ ๆ ไอ้ปืนเอื้อมแขนออกชะโงกตัวข้ามฉันไปหยิบรีโมทบนพื้นข้างเตียง แต่คงไม่ถึงเพราะมันควานหาเป็นพัก ฉันเพิ่งสังเกตอีกอย่างว่ากล้ามแขนมันใหญ่ขึ้นอีก และแผงอกมันแข็งเหมือนตอนที่ - - โดนหน้าอกแล้ว ทำไงดี
ฉันนอนตัวแข็งทื่อเป็นครู่ พยายามห้ามตัวเองไม่ให้เอามือยกทาบ กลัวมันได้ยินเสียงหัวใจเต้นที่ดูเหมือนว่ากำลังแรงเพิ่มขึ้นอีกเมื่อมันเริ่มขยับแขนควานหารีโมท
ใกล้กันจนฉันได้กลิ่นบางอย่าง หอมละมุน คงเป็นสบู่อาบน้ำ และกลิ่นอย่างผู้ชาย - - หอมจัง
ในที่สุดปืนก็เจอรีโมทหยิบขึ้นมาจากพื้นแล้วกลับไปนอนตะแคงตัวเหมือนเดิม ฉันรีบดึงผ้าห่มขึ้นถึงคอ
มือข้างใต้ผ้าห่มทาบตรงหัวใจที่ยังเต้นโครมคราม ทาบลงเนื้อหน้าอกนูนเด่นที่ตอนนี้เหมือนคัดตึงขึ้น - - เป็นอะไรไอ้แก้ม นี่มันไอ้ปืนนะ
สักพักฉันจึงตัดสินใจนอนตะแคงตัวหันหลังให้ปืนแล้วหลับตา รู้สึกถึงเตียงไหวยวบ ไฟในห้องถูกปิด ปืนเบาเสียงโทรทัศน์ลงอีก ฉันรู้สึกถึงไอร้อนแผงอกด้านหลังขณะที่มันตะแคงนอนข้างกัน ลมหายใจรดต้นคอ ได้ยินเสียงสูดดมหายใจเข้าออกแรง
ไม่นานนักฉันจึงรู้สึกถึงลำแขนแข็งแรงสอดเข้าใต้ศีรษะให้ฉันหมุนแขนแทนหมอน แขนแกร่งอีกข้างรั้งตัวฉันไว้ดันจนแผ่นหลังฉันชิดแผงอก สัมผัสได้ถึงแรงกระเพื่อมแรงยามอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อนสนิทที่สุดโหมกระหน่ำ
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ปืนยินยอมให้ฉันได้ใกล้ชิดที่สุด เรานอนกอดกัน แนบชิดและหลับไป
นี่แหล่ะ ฉันกับปืนในรอบหลายปีที่ผ่านมา และฉันไม่คิดว่าอยากจะจากมันไปเรียนที่ไหนเลย ไม่ต้องการสูญเสียมิตรภาพเช่นนี้ เพื่อนรักที่สุดของฉัน ทางที่ดีขอให้สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน
บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั
บทที่ 7 ถึงคราวต้องจากพายุเข้าภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างที่กรมอุตุแจ้งเตือนมาได้สองวันแล้ว ฉันนอนหงายบนเตียงยกเท้าซ้ายพาดหัวเข่าขวาแกว่งเท้า มือเลื่อนไถหน้าจอโทรศัพท์อินสตราแกรมแล้วอมยิ้มปืนไม่ได้อัพหน้าฟีคมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันรู้ทุกวินาทีชีวิตของเพื่อนสนิท ไม่สิ อีกสองวันก็ไม่ใช่แล้ว - - ทำไมฉันต้องอมยิ้มด้วยนะร่างเล็กพลิกตัวนอนตะแคงกำลังจะวางโทรศัพท์พลันเสียงข้อความดังขึ้น แก้ม ต้องกลับบ้านด่วนแม่ฉันรีบผุดลุกนั่งขมวดคิ้วจนย่นตรงกลางหน้าผาก ปกติแม่ไม่ใช้คำพูดแบบนี้ ถ้ามีเรื่องด่วนยังไงก็ไม่ห้วนจัด จึงตัดสินใจต่อสายคุยกริ๊ง ...“แม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ความเงียบเข้าปกคลุมก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงถอนหายใจ“กลับบ้านแล้วแม่จะเล่าให้ฟัง คืนนี้เลยนะมีรถทัวร์ เก็บเสื้อผ้ามาให้มากหน่อย ข้าวของที่ไม่จำเป็นให้ฝากเพื่อนไว้ ส่วนอะไรสำคัญเก็บมาให้หมด”ฉันยิ่งขมวดคิ้วหนัก แบบนี้เรื่องใหญ่แน่“แม่ไม่เล่าให้หนูฟังสักหน่อยเหรอคะ”“เล่าตรงนี้ไม่ได้แก้ม เชื่อแม่นะกลับบ้าน”ฉันดึงโทรศัพท์ออกห่างเพื่อดูหน้าจอ แม่วางสายไปแล้ว ตอนนี้ใกล้จะบ่ายสาม เร็วสุดคงรถเที่ยวสองทุ่มพอมี แล้วส่งข้อความหาปื
บทที่ 6 ncฟ้าฝนไม่เป็นใจช่วงยามเช้าในอีกสี่วันต่อมาหลังจากการประกาศก้องยอมให้ปืนเชยชมร่างกายอันสวยสดของฉันในเช้าวันนี้ฉันยืนนิ่งมองท้องฟ้าและฝนที่พัดกระหน่ำรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีตามกรมอุตุประกาศเป๊ะ ๆ ในมือยังถือร่มแต่ร่มคงต้านลมและเม็ดฝนได้ไม่ไหวแม่ไม่ได้ส่งรถมอเตอร์ไซค์มาให้ฉันใช้เหมือนบ้านปืน แต่ถึงยังไงการขี่รถฝ่าฝนคงไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไร ฉะนั้นฉันจึงตัดสินใจกลับขึ้นห้อง แต่ไม่ใช่ห้องของฉันหรอกก๊อก ก๊อก เงียบ ...สาวในชุดนักศึกษารัดรึงอย่างนักศึกษาสาวทั่วไปเริ่มขยับเท้าไปมา ฉันและปืนพักหอนอกมหาวิทยาลัยเดียวกัน เพียงแต่ว่าอยู่คนชั้นแอ๊ด ....“ทำงานดึกเหรอ” ฉันโพล่งคำถามทันทีและผลุบตัวเข้าไปในห้องวางแฟ้มเรียนไว้บนโต๊ะแล้วนั่งที่เก้าอี้ทำงาน มองปืนที่เดินกลับไปนอนต่อแล้ว“อือ เร่งงาน”“ฝนตก”“อือ ได้ยินเสียงแล้ว”“ตกหนักมาก”“อือ”ฉันนั่งมองร่างสูงใหญ่ของปืน เขาไม่สวมเสื้อนอนอีกตามเคย ห่มผ้าปิดเพียงท่อนล่างและนอนคว่ำหันหน้ามาทางฉันตั้งแต่ขึ้นปีสอง ปืนเปลี่ยนการแต่งกายใหม่จนฉันต้องเร่งตามให้ทัน ฉันกวาดตามองผมทำสีน้ำตาลอมทองและต่างหูด้านขวาที่ใส่เพียงข้างเดียว ยิ่งทำให้ปืนดูเ
บทที่ 5 วัยมหา’ลัยชีวิตมัธยมปลายอันน่าบัดซบของผมจบลงเพียงเท่านั้น และตอนนี้ผมก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำด้วยคะแนนเลิศหรู เพียงแต่ผมไม่ได้เลือกเรียนวิศวะ ไม่อยากจะเชื่อว่าผมเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายเลือกคณะสถาปัตยกรรม“ปืน”ยายเตี้ยยังคงตามติดชีวิตผมดั่งเงาเช่นเคย“อืม” ผมเดินนำหน้าไปทางอาคารสำนักวิทยบริการ ชื่อเรียกแสนยากฉะนั้นทุกคนจึงเรียกมันว่าห้องสมุด ตึกแปดชั้นกลางมหาวิทยาลัยรั้วสีอิฐ มอดินแดง สารพัดชื่อเล่นของมหาวิทยาลัยแห่งนี้“นายว่างป่ะ”“ไม่” ผมรีบตอบ“คืนนี้เพื่อนชวนไปหลังมอ”“อืม”ตอนนี้พวกเราเดินเข้าห้องสมุดแล้ว ผมตรงไปยังห้องอ้างอิงทันทีเพราะไม่อยากเสวนาด้วยแต่เหมือนยายเตี้ยคร้านจะสนใจกฎในห้องสมุดว่าห้ามส่งเสียงดัง เธอเดินตามติดและนั่งลงกับพื้นพร้อมผมเมื่อถึงชั้นหนังสือรวมภาพถ่ายทั่วโลก“แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”แก้มส่งเสียงเบาเล็ก ๆ ข้างหูจนผมจักกะจี้ เอามือผลักหน้ามันออกห่างแล้วจ้องหน้า“ทำไม” เห็นไหมในที่สุดผมก็อดใจไม่ไหวต้องถามออกไป อันนี้จะโทษใครได้นอกจากความใจอ่อนของตัวเอง“วันเกิดไอ้วาด แต่ไอ้ตั้มมันไปด้วย” น้ำเสียงอ่อนลงแล้วเอาหัวมาพิงไหล่ผมไว้มือยื่นออกหยิบหนั
บทที่ 4 วัยใสมันเป็นเดือนที่แย่ที่สุดในชีวิต ถ้าไม่นับรวมวันที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันหลังจากที่พ่อกลับมาจากต่างจังหวัดได้สองวันฉันแหงนศีรษะมองท้องฟ้าในตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน กระชับเสื้อกันหนาวไหมพรมสีอ่อนขณะยืนรอกำปั่นมารับ ในตอนนี้คนทั้งโรงเรียนรับรู้ว่าฉันและกำปั่นเป็นแฟนกันแปร๋น!!“แก้ม” เสียงกำปั่นสดใสเช่นเคยในทุกเช้าซึ่งเป็นเวลาเกือบเดือนมาแล้วที่มารับส่งฉันถึงบ้าน“กำปั่น”ฉันเพิ่งสังเกตว่ากำปั่นตัวเล็กแค่ไหนเมื่อฉันนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วหน้าฉันโผล่พ้นไหล่จนลมกระแทกทรงผม ซึ่งถ้าฉันนั่งซ้อนไอ้ปืน ฉันไม่เคยโดนลมเลยด้วยซ้ำ - - นี่ฉันเปรียบเทียบกำปั่นกับไอ้ปืนได้ยังไงฉันรับหมวกกันน็อกมาสวมและรัดสายคาดเองก่อนจะขึ้นไปนั่งไพล่ ชำเลืองกลับไปมองในซอยบ้านไอ้ปืนยังปิดเงียบ ไม่รู้ว่าตื่นหรือยัง“วันนี้เย็นไปกินลานนมกันไหม”กำปั่นเอี้ยวหน้ากลับมาตะโกนถาม“ไม่ได้อ่ะ ต้องเรียนพิเศษ”พอพูดจบฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อจึงนั่งซ้อนท้ายเงียบ ๆ มองพื้นถนนขณะที่รถมอเตอร์ไซค์พาฉันไปเรื่อย ๆ รู้สึกมือไม้เกะกะจนไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหน ถ้าซ้อนไอ้ปืนฉันจะโอบเอวมันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ แต่กับกำปั่นแล้วฉั
บทที่ 3 วัยพลุ่งพล่านอันที่จริงผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วสำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่มีเลือดมีเนื้อ และ ... มีไอ้นั่นกลางหว่างขาผมขยับตัวพลิกตะแคงไปอีกด้านสะกดใจตนเองไม่ให้รับรู้ถึงกลิ่นอันอ่อนหวานและร่างนุ่มนิ่มจากคนข้าง ๆ ที่ยังเอามือพาดเอวผมไว้ - - ผมต้องหันหนีก็เพราะไอ้นั่นมันดันเคารพธงเช้าผมจับมือไอ้แก้มไว้แน่นแล้วเหม่อลอยมองฝาหนัง มือมันพาดเอวทาบกางบนพุงผมพอดี อีกนิด อีกนิดเดียวเท่านั้น หากมันเลื่อนลงสักห้าเซนติเมตรปลายนิ้วก้อยมันจะโดนส่วนหัวพอดิบพอดี - - ถอนหายใจครั้งที่ล้านแล้วกู“มึงตื่นแล้ว” แก้มทำเสียงงัวเงียแล้วพลิกตัวออกไปอีกด้าน“อือ ตื่นแล้ว กูเข้าห้องน้ำก่อน” ผมทำท่าจะลุกขึ้นแล้วพลันรู้สึกว่าคงยังไม่ได้จึงนั่งนิ่งไว้ก่อนเอาผ้าห่มปิดไว้“อ้าว ไหนบอกจะไปเข้าห้องน้ำ” ไอ้แก้มพลิกตัวกลับมานอนตะแคงกอดผ้าห่มยกขาพาดขาผมไว้เขี่ยเล่นเบา ๆสายตาผมมองเท้าเล็กขาวเนียน มันเอานิ้วเท้าคีบผ้าห่มเล่น ผมจึงดึงผ้าห่มออก มันชักเท้ากลับแล้วแหย่มาข้างหน้าต่อหัวเราะในลำคอ ผมรู้สึกได้เลยว่ามันจ้องผมอยู่เพราะแผ่นหลังผมร้อนวูบวาบพิกล เลยแกล้งมันจับข้อเท้าไว้กำแน่นกำลังสะบัดออก มันดันยกขึ้นอย่างแรงผล







