LOGINเตือนภัย
"ฮัลโหลพี่ชาย ว่างไหมคะ" อารมณ์ดิ่งทีไรเป็นอันต้องโทรหาพี่ชายคนโตเมื่อนั้น หลังจากเล่นกับเจ้าชาช่าจนเหนื่อยเธอก็ขึ้นมายังบนห้อง "คะ น้องลูกหว้า ตอนนี้พี่กำลังจะเข้าประชุมค่ะ" ชายหนุ่มมองเข็มปัดซึ่งในอีกห้านาทีข้างหน้าเขาจะต้องนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมแล้ว ทว่าสายของน้องสาวทำให้เขายังต้องนั่งอยู่ที่เดิม "อย่างงั้นหรอกหรือคะ งั้นพี่ทำงานเถอะค่ะ ลูกหว้าแค่โทรมาคุยด้วย คิดถึงพี่ชายใหญ่นะคะ" หล่อนพยายามควบคุมน้ำเสียงสั่นๆ ให้เป็นปกติที่สุด ซึ่งมันทำได้ยากเหหลือเกิน "มีไรหรือเปล่าคะ น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย ให้พี่ไปหาไหม พี่จะสั่งเลขาเลื่อนประชุมเดี๋ยวนี้" แค่ได้ยินน้ำเสียง พี่ชายคนโตก็รู้ทันทีว่าน้องสาวอยู่ในห้วงอารมณ์แบบไหน เลี้ยงมาเองกับมือขนาดนี้มีหรือจะพลาด “หนูไม่เป็นอะไรสักหน่อย ไม่ต้องมานะคะ เสียการเสียงานหมด" หล่อนรีบห้ามคนปลายสายทันที เธอแค่อยากคุยกับพี่ชายให้หายเหงาก็แค่นั้นเอง "เอางั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวประชุมเสร็จพี่จะไปรับไปดินเนอร์นะคะ คิดถึงน้องน้อยจะแย่แล้ว" ตั้งแต่แต่งงานออกไปชินดนัยก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตาน้องสาว ไม่เขาที่ยุ่งเรื่องงานเกินไปก็เป็นชนัญชิดาเองที่ไม่มีเวลามาเจอกัน เห็นอวดกับคุณป๋าว่าช่วงนี้เข้าคอร์สเรียนทำอาหาร "ได้ค่ะ แต่งตัวรอนะคะ สุดหล่อ" ตอนแรกแค่จะโทร.มาเล่นด้วย ไม่คิดว่าพี่ชายใหญ่จะออกปากนัดเสียเอง แค่รู้ว่าเธอไม่ได้ตัวคนเดียวความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก็เหมือนยกออกจากอกทันที เธอยังมีคุณป๋า พี่ชายที่รักทั้งสองคน คิดถึงตรงนี้ใบหน้าที่บึ้งตึงก็คลี่ยิ้มสว่างไสว "ครับผม เจ้าหญิง" "คุณหนูคะ" วางสายปุ๊บเสียงแม่บ้านก็ดังอยู่หน้าห้อง เธอหันหน้าออกไปมองแล้วตะโกนออกไป "ไม่ได้ล็อกค่ะ เข้ามาเลย" "ป้าวันมาพอดี วันนี้ไม่ต้องตั้งโต๊ะนะคะ ลูกหว้าจะออกไปกินข้างนอกค่ะ" หญิงสาวรีบบอกแม่บ้านคนสนิททันทีเมื่อป้าเดินเข้ามาในห้องเรียบร้อยแล้ว "ค่ะ คุณหนู" วันดียิ้มรับคำ หล่อนกำลังเดินขึ้นมาถามเมนูมื้อเย็นพอดี เมื่อห้องปราศจากผู้คน ชนัญชิดาทำการล็อกห้อง เตรียมตัวอาบน้ำ ชำระเหงื่อไคล แต่งตัวออกไปดินเนอร์กับพี่ชายทันที ยังไม่ถึงสองชั่วโมงดีรถหรูสีดำมันปลาบก็แล่นเข้ามาจอดเทียบเทอเรสหน้าบ้าน การ์ดคนสนิทเปิดประตูให้ผู้เป็นนายอย่างเคยชิน "ประชุมเสร็จเร็วจังเลยค่ะ" ชนัญชิดาแต่งตัวเสร็จนานแล้วจึงลงมานั่งรออยู่ในห้องรับแขกอยู่ พอได้ยินเสียงรถก็รีบเดินออกมาโดยไม่รอให้คนเสียเวลามาเรียก "ไม่มีประเด็นอะไรสำคัญเท่าไหร่จ๊ะ แค่ประชุมไตรมาส อีกอย่างใครจะกล้าให้คนสวยของพี่หิ้วท้องรอจนดึกละคะ ไหนมาให้พี่กอดทีสิ ไม่เจอกันตั้งนาน" พูดจบก็รวบร่างเล็กของน้องน้อยเข้าสู่อ้อมกอดคุ้นเคยด้วยความคิดถึง ก่อนจรดปลายจมูกลงกลุ่มผมนุ่มอย่างเคยทำเป็นประจำ ชินดนัยจะแสดงความรักกับน้องสาวอย่างนี้เสมอจนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคนนอกไม่ล่วงรู้ความสัมพันธ์เกี่ยวกับพวกเขาอาจจะคิดว่าเป็นคู่รักคู่หนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้ามาจีบเธอสักเท่าไหร่ แน่ล่ะ พี่ชายอย่างเขาหวงน้องสาวอย่างกับอะไรดี "เหนื่อยไหมคะ ทำไมไม่ชวนพี่แก้มมาทานกับเราด้วยละคะ หนูเองก็ไม่ได้เจอพี่เขานานแล้วเหมือนกัน" เธอเข้ามานั่งอยู่บนรถแล้ว เลยอดถามหาว่าที่พี่สะใภ้ไม่ได้ "น้องแก้มไปทำงานต่างจังหวัดจ๊ะ เลยมาด้วยไม่ได้ ไว้นัดวันหลังนะคะ" "ได้ค่ะ" "สรุปมีเรื่องอะไรเหรอเรา ไอ้ภูมันทำอะไรหนูหรือเปล่า" เขาเดาไว้ว่าทั้งคู่ต้องทะเลาะกันแน่นอน ตาคมกริบจึงหรี่ตามองราวกับจับผิด "ไม่มีอะไรค่ะ แค่คิดถึงพี่ชายใหญ่ พี่ชายรองก็หนีน้องไปเรียนต่อแล้ว" ไม่กล้าบอกหรอกว่าทะเลาะกับภูวดล ไม่อย่างงั้นพี่ชายเล่นงานเขาแน่ "แน่นะ" ถามอย่างไม่แน่ใจ "แน่ค่ะ" ตอบโดยไม่สบตาคู่คมที่มองมาราวกับจะล้วงความจริง ซึ่งแน่นอนว่าเธอคงปิดชินดนัยไม่ได้ หูตาเขากว้างไกลขนาดนั้น อยากรู้เรื่องไหนเพียงแค่สั่งลูกน้องคำเดียว ไม่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงข้อมูลก็ปรากฏตรงหน้าแล้ว พี่ชายเธอนี่มาเฟียชัดๆ "ไม่มีก็ดีแล้ว แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น อย่าลืมนะว่ามีพี่ มีคุณป๋า บ้านเราต้อนรับหนูกลับบ้านเสมอค่ะ" เขาลูบศีรษะคนข้างๆ อย่างเคยทำเป็นประจำ ได้ยินพี่ชายพูดประโยคเมื่อครู่ก็ทำเอาขอบตาคนฟังแสบร้อน ดวงตาแดงระเรื่อเต็มไปด้วยหยาดน้ำที่เริ่มเอ่อคลอ ลูกหว้าพยายามอย่างหนักในการกักเก็บอารมณ์ ซ่อนความรู้สึกไม่ให้ชินดนัยสงสัย ทว่าก็ไม่รอดพ้นสายตาคมกริบนั้นได้ แต่เขากลับไม่เซ้าซี้ถาม ถ้าเธออยากเล่าคงเล่าให้เขาฟังนานแล้ว ชินดนัยได้แต่จดบัญชีชื่อน้องเชยไว้ในใจ กล้ามาก!! ทำน้องสาวกูร้องไห้ โรงแรม "นึกยังไงคะ พามาร้านนี้" ร้านที่ว่าอยู่ในโรงแรมหรูเป็นที่คุ้นเคยครอบครัวเธอเอง คุณป๋าและพี่ชายชอบพาเธอมาที่นี่ เนื่องจากมีอาหารหลากหลายเชื้อชาติแล้วยังมีซีฟู้ดอีกด้วย "ของโปรดหนูนี่คะ พี่ไม่ลืมหรอก" เรื่องเอาใจใส่คนรักชินดนัยไม่เคยพลาด อีกอย่างบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้ายาแห่งนี้อาจช่วยผ่อนคลายอารมณ์น้องน้อยได้บ้าง "น่ารักที่สุดเลย ว่าแต่ทำไมเราไม่ชวนคุณป๋ามาด้วยล่ะคะ" ตอบแทนพี่ชายด้วยการยื่นหน้าไปหอมแก้มสากเบาๆ อย่างที่เคยทำจนติดเป็นนิสัย "งั้นก็ทานเยอะๆ นะคะ พี่ชวนคุณป๋าแล้วแต่วันนี้ไม่ว่างค่ะ ไปเถอะพี่จองโต๊ะไว้แล้ว" ตั้งแต่มอบอำนาจสิทธิ์ขาดการบริหารงานในเครือทั้งหมดของตระกูลให้ลูกชายคนโต ชาญวิทย์ก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน บิดาเขามักชวนเพื่อนวัยเดียวกันไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ไม่ก็สังสรรค์กันเป็นประจำตามประสาคนวัยเกษียณ "ค่ะ" เวลาเกือบสี่ทุ่มมื้ออาหารก็จบลง ชนัญชิดารู้สึกแน่นท้องจนต้องนั่งพิงกับพนักพิง เธอกินเยอะ เจริญอาหารในรอบเดือนก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะอาหารที่ถูกปากหรือพี่ชายคนตรงหน้าที่คอยตักให้ คอยเอาใจจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้ลง ผลที่ตามมาคือแน่นจนแทบขย้อนของเก่าออกมาทางเดิม "หนูขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" "จ๊ะ ระวังด้วยนะ" "หลับตาเดินยังได้เลยค่ะ สบายมาก" มาบ่อยจนพนักงานจำหน้าได้ ไม่แปลกใจถ้าเธอจะทำตามอย่างที่ว่าจริงๆ "ไอ้แสบ" ลับหลังร่างเล็กการ์ดที่นั่งโต๊ะข้างๆ ก็รีบลุกมารายงานเจ้านาย "นายครับ" "มีไร" ซันบอดี้การ์ดคนสนิทก้มลงกระซิบข้างหู เรื่องที่เขาไปสืบมาก่อนหน้านี้ทำเอาใบหน้าชินดนัยเปลี่ยนสีหน้าถมึงทึง สิ่งที่เขากลัวมันเกิดขึ้นจริงสินะ กล้าดียังไงมาย่ำยีหัวใจของเขาที่ฟูมฟักเลี้ยงมาเองกับมือ "ตอนนี้มันอยู่ไหน" แววตาเขาวาวโรจน์ฉายชัดจนน่าหวาดกลัว รังสีความอำมหิตแผ่ปกคลุมทั่วบริเวณชั่วขณะ ลูกน้องที่ตามเขามานานหลายปีรู้ดีว่าชินดนัยกำลังโกรธจัดแทบจะฉีกร่างคนเป็นๆ ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายเป็นแบบนี้ "ด้านนอก กำลังจะกลับครับ" "อย่าให้น้องสาวฉันรู้เรื่องนี้ เจ แกคอยรับคุณลูกหว้ากลับบ้าน บอกว่าฉันมีเรื่องด่วน ส่วนที่เหลือตามฉันมา" ลูกน้องสามคนรับคำสั่งนายเดินตามชินดนัยออกนอกร้านเมื่อเคลียร์บิลเสร็จ ส่วนเจได้แต่ยืนนิ่งรอคุณหนูที่เดิม ไม่นานร่างเพรียวในสุดเดรสสั้นพอดีเข่าก็เดินนวยนาดตรงเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจ เจเข้าใจได้ทันทีว่าด้วยเรื่องอะไร ทำน้องสาวเขาเสียใจ พี่ชายใหญ่ไม่ปล่อยอิภูไว้แน่"อย่าให้น้องสาวฉันรู้เรื่องนี้ เจ แกคอยรับคุณลูกหว้ากลับบ้าน บอกว่าฉันมีเรื่องด่วน ส่วนที่เหลือตามฉันมา" ลูกน้องสามคนรับคำสั่งนายเดินตามชินดนัยออกนอกร้านเมื่อเคลียร์บิลเสร็จ ส่วนเจได้แต่ยืนนิ่งรอคุณหนูที่เดิม ไม่นานร่างเพรียวในสุดเดรสสั้นพอดีเข่าก็เดินนวยนาดตรงเข้ามาด้วยสีหน้าแปลกใจ เจเข้าใจได้ทันทีว่าด้วยเรื่องอะไร"อ้าว พี่ชายฉันละคะ" ถามพลางเมียงมองหา ทว่าไร้เงาคนที่ถามถึง ลูกน้องสามคนก็หายตัวไปด้วย"คุณชินติดธุระด่วนครับ เลยฝากให้ผมไปส่งแทน" เขาไม่ได้บอกเรื่องจริงทั้งหมดแก่คนตรงหน้า ถ้ารู้ว่าสามีตัวเองมาทานข้าวกับผู้หญิงคนอื่นเธอคงเสียใจมาก เพราะที่ผ่านมาคุณหนูสนใจผู้ชายเพียงคนเดียวนั่นก็คือภูวดลคิดแล้วก็ได้แต่สงสาร ทั้งสวย ทั้งรวย มีผัวทั้งทีแต่โดนนอกใจซะงั้น"อ้อ พี่เขาจ่ายตังค์หรือยัง""เรียบร้อยแล้วครับ" "ค่ะ งั้นกลับเถอะ เอ๊ะ ว่าแต่พวกคุณทานอิ่มกันแล้วเหรอ" เจ้านายได้กิน ลูกน้องก็ต้องได้กิน ดังนั้นโต๊ะข้างๆ เมื่อครู่นั้นจึงเต็มไปด้วยกลุ่มผู้ชายชุดดำแบบอดี้การ์ด เรียกสายตาบรรดาสาวๆ ในร้านได้ดี แน่ละ สี่คนนี้มีแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้น แถมหุ่นยังล่ำบึกอีกต่างหาก ไม่แปลกที่จะเป็
เตือนภัย "ฮัลโหลพี่ชาย ว่างไหมคะ" อารมณ์ดิ่งทีไรเป็นอันต้องโทรหาพี่ชายคนโตเมื่อนั้น หลังจากเล่นกับเจ้าชาช่าจนเหนื่อยเธอก็ขึ้นมายังบนห้อง"คะ น้องลูกหว้า ตอนนี้พี่กำลังจะเข้าประชุมค่ะ" ชายหนุ่มมองเข็มปัดซึ่งในอีกห้านาทีข้างหน้าเขาจะต้องนั่งอยู่หัวโต๊ะประชุมแล้ว ทว่าสายของน้องสาวทำให้เขายังต้องนั่งอยู่ที่เดิม"อย่างงั้นหรอกหรือคะ งั้นพี่ทำงานเถอะค่ะ ลูกหว้าแค่โทรมาคุยด้วย คิดถึงพี่ชายใหญ่นะคะ" หล่อนพยายามควบคุมน้ำเสียงสั่นๆ ให้เป็นปกติที่สุด ซึ่งมันทำได้ยากเหหลือเกิน"มีไรหรือเปล่าคะ น้ำเสียงไม่ค่อยดีเลย ให้พี่ไปหาไหม พี่จะสั่งเลขาเลื่อนประชุมเดี๋ยวนี้" แค่ได้ยินน้ำเสียง พี่ชายคนโตก็รู้ทันทีว่าน้องสาวอยู่ในห้วงอารมณ์แบบไหน เลี้ยงมาเองกับมือขนาดนี้มีหรือจะพลาด“หนูไม่เป็นอะไรสักหน่อย ไม่ต้องมานะคะ เสียการเสียงานหมด" หล่อนรีบห้ามคนปลายสายทันที เธอแค่อยากคุยกับพี่ชายให้หายเหงาก็แค่นั้นเอง "เอางั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวประชุมเสร็จพี่จะไปรับไปดินเนอร์นะคะ คิดถึงน้องน้อยจะแย่แล้ว" ตั้งแต่แต่งงานออกไปชินดนัยก็ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตาน้องสาว ไม่เขาที่ยุ่งเรื่องงานเกินไปก็เป็นชนัญชิดาเองที่ไม่มีเวลามาเ
เมื่อขึ้นมาบนห้อง หล่อนก็เปิดโทรศัพท์ เข้าไอจีส่องความเคลื่อนไหวอีกฝั่ง แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำเอาใจหล่อนชาวาบ ยัยปริมลงรูปดินเนอร์สุดหรู แม้จะไม่เห็นว่าคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเป็นใคร แต่เธอจำได้ดีแม้เห็นแค่แขน ข้อมือแข็งแกร่ง เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกพับไว้ที่ข้อศอก อวดนาฬิกาเรือนละเจ็ดหลักที่คุ้นตาภูวดล เขาปฏิเสธทานข้าวกับเธอเพราะจะไปดินเนอร์บนโรงแรมกับยัยนั่น!!!ชนัญชิดากำโทรศัพท์แน่น ปามันทิ้งบนที่นอนด้วยความโกรธเกลียดอีกฝ่าย แล้วความคิดบางอย่างวูบเข้ามาทำให้หล่อนตั้งสติ เผยรอยยิ้มน้อยๆ ไว้ที่มุมปาก ในเมื่อเธอทำอะไรเขาไม่ได้ อย่างน้อยภูวดลคงไม่ปฏิเสธคุณนายภาริณีซึ่งเป็นแม่ตัวเองแน่ตระกูลบวรวัฒน์กิจ"ตายจริง นี่พวกลูกๆ ยังไม่เตรียมตัวไปฮันนีมูนกันหรือจ๊ะ แล้วเมื่อไหร่แม่จะได้อุ้มหลานสักทีล่ะ ไม่ได้ๆ ใช้ไม่ได้เลย แต่งกันมาตั้งเดือนแล้วมัวทำอะไรกันอยู่ เดี๋ยวแม่จัดการเอง" ภาริณีตกใจเมื่อรู้ว่าลูกชายกับลูกสะใภ้ยังไม่วางแผนไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันสักที โดยไม่ทันสังเกตุเห็นรอยยิ้มที่มุมปากด้วยความพอใจของอีกคน"ช่วงนี้พี่ภูทำงานหนักค่ะ หนูว่าไปตอนนี้คงไม่สะดวก เอาไว้พี่ภูว่างค่อยไปก็ยังไม่สา
ชีวิตคู่ชีวิตหลังแต่งงานคู่อื่นอาจจะรักกันหวานชื่น ดื่มด่ำความสุขความหอมหวานเฉกเช่นคู่ข้าวใหม่ปลามันทั่วไป ทว่าเรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นกับชีวิตหล่อนเลย ไม่แม้แต่จะใกล้เคียงสักนิด เพราะไม่มีคืนไหนเธอกับเขาจะร่วมหลับนอนกันสักครั้ง แต่ชนัญชิดาไม่เคยท้อ ยังคงเดินหน้าต่ออย่างมีความหวังลึกๆ ลูกไม้แผนการอันใดล้วนถูกงัดนำมาใช้หมดแต่…….ไม่เคยได้ผล ลูกหว้าลงทุนใส่ชุดนอนบางๆ ก็แล้ว ยั่วยวนก็แล้วไม่มีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะหลงใหลหรือต้องการชื่นชมหล่อนสักนิด เขามักจะเอาความเหนื่อยมาอ้างหรือใช้สายตาไล่เธอทางอ้อม แม้กระทั่งหนีไปนอนอีกห้องปล่อยให้เธอครอบครองห้องนอนใหญ่แต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่คืนแรกชนัญชิดาไม่ยอมแพ้ ยังคงหาโอกาสเข้าหาสามี แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือวาจาร้อนแรง คำพูดแดกดันภรรยายามที่หล่อนแอบเข้าไปนอนรอให้ห้อง สุดท้ายจบด้วยการโดนเขาลากเธอออกห้องอยู่ร่ำไปวันนี้ก็เช่นเคย ด้วยหวังว่าวันหนึ่งสิ่งที่เธอพยายามยั่วยวนสามีจะสัมฤทธิผลเสียดี ชนัญชิดาไม่เชื่อหรอกว่าผู้ชายจะไม่สนใจของสวยๆ งามๆ แบบเธอ หล่อนสวมชุดนอนลูกไม้ซีทรูสีชมพูอ่อน แหวกอกลึกเห็นเนินอกอวบดูวาบหวิว พร้อมกับพรมน้ำหอมบางๆ คลุมทับด้วยชุดคล
“กูว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ” ซีหรี่ตามองคู่บ่าวสาวที่กำลังไหว้ต้อนรับแขกในงาน ใบหน้าเจ้าสาวนั้นยิ้มแย้มด้วยความปรีดา ทว่าเจ้าบ่าวนั้นกับหน้าอมทุกข์ประหนึ่งถูกบังคับเข้าพิธีเอ๊ะหรือว่ามันถูกบังคับจริงๆ“กูว่าใช่ แม่มันออกจะปลื้มลูกสะใภ้ขนาดนั้น งานนี้สงสัยขัดใจแม่ไม่ได้” แทนปรายตาไปมองคุณนายภาริณี แม่เจ้าบ่าวที่นั่งหน้าบานกำลังพูดคุยอยู่กับแขกเหรื่อที่มาร่วมแสดงความยินดี เพื่อนทุกคนจึงหันไปมองตาม“วันนี้น้องปริมมางานไหมวะ” ซีหันไปถามเธียรซึ่งสนิทกับคนที่ถามถึง“ไม่รู้ดิ กูถามปริมก็ไม่ยอมตอบ โทร.ไปเมื่อเช้าก็ไม่รับสาย” เขารู้สึกสงสารน้องรหัสสาวสวยคนนี้อยู่ไม่น้อย พูดแล้วก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาจับใจ“เห้ย คงไม่ได้คิดสั้นไปแล้วนะ”“พูดอะไรของมึงไอ้เชี้ยกราฟ” วัฒน์ตบหัวเพื่อนปรามเบาๆ“ปากหมานะมึงแต่งงานภายในร้านพรีเวดดิ้งที่ผนังเป็นกระจกใส คนภายนอกสามารถมองทะลุข้างในได้ชัดแจ๋ว ชุดสีขาวฟูฟ่องบนหุ่นหันโชว์คนเดินผ่านไปมาบ่งบอกว่านี่คือร้านที่บริการเกี่ยวกับงานแต่ง ชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บอย่างประณีตมีตั้งแต่ชุดไทยไปยันชุดกระโปรงสีขาวพองฟูเหมือนขนมถ้วยแขวนเรียงรายบนตู้โชว์ ภายในร้านมีคู่บ่าวสาวประปราย ก
งานแต่งที่เธอไม่ต้องการ ภายในร้านพรีเวดดิ้งที่ผนังเป็นกระจกใส คนภายนอกสามารถมองทะลุข้างในได้ชัดแจ๋ว ชุดสีขาวฟูฟ่องบนหุ่นหันโชว์คนเดินผ่านไปมาบ่งบอกว่านี่คือร้านที่บริการเกี่ยวกับงานแต่ง ชุดเจ้าสาวที่ตัดเย็บอย่างประณีตมีตั้งแต่ชุดไทยไปยันชุดกระโปรงสีขาวพองฟูเหมือนขนมถ้วยแขวนเรียงรายบนตู้โชว์ ภายในร้านมีคู่บ่าวสาวประปราย กลางห้องรับแขกมีคู่บ่าวสาวนั่งอยู่บนโซฟาหรูพร้อมพนักงานที่พร้อมจะอธิบายและแนะนำแพ็คเก็จ “พี่ภูว่าแบบไหนสวยคะ” เธอยื่นแบบของชำร่วยให้อีกฝ่ายดูเพื่อการตัดสินใจ เขานั่งนิ่งตัวแข็งเป็นหุ่นยนต์จนลูกหว้านึกอายพนักงานของร้าน เธอเป็นเพื่อนเจ้าของที่นี่ก็จริง แต่ยัยนั่นติดธุระข้างนอก คนที่บริการตนตอนนี้จึงเป็นผู้จัดการสาวซึ่งดูท่าทางน่าจะแก่กว่าเธอสักสี่ห้าปีได้“เอาไรก็เลือกๆ ไปเถอะ จะได้รีบกลับ” น้ำเสียงนิ่งเรียบบอกปัดๆ ไม่แม้แต่จะชายตาแลสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่ดึงดูดเขาได้ดีที่สุดคือมือถือที่กำลังพิมพ์ตอบโต้กับใครอีกคน ผู้ที่กุมหัวใจของไว้ทั้งดวง ถ้าเลือกได้ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาในร้านพรีเวดดิ้งนี้ก็อยากให้เป็นเธอ ไม่ใช่ลูกหว้า!!!“เห้ย โทษทีมาสาย” เสียงหนึ่งดังขึ้นเ







