LOGIN
บทที่1.คุณหญิงประกาย พงษ์ไพศาสกิจ
“ดอกปีบ...ไปตามพ่อหลานชายตัวดีของฉัน ให้มาพบฉันสักหน่อยซิ! ใจคอจะปล่อยให้ย่าแก่ๆ รออยู่อย่างเดียวดายโดยไม่คิดจะเหลียวแลเลยรึยังไงหะ” เสียงแหบเครือของหญิงสูงวัยบอกกาสะลอง เด็กรับใช้ใกล้ชิดที่คุณหญิงประกายรับเลี้ยงมาแต่เยาว์วัย
“ค่ะ...คุณท่าน” เธอรับเสียงหวาน กระถดตัวถอยหลัง ออกไปจากห้องนอนโอ่อ่า เธอหยัดกายลุกขึ้นยืน ถอนหายใจเฮือกๆ ด้วยความหนักใจ เมื่อคิดถึงเขา... เปรม เจนาส พงษ์ไพศาสกิจ หลานชายเพียงคนเดียวของคุณหญิงประกาย เขาเข้มแข็งองอาจ รูปงามประหนึ่งเทพบุตรในนิทาน และเพราะความสามารถ เขาประสบความสำเร็จในถนนนักธุรกิจได้อย่างงดงาม โดยไม่ได้อาศัยชื่อเสียงของพงษ์ไพศาสกิจเป็นฐาน
มันเป็นเรื่องราวแต่หนหลัง ที่กาสะลองเกิดไม่ทัน...
ประชัน พงษ์ไพศาสกิจบุตรชายคุณหญิงประกายได้ภรรยาตอนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ โดยที่ไม่ได้รับการเห็นชอบจากครอบครัว เขาปกปิดเรื่องภรรยาเป็นความลับ มารดาของเปรมถูกรังเกียจ และไม่ยอมรับจากครอบครัวฝ่ายชาย เธอจำใจหอบลูกน้อยกลับบ้านเกิด หลังถูกขับไล่และไม่ได้รับการเหลียวแล พิทีเซียจากไปพร้อมเด็กชายแรกเกิดที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เธอหายไป...จากชีวิตสามี และแม่สามีผู้หยิ่งยโส
ประชันแต่งงานใหม่ในเวลาไม่นานกับผู้หญิงที่ทางครอบครัวเขายอมรับ...โสภาพรรณสาวคือผู้หญิงคนใหม่ เธออยู่ในสังคมเดียวกัน เป็นไฮโซลูกหลานคนมีสกุล... ครอบครัวใหม่ของบิดามีความสุขดี เขาลืมเด็กชายตาดำๆ ที่เป็นบุตรเสียสนิทใจ
ภรรยาใหม่กำเนิดบุตรเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน แต่ดูเหมือนฟ้าดินจะกลั่นแกล้งคุณหญิงประกาย... เมื่อหลานใหม่กำเนิดขึ้นมามีแต่ผู้หญิงล้วนๆ พรรณนารายและเพลินตา งดงามสมวัย แต่ไม่สามารถสืบทอดกิจการอันยิ่งใหญ่ของบิดาได้ กิจการค้าขายที่ต้องใช้ทักษะสูง การแข็งขันที่ต้องอาศัยชั้นเชิงและความสามรถในสนามธุรกิจ พงษ์ไพศาลกิจจำเป็นต้องมีผู้นำที่เข้มแข็ง...ประจวบเหมาะกับข่าวคึกโครม ของนักธุรกิจหนุ่มต่างแดนที่มาทำธุรกิจในเมืองไทย
เจนาสกรุ๊ปเปิดตัวอย่างอลังการ...เขาขยายกิจการเดินเรือ มาเปิดทางเลือกใหม่ให้กับประเทศไทย เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี หนุ่มหล่อผิวเข้ม นัยน์ตาคมดุปานดวงตาพญาเหยี่ยว รูปร่างสูงใหญ่สมชายชาตรี วิสัยทัศน์เฉียบแหลม และเปลี่ยมไปด้วยพละดึงดูดทางเพศ
“ดอกปีบจะไปตามคุณเปรมได้ยังไงกันคะคุณท่าน! คุณท่านตามเองนับสิบครั้ง พ่อเจ้าประคุณยังไม่สนใจเลย...คนอะไรใจดำชะมัด! ปล่อยญาติผู้ใหญ่ให้คอยอยู่ได้” กาสะลองบ่นพึมพำด้วยความหนักใจ ดวงตาหม่นเศร้า สงสารผู้อุปการคุณสุดหัวใจ เธอจึงพยายามทำตามคำขอร้องประกายด้วยความตั้งใจจริง
“ย่าผิดไปแล้วเปรม ย่าขอโอกาสแก้ตัวได้ไหมลูก” เสียงแหบเครือรำพันด้วยความอ่อนล้า นัยน์ตาฝ้าฟางเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เมื่อนึกถึงนัยน์ตาดำขลับของเด็กชายวัย12 ปี ที่มองท่านด้วยแววตาตัดพ้อ
อดีต10ปีกว่าที่ผ่านไปแล้ว…
“ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอเคยเป็นเมียประชันมาก่อนหรือเปล่า? เธอจะเอาเด็กคนนี้มาเรียกร้องอะไรกับฉันหรือแม่พิทีเซีย ฉันขอไม่รับรู้เรื่องราวแต่หนหลังของพวกหล่อนหรอกนะ ตอนนี้... ในเวลานี้...ประชันเขามีครอบครัวใหม่ไปแล้ว ถ้าอยากได้ค่าเสียเวลา ฉันจะจ่ายให้เธอเอง แต่ฉันไม่ขอรับลูกของเธอเป็นหลานหรอกแม่คุณ เหตุการณ์มันผ่านไปนาน นานจนต่อไม่ติดแล้วล่ะ ฉันก็ไม่อยากให้ประชันกับโสภาพรรณเขาหงุดหงิดใจ” คุณหญิงประกายพูดเสือกไสไล่ส่ง เมื่อจู่ๆ ก็มีผู้หญิงต่างชาติ หอบเด็กชายตาดำๆ มาแสดงตัวเป็นภรรยาอีกคนของบุตรชายท่าน แววตาเด็กน้อยนั่นตัดพ้อผู้เป็นย่า เขาจ้องท่านอย่างจริงจัง เหมือนกับจะประทับไว้ในความทรงจำ
“แต่...”
“ไม่มีแต่หรืออะไรทั้งนั้นนะแม่พิทีเซีย เธอรับเช็คนี่! แล้วก็พาลูกของเธอกลับบ้านไปซะ ฉันช่วยได้แค่นี้ล่ะ”
“ขอบคุณในความกรุณาค่ะคุณหญิง แต่ดิฉันไม่ขอรับ”
“อย่าทำเป็นหยิ่งไปเลย เธอไม่ร่ำรวยมาจากไหน รับๆ ไปเสียจะได้มีสตางค์เลี้ยงลูกของเธอ”
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะสำหรับความกรุณา ดิฉันมาหาคุณประชัน ไม่ได้ต้องการอะไรติดมือกลับไปหรอกนะคะ แค่อยากให้เจนาสได้เจอพ่อของเขาแค่นั้น”
“ถ้าหากต้องการแบบนั้นคงจะไม่ได้หรอก ประชันไม่ได้อยู่ที่นี่ เธอจะมาเพื่อพบเขาทำไม ทำไมไม่มาให้เร็วกว่านี้”
“ดิฉันแค่อยากให้เจนาสได้เจอคุณประชันค่ะคุณหญิง เราสองคนไม่ได้อยากเรียกร้องอะไรจากครอบครัวของท่านเลยสักนิด” พิทิเซียกล่าวเสียงเด็ดเดี่ยว คุณหญิงทอดตามอง หญิงสาวตรงหน้าท่านยังงดงามแม้จะผ่านการมีบุตร แต่ผิวพรรณและการแต่งกายดูสะอาด เด็กชายตัวเล็กนั่งกุมมือมารดาแน่น ดวงตาของเขามองท่านด้วยแววตาตัดพ้อ เค้าโครงหน้าของเด็กนั่นมาทางบุตรชายของท่าน แต่ได้ความคมเข้มจากแม่ไปเยอะ จึงทำให้เด็กชายดูเข้มแข็งและองอาจ อนาคตคงจะหล่อเหลาไม่เบา
“ฉันคงให้เธอกับลูกเจอประชันไม่ได้หรอกนะ ครอบครัวของลูกชายฉันจะมีปัญหาถ้าอยู่ๆ ก็มีลูกและเมียโผล่ขึ้นมาแบบนี้”
“ค่ะ...ดิฉันรู้ ดิฉันขอลาเลยแล้วกันค่ะคุณหญิง เจนาสลาคุณย่าซิลูกเราจะกลับบ้านกันแล้ว”
“แม่ครับแล้วพ่อผมล่ะครับ ผมยังไม่เจอพ่อเลย?” เสียงเล็กๆ แย้งเมื่อยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ
“กลับกันเถอะเจนาสคุณพ่อติดธุระ เรากลับบราซิลกันก่อน ที่นั่นมีคุณตาคุณยายรออยู่นะ”
“ทำไมครับแม่? พ่อเขาไม่ต้องการพบผมใช่ไหม! ผมเรียนเก่งไม่ดื้อไม่ซนตามที่แม่ต้องการแล้ว ทำไมพ่อถึงไม่รักผม เหมือนที่แม่รักล่ะครับ” เด็กชายถามอย่างไม่เข้าใจ
“เรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่าลูก พ่อเขาติดธุระเลยมาหาเจนาสไม่ได้ เอาไว้วันหลังเราสองคนค่อยมากันใหม่เนอะ”
“เหรอครับ! แต่ผมว่าไม่ใช่ ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการเรา ผมก็จะไม่ต้องการเขาเหมือนกัน ผมไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะมาเหยียบแผ่นดินเกิดของพ่อ บราซิลคือบ้านเกิดของผม กลับกันเถอะครับแม่!”
“เจนาส! คุณพ่อรักลูกนะแต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ครับแม่ ถ้าพ่อรักผม พ่อจะต้องเป็นฝ่ายไปตามหาผมเอง ผมจะไม่มาตามหาพ่อหรือครอบครัวของพ่ออีก ในเมื่อที่นี่ไม่มีใครต้องการเรา ผมก็ไม่ต้องการใครเหมือนกัน” เด็กชายพูดเสียงเฉียบขาด ดวงตาคมมองคุณหญิงประกาย จนท่านต้องเบือนใบหน้าหลบ เมื่อดวงตาคู่นั้น แฝงแววตัดพ้อจนคุณหญิงสะท้อนในใจ
คุณหญิงวัยชราครุ่นคิดถึงความหลัง แววตาตัดพ้อของเด็กชายยังติดอยู่ในความทรงจำเสมอ ท่านพยายามสลัดออกไปจากใจ ก็ไม่เคยหลุด มันคงค้างอยู่ในหัวใจเรื่อยมา ความรู้สึกผิด เพราะต้องกีดกันสายเลือดบุตรชายที่คุณหญิงไม่ยอมรับตอนนั้น สาวต่างชาติต่าง ไร้สกุลถือโอกาสจับบุตรชายของท่าน ปล่อยตัวเองให้ตั้งครรภ์จนทำให้ประชันบุตรชายพลาด เขาต้องรับผิดชอบทั้งเด็กและแม่ด้วยความจำใจ พงษ์ไพศาลกิจมีหน้าตาทางสังคม ท่านจะไม่ยอมให้สิ่งใดๆ มาทำร้ายชื่อเสียงที่สั่งสมกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ‘พงษ์ไพศาลกิจ’ ต้องไม่เสียชื่อในรุ่นที่คุณหญิงประกายเป็นคนนั่งแท่นบัญชาการ
ความหลังในกาลก่อนที่ติดอยู่ในซอกหลืบของความทรงจำ และคุณหญิงประกายรู้สึกผิดมาตลอด ท่านต้องคอยประคับประคองไม่ให้เสื่อมเสียไปในรุ่นของตัวเอง ท่านจึงจำต้องตัดไฟแต่ต้นลม เป็นการตัดปัญหาในภายภาคหน้า แม้จะเสียดายสายเลือดของบุตรชาย แต่จำเป็นต้องตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หากครอบครัวของโสภาพรรณรับรู้ ท่านไม่อยากได้ยินข้อครหาจากใครๆ ให้บุตรชายต้องพลอยเสียชื่อไปด้วย ดังนั้นท่านจึงปกปิดอดีตไว้ให้ลึกที่สุด แสร้งไม่รู้ไม่ชี้หากมีใครถามถึง
สาลี่ถอยหลังกลับ มองตามร่างเล็กๆ ของเด็กชายกับผู้หญิงต่างชาติ สงสารชะตากรรมของทั้งสองคน ที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ชายเหลาะแหละแบบบุตรชายของเจ้าของบ้าน เด็กตัวเล็กๆ น่าสงสารที่เกิดมาท่ามกลางความไม่พร้อมของพ่อแม่เมื่อยังอยู่ในวัยเรียน นางได้แต่ปลง และก้มหน้าก้มตากลับไปทำงานตามหน้าที่ตัวเอง ได้แต่แอบสงสาร และเป็นห่วงเด็กชายที่จากไปพร้อมความผิดหวัง
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวสั่นเตือนเมื่อมีสายโทร. เข้า หญิงสาวสะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมาแบบง่วงงุน มือเล็กๆ ยกปิดดวงตาเอาไว้ ไม่อยากลืมตาขึ้นมาเพราะยังพักผ่อนไม่เต็มที่ตู๊ดๆๆ... ปลายสายก็คงยังกดโทร. เข้าไม่ยอมวาง เธอเอื้อมมือไปหยิบก่อนจะสไลด์หน้าจอกดรับ เพราะเป็นรูปแก้วกุดันขึ้นโชว์หรา“ทำอะไรอยู่ยะแก แก้วกดโทร. จนมือเกือบหงิกไม่ยอมรับสายเสียที รู้ไหมคนเขาเป็นห่วงนึกว่าถูกCIA รูปหล่อฟาดเรียบเสียแล้ว” แก้วกุดั่นส่งเสียงแปร๋นสวนมาจนเธอต้องยกหูออกห่างๆ“บ้า! อลันเขาไม่หื่นเหมือนแก้วหรอกน่า ที่คิดจะรวบหัวรวบหางคุณซ้งตลอดเวลา” เพรีต่อว่าเสียงอุบอิบ ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากตัวเองเล่นๆ คิดถึงชายหนุ่มที่ฝากความรู้สึกหวามไหวเอาไว้จับจิต“แหมๆ ก็ขบวนสุดท้ายนี่ พลาดแล้วจะไปหาที่ไหนก็ต้องผูดมัดเอาไว้ก่อน” แก้วกุดั่นกล่าวตอบแบบไม่อาย ยิ้มกว้างหัวเราะเริงร่า“ยะ แล้วได้หรือยังล่ะ คุณทรงภพเสียตัวให้แก้วหรือยัง”“ของมันง่ายที่ไหนกันล่ะ แก้วอ่อยจนเบื่อ ไม่เห็นคุณซ้งมีปฏิกริยา หรือว่าแก้วไม่มีเสน่ห์&rdqu
บทที่24.หัวใจสีชมพูทันทีที่รถยนต์หรูหราหยุดสนิท เพรีหมุนขวับมาถามเรื่องทีค้างคาใจมาตลอด “คุณชอบมะลิตรงไหนคะ?” เสียงหวานถามพร้อมรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่ออลันปลดเข็มขัดนิรภัยออกจากตัว และหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับเธออย่างไม่ยอมหลบ ดวงตาสีฟ้าใสแน่วแน่ไม่หวั่นไหว ก่อนจะอธิบายช้าๆ ชัดๆ ให้ความกระจ่างในความอยากรู้ของสาวที่หมายตา “ผมไม่รู้? รู้แต่ว่าคอยมองคุณเสมอตั้งแต่พบกันครั้งแรก เพียงแต่ไม่มีโอกาสเข้าไปทำความรู้จัก จนถึงวันนี้ เมื่อฟ้าประธานโอกาสมาให้ผม ด้วยอะไรก็แล้วแต่ ผมจึงไม่ลังเลที่จะเดินหน้า และผมไม่คิดจะถอยคนสวย มั่นใจได้”“มะลิกำลังสับสนค่ะ ขอเวลาหน่อยได้ไหมคะ” เธอไม่ได้ปฏิเสธไปเลยเหมือนทุกครั้งที่ถูกจู่โจมเข้าถึงความเป็นส่วนตัว“ผมมีเวลาให้คุณศึกษาได้ทั้งชีวิต แต่ชีวิตคนมันสั้นนักนะครับ ‘จัสมิน’ ผมขอเรียกคุณแบบนี้ได้ไหมครับ ไม่อยากซ้ำกับคนอื่น ขอคำนี้ไว้สำหรับเราสองคน ได้ไหมครับ?”“ค่ะ”“คุณพอจะรู้มาบ้
หลังจากพิทีเซียก้าวพ้นประตูห้อง เพราะรำคาญเสียงงอดแงดของบุตรชายที่คอยกระทุ้ง เป็นเชิงเชิญเพื่อที่จะหวานกับเมียเสียที สาวใหญ่อ่อนใจกับลูกชายตัวดีที่บทจะใจร้อนก็ไม่ยอมอดทนรอทั้งๆ ที่ทนรอมาได้ตั้งนม ตั้งนาน ท่านจึงตัดใจลากลับไปยังห้องพัก พร้อมทั้งกล่าวเย้าแหย่จนทั้งคู่หน้าแดงซ่าน “เบาๆ นะเจนาส หนูดอกปีบกำลังท้องกำลังไส้ อย่าให้มันหักโหมเกินไปนัก นึกถึงลูกในท้องบ้าง เดี๋ยวแกจะตกใจ” “แม่!” พิทีเซียหัวเราะแผ่วพลิ้ว เดินออกจากห้องชุดสุดหรู ปล่อยหนุ่มสาวได้ทำความเข้าใจกันเสียก่อนที่จะร่วมเดินบนเส้นทางเดียวกัน “อะแห้ม! ดอกปีบจะอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนไหม เราสองคนต้องมาคุยกันก่อน เพื่อทำความเข้าใจกันเสียใหม่” เปรมกล่าวเสียงขรึมเฉย พยายามวางหน้านิ่งๆ ทั้งๆ ที่หัวใจเต้นโครมคราม เขาอยากจะเป็นคนปลดชุดวิวาห์แสนสวยบนเรือนกายอ่อนละมุนด้วยตัวเอง&nbs
“แกไปวางเบ็ดที่ไหนมามะลิ เกี่ยวติดปลาตัวเบ้อเร่อเลยแก หล่อซะด้วย ชอบของนำเข้าก็ไม่บอก แก้วไม่ยักรู้ว่ามะลิมีรสนิยมแบบนี้” แก้วกุดั่นเอียงตัวเข้าไปกระซิบแซวเพื่อนรัก ถึงหนุ่มหน้ามนใบหน้าหล่อเหลาหุ่นกำยำล่ำสัน“อลันยังไม่กลับอีกรึ คุณต้องไปรายงานตัวแล้วไม่ใช่หรือ” เสียงทรงภพทักทายหนุ่มด้านหลังของเพรี แก้วกุดั่นจึงเดินเข้าไปร่วมวงด้วย เพื่อสืบข่าวของคนแปลกหน้าที่อาจจะเป็นคนสำคัญของเพรี“ครับคุณซ้ง แต่เผอิญมีธุระสำคัญเสียก่อน ผมไปรายงานตัววันพรุ่งนี้ก็ได้” อลันตอบทรงภพ และปรายสายตามองเพรีอย่างมีความหมาย รักแรกพบปุบปับจนตั้งรับไม่ทัน เกรงว่าถ้ามัวชักช้าสาวน้อยตัวเล็กๆ ด้านหน้าอาจจะหลุดมือไป จึงเฝ้าไว้ไม่ห่าง ถ้ายังไม่ได้รายละเอียดเกี่ยวกับเธอจะไม่ยอมกลับที่พัก“โอ! คงสำคัญมากจนคุณลืมอาชีพที่คุณรักเลยอลัน ไหนๆ ธุระสำคัญคุณอยู่ไหนผมชักอยากเห็นแล้วสิ” ทรงภพกระเซ้าหนุ่มหล่อ เพราะสนิทสนมกันดี อลันทำงานในอาชีพบอดี้การ์ด และเป็นCIA ของอเมริกาที่ส่งคนเข้ามาตรวจสอบเจนาส เมื่อเขามีเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ อาจทำธุรกิจผิดกฎหมายได้ง
เจ้าสาวคนสวยออกมาในชุดแสนสวย อยู่บนหุ่นว่าสวยสง่าแล้ว แต่เมื่อกาสะลองสวมใส่ยิ่งงดงามลออตา เธองามสง่าสมดังความตั้งใจของแก้วกุดั่น เปรมยื่นมือใหญ่ไปรอรับ ดวงตาคมดุจับจ้องอยู่ที่วงหน้าหวาน รอยยิ้มระบายเต็มหน้า กาสะลองยื่นมือสั่นๆ วางบนมือหนา เดินตามแรงจูงของเปรมเดินตามทางที่โรยด้วยกลีบดอกไม้ เสียงไวโอลินบรรเลงเพลงรักเพราะพริ้ง ส่งเสียงคลอไปกับเครื่องเสียงชุดใหญ่ที่แอบอยู่ด้านหลังของม่านกั้นกลิ่นไอความสุขลอยล่องอยู่ในอากาศแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มของผู้มาร่วมงาน เพรีและแก้วกุดั่นเดินตามมา สองมือยกชายผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวและมีเด็กน้อยในชุดน่ารักๆ ในชุดเทวดาตัวน้อยเดินตามโปรยดอกไม้กลิ่นหอมๆ ไปตลอดเส้นทาง พิธีอันศักดิ์สิทธิ กระทำโดยตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าประสิทธิประสาทพรอันเป็นมงคล มอบให้หนุ่มสาวในวันเริ่มต้นชีวิตคู่ บนเส้นทางที่โรยด้วยดอกไม้ หนทางข้างหน้าไม่ได้สบายดั่งใจคิด ต้องมีอุปสรรคบ้างเพื่อทดสอบความมั่นคงของคนทั้งคู่ และถ้าผ่านอุปสรรคทั้งปวงไปได้ก็จะพบความสุขทั้งปวงในชีวิต มีครอบครัวอบอุ่นมีความรักโอบล้อมเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย และรอยยิ้มเกลื่อนกระจายเต็มหน้า มองคู่หนุ่มสาวต
บทที่23.Please marry me...“Please marry me...My sweetheart please.” เสียงเปรมดังก้องผ่านลำโพงทุกตัว ร่างสูงทรุดตัวลงคุกเข่าด้านข้างชุดแต่งงานสุดหรู ดวงตาคมดุมองตรงมายังกาสะลองแน่วแน่ และจะไม่ลุกขึ้นยืนจนกว่าจะได้คำตอบ“ไม่ค่ะ ดอกปีบไม่คู่ควรกับคุณ” เธอกระซิบปฏิเสธเสียงอ่อนเบา แม้จะรู้สึกตื้นตันกับความจริงใจที่เขามอบให้“ทำไมล่ะดอกปีบ รับๆ ไปเถอะ!” เสียงเพื่อนทั้งสองตะโกนแทรกขึ้นมาดังลั่น เธอจึงหมุนตัวมองหา แอบเข่นเคี่ยวในใจที่ถูกหลอกเสียสนิท“ใช่แต่งๆ ไปก่อน เดี๋ยวค่อยตกลงกันที่หลัง สงสารคุณเปรม”เสียงสนับสนุนดังกระหึ่มรอบตัว ทุกสายตารอลุ้นและเป็นกำลังใจให้ทั้งสองคน พิทีเซียเดินออกมาจากที่ตัวเอง ท่านเดินเข้าไปโอบกอดกาสะลองไว้ในอ้อมแขน เสียงอ่อนโยนกระซิบบอกบางอย่างกับเธอ จนเธอเบิกตาโต“เปรมเขารู้แล้วว่าหนูท้อง เขาไม่มีทางถอยหรอกจ้ะ ทางที่ดีหนูแต่งงานกับเขาไปเถอะ จดทะเบียนสมรสด้วยก็เป็นการดี จะได้มีหลักประกัน







