คำแนะนำของเมย์ทำให้เอมมี่ชะงักอยู่กับที่ ใบหน้าไม่ได้แสดงความรู้สึกแต่ก็ไม่สามารถหาคำพูดอะไรที่จะเอ่ยกลับไปได้
“หนู” ธีรภพเรียกเอมมี่
“ฮะ...คะ” เอมมี่กะพริบตาถี่รัว
“เป็นอะไรหรือเปล่า เฮียเห็นหนูยืนนิ่งไปเลย”
“เปล่า ๆ พอดีหนูหิวน้ำ”
“แล้วหนูจะไม่กินข้าวเหรอ”
“ไม่กินค่ะ หนูลดน้ำหนักอยู่” เอมมี่ตอบด้วยรอยยิ้ม เธอโกหกออกไปแบบนั้นเพราะเธอคงทนเห็นภาพบาดตาบาดใจไม่ไหวแน่ ๆ
“หา! น้องเอมมี่! หุ่นดีขนาดนี้จะลดทำไมอีกคะ” เมย์ที่ได้ยินก็ต้องแทรกขึ้นมา
“ไม่ดีหรอกค่ะพี่เมย์ หนูยังมีพุงอยู่เลย...หนูขอตัวก่อนนะคะ” เอมมี่ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เธอเอ่ยขอตัวลาและรีบเดินหนีออกมาจากที่ตรงนั้น โดยที่ไม่ลืมจะเดินไปหยิบน้ำเปล่าเพื่อเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเอง ก็ปากได้โพล่งออกไปแล้วว่าหิวน้ำ จะไม่เดินไปเอาน้ำเดี๋ยวไม่เนียน
ประตูห้องปิดลงพร้อมกับร่างกายที่เริ่มหมดแรง ดั้นด้นจะมาฝึกงานที่นี่เพราะอยากเห็นหน้าธีรภพ ความรู้สึกที่เธอเก็บมันเอาไว้นานหลายปี ตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังจะพังทลายลง... ธีรภพมีคนรักของตัวเองอยู่แล้ว
“แง พ่อมารับหนูกลับบ้านที” เอมมี่ตะโกนออกมาเสียงดัง ปล่อยให้น้ำตารินไหล ยังไม่ทันเริ่มก็อกหักเสียแล้ว กว่าจะแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองก็ใช้เวลานานหลายปี พอรู้ใจและทำใจจะเดินหน้าจีบเสียหน่อยก็กลายเป็นว่าอีกคนมีเจ้าของหัวใจ
เอมมี่รู้จักผิดชอบชั่วดี หากธีรภพมีแฟนอยู่แล้วเธอก็จะตัดใจ...แต่จะทำได้ไหมก็อีกเรื่องแล้วกัน
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง ตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว เอมมี่นอนพลิกตัวไปมาบนเตียงกว้าง นอนขดตัวเพราะทนต่อความหิวโหย
โครก
เสียงท้องร้องครั้งที่เท่าไรเธอก็ไม่แน่ใจ เมื่อเช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเธอเลยสักนิดเพราะเอาแต่ตื่นเต้นที่จะได้เจอธีรภพ
“ไม่ไหวแล้ว!” เอมมี่พูดพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง โยนผ้าห่มออกไปให้ไกลและเดินตรงไปทางประตู
สองเท้าค่อย ๆ ย่องลงบันไดเพราะไม่อยากรบกวนใครที่กำลังพักผ่อน แต่ไฟทั้งบ้านยังคงสว่างไสว เอมมี่เดินไปหยุดอยู่ที่บันไดขั้นสุดท้าย มองซ้ายมองขวา “บ้านหลังนี้เขาไม่ปิดไฟเหรอไง…กรี๊ด!!!” อยู่ ๆ ก็มีเงาของใครบางคนโผล่มาทางซ้ายมือ เอมมี่มองเห็นทางหางตาก็ร้องด้วยความตกใจ
ร่างบางเซไปด้านหน้าแต่มือหนาก็รับเธอเอาไว้ได้เสียก่อน “หนูลงมาทำอะไร” หัวคิ้วขมวดเป็นปม ก้มมองหน้าคนที่อายุน้อยกว่าที่อยู่ในอ้อมแขน
“เอ่อ...”
โครก
ไม่ต้องให้เอมมี่ตอบ เสียงท้องร้องก็สามารถอธิบายให้กับธีรภพได้รับรู้ ใบหน้าดุยิ้มออกมา “หิว?” ก่อนถามเพียงคำเดียว
“แฮะ ๆ ใช่ค่ะ หนูหิว” เอมมี่ยอมรับ เพราะปฏิเสธก็คงฟังไม่ขึ้น
ไออุ่นร้อนของฝ่ามือยังคงไม่จางหายจากบริเวณรอบเอวบาง เอมมี่กำลังห้ามใจไม่ให้เต้นแรงไปมากกว่านี้ มองธีรภพที่กำลังทอดไข่เจียวให้กับเธอ
“ไม่ลดน้ำหนักแล้วเหรอไง” จานข้าวถูกยกมาวางตรงหน้าเอมมี่
“ลดสิ แต่ตอนนี้มันหิวนี่” เอมมี่ตอบออกไป หยิบช้อนขึ้นมาถือเอาไว้
“มันร้อน” น้ำเสียงติดดุเอ่ยบอกกับเธอ ธีรภพดึงจานข้าวไปตรงหน้าตนเองพร้อมกับดึงช้อนส้อมที่อยู่ในมือของเอมมี่ไปถือเอาไว้ ก่อนใช้ช้อนส้อมตัดไข่เจียวออกจากกันและเป่าลมหายใจลงไปหวังระบายความร้อน
“…”
“น่าจะเย็นขึ้นแล้ว” ธีรภพพูดแค่นั้นแล้วเลื่อนจานกลับมาตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ” เอมมี่ยิ้มรับและกำลังจะตักข้าวเข้าปาก
“เฮียว่าหนูไม่ต้องลดหรอก...เอวบางขนาดนี้แล้ว”
“แค่ก ๆ ๆ” สิ่งที่ธีรภพพูดทำให้เอมมี่สำลักในทันที ธีรภพยื่นแก้วน้ำมาให้กับเธอ
เอมมี่ดื่มน้ำนั้นไปหลายอึกก่อนจะกลับมาเข้าสู่สภาวะปกติ
“แล้วทำไมตอนเย็นถึงไม่กินข้าว?” ไม่ได้ใช้น้ำเสียงดุ แต่ใบหน้าบวกสายตาทำให้เอมมี่รับรู้ได้ว่าธีรภพกำลังไม่พอใจที่เธอไม่ยอมทานข้าวเย็น
“ก็หนูไม่อยากขัดจังหวะเฮียกับแฟนของเฮียนี่” สิ่งที่เอมมี่ตอบออกไปมันถูกแค่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
“แฟนเฮีย? อ๋อ เมย์เหรอ”
เอมมี่ขมวดคิ้ว “เฮียมีแฟนหลายคนหรือไง”
“ไม่ใช่” ธีรภพตอบเสียงเรียบ “เฮียไม่มีแฟน”
“อ้าว”
“เมย์เป็นเพื่อนสนิทเฮียและเมย์ก็มีแฟนอยู่แล้ว”
“อ้าว แล้วหนูร้องไห้ตั้งหลายชั่วโมง...” เอมมี่กลืนคำพูดลงคอเมื่อนึกได้ว่าที่ตรงด้านหน้าเธอมีธีรภพนั่งอยู่
“หนูร้องไห้?”
“ไม่ใช่ ๆ คือหนูจะบอกเฮียว่า ก่อนหนูมาที่นี่หนูร้องไห้นานมากเพราะต้องห่างกับคุณพ่อและคุณแม่ไง”
“…”
“โอ๊ย หิวจัง กินข้าวดีกว่า” เอมมี่ก้มหน้าก้มตา ไม่ยอมเงยหน้ามาสบตาธีรภพอีกเลย แค่นี้เธอก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ท้องร้องเสียงดังให้เฮียได้ยิน ซุ่มซ่ามเกือบตกบันได เชื่อว่าพี่เมย์เป็นแฟนเฮีย แถมยังพูดอะไรไปเรื่อย เฮ้อ ทำไมมันดูเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตแบบนี้นะ! เอมมี่คิดในใจ
หาดทรายเงียบสงบ น้ำทะเลสีใส บ้านพักตากอากาศที่ธีรภพซื้อไว้เพื่อเป็นของขวัญวันรับปริญญาของเอมมี่ บ้านชั้นเดียวหลังกว้าง บริเวณรอบบ้านมีสวนหย่อมขนาดเล็ก เอมมี่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่ชิงช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ ทอดมองทะเลกว้างที่อยู่ตรงหน้า ลมเย็นจากใต้ร่มไม้บวกกับลมจากทะเลปะทะเข้าที่หน้า เสื้อสายเดี่ยวผ้าทักลายดอกไม้ กระโปรงสีขาวผ้าบางปลิวไปตามแรงลม เอมมี่มองวิวตรงหน้า สูดลมหายใจเข้าลึกสุดปอด “สดชื่นจัง” เอมมี่ยิ้มกว้าง “หนู” ธีรภพเดินมาซ้อนด้านหลัง ใช้มือวางลงบนมือของเอมมี่ที่จับเชือกชิงช้าอยู่ “ขา” เอมมี่แหงนหน้าไปสบตา จุ๊บ ธีรภพจุ๊บลงบนริมฝีปากเธอแผ่วเบา “ไม่ร้อนเหรอ” ธีรภพเดินลงไปนั่งบนพื้นหญ้าที่อยู่ข้าง ๆ กับเอมมี่ “ไม่ค่ะ ตรงนี้เย็นสบาย” “ชอบไหม” เอมมี่ก้มลงไปสบตา ยิ้มกว้างก่อนเอ่ย “ชอบค่ะ ชอบมาก ๆ แต่มันคงแพงมากเลยใช่ไหม” “ไม่แพงเลยสักนิด” “โกหก” “เฮียไม่ได้โกหกครับ” “ขอบคุณนะคะ” เอมมี่ไม่พูดเปล่า เธอลุกขึ้นยืน เ
เอมมี่ยิ้มหวานเพราะความมึนเมา ไม่ว่าใครเข้ามาขอชนแก้วเธอก็ชนกลับไปทุกราย“ไม่เอาแล้วโว้ย กลับไปแซ่บแบบเดิมดีกว่า” เอมมี่ยกแก้วขึ้นแล้วพูดออกมาเสียงดัง ยังดีที่เพลงในร้านดังกว่าเสียงของเธอ ไม่อย่างนั้นเรนนี่คงได้หาถุงมาคลุมหัวเพราะความอายแน่ ๆ“หนูจะกลับไปอะไรนะครับ” ธีรภพยื่นหน้าไปใกล้ เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงดุ“เฮีย!” เอมมี่ลดมือลง กะพริบตาปริบ ๆ ความมึนเมาเหมือนจะหายไปในทันที“เอ่อ” เรนนี่อึกอักก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีค่ะ หนูชื่อเรนนี่เป็นเพื่อนเอมมี่ค่ะ”“ครับ” ธีรภพยิ้มรับน้อย ๆ “พี่ขอถามน้องเรนนี่ได้ไหมว่าเอมมี่เป็นอะไร” เขาเลือกที่จะไม่ถามเจ้าตัวเพราะตอนนี้เอมมี่นั้นไม่ค่อยมีสติ คำพูดอาจจะเชื่อถือไม่ได้“คือว่า...” เรนนี่กำลังจะพูดแต่เอมมี่ก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน“ไอ้เรน ถ้าแกพูดฉันโกรธนะ!” เอมมี่ชี้หน้า“เออ ฉันไม่บอกพี่เขาหรอกว่าแกไปเจออะไรที่ห้องทำงานพี่เขาตอนเที่ยงน่ะ” เรนนี่ตอบติดตลก“ไอ้เรนนี่!” เอมมี่ขึ้นเสียง หวังจะลุกขึ้นไปตีเพื่อนตัวเองแต่ความเมาทำให้เธอขาอ่อนแรง อิงซบลงบนไหล่ของธีรภพที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง“อ๋อ จ้า ล้มถูกที่ซะด้วยนะ” เรนนี่แขวะเบา ๆ“เรื่องตอนเที่ยงเหรอ
วันนี้ธีรภพออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เอมมี่ยังไม่ทันลืมตาตื่นเขาก็ออกไปทำงานเสียแล้ว วันนี้ตอนเย็นเอมมี่มีนัดกับเรนนี่ เพื่อนสาวสุดสวยมาหาเธอทั้งที เธอเลยอยากพาเพื่อนไปเที่ยวแต่เอมมี่พยายามโทรติดต่อหาธีรภพหลายสายอีกฝ่ายก็ไม่ตอบรับ ช่วงพักเที่ยงเอมมี่เลยถือวิสาสะขึ้นไปยังชั้นบริหาร เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่คนน้อยและทางสะดวก หากใครถามก็ค่อยตอบออกไปว่าเอางานมาให้เลขาของธีรภพสองเท้าก้าวออกจากลิฟต์ เดินตรงไปยังห้องทำงานของธีรภพแต่ก็ไม่เห็นว่ารุ่งนภาจะอยู่ตรงนี้...หรือว่าออกไปทำงานข้างนอกกันนะเอมมี่ไม่ปล่อยให้ความสงสัยทำงานนาน เพราะเธอไม่ได้อยากเป็นเด็กฝึกงานที่มาป้วนเปี้ยนอยู่ชั้นนี้เท่าไรนัก อย่างน้อยให้เธอแน่ใจว่าธีรภพไม่ได้อยู่ในห้องทำงานแล้วเธอจะรีบลงไปสองเท้าหยุดอยู่หน้าประตูห้องทำงาน ยกมือขึ้นกำลังจะเคาะประตู แต่มองเห็นว่ามันมีกระจกบานเล็กสามารถมองเห็นภายในได้ในทันที เอมมี่จึงค่อย ๆ เคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้แต่แล้วภาพที่เธอเห็นก็ทำเอาเธอแทบหยุดหายใจ... ธีรภพนั่งทำงานอยู่บนโซฟาตัวยาวและข้างกายมีรุ่งนภานั่งอยู่ เอมมี่จะไม่คิดมากหรือสงสัยอะไรเลยหากตัวของทั้งคู่ไม่ได้แนบชิดแทบจะไม่เหลือพื
แสงอาทิตย์ในยามเช้าไม่มีโอกาสได้เข้ามาทักทายเอมมี่ที่นอนหลับใหลไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียงของเธอธีรภพกลับห้องของตนเองเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนกลับเข้ามาในห้องของเอมมี่อีกครั้ง เขาเดินไปนั่งลงบนพื้นที่เตียงฝั่งที่เอมมี่นอนอยู่ มือหนาลูบหัวเล็กแผ่วเบา“เฮียเหรอคะ” เอมมี่พึมพำ“เฮียจะไปทำงานแล้วนะ”“วันนี้หนูตื่นสายอีกแล้ว” เอมมี่พยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่เธอก็รู้สึกเจ็บช่วงล่างเล็กน้อย เธอเลยนอนลงตามเดิม“เจ็บเหรอ”“นิดหน่อยค่ะ”“เดี๋ยวเฮียให้ป้าน้อยเอายาเข้ามาให้นะ”“ไม่เป็นอะไรค่ะ เดี๋ยวหนูก็ลงไปกินข้าว”“ลุกไหวเหรอ”“น่าจะนะคะ”เอมมี่ใช้มือขยี้ตาสองสามที เรื่องเมื่อคืนไม่ใช่ความฝัน หญิงสาวยกผ้าห่มขึ้นมาปิดครึ่งหน้า...“เขินเฮียเหรอ”“...” เอมมี่ไม่ตอบ เธอกะพริบตารัว“เฮียเห็นหมดแล้ว...”“เฮียไปทำงานได้แล้ว สายแล้วนะ ไปเลยไป” เอมมี่ใช้มือดันขาของธีรภพให้ออกให้ห่างธีรภพหัวเราะในลำคอเบา ๆ “เดี๋ยวเฮียรีบกลับนะ”“โอเค ตั้งใจทำงานนะ”จุ๊บธีรภพโน้มหน้าลงมากดจูบลงบนปากบาง รอยยิ้มประดับบนใบหน้าก่อนเดินหายออกจากห้องไปเอมมี่ตาเบิกโพลง ใจเต้นระรัว เธอกับธีรภพมีอะไรกันไปเมื่อคืน นี่มันคือเรื่องจ
ธีรภพไม่พูดเปล่า เขาเอื้อมมือไปติดกระดุมชุดนอนให้กับเอมมี่ อุ้มเธอในท่าเจ้าสาวไปไว้ตรงกลางเตียงก่อนก้มหน้าลงไปจุมพิตบริเวณหน้าผากเล็ก“ฝันดีครับ” ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมอกให้เอมมี่แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนในที่ว่างข้าง ๆ กัน แต่ธีรภพไม่ได้หันมาสบตาเอมมี่ เขานอนหันหลังให้กับเธอนิ้วชี้เรียวยาวจิ้มลงไปบนไหล่ของเจ้าของห้อง “เฮีย”“ว่าไง” ธีรภพตอบ“จะนอนแล้วเหรอคะ” เอมมี่ถามต่อ“ใช่ หนูก็นอนได้แล้ว”“เฮียไหวเหรอคะ” เอมมี่ขยับเข้าใกล้ มือวางลงบนแขนแกร่งของธีรภพ“…”“มันตุงจนหนูเห็นชัดขนาดนั้น...เฮียหลับลงเหรอคะ”ฟุบแสงสว่างที่มีเพียงน้อยนิดไม่ได้เป็นอุปสรรคของธีรภพเลย เขาหันกลับมาก่อนกดให้เอมมี่นอนหงายลงไปกับเตียง มือทั้งสองข้างของเขากำลังล็อกข้อมือของเธอเอาไว้สายตาดุ ผมสีดำสนิท สำรวจใบหน้าสวยที่เขาหลงใหลมานานหลายปี“หนูก็รู้ว่ามันอันตราย”“หนูชอบค่ะ หนูอยากให้คนแรกของหนูเป็นเฮีย”“…” ธีรภพพูดอะไรไม่ออก หัวคิ้วเขาขมวดเข้าหากัน“เฮียให้หนูได้ไหมคะ หนูอยากให้มันเป็นเฮียจริง ๆ”“ทำไมหนูถึงพูดแบบนี้ครับ” น้ำเสียงเริ่มดุ“…” เอมมี่เม้มริมฝีปากเพราะเธอคิดว่าตนเองคงจะถูกธีรภพดุในไม่ช้าแต่ประโยคต่อมาที่ธ
เอมมี่ยกแก้วไวน์สีเข้มเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า เหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำให้เธอนอนไม่หลับ สุดท้ายเธอก็ลงไปหาไวน์มาดื่มเพื่อเรียกสติ แต่ไม่รู้ว่าเรียกสติจริงหรือเปล่า เพราะตั้งแต่ที่เธอดื่มไวน์เข้าไปในหัวก็เอาแต่วนเวียนนึกถึงสัมผัสที่ธีรภพมอบให้จูบที่ร้อนแรง ไอร้อนจากฝ่ามือยังคงอยู่ตามร่างกาย แค่นึกถึงความต้องการมันก็เพิ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น...“อ่า เขินเป็นบ้า” เอมมี่พูดกับตัวเอง พร้อมกับมองไวน์ที่เหลืออยู่ในขวด เธอคิดว่าตอนนี้เธอเริ่มเมาเล็กน้อยตอนที่อยู่มหาวิทยาลัย เธอออกไปดื่มกับเรนนี่เป็นประจำ เธอเลยคอแข็งอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ดูท่าทางเธอจะแพ้ให้กับฤทธิ์ของไวน์ตรงหน้า“คิดถึงเฮียจัง...อยากให้เฮียจับอีก” พูดจบก็ไม่ต้องใช้ความคิดให้มากความ ชุดนอนแขนยาวผ้าลื่นสีขาวตัวสั้นที่สวมใส่ ภายในไม่ได้สวมชั้นในเพราะใกล้จะนอนเต็มทีเอมมี่เดินออกจากห้องก่อนจะเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องของธีรภพก๊อก ๆ ๆอาจจะเป็นเพราะความมึนเมาทำให้เธอกล้ามารบกวนธีรภพในเวลาตีสองกว่า ๆ รอไม่นานนักประตูห้องก็เปิดออกเสื้อยืดสีขาวตัวบาง กางเกงนอนผ้าเนื้อดีสีดำ ไม่รู้อะไรดลใจให้เอมมี่มองไปยังตรงนั้น...“หนู เมาเหรอ?
สิ่งที่ธีรภพตอบมันยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวไม่จางหาย ธีรภพยอมรับกับเพื่อนว่าช่วงนี้ติดเธอ... เธอไม่ได้อยากจะเข้าข้างตัวเองแต่มันก็อดไม่ได้จริง ๆ การกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัวและสายตาที่แปลกออกไป“เดี๋ยวฉันมา ปวดฉี่” เมย์วางกระเป๋าลงข้างกาย “หนูไปเข้าห้องน้ำกับพี่ไหม” เธอไม่ลืมที่จะหันมาชวนเอมมี่ที่นั่งทำหน้าแปลก ๆ ตั้งแต่เมื่อครู่“ไปค่ะ” เอมมี่ตอบทันที เธอกำลังจะลุกขึ้นยืนแต่มือเรียวก็โดนรั้งเอาไว้“หนูตกลงกับเฮียว่ายังไง” ธีรภพทวนถาม“โอ๊ย แกอย่าเยอะเถอะ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำกับน้อง หวงมากก็ล่ามโซ่ไว้เลยดีไหม” เมย์แทรก“มันทำแน่ แกคอยดู” ผืนป่าที่นั่งเงียบก็พูดขึ้นมาธีรภพยอมปล่อยมือ “รีบไปรีบมา” ประโยคนี้ธีรภพไม่ได้บอกกับเอมมี่แต่เขาบอกกับเพื่อนสนิทตัวเอง“จ้า ๆ จะดูแลอย่างดีเลยน้าไม่ต้องห่วง” เมย์ประชดประชันพร้อมกับดึงมือของเอมมี่ออกจากห้องไปเสียงเพลงดังกระหึ่มมากกว่าตอนอยู่ในห้อง ยังดีที่ชั้นสองมีห้องน้ำแยกออกมาอีกที ไม่อย่างนั้นคงต้องเข้าไปเบียดกับคนหลายร้อยด้านล่าง“เพื่อนพี่นี่ตาถึงจริง ๆ ถึงว่าไม่มีใครเลย” เมย์ที่เดินนำหน้าพูดขึ้นมา“คะ? พี่เมย์หมายถึงอะไร”“โอ๊ย พี่ปวดฉี่ ไปกันค่ะล
หลังจากที่เอมมี่กลั้นใจบีบนวดให้กับธีรภพอยู่นานสองนาน สุดท้ายเธอก็ได้กลับมายังห้องของตนเอง แต่ไม่นานนัก ป้าน้อยผู้ที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านของบ้านหลังนี้ก็ได้เดินมาเคาะประตูบอกให้เธอลงไปทานอาหารเย็นประตูห้องของเอมมี่เปิดออกเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ธีรภพเปิดประตูออกมาเช่นกัน“เออ เดี๋ยวกูออกไปค่ำ ๆ” ธีรภพกรอกเสียงผ่านปลายสาย ทันทีที่สายตาคมมองเห็นเอมมี่ที่เดินออกมาจากประตูก็เดินตรงมาหา มือหนาคว้าเข้าที่ข้อมือเล็ก มือข้างหนึ่งก็แนบหูโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น เอมมี่งุนงงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เดินตามแรงจูงของคนตรงหน้า “ช่วงนี้กูไม่ว่าง...น้องกูมาหาไง...ไม่เอา...เออ เดี๋ยวไป”ธีรภพกดตัดสายถอนหายใจเล็กน้อยและหันมามองหน้าเอมมี่ “คืนนี้เฮียจะออกไปดื่มกับเพื่อน”“โอเคค่ะ” เอมมี่พยักหน้าเข้าใจ“แต่เฮียก็ไม่อยากให้หนูอยู่บ้านคนเดียว”“งั้นให้หนูไปกับเฮียไหม”“…โอเคครับ”เอมมี่ยิ้มและพยักหน้าขึ้นลงระรัว เธอไม่ได้ตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยวแต่เธอตื่นเต้นที่จะได้เจอสังคมของธีรภพ ได้เจอเพื่อน ๆ ของเขาต่างหากทานข้าวเสร็จเอมมี่ก็ขอตัวขึ้นห้องทันทีเพราะเธอต้องรีบไปอาบน้ำแต่งตัว โชคดีที่เธอพกเสื้อผ้าสำหรับเที่ยวกลาง
เสียงนาฬิกาปลุกตอนเช้าไม่ยอมทำงาน เอมมี่ตั้งปลุกไว้เวลาเจ็ดโมงเช้า แต่เธอตื่นอีกทีก็เกือบแปดโมงเสียแล้ว หญิงสาวรีบล้างหน้าล้างตาและวิ่งลงไปด้านล่างบ้านเงียบสงบไม่ต่างจากเมื่อวาน สองเท้าที่สวมรองเท้าสลิปเปอร์สีอ่อนเดินไปสำรวจตรงนั้นตรงนี้ หวังจะมองหาเจ้าของบ้านแต่ก็ไม่พบ “เฮ้อ ตื่นมาไม่ทันเหรอเนี่ย” เอมมี่พึมพำกับตัวเอง ตัดสินใจจะหมุนตัวหันกลับหลังเพื่อเดินขึ้นไปบนห้องแต่แล้วเธอก็ชนเข้ากับแผงอกของใครบางคน “โอ๊ย” หญิงสาวส่งเสียงร้องโอดโอยเมื่อหน้าผากชนเข้ากับกล้ามเนื้อแน่น“ตื่นแล้วเหรอ” ธีรภพโอบเอวของเอมมี่เอาไว้เพราะไม่อย่างนั้นเขากลัวว่าเอมมี่จะล้มลงไป“หนูนึกว่าเฮียไปทำงานแล้ว” เอมมี่ยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองเบา ๆ“กำลังจะไปครับ”“หนูแค่อยากลงมาส่งเฉย ๆ ตั้งใจทำงานนะคะ” เอมมี่ถอยหลังออกห่าง มือของธีรภพจึงลดลงในทันที“แค่นี้?” ธีรภพถาม มองหน้าคนตรงหน้าแน่นิ่ง“หรือหนูต้องอวยพรเฮียมากกว่านี้ไหม” เอมมี่ใช้มือกอดอก หน้ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก“ไม่กอดลาเหมือนตอนเด็ก ๆ เหรอ”“…” เอมมี่กะพริบตาจ้องหน้าของธีรภพด้วยหัวใจที่เต้นระรัว การกอดลาที่พวกเขาทำมันเป็นเรื่องปกติ แต่นั่นมันก็ผ่านมาห้าปีแ