ตอนที่ 1
2/3
"เตย ต่อไปนี้ฉันจะตั้งมาตรฐานให้ตัวเองสูงกว่านี้ ฉันคือผู้หญิงที่สมควรได้รับสิ่งดี ๆ"
"คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ผู้หญิงอย่างเราคู่ควรสำหรับสิ่งที่ดี แกเป็นคนสวยนะเว้ยข้าว"
"แกพูดได้ดีเตย"
นี่สิถึงเรียกว่าเพื่อนรัก พอได้ยินคำชมขวัญข้าวยิ้มแป้นจนตัวแทบลอย พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยที่กัลยาพูด หยิบมือถือขึ้นมาดูตอนนี้ย่างเข้าบ่ายสองโมงแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่างเพราะมัวแต่เอาเวลาไปหยุมหัวไอ้กฤษตินั่นแหละ
"ต้องไปแล้วล่ะ จะหอบงานไปนั่งทำที่ร้านกาแฟ เบื่อเซ็งอยากหากาแฟแพง ๆ อัปลงสตอรี่"
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนคว้าเอากระเป๋าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กสะพายไหล่ อาชีพนักเขียนที่ขวัญข้าวทำอยู่ไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าใดนัก นามปากกาของเธอแทบไม่ค่อยมีใครรู้จัก นิยายที่เขียนก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จ ผู้ติดตามน้อยนิดเท่าหยิบมือ รายได้ที่ใช้อยู่ใช้กินก็แค่หลักหมื่นต้น ๆ ต่อเดือน ไหนจะค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่งเสียเลี้ยงดูทางบ้านอีก แต่ที่ยังทำอยู่อย่างนั้นเพราะหวังว่าสักวันโชคคงเข้าข้าง เผื่อจะฟลุ๊กแล้วปังปุริเย่เหมือนนักเขียนคนอื่น...แต่ก็ไม่รู้ว่าวันไหน คิดแล้วมันโศกมันเศร้าอยากร้องไห้สักสิบกว่ารอบ แต่บังเอิญเป็นคนติดเล่นก็เลยเศร้าได้ไม่นาน...
ในขณะที่กำลังเดินเตร่ตามฟุตบาทอยู่นั้น ดวงตากลมโตสะดุดเข้ากับศาลพระภูมิข้างทางที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่ กิ่งก้านของต้นไทรแตกสาขาให้ร่มเงาไปทั่วบริเวณจนดูมืดอึมครึ่ม อาจเป็นเพราะว่าเพิ่งผ่านอารมณ์หุนหันพลันแล่นมาหมาด ๆ ขวัญข้าวจึงไม่นึกหวาดกลัว ด้วยความคึกคะนองหรืออะไรไม่ทราบ เธอหยุดมองพร้อมกับพนมมือขึ้นเหนือศีรษะทำปากขมุมขมิบ
"สาธุ ถ้าลูกช้างจะไม่ประสบผลสำเร็จเรื่องการงานก็ขอให้ลูกช้างได้ผัวหล่อ ๆ รวย ๆ ทีเถอะ แต่ถ้าลูกช้างอาภัพถึงขั้นจะไม่มีผัวไปตลอดชีวิต ก็ขอจงดลบันดาลให้ลูกช้างถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งด้วยเถิดเจ้าค่ะ เป็นคนเก่งมันเหนื่อยขอเป็นคนรวยดีกว่า เพี้ยง! เพี้ยง! เพี้ยง!"
หลังจากฝากตัวเป็นภาระสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขวัญข้าวก็โบกมือเรียกรถ ตั้งใจว่าไปนั่งจะดื่มกาแฟที่คาเฟเชื้อสายอเมริกันสักหน่อย ฉลองให้กับตัวเองที่หลุดพ้นจากผู้ชายเฮ็งซวยคนนั้น ปกติขวัญข้าวมักจะซื้อกาแฟโบราณจากรถเข็นหน้าปากซอยเป็นประจำ แต่ก็มีนาน ๆ ครั้งที่ดื่มกาแฟแก้วละสองสามร้อย หากถามว่าตังค์ไม่ค่อยมีแต่ทำไมถึงซื้อเครื่องดื่มแพง บอกได้เลยว่าซื้อเพื่อเอาแก้ว! แก้วเดิมแต่ซื้อกาแฟโบราณมาเติมเอาเก๋ ๆ นี่เป็นเคล็ดลับความลักชัวรี่ที่ขวัญข้าวใช้เป็นประจำ หญิงสาวยืนโบกรถอยู่แปบเดียวก็มีแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดเทียบ ระหว่างทางที่นั่งมาในรถก็ซักซ้อมท่องชื่อเมนูไปตลอดทาง นั่นก็เพราะภาษาอังกฤษของเธอไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรนัก
"โอ๊ตมิ้ว ไม่ใช่สิ ออกเสียงยังไงวะ เอาใหม่ ๆ โอ๊ตมิลก์คึ ไอซ์ เชคเก้น เอสเพรสโซ อ่อม...อ่อม...แกรนเด"
ลุงขับแท็กซี่ได้ยินก็เหล่ตามองผ่านกระจกหลัง เห็นลูกค้าสาวบ่นปากขมุมขมิบมาตั้งแต่ออกรถจึงเข้าใจไปว่าที่ขวัญข้าวมีอาการแบบนี้เป็นเพราะเธอกำลังร่ายบริกรรมคาถาอะไรสักอย่าง
"นังหนูเอ็งร่ายคาถาอะไรงึม ๆ งำ ๆ ลุงเห็นเอ็งยกมือไหว้ศาลตรงนั้น อย่าบอกนะว่าเอ็งเล่น"
"ห๊ะ เล่นอะไรลุง"
"ไม่ต้องอาย ลุงเห็นเอ็งยกมือท่วมหัวหน้าศาลเจ้าพ่อหมีดำก็รู้แล้ว ลุงมีของขลังฟังชั่นพิเศษรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น รอแปป"
ว่าแล้วลุงก็ตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทาง จอดรถเพื่อก้มหาอะไรบางอย่างในเกะ พอหาเจอแล้วก็ยื่นมาให้ขวัญข้าว
"อะไรเนี่ยลุง"
"เอ้า ก็บอกแล้วไงว่าเนี่ยของขลังฟังชั่นพิเศษรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น รับไปเถอะมีไว้แล้วชีวิตจะดี ใครที่นับถือเจ้าพ่อหมีดำกำลังตามหากันให้ควัก"
"ท่อนไม้เนี่ยนะ"
"อุบ๊ะ อันนี้เขาเรียกว่าปลัดขิกรุ่นเมตตามหานิยม ถ้าอยากเรียกแบบคุณหนูติดแกลมก็เรียกว่าทองพระขุน"
น่าน...รู้จักติดแกลมไปอี๊กกก
"ทองพระขุน?" เธอทวนคำน้ำเสียงลังเล "โอ้ย ไม่เอาหรอกน่ากลัวจะตายไปลุง ใหญ่ขนาดนี้พกพาก็ลำบาก ท่อนเท่าแขนเวลาไปไหนมาไหนไม่ต้องแบกพาดบ่าไปเลยเหรอ"
ขวัญข้าวหลุบตามองท่อนไม้ดำเมี่ยมในมือลุงขับแท็กซี่แล้วทำหน้าเหวอ เธอคิดว่าคุณลุงจะหยุดเซาซี้แล้วเก็บปลัดขิกกลับไป ทว่าปลัดขิกแท่งเท่าลิปสติกก็ถูกยื่นมาตรงหน้าแทน ขวัญข้าวสะดุ้งโหยงกะเถิบถอยจนหลังชิดพนักพิงเบาะ
"เอ้านี่! รุ่นเล็กพกพาสะดวกลุงก็มี!"
"ยังจะมีอีกเรอะ"
"ปลุกเสกมาเพื่อตอบโจท์ผู้บริโภคโดยเฉพาะ ฟังชั่นครบครันไม่แพ้รุ่นใหญ่ คิดแล้วเชียวว่าสาว ๆ ต้องชอบไซส์นี้ เอ้า! เอาไปนังหนู"
ตกลงนี่หนูต้องรับไว้จริง ๆ ใช่มั้ย
"เอาไปซี่ รุ่นนี้ก็เมตตามหานิยมสมหวังทุกประการ ช่วยเรื่องค้าขายด้วยนะ"
"เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวนะ หนูไม่ได้ค้าขายอะไร...เอ่อ ก็ขายแหละขายนิยาย"
"ลุงหมายถึงขายตัวเอง"
คิ้วเรียวย่นเข้าหากันด้วยความสงสัย ก่อนที่ขวัญข้าวจะได้อ้าปากถามลุงก็พูดขึ้นก่อน
"ลุงไม่ได้ให้เอ็งเอาไปค้าขายแบบนั้น ลุงให้พกไว้ขายตัวเองเอ็งจะได้ขายออกสักที ดูแล้วทรงนี้ยังไม่มีผัวแน่ ๆ"
เอ้า อีตาลุง! ปากเหรอนั่น เปลี่ยนใจไม่เอาแล้วได้มั้ยวะ แต่ถึงจะไม่อยากได้แค่ไหนปลัดขิกไซส์มินิก็ถูกยัดใส่มือมาแล้ว ขวัญข้าวเกาหัวแกร็ก ๆ ยังไม่ทันหายงุนงงฝ่ามือหยาบก็หงายมารอตรงหน้า
"ลุงบูชามา 399 คนกันเองลุงคิดกับเอ็ง 499 พอ"
"โหย แก็งตกทรัพย์รึเปล่าเนี่ยลุง บอกคนกันเองแต่เอากำไรตั้งร้อยนึง"
"ตกทรงตกทรัพย์อะไร พูดงี้ไม่ได้นา เจอกันครั้งหน้าถ้าเอ็งยังไม่มีผัวลุงยินดีคืนเงินครบจำนวน"
ตอนพิเศษส่งท้าย"คุณต่อส่งอะไรไปบ้านข้าวคะ"ทันทีที่วางสายจากอารี ขวัญข้าวเดินเข้ามาถามกษดิศ เมื่อครู่นี้แม่ของเธอโทรมาบอกว่ามีรถขนส่งไปส่งของ รถหกล้อคันใหญ่บรรจุของมาเต็มรถ เป็นของใช้ในบ้านอาทิเช่น โฟซา ตู้ เตียง เฟอร์นิเจอร์ดีๆ และของใช้สำหรับตกแต่งบ้านอื่นๆ อีกทั้งยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกครบครัน ที่จริงอารีก็เล่าให้ขวัญข้าวฟังหมดแล้ว ขณะที่เล่าไปก็ตื่นเต้นไป แต่ขวัญข้าวก็ยังอยากถามอยู่ดีว่าคนที่ส่งไปนั่นจะใช้ฝีมือเขาหรือเปล่า"ก็ของใช้นิดหน่อยครับ""เต็มคันรถหกล้อนะเหรอคะนิดหน่อย""ตอนแรกว่าจะส่งไปสักชิ้นสองชิ้น แต่คิดไปคิดมาส่งไปหลายชิ้นเลยก็ดีเหมือนกัน พ่อกับแม่จะได้สะดวกสบายขึ้น"โอ้ย...อภิชาติราชบุตรเขย น่าหยิกแก้มเบาๆ สักที"คุณต่ออย่าทำแบบนี้อีกนะคะ"พอได้ยินเธอพูดเสียงดุ กษิดิศจึงเป็นกังวลว่าขวัญข้าวอาจจะไม่พอใจ เขาคว้าตัวเธอให้ลงมานั่งตัก เอาคางเกยที่ไหล่บอบบางพูดน้ำเสียงออดอ้อน"ทำไมละครับ ไม่พอใจเหรอ เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะบอกก่อ
ตอนที่ 142/3เมื่อกลับมาถึงห้องก็เหงาเพิ่มอีกเท่าตัว เพราะกษิดิศบินไปคุยงานต่างประเทศตั้งแต่สามวันที่แล้วยังไม่กลับ กว่าจะกลับก็น่าจะยาวนานเป็นอาทิตย์ ขวัญข้าวหยิบหมอนที่เขาเคยหนุนนอนมาสูดดมฟุดฟิดเธอคิดถึงเขามาก...แค่ได้กลิ่นอายจางๆ บ้างก็ยังดี ไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่าหากมีความรักแล้วจะต้องทรมานเพราะความคิดถึง ขณะที่นั่งทำหน้าเซื่องซึมเสียงมือถือก็ดังขึ้น ขวัญข้าวรีบพุ่งตัวไปหยิบมาดู สายที่โทรเข้ามาคือกษดิศ เป็นการวิดีโอคอลทางไกลมาจากต่างประเทศ พอได้เห็นหน้าเขาก็ยิ่งอยากกอด นัยน์ตาดูเหงาหงอยเสียจนอีกฝ่ายมองออก"เป็นอะไร""คิดถึงคุณต่อมากค่ะ นับวันรอแล้ว กว่าจะกลับมาก็อีกตั้งอาทิตย์ข้าวคงใจขาดตายก่อนพอดี""คิดถึงเหมือนกัน อีกสองสามวันจะรีบกลับครับ""
ตอนที่ 141/3"สิ่งที่ข้าวรักก็คุณไงคะ ยกให้คุณต่ออยู่เหนือทุกอย่างเป็นเดอะเบสของข้าวเลยค่ะ แต่ข้าวก็ไม่ได้จะทิ้งสิ่งที่ข้าวทำนะคะ ทุกอย่างมันอยู่ในนี้" หญิงสาวหัวเราะสดใสแล้วชี้นิ้วเข้าหาขมับตัวเอง "อยู่ในสมองเอาออกมาใช้เมื่อไรก็ได้ ไว้ถ้าข้าวเรียนรู้งานกับคุณต่อจนสามารถซัปพอร์ตคุณต่อได้บ้างค่อยหาโอกาสกลับมาทำสิ่งที่อยากทำก็ยังไม่สายค่ะ ข้าวไม่อยากปิดโอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ คนเราถ้าทำเป็นหลายอย่างก็ดีไม่ใช่เหรอคะ""จะเอาแบบนั้นก็ได้ งั้นค่อยเริ่มงานอาทิตย์หน้าเลย แต่คนที่สอนงานคงต้องให้มัดหมี่กับคุณนุชเป็นคนสอน ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะ""ได้ค่ะ""แล้วจะเอาเงินเดือนเท่าไรครับ""อืมมม"เธอใช้นิ้วชี้เคาะริมฝีปากจิ้มลิ้มแล้วทำหน้าครุ่นคิด ครั้งที่แล้วก็ได้จากเขามาค่อนข้างเยอะ หากจะเรียกเยอะเกินตัวก็อาจจะดูน่าเกลียดเกินไป"พิจารณาให้ต
ตอนที่ 132/3"คุณครับ คุณคนสวยเป็นแฟนเพื่อนผมจริงๆ เหรอครับ" อติหันไปทางขวัญข้าวแล้วพูดยิ้มๆ ใช้น้ำเสียงละมุนกว่าตอนที่พูดกับเพื่อนๆ หลายเท่า ขวัญข้าวตอบคำถามของเขาด้วยการพยักหน้าหงึกๆ"กูตกข่าวไปตอนไหนวะเนี่ย ไอ้วิณมึงก็รู้เหรอ""ไม่ กูไม่รู้ เพิ่งรู้พร้อมมึง""งั้น...เอ่อ คุณคนสวยครับ คืนนี้ผมขออนุญาตพาเพื่อนไปเที่ยวแล้วกลับดึกได้มั้ยครับ รับรองกลับก่อนพระออกบิณฑบาตแน่นอน"อันนั้นไม่เรียกว่ากลับดึกแต่เรียกว่ากลับเช้า อติไม่วายขออนุญาตขวัญข้าวอย่างถูกต้อง เพราะก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้ามาพวกเขากำลังคุยเรื่องนี้อยู่พอดี พอเธอมองไปที่กษิดิศจึงพอจะดูออกว่าเขาเองก็ไม่อยากออกไปนักหรอก เหมือนกำลังส่งสายตาเว้าวอนขอให้เธอปฏิเสธอติมากกว่า"ได้ค่ะ"
ตอนที่ 131/3"ข้าวเพิ่งรู้ว่าคุณต่อแพ้กุหลาบก็เลยอาบน้ำล้างตัวก่อนค่ะ แต่เมื่อกี้ก็เข้าครัวไปรอบนึงแล้วนะคะ คุณต่อไม่ได้กลิ่นไข่เจียวเหรอคะ""ถึงเป็นไข่เจียวก็ยังหอม""แล้วทำไมไม่บอกข้าวละคะว่าแพ้กุหลาบ หากข้าวรู้ข้าวก็จะ""จะทำยังไงครับ"นั่นนะสิ ถ้ารู้ว่าเขาแพ้กุหลาบขวัญข้าวก็คงหาคนอื่นไปส่งดอกไม้แทน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าทุกครั้งที่เจอกันอาจเสี่ยงต่อการแพ้แต่กษิดิศก็ไม่คิดจะหลีกเลี่ยง หากขวัญข้าวคิดแบบเข้าข้างตัวเองก็คงจะมีแค่เหตุผลเดียว..."เพราะอยากเจอข้าวเหรอคะ""ไม่บอก"กษดิศเฉไฉ ซึ่งก็คงหมายความว่าเธอพูดถูก ขวัญข้าวเอียงหน้ามาจุ๊บที่แก้มเขาเบาๆ แล้วลุกขึ้นจูงมือชายหนุ่มมาที่โต๊ะอาหาร หลังจากทานมือค่ำอิ่มแล้วก็มานอนดูหนังด้วยกัน ขวัญข้าวเลือกหนังผีมาเรื่องหนึ่ง ระหว่างดูก็คลุ
ตอนที่ 123/3"เอาไปเถอะ ปกติผมเป็นคนไม่ชอบพกเงินสดเยอะ พอรู้ว่าจะได้ออกต่างจังหวัดก็เลยเตรียมมานิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพอมั้ย""แต่""ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ"เขายิ้มอบอุ่นแล้วบีบมือเธอเบาๆ เพิ่มความมั่นใจให้เธอมากยิ่งขึ้น ขวัญข้าวยิ้มตอบด้วยความตื้นตัน เปิดประตูลงจากรถแล้วเอาเงินนั้นไปมอบให้พ่อและแม่ กษิดิศนั่งมองเธออยู่ในรถเห็นผู้เฒ่าทั้งสองแย้มยิ้มด้วยความดีใจก็ยิ้มตาม หลังจากขวัญข้าวกลับขึ้นรถแล้วกษิดิศจึงขับจากไป ฝ่ายป้าข้างบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ร้องถามอารีด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ลูกสาวให้เงินไว้ใช้กี่พันล่ะแม่อารี""ยังไม่ได้นับดูเลยจ๊ะพี่ปริก""ก็คงจะให้ไว้ไม่กี่พันหรอก ว่าก็ว่าเถอะสมัยนี้เงินมันหายาก แต่นานๆ ทีกลับมาเยี่ยมบ้านน่าจะให้พ่อแม่สักห้าหกพันก็ยังดี"