ตอนที่ 2
2/3
เมื่อเจ้าของร่างสูงหันกลับมารอยยิ้มของหญิงสาวก็หายไปอีกครั้ง มองจากข้างหลังคิดเอาไว้ว่ายังไงว่าต้องใช่เขาแน่ ๆ แต่ความจริงแล้วเป็นคนละคนกัน ผู้ชายที่เธอทักผิดไม่ใช่คนที่ขวัญข้าวเฝ้ารอจะเจอ แต่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างคล้ายกันเพียงเท่านั้น
"ขอโทษค่ะ เอ่อ ฉันทักคนผิดค่ะ ขอโทษนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
นัยน์ยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าพูดตอบกลับอย่างสุภาพ ก่อนจะหันกลับไปหาแคชเชียร์ตามเดิมแล้วสั่งเมนูกาแฟสองแก้ว หลังจากขวัญข้าวกล่าวคำขอโทษแล้วก็กลับมาที่โต๊ะของตนเอง เก็บของทั้งหมดใส่กระเป๋าสะพายบ่าเดินออกจากร้านไปด้วยไปใบหน้าเศร้าสร้อย สงสัยวันนี้เสียค่ากาแฟไปเกือบสองร้อยแต่ต้องคว้าน้ำเหลว หญิงสาวปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรรอบที่สิบ พรุ่งนี้จะมาใหม่ต่อให้วันนี้ไม่ได้เจอเขาก็ตาม ทว่าพอพ้นหลังขวัญข้าวไปไม่ถึงสามนาที คนต้องการเจอก็เปิดประตูเข้าไปในร้าน กษิดิศเห็นว่านัยน์นั่งอยู่มุมหนึ่งจึงเดินเข้าไปหา
"กูสั่งให้แล้ว"
นัยน์บอกพร้อมหลุบตามองกาแฟที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ เมื่อครู่นี้ที่เขาสั่งกาแฟสองแก้วก็เพราะสั่งเผื่อกษิดิศด้วยหนึ่งแก้ว
"อืม ขอบใจ"
"นัดกูออกมาเองแท้ ๆ แต่ให้กูมาถึงก่อน แถมยังให้สั่งรอมึงอีกเนี่ย"
ผู้มาก่อนบ่นอุบ แต่ทางนั้นดูเหมือนจะไม่สนใจเสียงบ่น มิหนำซ้ำยังกวาดตาไปทั่วร้านคล้ายกำลังมองหาใครสักคน
"มึงมองหาใคร"
"เปล่า"
"เออ เมื่อกี้นี้มีผู้หญิงเข้ามาทักกูผิดด้วย"
"อืม มึงหล่อมากมั้ง"
กษิดิศแซวเล่นตามประสาเพื่อนแล้วหยิบเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมาจิบ พอมองนัยน์ชัด ๆ ก็เห็นว่าซูบผอมลงไปมาก แถมขอบตายังดำคล้ำลงอีกด้วย อาจเป็นเพราะช่วงนี้พักผ่อนน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อาจลดทอนความหล่อเหลาของนัยน์ลงได้เลย
"แล้วไอ้อติกับไอวินล่ะ" กษิดิศถาม
"ไอ้อติมันก็ยุ่ง ๆ กับงาน ส่วนไอ้วิณมันยุ่งกับผู้หญิง ไม่รู้หนีหายไปรักษาแผลใจที่ไหนแต่เดี๋ยวมันได้สติก็คงกลับมา คนอย่างมันไม่กล้าทำอะไรบ้า ๆ หรอก"
เป็นอันไม่ต้องอธิบายอะไรให้ยืดยาว เพราะต่างก็รู้ปัญหาที่ต่างฝ่ายต่างประสบพบเจอในขณะนี้ วันนี้มาไม่ครบองค์ก็คงไม่เป็นไร เพราะสองหนุ่มรู้ดีว่าเพื่อนที่หายไปจะกลับมาในไม่ช้า พอมาถึงแล้วก็จะต้องระบายเรื่องปัญหาชีวิตให้ฟังจนหูชา
"ตกลงนัดกูออกมาเพื่อ"
"ก็ให้มานั่งเป็นเพื่อนนี่ไง"
"โว๊ะ ถือออกจากร้านไปดื่มในออฟฟิศก็ได้มั้ง"
กษิดิศไม่ได้บอกหรอกว่าเขามาที่นี่เพราะอยากเลี้ยงตอบแทนขวัญข้าว หากพูดออกไปแบบนั้นต้องถูกเพื่อนแซวแน่ ๆ
"นั่งอยู่ก่อนสักครึ่งชั่วโมงค่อยไป เดี๋ยวมึงจะไม่ได้เจอกูอีกหลายวันนะขอบอก"
"จะหนีไปบวช?"
"กูจะไปดูงานต่างจังหวัดทั้งอาทิตย์"
แล้วทั้งสองก็นั่งอยู่แบบนั้นจริง ๆ นั่งจนเลยครึ่งชั่วโมงแต่ไม่ปรากฎแม้แต่เงาของสาวสวยคนนั้น ปกติแล้วกษิดิศมักจะรู้สึกไม่ค่อยดีเมื่อติดค้างใคร เขาอยากจะซื้อกาแฟคืนเธอให้จบ ๆ อุตส่าห์เจียดเวลางานรัดตัวมาก็เพราะเหตุผลนี้แท้ ๆ แต่เห็นทีคงจะต้องติดหนี้ผู้หญิงคนนั้นไว้ก่อนอีกตามเคย
"ไปเถอะ"
พอเห็นว่ารอนานเกินสมควร กษิดิศลุกขึ้นยืนแล้วชวนนัยน์ออกจากร้าน ขวัญข้าวและเขาคลาดกันไปอย่างน่าเสียดาย เธอมารอเขา ส่วนเขามาถึงหลังเธอจะจากไปเพียงไม่กี่นาที อาจเพราะโชคชะตาเป็นตัวกำหนด ไม่ใช่เพราะไม่มีวาสนาแต่เข็มโชคชะตาของคนทั้งสองไม่ตรงกัน
7 วันต่อมา
ขวัญข้าวย้อนคิดแล้วนึกเสียดาย ทำไมเธอไม่ถามชื่อหรือทำใจกล้ากว่านั้นอีกสักหน่อย น่าจะขอแอดไลน์เขาไปเลยแล้วค่อยหาเรื่องคุยทีหลัง เอาข้ออ้างที่ว่าเขาจะเลี้ยงกาแฟคืนมาต่อรองเสียเลย ในขณะที่นอนคิดอะไรบนเตียงไปเรื่อยเปื่อยเสียงท้องก็ร้องจ๊อก ๆ จึงลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปที่กระติกน้ำร้อน ข้างกระติกน้ำร้อนมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางอยู่หกห่อ ใจจริงก็อยากไปหาอะไรดี ๆ กินอยู่หรอก แต่ติดตรงที่ต้องเก็บเงินไว้ซื้อกาแฟ คิดแล้วมันเศร้า...
"เอาซี้ ผีในห้องจะได้เห็นว่าฉันเองก็มีความพยายาม"
เธอพึมพำแล้วลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปเติมน้ำลงกระติกน้ำร้อน หลังจากกดสวิตท์ไม่ถึงสามนาทีเสียงน้ำก็เดือดปุด ๆ ขวัญข้าวจัดการฉีกซองเทน้ำร้อนลวกเส้น รอไม่นานเส้นหยักศกสีเหลืองนวลในชามก็อ่อนตัวเหนียวนุ่ม เธอซู้ดบะหมี่ในชามจดหมดไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำซุป พออิ่มท้องแล้วก็ทอดมองไปยังแก้วกาแฟยี่ห้อดังที่วางเรียงกันอยู่หลายแก้ว คิดในใจอย่างน้อยก็ได้แก้วมาเพิ่มละว้า
...ลำพังแค่เงินจะซื้อข้าวกินก็น้อยนิด ยังต้องเจียดไปซื้อกาแฟเพราะอยากเจอหน้าผู้ชายอีก แบบนี้ไม่เรียกว่าทุ่มเทแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
เหตุใดชีวิตยัยข้าวถึงว่างเปล่าได้ขนาดนี้ ก่อนออกจากบ้านยังจำคำสุดท้ายที่แม่พูดไว้ได้ดี แม่บอกให้หยุดเขียนนิยายแล้วหางานทำเป็นชิ้นเป็นอันซะ ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาแล้วสามปี ขวัญข้าวตั้งใจว่าถ้าเธอไม่ประสบผลสำเร็จก็จะไม่กลับไปเหยียบบ้านเด็ดขาด ไม่ใช่เพราะว่าผิดใจอะไรกับแม่ ขวัญข้าวไม่เคยโกรธเคืองกับคำพูดเหล่านั้น เธอยังคงโทรคุยกับแม่ทุกวันเป็นปกติ และสนิทสนมกับครอบครัวเป็นอย่างดี แถมยังส่งเงินกลับบ้านทุกเดือน แม้ว่าเงินที่ส่งไปให้จะไม่มากมายอย่างน้อยก็ภูมิใจ แต่ที่ยังไม่กลับไปเป็นเพราะเธอตั้งเป้าหมายสูงสุดของชีวิตไว้แบบนั้น
...หากไม่ได้ดีจะไม่กลับไป
ขวัญข้าวออกจากบ้านมาได้ก็สามปีแล้ว เธอกับกัลยาเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลกที่จะสนิทสนมและให้ความช่วยเหลือกันมาด้วยดี ฐานะทางบ้านของกัลยาค่อนข้างดี เรียนจบแล้วจึงไม่ต้องออกหางานทำให้ลำบาก พ่อของกัลยาให้เงินมาหนึ่งก้อน กัลยาจึงเอาเงินนั้นมาลงทุนเปิดร้านขายดอกไม้เป็นของตัวเอง ซึ่งตอนนี้ร้านขายดอกไม้ของกัลยาก็เปิดมาแล้วสี่ปี ถึงกำไรไม่มากนักแต่ก็พออยู่ได้อย่างไม่ขัดสน
ตอนพิเศษส่งท้าย"คุณต่อส่งอะไรไปบ้านข้าวคะ"ทันทีที่วางสายจากอารี ขวัญข้าวเดินเข้ามาถามกษดิศ เมื่อครู่นี้แม่ของเธอโทรมาบอกว่ามีรถขนส่งไปส่งของ รถหกล้อคันใหญ่บรรจุของมาเต็มรถ เป็นของใช้ในบ้านอาทิเช่น โฟซา ตู้ เตียง เฟอร์นิเจอร์ดีๆ และของใช้สำหรับตกแต่งบ้านอื่นๆ อีกทั้งยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่ออำนวยความสะดวกครบครัน ที่จริงอารีก็เล่าให้ขวัญข้าวฟังหมดแล้ว ขณะที่เล่าไปก็ตื่นเต้นไป แต่ขวัญข้าวก็ยังอยากถามอยู่ดีว่าคนที่ส่งไปนั่นจะใช้ฝีมือเขาหรือเปล่า"ก็ของใช้นิดหน่อยครับ""เต็มคันรถหกล้อนะเหรอคะนิดหน่อย""ตอนแรกว่าจะส่งไปสักชิ้นสองชิ้น แต่คิดไปคิดมาส่งไปหลายชิ้นเลยก็ดีเหมือนกัน พ่อกับแม่จะได้สะดวกสบายขึ้น"โอ้ย...อภิชาติราชบุตรเขย น่าหยิกแก้มเบาๆ สักที"คุณต่ออย่าทำแบบนี้อีกนะคะ"พอได้ยินเธอพูดเสียงดุ กษิดิศจึงเป็นกังวลว่าขวัญข้าวอาจจะไม่พอใจ เขาคว้าตัวเธอให้ลงมานั่งตัก เอาคางเกยที่ไหล่บอบบางพูดน้ำเสียงออดอ้อน"ทำไมละครับ ไม่พอใจเหรอ เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะบอกก่อ
ตอนที่ 142/3เมื่อกลับมาถึงห้องก็เหงาเพิ่มอีกเท่าตัว เพราะกษิดิศบินไปคุยงานต่างประเทศตั้งแต่สามวันที่แล้วยังไม่กลับ กว่าจะกลับก็น่าจะยาวนานเป็นอาทิตย์ ขวัญข้าวหยิบหมอนที่เขาเคยหนุนนอนมาสูดดมฟุดฟิดเธอคิดถึงเขามาก...แค่ได้กลิ่นอายจางๆ บ้างก็ยังดี ไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่าหากมีความรักแล้วจะต้องทรมานเพราะความคิดถึง ขณะที่นั่งทำหน้าเซื่องซึมเสียงมือถือก็ดังขึ้น ขวัญข้าวรีบพุ่งตัวไปหยิบมาดู สายที่โทรเข้ามาคือกษดิศ เป็นการวิดีโอคอลทางไกลมาจากต่างประเทศ พอได้เห็นหน้าเขาก็ยิ่งอยากกอด นัยน์ตาดูเหงาหงอยเสียจนอีกฝ่ายมองออก"เป็นอะไร""คิดถึงคุณต่อมากค่ะ นับวันรอแล้ว กว่าจะกลับมาก็อีกตั้งอาทิตย์ข้าวคงใจขาดตายก่อนพอดี""คิดถึงเหมือนกัน อีกสองสามวันจะรีบกลับครับ""
ตอนที่ 141/3"สิ่งที่ข้าวรักก็คุณไงคะ ยกให้คุณต่ออยู่เหนือทุกอย่างเป็นเดอะเบสของข้าวเลยค่ะ แต่ข้าวก็ไม่ได้จะทิ้งสิ่งที่ข้าวทำนะคะ ทุกอย่างมันอยู่ในนี้" หญิงสาวหัวเราะสดใสแล้วชี้นิ้วเข้าหาขมับตัวเอง "อยู่ในสมองเอาออกมาใช้เมื่อไรก็ได้ ไว้ถ้าข้าวเรียนรู้งานกับคุณต่อจนสามารถซัปพอร์ตคุณต่อได้บ้างค่อยหาโอกาสกลับมาทำสิ่งที่อยากทำก็ยังไม่สายค่ะ ข้าวไม่อยากปิดโอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ คนเราถ้าทำเป็นหลายอย่างก็ดีไม่ใช่เหรอคะ""จะเอาแบบนั้นก็ได้ งั้นค่อยเริ่มงานอาทิตย์หน้าเลย แต่คนที่สอนงานคงต้องให้มัดหมี่กับคุณนุชเป็นคนสอน ช่วงนี้ผมยุ่งๆ น่ะ""ได้ค่ะ""แล้วจะเอาเงินเดือนเท่าไรครับ""อืมมม"เธอใช้นิ้วชี้เคาะริมฝีปากจิ้มลิ้มแล้วทำหน้าครุ่นคิด ครั้งที่แล้วก็ได้จากเขามาค่อนข้างเยอะ หากจะเรียกเยอะเกินตัวก็อาจจะดูน่าเกลียดเกินไป"พิจารณาให้ต
ตอนที่ 132/3"คุณครับ คุณคนสวยเป็นแฟนเพื่อนผมจริงๆ เหรอครับ" อติหันไปทางขวัญข้าวแล้วพูดยิ้มๆ ใช้น้ำเสียงละมุนกว่าตอนที่พูดกับเพื่อนๆ หลายเท่า ขวัญข้าวตอบคำถามของเขาด้วยการพยักหน้าหงึกๆ"กูตกข่าวไปตอนไหนวะเนี่ย ไอ้วิณมึงก็รู้เหรอ""ไม่ กูไม่รู้ เพิ่งรู้พร้อมมึง""งั้น...เอ่อ คุณคนสวยครับ คืนนี้ผมขออนุญาตพาเพื่อนไปเที่ยวแล้วกลับดึกได้มั้ยครับ รับรองกลับก่อนพระออกบิณฑบาตแน่นอน"อันนั้นไม่เรียกว่ากลับดึกแต่เรียกว่ากลับเช้า อติไม่วายขออนุญาตขวัญข้าวอย่างถูกต้อง เพราะก่อนที่เธอจะเปิดประตูเข้ามาพวกเขากำลังคุยเรื่องนี้อยู่พอดี พอเธอมองไปที่กษิดิศจึงพอจะดูออกว่าเขาเองก็ไม่อยากออกไปนักหรอก เหมือนกำลังส่งสายตาเว้าวอนขอให้เธอปฏิเสธอติมากกว่า"ได้ค่ะ"
ตอนที่ 131/3"ข้าวเพิ่งรู้ว่าคุณต่อแพ้กุหลาบก็เลยอาบน้ำล้างตัวก่อนค่ะ แต่เมื่อกี้ก็เข้าครัวไปรอบนึงแล้วนะคะ คุณต่อไม่ได้กลิ่นไข่เจียวเหรอคะ""ถึงเป็นไข่เจียวก็ยังหอม""แล้วทำไมไม่บอกข้าวละคะว่าแพ้กุหลาบ หากข้าวรู้ข้าวก็จะ""จะทำยังไงครับ"นั่นนะสิ ถ้ารู้ว่าเขาแพ้กุหลาบขวัญข้าวก็คงหาคนอื่นไปส่งดอกไม้แทน ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าทุกครั้งที่เจอกันอาจเสี่ยงต่อการแพ้แต่กษิดิศก็ไม่คิดจะหลีกเลี่ยง หากขวัญข้าวคิดแบบเข้าข้างตัวเองก็คงจะมีแค่เหตุผลเดียว..."เพราะอยากเจอข้าวเหรอคะ""ไม่บอก"กษดิศเฉไฉ ซึ่งก็คงหมายความว่าเธอพูดถูก ขวัญข้าวเอียงหน้ามาจุ๊บที่แก้มเขาเบาๆ แล้วลุกขึ้นจูงมือชายหนุ่มมาที่โต๊ะอาหาร หลังจากทานมือค่ำอิ่มแล้วก็มานอนดูหนังด้วยกัน ขวัญข้าวเลือกหนังผีมาเรื่องหนึ่ง ระหว่างดูก็คลุ
ตอนที่ 123/3"เอาไปเถอะ ปกติผมเป็นคนไม่ชอบพกเงินสดเยอะ พอรู้ว่าจะได้ออกต่างจังหวัดก็เลยเตรียมมานิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพอมั้ย""แต่""ก็เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ"เขายิ้มอบอุ่นแล้วบีบมือเธอเบาๆ เพิ่มความมั่นใจให้เธอมากยิ่งขึ้น ขวัญข้าวยิ้มตอบด้วยความตื้นตัน เปิดประตูลงจากรถแล้วเอาเงินนั้นไปมอบให้พ่อและแม่ กษิดิศนั่งมองเธออยู่ในรถเห็นผู้เฒ่าทั้งสองแย้มยิ้มด้วยความดีใจก็ยิ้มตาม หลังจากขวัญข้าวกลับขึ้นรถแล้วกษิดิศจึงขับจากไป ฝ่ายป้าข้างบ้านที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ร้องถามอารีด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ลูกสาวให้เงินไว้ใช้กี่พันล่ะแม่อารี""ยังไม่ได้นับดูเลยจ๊ะพี่ปริก""ก็คงจะให้ไว้ไม่กี่พันหรอก ว่าก็ว่าเถอะสมัยนี้เงินมันหายาก แต่นานๆ ทีกลับมาเยี่ยมบ้านน่าจะให้พ่อแม่สักห้าหกพันก็ยังดี"