ตอนที่ 2
1/3
"เอ่อ เดี๋ยวค่อยสั่งค่ะ"
"ขอบคุณนะครับ วันนี้ผมติดธุระด่วนต้องไปก่อน เจอกันครั้งหน้าอย่าลืมทวงนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ"
เขาบอกอย่างสุภาพก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับกาแฟที่ขวัญข้าวเป็นคนจ่ายเงิน เธอเหลียวมองตามหลังจนร่างสูงหายไปลับตา พอเขาพ้นขอบเขตระยะสายตาไปแล้วขวัญข้าวก็ยิ้มบิดไปบิดมา กระทั่งเสียงของ Barista ดังขึ้นนั่นแหละ จึงปลุกเธอให้ตื่นจากฝันกลางวัน
"คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ"
"เอ่อ ตายจริง" ลูกค้าสาวอุทานเสียงสูงพร้อมกับยกข้อมือที่ไม่มีนาฬิกาขึ้นมาดู เอาว่ะ! นาฬิกาทิพย์ก็มา ที่มันเป็นนาฬิกาทิพย์ไม่ใช่เพราะเพื่อนยืมไปแต่ไม่ได้ใส่มาตั้งแต่แรก "ขอโทษนะคะ ไม่เอาแล้วค่ะพอดีมีธุระรีบไป"
บอกเพียงเท่านั้นก็สาวเท้าออกมาจากร้านโดยทันที ฝ่าย Barista จึงหันไปสบตากับเพื่อนอีกคนอย่างงง ๆ พอออกมาแล้วก็หยุดตั้งหลักที่ป้ายรถเมล์ วันนี้จำใจหอบงานกลับไปทำที่ห้องพัก แผนเดิมตั้งใจว่าจะนั่งทำที่ร้านกาแฟแต่คงเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะเงินในกระเป๋าไม่เอื้ออำนวย
ภายในหอพักอันคับแคบของตึกสามชั้น นอกจากเตียงนอนก็มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ไม่กี่อย่าง เป็นข้าวของที่จำเป็นเท่านั้น เช่นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะสำหรับนั่งทำงาน ส่วนทีวีขวัญข้าวคิดว่าไม่ค่อยจำเป็นก็เลยไม่ได้ซื้อไว้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือกระติกน้ำร้อน ประโยชน์ใช้สอยหลัก ๆ คือเอาไว้สำหรับลวกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ขวัญข้าวนำโน๊ตบุ๊คขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วกดปุ่มเปิดเครื่อง ในเวลาที่ตั้งใจทำงานเธอจะเปิดเพลงคลอไปด้วยเบา ๆ เพื่อเพิ่มอรรถรส ยามที่กำลังตกหลุมรักใครสักคนไม่ว่าฟังเพลงไหนก็ลื่นหูไปหมด ขนาดเพลงหมอทำนองลำเต้ยโศกขวัญข้าวก็ยังฟังไปยิ้มไป
นอกจากนั้นยังมียาดมยัดไว้ที่รูจมูกข้างหนึ่ง เธอชอบทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัย และยังมีแก้วกาแฟเซรามิกที่ใส่กาแฟทรีอินวันซองละห้าบาทวางไว้ข้าง ๆ ขณะที่พิมพ์ไปได้ราวสองพันตัวอักษรโทรศัพท์มือที่วางอยู่ไม่ไกลก็ดังขึ้น ขวัญข้าวหยิบมาดูพบว่าเบอร์โชว์หน้าจอเป็นเพื่อนสนิทที่เพิ่งแยกกันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
"ว่าจะโทรหาพอดี"
"นี่ก็จะโทรถามว่าถึงห้องยัง แกโอเคแล้วใช่มั้ย"
"หมายถึงเรื่องไอ้กฤษตินะเหรอ"
ถ้าถามถึงเรื่องนั้นมันหายไปจากสารระบบส่วนสมองขวัญข้าวนานแล้ว นั่นก็เพราะเจอเป้าหมายใหม่ที่ร้านกาแฟ ผู้ชายหล่อเหลาคนนั้นยัยข้าวจดจำใบหน้าเขาได้แม่น วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ๊ตสีขาวผูกเนกไทสีกรมท่า สวมกางเกงเสล็คสีดำรีบเรียบกริบ ยืนหลังตรงพาดเสื้อสูทไว้ที่แขน ดูสะอาดสะอ้านทุกระเบียดนิ้ว เป็นการแต่งตัวเรียบ ๆ แต่ดูดีสุด ๆ ไม่แน่ว่าอาจทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศที่ไหนสักแห่ง อายุคงประมาณสามสิบได้ ใบหน้าคมคาย คิ้วคมเข้ม นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม ทรงผม Comma Hair คิดมาถึงตรงนี้ขวัญข้าวก็หัวเราะคิดคักออกมา
"เป็นอะไร หัวเราะทำไม"
"เตย ฉันเจอคนที่ชอบแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้ว"
"ใคร"
"ไม่รู้จัก"
จะว่าไปตอนกลางวันก็ลืมถามชื่อเสียงเรียงนามของเขาสนิท มัวแต่ตะลึงพึงพรืดในความหล่อจนพลาดโอกาสสำคัญไปเลย ขวัญข้าวนึกตำหนิตัวเองแต่ก็ปลอบใจว่าไม่เป็นไร เธอและเขาน่าจะยังมีโอกาสได้เจอกันอีกที่ร้านกาแฟแห่งนั้น เอาไว้เจอกันคราวหน้าจะชวนคุยและถามให้ละเอียด อาจไม่ละเอียดถึงโคตรเงาศักราชแต่อย่างน้อยต้องถามเข้าประเด็นหลักให้ได้ว่าเขามีแฟนหรือยัง ตอนนี้เผื่อใจไว้สามสิบเปอร์เซ็น เผื่อรู้ที่หลังว่าเขามีแฟนจะได้เหยีบบเบรกหยุดตัวเองทัน นี่ขนาดเผื่อใจไว้บ้างแล้วนะ แต่ก็ยังคลั่งรักจนเก็บมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
"เอ้า ไม่รู้จักแล้วชอบเลยงี้เหรอ"
"เขาหล่อ ฉันอยากจะได้คนนี้เป็นแฟน"
"โอเค สมเหตุสมผล"
นี่สิเพื่อนรัก ถ้าข้าวว่าดีเตยก็ว่าดี แต่ไหนแต่ไรสองคนนี้ก็หลับหูหลับตาส่งเสริมกันแบบไม่มีใครห้ามใครอยู่แล้ว
"เห็นแกไม่คิดมากเรื่องไอ้กฤษติฉันก็โล่งใจแล้วล่ะ"
"ไม่มีเหตุผลต้องไปคิดมากเรื่องมันค่ะ ฉันไม่อะไรแค่เจ็บใจก็เท่านั้น เจ็บใจที่มันด่าไว้เจ็บแสบ คอยดูนะถ้าฉันได้คนนี้เป็นแฟนฉันจะควงไปตอกหน้ามันให้หงายเงิบ"
"ดี! พยายามเข้านะ แค่นี้ก่อนเว้ยแฟนฉันโทรมา"
กัลยาบอกแบบรีบ ๆ แล้ววางสายไป ขวัญข้าวจึงหันกลับมาที่หน้าจอโน๊ตบุ๊คแล้วทำงานต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงสามทุ่ม มีบ้างที่ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย เท่านั้นไม่พอยังรู้สึกอยากเอนหลังนอน จึงหยิบมือถือติดมือมาด้วยแล้วล้มตัวนอนที่เตียงขนาดสามจุดห้าฟุต
"พรุ่งนี้ไปร้านกาแฟอีกดีกว่าเผื่อจะเจอเขา"
หญิงสาวพูดไปยิ้มไปแล้วกดเข้าไปในแอบพลิเคชั่นธนาคาร พอหน้าจอแสดงผลยอดเงินรอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าก็หายไป เธอเหลือเงินในบัญชีแค่พันต้น ๆ อีกห้าวันรายได้จากการขายค่อยจะเข้าบัญชี แต่ก็เอาเถอะ...เจียดไปซื้อกาแฟสักสองร้อยคงไม่เป็นไร
"เงินในบัญชีซื้อกาแฟได้อีกกี่แก้ววะเนี่ย" เธอพึมพำทำปากขมุบขมิบคำนวน "คงประมาณ เอิ่ม...เจ็ดแก้วละมั้ง"
วันรุ่งขึ้นขวัญข้าวแต่งตัวออกจากหอพักช่วงบ่าย ๆ นั่งรถมาที่ร้านกาแฟแห่งเดิม วันนั้นเธอเคยเจอเขาเวลานี้จึงตั้งใจไว้ว่าจะมาให้ทันเวลาเดิม ขวัญข้าวสั่งกาแฟแล้วเลือกหาที่นั่งหันหน้าไปทางประตูทางเข้า หวังว่าถ้าหากเขาเดินเข้ามาเธอจะเห็นเขาได้ถนัด เรื่องที่บอกว่าให้เขาเลี้ยงกาแฟคืนเป็นเพียงข้ออ้าง ประเด็นหลักเลยคืออยากเจอเขาอีกครั้งต่างหาก
และแล้วก็ผ่านไปเร็วราวกับว่ามีคนมาเร่งเข็มนาฬิกา ขวัญข้าวนั่งอยู่ในร้านเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่า ๆ แต่ก็ไม่ปรากฏใบหน้าชายหนุ่มที่อยากเจอเลยสักแว๊บ จึงถอนหายใจแล้วก้มหน้าดูดเอสเปรสโซ่เย็นที่เหลือเพียงน้ำแข็งก้อนแก้เซ็ง ทว่าพอเงยหน้าขึ้นมา สายตาของเธอสะดุดเข้ากับเจ้าของแผ่นหลังของผู้ที่เพิ่งเข้ามาในร้าน ชายหนุ่มรูปร่างสูงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็กสีดำ หุ่นทรงรูปร่างแบบนี้เธอจำได้ดี ร้อยยิ้มหวานเริ่มกลับมาประดับบนใบหน้าอีกครั้ง ขวัญข้าวรีบลุกจากโต๊ะแล้วเดินไปทักทายน้ำเสียงสดใส
"คุณคะ"
ตอนที่ 22/3เมื่อเจ้าของร่างสูงหันกลับมารอยยิ้มของหญิงสาวก็หายไปอีกครั้ง มองจากข้างหลังคิดเอาไว้ว่ายังไงว่าต้องใช่เขาแน่ ๆ แต่ความจริงแล้วเป็นคนละคนกัน ผู้ชายที่เธอทักผิดไม่ใช่คนที่ขวัญข้าวเฝ้ารอจะเจอ แต่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างคล้ายกันเพียงเท่านั้น"ขอโทษค่ะ เอ่อ ฉันทักคนผิดค่ะ ขอโทษนะคะ""ไม่เป็นไรครับ"นัยน์ยิ้มบาง ๆ แล้วพยักหน้าพูดตอบกลับอย่างสุภาพ ก่อนจะหันกลับไปหาแคชเชียร์ตามเดิมแล้วสั่งเมนูกาแฟสองแก้ว หลังจากขวัญข้าวกล่าวคำขอโทษแล้วก็กลับมาที่โต๊ะของตนเอง เก็บของทั้งหมดใส่กระเป๋าสะพายบ่าเดินออกจากร้านไปด้วยไปใบหน้าเศร้าสร้อย สงสัยวันนี้เสียค่ากาแฟไปเกือบสองร้อยแต่ต้องคว้าน้ำเหลว หญิงสาวปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรรอบที่สิบ พรุ่งนี้จะมาใหม่ต่อให้วันนี้ไม่ได้เจอเขาก็ตาม ทว่าพอพ้นหลังขวัญข้าวไปไม่ถึงสามนาที คนต้องการเจอก็เปิดประตูเข้าไปในร้าน กษิดิศเห็นว่านัยน์นั่งอยู่มุมหนึ่งจึงเดินเข้าไปหา"กูสั่งให้แล้ว"นัยน์บอกพร้อมหลุบตามองกาแฟที่ตั้งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ เมื่อครู่นี้ที่เขาสั่งกาแฟสองแก้วก็เพราะสั่งเผื่อกษิดิศด้วยหนึ่งแก้ว"อืม ขอบใจ""นัดกูออกมาเองแท้ ๆ แต่ให้กูมาถึงก
ตอนที่ 21/3"เอ่อ เดี๋ยวค่อยสั่งค่ะ""ขอบคุณนะครับ วันนี้ผมติดธุระด่วนต้องไปก่อน เจอกันครั้งหน้าอย่าลืมทวงนะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ"เขาบอกอย่างสุภาพก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับกาแฟที่ขวัญข้าวเป็นคนจ่ายเงิน เธอเหลียวมองตามหลังจนร่างสูงหายไปลับตา พอเขาพ้นขอบเขตระยะสายตาไปแล้วขวัญข้าวก็ยิ้มบิดไปบิดมา กระทั่งเสียงของ Barista ดังขึ้นนั่นแหละ จึงปลุกเธอให้ตื่นจากฝันกลางวัน"คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ""เอ่อ ตายจริง" ลูกค้าสาวอุทานเสียงสูงพร้อมกับยกข้อมือที่ไม่มีนาฬิกาขึ้นมาดู เอาว่ะ! นาฬิกาทิพย์ก็มา ที่มันเป็นนาฬิกาทิพย์ไม่ใช่เพราะเพื่อนยืมไปแต่ไม่ได้ใส่มาตั้งแต่แรก "ขอโทษนะคะ ไม่เอาแล้วค่ะพอดีมีธุระรีบไป"บอกเพียงเท่านั้นก็สาวเท้าออกมาจากร้านโดยทันที ฝ่าย Barista จึงหันไปสบตากับเพื่อนอีกคนอย่างงง ๆ พอออกมาแล้วก็หยุดตั้งหลักที่ป้ายรถเมล์ วันนี้จำใจหอบงานกลับไปทำที่ห้องพัก แผนเดิมตั้งใจว่าจะนั่งทำที่ร้านกาแฟแต่คงเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะเงินในกระเป๋าไม่เอื้ออำนวยภายในหอพักอันคับแคบของตึกสามชั้น นอกจากเตียงนอนก็มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ไม่กี่อย่าง เป็นข้าวของที่จำเป็นเท่านั้น เช่นตู้เสื้อผ้าและโต
ตอนที่ 13/3"แน่นะลุง"เธอย้ำถามอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ ฝ่ายลุงแท็กซี่ก็พยักหน้ายืนยัน ขวัญข้าวจำใจต้องหยิบเงินแบงค์ห้าร้อยออกมาแล้วส่งให้ พอลุงรับไปแล้วก็ยิ้มแป้นรีบเก็บใส่กระเป๋า เธอที่เห็นแบบนั้นก็กระแอมเตือนดัง ๆ"ฮะแฮ่ม! ลืมอะไรไปรึเปล่าลุง อย่านิ่ง ๆ รีบทอนมาเลยบาทนึงอะ""ขี้เหนียวนะเรา""บาทเดียวก็เงิน"ลุงแท็กซี่รื้อหาเงินบาทในเกะมายัดใส่มือให้ ก่อนจะออกรถมุงไปยังร้านกาแฟที่ขวัญข้าวบอก เมื่อรถจอดสนิทแล้วเธอก็เดินเข้าไปในร้าน กลิ่นแรกที่ลอยเข้าจมูกคือกลิ่นของกาแฟคั่วบดหอมกรุ่น บรรยากาศในร้านสะอาดสะอ้าน วันนี้ไม่ค่อยมีลูกค้านั่งในร้านเยอะเท่าทุกวัน"อ้า กลิ่นดีแอร์เย็นฉ่ำ"ดวงหน้างามยิ้มปริ่มประหนึ่งกำลังเดินทอดน่องอยู่ในสวนลาเวนเดอร์ ขวัญข้าวมาต่อคิวที่เค้าเตอร์แคทเชียร์ ข้างหน้าเธอมีลูกค้าชายกำลังยืนสั่งกาแฟอยู่ ความสูงของเขาบดบังร่างเธอจนมิด"บัตรใช้ไม่ได้เหรอครับ เอ...ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ""ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าสะดวกจ่ายเป็นเงินสดมั้ยคะ"สาว Barista เอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นการ์ดส่งคืนให้ชายหนุ่มอย่างสุภาพ"ผมไม่มีเงินสดติดตัวเลยครับ"พอได้ยินแบบนั้นขวัญข้าวก็จ้องมองแผ่นหลังกว้า
ตอนที่ 12/3"เตย ต่อไปนี้ฉันจะตั้งมาตรฐานให้ตัวเองสูงกว่านี้ ฉันคือผู้หญิงที่สมควรได้รับสิ่งดี ๆ""คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว ผู้หญิงอย่างเราคู่ควรสำหรับสิ่งที่ดี แกเป็นคนสวยนะเว้ยข้าว""แกพูดได้ดีเตย"นี่สิถึงเรียกว่าเพื่อนรัก พอได้ยินคำชมขวัญข้าวยิ้มแป้นจนตัวแทบลอย พยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยที่กัลยาพูด หยิบมือถือขึ้นมาดูตอนนี้ย่างเข้าบ่ายสองโมงแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่างเพราะมัวแต่เอาเวลาไปหยุมหัวไอ้กฤษตินั่นแหละ "ต้องไปแล้วล่ะ จะหอบงานไปนั่งทำที่ร้านกาแฟ เบื่อเซ็งอยากหากาแฟแพง ๆ อัปลงสตอรี่"ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืนคว้าเอากระเป๋าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กสะพายไหล่ อาชีพนักเขียนที่ขวัญข้าวทำอยู่ไปได้ไม่ค่อยสวยเท่าใดนัก นามปากกาของเธอแทบไม่ค่อยมีใครรู้จัก นิยายที่เขียนก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จ ผู้ติดตามน้อยนิดเท่าหยิบมือ รายได้ที่ใช้อยู่ใช้กินก็แค่หลักหมื่นต้น ๆ ต่อเดือน ไหนจะค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่งเสียเลี้ยงดูทางบ้านอีก แต่ที่ยังทำอยู่อย่างนั้นเพราะหวังว่าสักวันโชคคงเข้าข้าง เผื่อจะฟลุ๊กแล้วปังปุริเย่เหมือนนักเขียนคนอื่น...แต่ก็ไม่รู้ว่าวันไหน คิดแล้วมันโศกมันเศร้าอยากร้องไ
ตอนที่11/3"ต่อให้เราปฏิเสธคนรวยแล้วเลือกผู้ชายธรรมดาก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะดี คนดีมันก็มีทั้งคนรวยและคนจนนั่นแหละ"ขวัญข้าวพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ หลังจากที่เลิกรากับแฟนหนุ่มมุมมองความรักก็เปลี่ยนไป บางทียังนึกสงสัยว่าตัวเองคงเกิดมาอาภัพก็เลยไม่เคยสมหวังในความรัก และก็ไม่รู้อีกว่าทำไมถึงไม่ค่อยมีคนมาจีบทั้งที่เป็นคนหน้าตาสะสวย ผิดกับกัลยาที่หน้าตาจัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง แต่มีหนุ่ม ๆ เทียวมาขายขนมจีบไม่ขาดกฤษติคือผู้ชายคนล่าสุดที่คบหาดูใจกับขวัญข้าวได้เพียงเดือนกว่า ๆ ยังไม่ทันไรทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนเธอตั้งใจเอาเค้กวันเกิดไปเซอร์ไพส์เขา แต่บังเอิญเห็นภาพบาดตาบาดใจจนแทบกระอักในขณะที่นั่งถือกล่องเค้กขนาดสองปอนด์รออยู่ที่ล็อบบี้ เห็นกฤษติพาผู้หญิงหุ่นทรงเซ็กซี่ขึ้นคอนโด ขวัญขาวรู้สึกเจ็บใจจนขอบตาร้อนผ่าว จึงโทรหาเพื่อนสนิทอย่างกัลยา พอกำลังเสริมมาถึงก็บุกเข้าไปวีนฉ่ำแบบไม่ให้ต้องรอให้พ่อใครมาตัดริบบิ้นเค้กขนาดสองปอนด์ถูกโปะลงที่หน้าผู้ชายเฮงซวย ส่วนแม่สาวที่พาขึ้นห้องก็หอบผ้าวิ่งหนีไม่คิดชีวิต กฤษติโมโหโวยวายยกใหญ่ ชี้หน้าด่าทอขวัญข้าวอย่างเกรี้ยวกราด แล้ว