LOGINตอนที่สอง
เรียกความสนใจ
เสียงถกเถียงกันอย่างเซ็งแซ่เรียกสติของเจียงลี่มี่ให้กลับคืนมา
ไม่ได้การ สายตาที่เขามองกวาดเมื่อครู่ไม่ได้หยุดลงตรงที่ใดที่หนึ่ง ขืนมัวรออยู่ตรงนี้ก็คงเป็นได้แค่หนึ่งในหญิงสาวซึ่งรอคอยความหวังลมๆแล้งๆ
นางต้องรุกคืบเพื่ออยู่ในสายตาเขาให้ได้
มิใช่เป็นเพียงคนนอกสายตาเช่นนี้
เจียงลี่มี่รีบวิ่งลงมาจากโรงน้ำชาจนสาวใช้วิ่งตามแทบไม่ทัน นางถลาพุ่งตัวเข้าไปขวางขบวนม้าศึกอย่างไม่กลัวตายจนเกือบถูกเหยียบหากมิใช่เซี่ยจิ้นกว่างยั้งเชือกเอาไว้จนสุดแรง
“ผู้ใดกัน มิรู้หรือว่าขบวนของแม่ทัพพิทักษ์ชายแดนกำลังเคลื่อนอยู่ บังอาจมาขวางหน้าเช่นนี้ ไม่เคยตายหรืออย่างไร” เสียงตวาดดุดันดังออกมาจากปากของรองแม่ทัพซุนจิวฝู ซึ่งขี่ม้าขนาบข้างมา
เจียงลี่มี่หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นเกือกม้าลอยอยู่ตรงหน้า ก่อนจะตั้งสติเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าแม่ทัพหนุ่มควบคุมม้าได้แล้ว
“ข้าขอโทษ เพียงตั้งใจมาถามไถ่ด้วยความห่วงใย มิคิดว่ากลับยั้งเท้าไม่ทันจนเกิดเหตุเช่นนี้ พี่จิ้น ข้าขอโทษได้หรือไม่” เสียงออดอ้อนเปล่งออกมาพร้อมสีหน้าสลด
เซี่ยจิ้นกว่างเพ่งมองใบหน้าเล็กซึ่งพยายามสบตาแสดงความจริงใจ
ผู้ที่เรียกเขาด้วยคำคุ้นเคยมีอยู่เพียงไม่กี่คน เมื่อทบทวนดูดีดีจึงพอจดจำได้
“คุณหนูลี่มี่เองหรอกหรือ”
“ใช่ ข้าเอง พี่จิ้นไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” เจียงลี่มี่ยิ้มแย้มอย่างมีความหวังเมื่อเขาจำตนเองได้
“ไม่เป็นไร เจ้าเล่า เป็นอันใดหรือไม่”
“ข้า...ไม่เป็นไร” หญิงสาวยิ้มกว้างจนฉีกแทบถึงรูหูเมื่อได้ยินคำถามซึ่งแสดงออกถึงความห่วงใยก่อนจะหุบยิ้มแทบไม่ทันเมื่อได้ยินคำต่อมา
“เช่นนั้นพวกเราค่อยคุยกันทีหลังเถอะ” เซี่ยจิ้นกว่างตัดบทด้วยไม่อยากให้เกิดคำครหานินทา ยามนี้พวกเขากำลังอยู่กลางตลาดซึ่งมีสายตาของผู้คนมากมาย
มิคาดว่ากลุ่มของเด็กสาว4-5คนกลับเดินมาขวางทางม้าอย่างเจตนาพร้อมท่าทีกระบิดกระบวนเอียงอายไม่พูดไม่จา
“ข้าต้องรีบไปรายงานตัว ขอเหล่าคุณหนูหลีกทางด้วย” เสียงเคร่งขรึมเอ่ยออกมา
พวกนางทำสิ่งใดกัน วุ่นวายนัก
กู่ซิ่วซิ่นอยากจะเอ่ยปากเจรจากับแม่ทัพหนุ่มดังเช่นหญิงสาวซึ่งยืนอยู่อีกข้าง แต่นางมัวกังวลมากมายจนมือไม้สั่นทำตัวไม่ถูก ทั้งร่างเกร็งค้างแข็งมีเพียงมือขยับบิดผ้าเช็ดหน้าไปมา สุดท้ายจึงได้แต่มองขบวนม้าศึกขี่จากไปโดยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ
ตอนที่สิบหก มันต้องอย่างนั้น ไฉ่หานเกิงหรือจะยอมโดนต่อว่าผู้เดียว เขาวางร่างบางให้นั่งบนเก้าอี้ก่อนจะหันมาตอบผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ“ท่านย่าบอกถิงถิงเถิด ข้าจะนอนทีไรนางก็ขึ้นคร่อมทุกครา หากข้าไม่โยกตามก็โดนกล่าวหาว่าไร้น้ำยา แล้วจะให้ข้าทำเยี่ยงไร”แม่นมลู่ถึงกับตบอกตัวเองขณะอาหลิงรีบก้มหน้าอายม้วนอยู่ด้านหลังคุณหนูของตนเองไฉ่ฮูหยินผู้เฒ่ามองใบหน้าของหลานสะใภ้ซึ่งหันขวับไปขมุบขมิบปากราวก่นด่าสามีก่อนจะส่ายหัวอย่างเอื้อเอ็นดู“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ พวกเจ้าอายุยังน้อย บำรุงให้มากหน่อยก็ใช้ได้”ไฉ่หานเกิงทรุดลงนั่งลงอีกข้างอย่างไม่ได้น้อยใจด้วยรู้ดีว่าผู้เป็นย่าย่อมเข้าข้างฟางถิงถิงอย่างเช่นทุกคราจากนั้น ครอบครัวสกุลไฉ่จึงนั่งลงกินอาหารอย่างเบิกบานด้วยความเอร็ดอร่อย“ถิงถิงน้อย เจ้าอยากทำโรงตัดเย็บหรือ ได้ ต้องใช้ทุนเท่าใด มาเบิกกับย่าได้เต็มที่”“ถิงถิงอยากให้ลงเป็นชื่อของนางเอง” ไฉ่หานเกิงรีบบอกตามที่รับปาก
ตอนที่สิบห้า ไหวหรือไม่ “เป็นอย่างไร ผู้ใดกันแน่ที่จะจมเตียง”ฟางถิงถิงหยุดหอบหายใจแรงแต่ไม่วายเชิดหน้าท้าทายคิดจะรังแกนางหรือ ในเมื่อเสียครั้งแรกไปแล้วก็เป็นเวลาเก็บเกี่ยวความสุขสันต์จนเกินพอ“เช่นนั้นไม่ต้องใช้เตียงก็ย่อมได้”ไฉ่หานเกิงได้ยินคำท้าทายจึงพลิกร่างยืนขึ้นจับร่างเล็กหันหลังแล้วล้วงลึกเปิดช่องทางรักก่อนจะสอดแทงกระแทกก้นขาวอย่างไม่ปรานีฟางถิงถิงโยกตัวตอบโต้ไม่ยอมแพ้สร้างเสียงแห่งราคะเร่าร้อนจนดังสนั่นบ่าวไพร่ทั่วทั้งจวนสกุลไฉ่ไม่มีผู้ใดไม่ล่วงรู้ถึงกิจกรรมรักอันร้อนแรงในค่ำคืนนี้ของเจ้านายทั้งสองนั่นย่อมทำให้ยังไม่ทันรุ่งสางไฉ่ฮูหยินผู้เฒ่าและแม่นมลู่ก็ได้รับข่าวดีนี้แล้วไม่รวมถึงหย่งจงเซียวและหลี่หรันเจียวซึ่งได้รับข่าวอันนับว่าไม่ค่อยดีนี้ตั้งแต่เช้าตรู่“พวกเขาร่วมรักกันแทบทั้งคืนจนถึงป่านนี้เสียงก็ยังไม่เงียบลงขอรับ”ถ้อยคำรายงานของทหารที่ทิ้งไว้สืบข่าวข้างจวนไฉ่ทำให้หย่งจงเซียวถึงกั
ตอนที่สิบสี่ คึกคัก ไอ้เจ้าไฉ่หานเกิง กล้าวางยานอนหลับนางเชียวหรืออย่าให้หลุดไปได้เชียว แม่จะจับเตะให้วิ่งหนีหางจุกตูดไม่ทันทีเดียวฟางถิงถิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสบถด่าทอโวยวายไม่หยุดแต่ไฉ่หานเกิงที่มุ่งมั่นตั้งใจหรือจะหยุดยั้ง“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ความจริงเรื่องนี้สมควรทำตั้งแต่คืนเข้าหอแล้ว แต่เจ้าดุร้ายเกินไป ข้าจึงต้องใช้วิธีนี้”ไฉ่หานเกิงเงยหน้าขึ้นมาพูดพร้อมก้มลงขบเม้มติ่งหูเล็กก่อนจะเลื้อยไล่ผ่านซอกคอขาวมายังเนินอกเนียน“หากท่านย่ากลับมาต้องดีใจแน่ เจ้าเองก็อย่าได้เล่นตัวทั้งที่ในใจอยากให้ข้าทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว”ผู้ใดบอกว่านางอยาก น่าจับไปอยู่ร่วมกับหลี่หรันเจียวนัก ขบวนการพูดเองเออเองไม่มีใครเกินสองคนนี้ฟางถิงถิงก้มลงมองตามศีรษะที่ลดต่ำลงก่อนจะเด้งร่างแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากแดงเมื่อสัมผัสได้ถึงความวาบหวิว“อื้อ...”อย่าเลียเช่นนั้น มันเสียว เสียงพึมพำจากปากบางทำให้ไฉ่หานเกิงยกยิ้มสมใ
ตอนที่สิบสาม อย่าได้คิดฝันในเมื่อเป็นพระเอกนางเอกก็รีบแต่งกันไปเสีย นางจะได้หย่าขาดแล้วออกไปจากจวนแห่งนี้เสียที ไม่ต้องมาขับไล่หรือหาเหตุภายหลังไม่ดีหรือไร“เรื่องเมื่อกลางวันข้าอธิบายได้” ไฉ่หานเกิงเข้าใจว่าภรรยาในนามไม่พอใจจึงแกล้งส่งหลี่หรันเจียวมาก่อกวน แต่ฟางถิงถิงกลับรีบยกมือโบกปฏิเสธ“ไม่ต้อง ข้าไม่อยากรู้ ขอเพียงพวกเจ้าคุยกับท่านย่าให้เข้าใจก็พอ”“เจ้าหรือจะยอมให้หลี่หรันเจียวแต่งมาเป็นภรรยาในฐานะเท่ากัน” ไฉ่หานเกิงมีท่าทางไม่เชื่อถือเชอะ นังหลี่หรันเจียว ปากบอกว่ายอมลดตัวแต่กลับไปบอกไฉ่หานเกิงอีกอย่าง ฟางถิงถิงขบฟันด้วยความโมโหก่อนจะตอบอย่างมุ่งมั่น“ข้าไม่ยอมแน่ ดังนั้น หากอยากแต่งนางเข้ามา พวกเราก็ต้องหย่ากันเสียก่อน”ไฉ่หานเกิงได้ยินคำว่าหย่าเป็นครั้งที่เท่าใดก็สุดจะนับจึงหน้าเคร่งคิ้วขมวดตะโกนเสียงดังลั่นจวนด้วยความโกรธอย่างไม่อาจระงับ“เจ้าอยากรีบเป็นม่ายเพื่อดึงดูดให้ชายอื่น
ตอนที่สิบสอง มั่นหน้า"พี่เกิงเป็นคนมีความสามารถมิควรถูกกดขี่ให้เป็นเพียงเจ้าของร้านไม่กี่แห่ง ต้องหน้ามันตะโกนร้องเรียกลูกค้าอยู่เช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักชอบเขา อีกทั้งยังอยากคบชู้สู่ชาย มิสู้รีบหย่าแล้วแต่งกับคนที่เจ้าพึงใจจะดีกว่า”ฟางถิงถิงได้ฟังถึงกับต้องกำมือแน่นอ้าวๆๆๆ มั่นหน้าจริงนะ ตอนแรกบอกว่าจะยอมแต่งมาร่วมสามี ไปๆมาๆบอกให้นางหย่าแล้วจะยึดครองคนเดียว จบด้วยการกล่าวหาว่านางมีชู้เสียอย่างนั้นนี่มันถ้อยคำประนีประนอมหรืออยากหาเรื่องกันแน่ ชิ เริ่มต้นเสียโอ้อวดตนเอง จบท้ายกลับทับถมผู้อื่น ช่างน่าโมโหนัก ฟางถิงถิงไม่อยากถกเถียงกับคนไร้เหตุผลทั้งคิดเข้าข้างตนเองจึงตบโต๊ะดังปังจนหลี่หรันเจียวสะดุ้งโหยงลุกขึ้นอย่างเร็วแทบกระโจนหนีด้วยเกรงอีกฝ่ายจะลงไม้ลงมือ“อย่าตีข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อ”ฟางถิงถิงแทบกลั้นหัวเราะความเป็นเด็กน้อยของหลี่หรันเจียวไม่ไหวแม้ใจจะอยากแสร้งตีสักหน่อยเพื่อให้นางไปฟ้องบิดาแต่ด้วยความขี้เกียจร
ตอนที่สิบเอ็ด ข้อเสนอสายทั้งสองฝั่งที่วางไว้ในจวนสกุลไฉ่รายงานอย่างจีบปากจีบคอสร้างความหวังที่จะยุแยงคู่สามีภรรยาที่ไม่รักกันแต่แรกทั้งยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางกายให้เลิกร้างแล้วหันมาหาตนเองแทนโดยง่าย พวกเขาไม่ได้รักกันทั้งไม่ยอมมีสัมพันธ์ ขอเพียงทุ่มเทก่อกวนให้มาก ไม่นานก็คงหย่ากันจนได้ เมื่อสบโอกาสดักพบกับฟางถิงถิง หย่งจงเซียวจึงรีบฉวยโอกาสสารภาพความในใจโดยเร็ว“น้องถิงถิง เหตุใดสีหน้าจึงหม่นหมองเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าเป็นสามีภรรยาเพียงในกระดาษไม่ได้ครองคู่ชื่นอย่างแท้จริง ข้าพูดถูกหรือไม่”ฟางถิงถิงไม่อยากตอบด้วยคิดว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ไม่เกี่ยวกับเขา แต่หย่งจงเซียวกลับตามตื๊อไม่เลิกรา“ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าไม่ถาวร มิสู้ หย่าจากเขาแล้วตามข้าไปดีกว่า น้องถิงถิง ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเคยแต่งกับชายใด ขอเพียงเจ้ายอมใช้ชีวิตที่เหลืออยู







