LOGINตอนที่สาม
รุกคืบ
กู่ซิ่วซิ่นอยากจะเอ่ยปากเจรจากับแม่ทัพหนุ่มดังเช่นหญิงสาวซึ่งยืนอยู่อีกข้าง แต่นางมัวกังวลมากมายจนมือไม้สั่นทำตัวไม่ถูก ทั้งร่างเกร็งค้างแข็งมีเพียงมือขยับบิดผ้าเช็ดหน้าไปมา สุดท้ายจึงได้แต่มองขบวนม้าศึกขี่จากไปโดยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ
เมื่อขบวนยิ่งใหญ่พ้นไปจากครรลองสายตา หนึ่งในกลุ่มเด็กสาวจึงเดินออกมาชี้หน้าต่อว่าเจียงลี่มี่ด้วยความไม่พอใจ
“เจ้าเป็นผู้ใดกัน บังอาจมาให้ท่าแม่ทัพเซี่ยกลางถนนเช่นนี้ ช่างไม่ละอายไร้การอบรมสั่งสอน สตรีดีงามบ้านใดจะทำตัวน่ารังเกียจเช่นนี้”
“ข้าจะเป็นผู้ใดก็ไม่หนักหัวเจ้า ข้ากับพี่จิ้นรู้จักกันจึงถามไถ่ทักทาย พวกเจ้าต่างหากที่ทำตัวไร้การสั่งสอนบังอาจมายืนขวางทางจนขบวนม้าศึกต้องขี่อ้อมวนไป” เจียงลี่มี่เถียงอย่างไม่ยอมแพ้
“เจ้า...เจ้ามิรู้หรือว่าพวกเราเป็นผู้ใด โดยเฉพาะ เพื่อนของเรานางนี้ ยังมาทำปากกล้าอีก” เสียงโวยวายแทบเสียกิริยาดังออกมาพร้อมผลักกู่ซิ่วซิ่นให้ออกหน้า
“พวกเจ้ายังมิรู้ว่าตนเองเป็นผู้ใดถึงกับต้องมาถามไถ่ แล้วข้าจะแจกแจงได้อย่างไรเล่า” เจียงลี่มี่ยังคงเถียงคำไม่ตกฟากโดยมีเจียงลี่อินและสองสาวใช้ยืนสนับสนุนอยู่ด้านหลัง
“กลับไปถามคนที่บ้านให้แน่ชัดก่อนเถิดว่าตนเองคือผู้ใดแล้วค่อยออกมาปีกกล้าขาแข็งสั่งสอนผู้อื่น ฮ่า ฮ่า ฮ่า” แฝดคนพี่ตอบกลับแล้วจูงมือน้องสาวฝ่าวงล้อมออกไปท่ามกลางอาการตื่นตะลึงของหญิงสาวทั้งกลุ่ม
“นางหมายความว่าอย่างไร ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ”
“ไม่ต้องเข้าใจอันใดแล้ว กลับกันเถิด” กู่ซิ่วซิ่นย่อมเข้าใจดีแต่ไม่อาจเอ่ยปากซ้ำเติมเพื่อนฝูง
นางต้องส่งคนไปสืบให้ได้ว่าหญิงสาวซึ่งบังอาจมาแสดงความชื่นชอบแม่ทัพหนุ่มซึ่งนางหมายตาเอาไว้ให้เป็นคู่หมายนั้น คือบุตรสาวบ้านใด
เชอะ บังอาจมาทำตัวเป็นศัตรูหัวใจกับนางหรือ
นางเป็นถึงบุตรสาวเสนาบดีกลาโหม ไม่มีวันยอมให้หญิงอื่นมาฉกชิงแม่ทัพเซี่ยไปได้ง่ายๆแน่
เจียงลี่มี่ส่งคนไปสืบจนได้ความว่าเซี่ยจิ้นกว่างได้รับพระราชทานจวนมาหลังหนึ่ง หลังจากรายงานตัวแล้วจึงน่าจะพักรักษาตัวอยู่ภายในจวนแห่งนั้น
หญิงสาวอาศัยความใจกล้าแอบอ้างชื่อบิดาเข้าไปเยี่ยมเยียนชายหนุ่มถึงด้านในจวนโดยไม่ใส่ใจความเหมาะสม
ขืนมัวท่ามากเก็บเนื้อเก็บตัว มีหวังโดนหญิงอื่นคว้าไปกินเสียก่อน
นางมาหาเขาเป็นการส่วนตัว เรื่องต่างๆย่อมอยู่ภายในจวน ไม่น่าแพร่งพรายออกไปด้านนอกให้เสื่อมเสียได้
คิดได้ดังนั้น แฝดผู้พี่จึงส่งเสียงสดใสก่อนจะพาร่างอรชรเดินยิ้มแย้มเข้าไปหาชายหนุ่มพร้อมโถน้ำแกงบำรุงซึ่งสั่งให้โรงครัวเคี่ยวอยู่ทั้งคืน
“พี่จิ้น ข้านำน้ำแกงโสมมาให้ ท่านแม่บอกว่าบำรุงร่างกายได้ดีนัก บาดแผลของพี่เป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนูลี่มี่ ท่านราชครูให้เจ้ามาหรือ” เซี่ยจิ้นกว่างย่อมคำนึงถึงชื่อเสียงของหญิงสาวเป็นสำคัญจึงเว้นระยะห่างอย่างพอเหมาะ
“ท่านพ่อไม่รู้ แต่ข้าแจ้งท่านแม่ไว้แล้ว พี่จิ้น เหตุใดแสดงท่าทางห่างเหินเช่นนั้นเล่า” หญิงสาวตักน้ำแกงพลางเป่าคลายร้อนให้ด้วยกิริยาน่ารัก
“เจ้าเป็นสาวเป็นนาง ไม่ควรให้ความใกล้ชิดกับชายหนุ่มจนเกินงาม” คำสั่งสอนออกมาจากปากของแม่ทัพหนุ่ม
ยามนี้พวกเขาอยู่กันสองต่อสองหากมีผู้คนนำไปนินทาย่อมสร้างความเสื่อมเสียให้กับบุตรสาวของผู้ที่เขาเคารพนับถือ
ตอนที่สิบเจ็ด พลิกผัน ถึงตอนนี้หลี่หรันเจียวจึงเพิ่งตระหนักว่าเป็นนางที่ตามตอแยคิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวนางยอมเสียหน้าและอดทนมานานเพียงนี้จะจับได้เพียงอากาศธาตุไร้สิ่งใดตอบแทนมาสักหน่อยได้อย่างไรขณะที่หย่งจงเซียวยืนนิ่งทอดสายตาอาลัยรักส่งให้แก่ฟางถิงถิงด้วยรู้แก่ใจดีว่าหญิงสาวไม่ได้รักใคร่ตนเองอย่างเช่นคนรักเช่นกันจะยอมแพ้เพียงเท่านี้หรือจะสู้ต่ออีกหน่อยยามนี้พวกเขากลายเป็นมือสอดแทรกความสัมพันธ์ของสามีภรรยาอย่างแท้จริงแล้ว จะดื้อรั้นต่อไปเพื่อยุแยงให้พวกเขาสองคนสั่นคลอนหรือจะยอมถอยมองดูความหวานชื่นพร้อมอวยพรดั่งพระรองผู้แสนดีฟางถิงถิงลอบสังเกตสายตาของหย่งจงเซียว เมื่อเห็นเขาเศร้าสร้อยเพียงครู่เดียวแล้วกลับเปล่งประกายแรงกล้าจึงส่ายหน้าพลางคิดในใจเห็นทีพระรองผู้แสนดีจะมีแต่ในนิยาย เดิมวาดหวังพึ่งพิงเขายามต้องออกจากจวนสกุลไฉ่ แต่นางน่าจะคิดผิดเสียแล้ว เขามาเกาะแกะใกล้ชิดด้วยหวังในตัวนางอย่างเห็นแก่ตนเอง แม้จะพอมีความจริงใจแต่การที่ยังคงป้วนเปี้ยนวุ่นว
ตอนที่สิบหก มันต้องอย่างนั้น ไฉ่หานเกิงหรือจะยอมโดนต่อว่าผู้เดียว เขาวางร่างบางให้นั่งบนเก้าอี้ก่อนจะหันมาตอบผู้เป็นย่าด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ“ท่านย่าบอกถิงถิงเถิด ข้าจะนอนทีไรนางก็ขึ้นคร่อมทุกครา หากข้าไม่โยกตามก็โดนกล่าวหาว่าไร้น้ำยา แล้วจะให้ข้าทำเยี่ยงไร”แม่นมลู่ถึงกับตบอกตัวเองขณะอาหลิงรีบก้มหน้าอายม้วนอยู่ด้านหลังคุณหนูของตนเองไฉ่ฮูหยินผู้เฒ่ามองใบหน้าของหลานสะใภ้ซึ่งหันขวับไปขมุบขมิบปากราวก่นด่าสามีก่อนจะส่ายหัวอย่างเอื้อเอ็นดู“เช่นนั้นก็ช่างเถอะ พวกเจ้าอายุยังน้อย บำรุงให้มากหน่อยก็ใช้ได้”ไฉ่หานเกิงทรุดลงนั่งลงอีกข้างอย่างไม่ได้น้อยใจด้วยรู้ดีว่าผู้เป็นย่าย่อมเข้าข้างฟางถิงถิงอย่างเช่นทุกคราจากนั้น ครอบครัวสกุลไฉ่จึงนั่งลงกินอาหารอย่างเบิกบานด้วยความเอร็ดอร่อย“ถิงถิงน้อย เจ้าอยากทำโรงตัดเย็บหรือ ได้ ต้องใช้ทุนเท่าใด มาเบิกกับย่าได้เต็มที่”“ถิงถิงอยากให้ลงเป็นชื่อของนางเอง” ไฉ่หานเกิงรีบบอกตามที่รับปาก
ตอนที่สิบห้า ไหวหรือไม่ “เป็นอย่างไร ผู้ใดกันแน่ที่จะจมเตียง”ฟางถิงถิงหยุดหอบหายใจแรงแต่ไม่วายเชิดหน้าท้าทายคิดจะรังแกนางหรือ ในเมื่อเสียครั้งแรกไปแล้วก็เป็นเวลาเก็บเกี่ยวความสุขสันต์จนเกินพอ“เช่นนั้นไม่ต้องใช้เตียงก็ย่อมได้”ไฉ่หานเกิงได้ยินคำท้าทายจึงพลิกร่างยืนขึ้นจับร่างเล็กหันหลังแล้วล้วงลึกเปิดช่องทางรักก่อนจะสอดแทงกระแทกก้นขาวอย่างไม่ปรานีฟางถิงถิงโยกตัวตอบโต้ไม่ยอมแพ้สร้างเสียงแห่งราคะเร่าร้อนจนดังสนั่นบ่าวไพร่ทั่วทั้งจวนสกุลไฉ่ไม่มีผู้ใดไม่ล่วงรู้ถึงกิจกรรมรักอันร้อนแรงในค่ำคืนนี้ของเจ้านายทั้งสองนั่นย่อมทำให้ยังไม่ทันรุ่งสางไฉ่ฮูหยินผู้เฒ่าและแม่นมลู่ก็ได้รับข่าวดีนี้แล้วไม่รวมถึงหย่งจงเซียวและหลี่หรันเจียวซึ่งได้รับข่าวอันนับว่าไม่ค่อยดีนี้ตั้งแต่เช้าตรู่“พวกเขาร่วมรักกันแทบทั้งคืนจนถึงป่านนี้เสียงก็ยังไม่เงียบลงขอรับ”ถ้อยคำรายงานของทหารที่ทิ้งไว้สืบข่าวข้างจวนไฉ่ทำให้หย่งจงเซียวถึงกั
ตอนที่สิบสี่ คึกคัก ไอ้เจ้าไฉ่หานเกิง กล้าวางยานอนหลับนางเชียวหรืออย่าให้หลุดไปได้เชียว แม่จะจับเตะให้วิ่งหนีหางจุกตูดไม่ทันทีเดียวฟางถิงถิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันสบถด่าทอโวยวายไม่หยุดแต่ไฉ่หานเกิงที่มุ่งมั่นตั้งใจหรือจะหยุดยั้ง“พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ความจริงเรื่องนี้สมควรทำตั้งแต่คืนเข้าหอแล้ว แต่เจ้าดุร้ายเกินไป ข้าจึงต้องใช้วิธีนี้”ไฉ่หานเกิงเงยหน้าขึ้นมาพูดพร้อมก้มลงขบเม้มติ่งหูเล็กก่อนจะเลื้อยไล่ผ่านซอกคอขาวมายังเนินอกเนียน“หากท่านย่ากลับมาต้องดีใจแน่ เจ้าเองก็อย่าได้เล่นตัวทั้งที่ในใจอยากให้ข้าทำเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว”ผู้ใดบอกว่านางอยาก น่าจับไปอยู่ร่วมกับหลี่หรันเจียวนัก ขบวนการพูดเองเออเองไม่มีใครเกินสองคนนี้ฟางถิงถิงก้มลงมองตามศีรษะที่ลดต่ำลงก่อนจะเด้งร่างแอ่นอกเข้าหาริมฝีปากแดงเมื่อสัมผัสได้ถึงความวาบหวิว“อื้อ...”อย่าเลียเช่นนั้น มันเสียว เสียงพึมพำจากปากบางทำให้ไฉ่หานเกิงยกยิ้มสมใ
ตอนที่สิบสาม อย่าได้คิดฝันในเมื่อเป็นพระเอกนางเอกก็รีบแต่งกันไปเสีย นางจะได้หย่าขาดแล้วออกไปจากจวนแห่งนี้เสียที ไม่ต้องมาขับไล่หรือหาเหตุภายหลังไม่ดีหรือไร“เรื่องเมื่อกลางวันข้าอธิบายได้” ไฉ่หานเกิงเข้าใจว่าภรรยาในนามไม่พอใจจึงแกล้งส่งหลี่หรันเจียวมาก่อกวน แต่ฟางถิงถิงกลับรีบยกมือโบกปฏิเสธ“ไม่ต้อง ข้าไม่อยากรู้ ขอเพียงพวกเจ้าคุยกับท่านย่าให้เข้าใจก็พอ”“เจ้าหรือจะยอมให้หลี่หรันเจียวแต่งมาเป็นภรรยาในฐานะเท่ากัน” ไฉ่หานเกิงมีท่าทางไม่เชื่อถือเชอะ นังหลี่หรันเจียว ปากบอกว่ายอมลดตัวแต่กลับไปบอกไฉ่หานเกิงอีกอย่าง ฟางถิงถิงขบฟันด้วยความโมโหก่อนจะตอบอย่างมุ่งมั่น“ข้าไม่ยอมแน่ ดังนั้น หากอยากแต่งนางเข้ามา พวกเราก็ต้องหย่ากันเสียก่อน”ไฉ่หานเกิงได้ยินคำว่าหย่าเป็นครั้งที่เท่าใดก็สุดจะนับจึงหน้าเคร่งคิ้วขมวดตะโกนเสียงดังลั่นจวนด้วยความโกรธอย่างไม่อาจระงับ“เจ้าอยากรีบเป็นม่ายเพื่อดึงดูดให้ชายอื่น
ตอนที่สิบสอง มั่นหน้า"พี่เกิงเป็นคนมีความสามารถมิควรถูกกดขี่ให้เป็นเพียงเจ้าของร้านไม่กี่แห่ง ต้องหน้ามันตะโกนร้องเรียกลูกค้าอยู่เช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ได้รักชอบเขา อีกทั้งยังอยากคบชู้สู่ชาย มิสู้รีบหย่าแล้วแต่งกับคนที่เจ้าพึงใจจะดีกว่า”ฟางถิงถิงได้ฟังถึงกับต้องกำมือแน่นอ้าวๆๆๆ มั่นหน้าจริงนะ ตอนแรกบอกว่าจะยอมแต่งมาร่วมสามี ไปๆมาๆบอกให้นางหย่าแล้วจะยึดครองคนเดียว จบด้วยการกล่าวหาว่านางมีชู้เสียอย่างนั้นนี่มันถ้อยคำประนีประนอมหรืออยากหาเรื่องกันแน่ ชิ เริ่มต้นเสียโอ้อวดตนเอง จบท้ายกลับทับถมผู้อื่น ช่างน่าโมโหนัก ฟางถิงถิงไม่อยากถกเถียงกับคนไร้เหตุผลทั้งคิดเข้าข้างตนเองจึงตบโต๊ะดังปังจนหลี่หรันเจียวสะดุ้งโหยงลุกขึ้นอย่างเร็วแทบกระโจนหนีด้วยเกรงอีกฝ่ายจะลงไม้ลงมือ“อย่าตีข้านะ ไม่เช่นนั้นข้าจะฟ้องท่านพ่อ”ฟางถิงถิงแทบกลั้นหัวเราะความเป็นเด็กน้อยของหลี่หรันเจียวไม่ไหวแม้ใจจะอยากแสร้งตีสักหน่อยเพื่อให้นางไปฟ้องบิดาแต่ด้วยความขี้เกียจร







