Beranda / วัยรุ่น / แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย / บทที่ 11 รับผิดชอบการกระทำ

Share

บทที่ 11 รับผิดชอบการกระทำ

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-13 09:38:22

"เป็นยังไงบ้าง"

ทันทีที่เมษาย่างกรายเข้ามาถึงห้องโถงของบ้านวณิชกาญจนโชติเสียงของสาริกาที่นั่งอยู่ก็ถามไถ่ขึ้น 

เธอได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนเปล่งเสียงตอบพร้อมเดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งบนโซฟาตัวตรงข้าม "คุณส้มไม่ได้พูดอะไรค่ะ แต่ฉันคิดว่าวิธีนี้น่าจะได้ผล"

"ก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ฉันเหนื่อยและเอือมระอากับเรื่องนี้เต็มทนแล้ว" สาริกาเอ่ยพร้อมกับถอนหายใจออกมา

"ทันทีที่คุณส้มยอมเลิกกับคุณเจ้านาย ฉันจะได้รับอิสระสามารถกลับไปอยู่กับแม่ และน้องสาวได้เลยใช่ไหมคะ" 

"ยัง..จนกว่าฉันจะแน่ใจว่าสองคนนั้นเลิกกันจริง ๆ เธอต้องอยู่เป็นไม้กันหมาสักระยะ"

"สักระยะนี่มันนานแค่ไหนคะ?" เมษาขมวดคิ้วมุ่น

"เธอจะถามอะไรเยอะแยะ ถึงเวลาก็รู้เองแหละ" 

สาริกาตวัดสายตามองหน้าเมษาที่เอาแต่ยิงคำถามไม่เลิกด้วยความรำคาญ ทำเอาคนถูกจ้องต้องรีบหลบสายตาพร้อมกับเอ่ยขอโทษไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว "ขอโทษค่ะ"

ภายในห้องโถงถูกความเงียบเข้าปกคลุมนานนับนาที ก่อนสาริกาจะเอ่ยปากไล่เด็กสาวที่นั่งขวางหูขวางตา "จะไปไหนก็ไปไป" 

สิ้นเสียงไล่เมษาก็ลุกเดินคอตกขึ้นไปยังห้องนอนตัวเองทันที 

เธอทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรงอุตส่าห์หวังไว้ว่าทันทีที่ทำงานสำเร็จก็จะได้ออกไปจากบ้านหลังนี้ แต่ที่ไหนได้ต้องอยู่ต่อโดยไม่มีกำหนดแล้วเธอจะต้องอดทนไปจนถึงเมื่อไรกัน 

นี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหากชายหนุ่มรู้ว่าเธอไปพูดเรื่องคืนนั้นกับแฟนของเขาเธอจะโดนเขาฆ่าไหมเพราะทุกวันนี้เขาก็จะเขมือบหัวเธอแทบทุกครั้งที่เจอกันแล้ว

"เฮ้อ..มันเป็นเวรกรรมอะไรของเธอนะเมษา" 

พอคิด ๆ ก็อดตัดพ้อชีวิตตัวเองไม่ได้ ตั้งแต่จำความได้เธอก็ต้องพบเจอกับความลำบากตลอด ไม่รู้ว่าเมื่อไรฟ้าจะเมตตาดลบันดาลให้ชีวิตเธอสุขสบายอย่างคนอื่นเขาสักที

ไม่ต้องรวยมากก็ได้แค่มีบ้านอยู่ มีงานทำมั่นคง และมีกินมีใช้ก็พอ เธอนอนจมอยู่กับความคิดมากมายนานเกือบชั่วโมง ก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด

ปัง! ปัง!

มาสะดุ้งตกใจตื่นก็ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าทุบประตูมากกว่าเพราะเสียงดังปังสนั่นหวั่นไหวไปหมดทำเอาเธอตาเหลือกตาลานลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจสุดขีด 

ขณะที่เสียงทุบประตูยังดังไม่ขาดสายตามด้วยน้ำเสียงเกี้ยวกราดของเจ้านาย "เปิดประตูเดี๋ยวนี้ลียา! ฉันบอกให้เปิดประตู"

บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของเสียงกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน ไม่อยากคิดเลยว่าหากเปิดประตูออกไปจะต้องพบกับอะไรบ้างดูท่าแล้วไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต

"อึก.." 

เธอเผลอกลืนน้ำลายลงลำคออึกใหญ่พร้อมกับยกมือขึ้นทาบหัวใจที่เต้นแรงราวกับจะทะลุออกมานอกอกไว้ พยายามตั้งสติคิดว่าจะเอายังไงดีกับสถานการณ์ในตอนนี้ ดูทรงแล้วหากเธอไม่ยอมเปิดอีกคนก็คงไม่ยอมล่าถอย ดีไม่ดีอาจจะพังประตูเข้ามาด้วยซ้ำ

เสี้ยวนาทีต่อมาเธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นได้คนที่จะช่วยเธอได้คือสาริกาเท่านั้น แต่ก็น่าแปลกที่เสียงเคาะประตูดังสนั่นหวั่นไหวขนาดนี้ทำไมสาริกาถึงไม่มาดูว่าเกิดอะไรขึ้นจะว่าไม่ได้ยินก็คงไม่ใช่ หรือสาริกาจะไม่อยู่บ้าน 

คิดได้ดังนั้นเธอก็รีบหยิบมือถือที่วางบนหัวเตียงมาต่อสายหาสาริกาทันที แต่ก็ไร้การตอบรับจากปลายสายจึงกดโทรหาใหม่อีกครั้งด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก พลางภาวนาขอให้สาริการับสายเธอทีเถอะ

(โทรหาฉันมีอะไรเมษา) 

วินาทีที่ปลายสายกดรับแล้วถามไถ่มาพลอยทำให้เธอคลายความกลัวได้บ้างรีบบอกกล่าวปลายสายไปด้วยน้ำเสียงสั่น

"คุณสาริกาช่วยด้วยค่ะ ตอนนี้คุณเจ้านายมาทุบประตูห้องฉันใหญ่เลยคงรู้เรื่องที่ฉันไปคุยกับแฟนเขาแล้วแน่ ๆ ค่ะ ดูท่าเขาจะโกรธมาก ๆ เลยค่ะ"

(ตอนนี้ฉันออกมาธุระข้างนอก ยังไงเธอก็อยู่ในห้องนั่นแหละไม่ต้องเปิดประตูออกมาจนกว่าฉันจะกลับไป)

"แล้วเกิดคุณเจ้านายพังประตูเข้ามาล่ะคะ"

(เธอก็หาวิธีเอาตัวรอดไปก่อน แล้วฉันจะรีบกลับไป)

"ค่ะ" 

เมษาได้แต่ขานรับด้วยความจำใจ แล้วจึงกดวางสาย ตวัดสายตามองไปยังประตูด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น 

อ่า..ให้ตายสิแล้วเธอจะรอดไหมล่ะงานนี้กว่าจะสาริกาจะกลับมา...

ปัง!

ขณะที่กำลังนั่งวิตกกังวลเธอก็ต้องสะดุ้งโหยงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเพราะเสียงประตูที่ดังอึกกระทึกครึกโครมราวกับฟ้าผ่า มันทั้งดังและสั่นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าเล่นเอาเธออกสั่นขวัญหายเข้าไปใหญ่

"ลียาเปิดประตูออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้ อย่าให้ฉันโมโหและหมดความอดทนกับเธอไปมากกว่านี้ เพราะหากฉันเปิดประตูเข้าไปได้จะไม่รับรองความปลอดภัยของเธอ"

ประโยคขมขู่ดังผ่านประตูเข้ามายิ่งทำให้เมษารู้สึกกลัวเป็นทวีคูณ เริ่มลังเลว่าจะเปิดให้เขาดีไหม ทว่าอีกใจก็แย้งขึ้นมาอย่าเปิดอย่าไปเชื่อคำขู่ของเขาเพราะฟังจากเสียงเกรี้ยวกราดที่ดังเข้ามาก็เดาได้แล้วว่าเขากำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หากเธอเปิดประตูออกไปจะเหลืออะไร

เธอนั่งคิดแล้วคิดอีก ก่อนจะรวบรวมความกล้าตะเบ็งเสียงตอบคนด้านนอกไป "ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ"

สิ้นเสียงของเธอก็ได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าคนเดินห่างออกไป ชายหนุ่มไปแล้วอย่างนั้นเหรอมันจะง่ายไปไหมเพื่อความแน่ใจเธอจึงเดินไปแนบหูฟังที่ประตู คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันด้วยความแปลกใจดูเหมือนเขาจะไปแล้วจริง ๆ ทำไมมันง่ายจัง

แต่ก็ช่างเถอะเธอเลือกจะทิ้งความสงสัยแล้วเดินกลับไปหย่อนก้นนั่งริมเตียง พ่นลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แกร็ก!

โล่งใจได้ไม่ทันไรก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังปลดล็อกลูกบิด รีบหันไปมองทางประตูปรากฏว่าใช่จริง ๆ และก่อนที่เธอจะได้ทำอะไรประตูก็ถูกเปิดเข้ามาโดยเจ้านายนั่นเอง 

อ่า..ให้ตายเถอะเธอว่าแล้วเชียวทำไมเขาถึงไปง่าย ๆ ที่แท้ก็ไปเอากุญแจมาไขประตูนี่เองเธอพลาดที่ชะล่าใจเกินไป 

เห็นสีหน้าเกรี้ยวกราด แววตาทอประกายวาวโรจน์ที่จ้องมองมายังเธอราวกับจะเขมือบหัวนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าความฉิบหายมาเยือนแล้วไงล่ะ..

เธอทำใจดีสู้เสือแม้ในใจจะรู้สึกกลัวจนขึ้นสมองก็ตาม หยัดกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเตรียมพร้อมสำหรับวิ่งหนีหากเห็นท่าไม่ดี ก่อนจะข่มน้ำเสียงไม่ให้สั่นเครือพูดออกไปให้เป็นปกติที่สุด 

"คุณมีอะไรงั้นเหรอคะ ถึงได้ลงทุนไขกุญแจเข้ามาในห้องฉันแบบนี้"

"เธออย่ามาทำตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องราวลียา ผู้หญิงอย่างเธอนี่มันดื้อด้าน ไร้ยางอายที่สุดอยากได้ฉันจนตัวสั่นจนสามารถทำได้ทุกอย่าง" 

เจ้านายชี้หน้าต่อว่าหญิงสาวด้วยความโกรธพร้อมทั้งก้าวเท้าเข้าหาเธอช้า ๆ เขาโกรธจนอยากจะขย้ำเธอให้แหลกคามือให้สมกับที่เธอทำความรักของเขากับแฟนสาวพัง 

เขากับแฟนสาวกำลังจะแต่งงานกันแล้วแท้ ๆ แต่ทุกอย่างก็ต้องพังคลืนลงมา แฟนสาวขอลดสถานะจากคนรักกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิมแม้เขาพยายามพูดขอให้เธอเปลี่ยนใจแค่ไหนก็ไม่อาจเปลี่ยนใจแฟนสาวได้ 

เพราะผู้หญิงแพศยาอย่างลียาที่ไปบอกกับแฟนสาวของเขาว่าเธอกับเขาพลาดมีอะไรกัน หนำซ้ำยังมีรูปถ่ายไปให้แฟนสาวเขาดูอีก พอรู้แบบนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นเป็นฝีมือของเธอไม่อย่างนั้นเธอจะถ่ายรูปไว้ทำไมหากเมาแล้วพลาดมีอะไรกันจริง ๆ 

"ฉันไม่ได้อยากทำแบบนี้ แต่คุณบังคับให้ฉันต้องทำเองนะ" เมษาสวนกลับไปตามความจริง เธออยากจะบอกความจริงเขาไปเหลือเกินว่าคนที่ทำคือแม่เขาทั้งหมด แต่ก็พูดไม่ได้ 

สายตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรู้สึกผิดระคนหวาดกลัว เท้าก็เริ่มขยับถอยหลังหนีร่างสูงที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ 

"ยังมีหน้ามาโทษฉันอีกเหรอลียา เธอนี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ" 

คำตอบกลับจากเมษาเหมือนกระตุ้นอารมณ์โกรธของเจ้านายให้ประทุยิ่งกว่าเก่า ขบกรามเข้าหากันแน่นจนเสียงดังกรอด ใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู แววตาทอประกายวาวโรจน์แข็งกร้าวจนดูน่ากลัวทำอีกคนหัวใจกระตุกวูบ เสียวสันหลังแปลบเพราะเธอไม่เคยเห็นเขาโกรธมากขนาดนี้มาก่อน

ในใจร่ำร้องว่าตายแน่เมษางานนี้ เธอต้องถูกเขาฆาตกรรมแน่ ๆ สัญชาตญาณมันบอกให้เธอวิ่งหนีสิจะรอให้เขาฆ่าหรือไงกัน ไวเท่าความคิดสองเท้าเล็กก็ก้าวกระโดดขึ้นบนเตียง 

"อย่าคิดหนีลียา เธอต้องรับผิดชอบในการกระทำของตัวเอง" 

เจ้านายรีบพุ่งเข้าไปที่เตียงหมายจะจับร่างบางที่กำลังหนี แต่ก็พลาดไปอีกแค่นิดเดียวเท่านั้นเขาก็จะจับข้อเท้าเล็กได้แล้วแต่อีกคนดันหลบทัน

เมษาสามารถวิ่งหนีชายหนุ่มลงมายืนที่ข้างเตียงอีกฝั่งได้สำเร็จ ก่อนจะหันไปสวนกลับร่างสูงด้วยน้ำเสียงหอบสั่น "ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องรับผิดชอบด้วย"

"เธอเป็นต้นเหตุทำให้ฉันกับคนรักต้องเลิกกัน จะไม่ผิดได้ยังไงเพราะเธอคนเดียวลียาไม่รู้สึกละอายแก่ใจ หรือรู้สึกผิดบาปบ้างเหรอที่ทำให้คนอื่นเขาเลิกกัน"

"คุณกับแฟนเลิกกันแล้วเหรอ" 

แทนที่เมษาจะรู้สึกสลดเมื่อได้รู้ว่าชายหนุ่มเลิกกับแฟนสาวแล้วเธอกลับแสดงท่าทางดีใจออกมาเพราะคิดว่าตัวเองกำลังจะได้รับอิสระจนลืมนึกถึงข้ออื่นไป 

ทว่าเพียงเสี้ยวนาทีที่นึกขึ้นได้กลับกลายเป็นความรู้สึกผิดเข้ามาแทนที่ ใบหน้าเรียวพลันเศร้าหมองลงทันใด สายตาจ้องมองร่างสูงที่ยืนข้างเตียงอีกฝั่งอย่างคนรู้สึกผิด

"ฉันขอโทษที่ทำให้คุณกับแฟนต้องเลิกกัน แต่ฉันมีเหตุผลที่ต้องทำ" ความรู้สึกผิดที่เปี่ยมล้นอยู่ในอกทำให้เธอกล่าวขอโทษอีกคนไป ใจเหม่อลอยนึกถึงภาพของส้มและบุตรสาวที่กำลังเล่นกับเจ้านายอย่างมีความสุข

ทั้งสามเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่เป็นเธอที่ทำให้ความสุขของคนทั้งสามพังลง ยิ่งตอกย้ำให้รู้สึกผิด และย้ำเตือนว่าเธอมันเลวมากแค่ไหน

น้ำตาแห่งความเสียใจค่อย ๆ เอ่อคลอดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่จนเธอต้องรีบยกมือขึ้นเช็ดพลางเชิดหน้าสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสะกดกลั้นก้อนน้ำตาเอาไว้

"นอกจากเธอจะหน้าด้าน ไร้ยางอายแล้วยังเสแสร้งแกล้งทำเก่งอีกด้วยนะลียา" 

สิ่งที่หญิงสาวแสดงออกมาเจ้านายกลับมองว่าเป็นการแสดง เขาไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะรู้สึกผิดจริง เพราะถ้าเธอมีจิตสำนึกคงไม่ทำเรื่องทุเรศแบบนี้

เมษาไม่คิดจะต่อปากต่อคำ หรือพูดอะไรอีกหันมองไปที่ประตูแล้วหันกลับมามองคนที่ยืนข้างเตียงอีกฝั่งเพื่อประมวลว่าหากวิ่งหนีออกไปจะถูกเขาจับได้ไหม 

ซึ่งเหมือนเจ้านายจะรู้ทันความคิดของหญิงสาว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปยืนมองหน้าเธอนิ่ง ๆ 

ทันทีที่ร่างบางพุ่งตัวไปที่ประตูเขาก็รีบวิ่งเข้าตะครุบด้วยความเร็ว

"กรี๊ดด!" 

เมษากรีดออกมาด้วยความตกใจในตอนที่ถูกร่างสูงพุ่งเข้าตะปบรวบร่างเข้าสู่วงแขน เธออุตส่าห์กะระยะไว้อย่างดีแล้วเชียวทำไมถึงยังโดนเขาจับได้ก็ไม่รู้ พยายามดีดดิ้นพลางใช้มือผลักไสร่างสูงสุดแรงที่มีแต่ก็มิอาจหลุดพ้นจากวงแขนแกร่งได้ หนำซ้ำยังถูกโอบรัดแน่นขึ้นจนลำตัวแนบสนิทกัน 

"ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ"

"เธออยากได้ฉันจนตัวสั่นไม่ใช่เหรอ แล้วจะวิ่งหนีทำไม" เจ้านายจ้องหน้าร่างบางที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนเขม็ง

"แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากได้แล้วไง ปล่อยสิ" ความกลัวที่มีจนมากล้นทำให้เมษาพูดออกไปแบบนั้น นาทีนี้เธอคิดเพียงอย่างเดียวว่าต้องออกไปให้ห่างชายหนุ่มเขามันน่ากลัวเกินไปสำหรับเธอ 

ทว่ายิ่งเธอปฏิเสธยิ่งทำให้เจ้านายโกรธมันเหมือนว่าเธอกำลังเล่นตลกกับความรู้สึกของเขา และคนรัก พอทำลายทุกอย่างได้สำเร็จก็มีท่าทีเปลี่ยนไป คิดเหรอว่าเขาจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ 

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   The end

    “อ๊ะ!” เมษาหลับตาพริ้มเมื่อแก่นกายหนาค่อย ๆ สอดใส่ผ่านปากทางรัก ฝากฝังความเป็นชายของเขาเข้ามาถึงครึ่งลำอย่างรวดเร็วจากหยาดน้ำหวานเปียกชื้นที่ทำหน้าที่แทนสารหล่อลื่นลำกายหนาชำแรกผ่านม่านความเจ็บปวดที่ตอดรัดเขาอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่วินาทีขนาดอันใหญ่โตก็ถูกโอบอุ้มด้วยความอบอุ่นจากร่างกายของหญิงสาวที่ตอนนี้ตัวสั่นเกร็งอย่างห้ามไม่อยู่“ฮึก..” เมษากัดริมฝีปาก ใบหน้าหวานเชิดขึ้นสูงเมื่อคนตัวโตทิ้งน้ำหนักลงจนร่างกายเบียดแนบกันไร้ช่องว่าง“เจ็บไหมคะ?” เจ้านายกระซิบถามเสียงต่ำขณะโน้มตัวลงจูบซับไปตามใบหน้าเรียว“เจ็บนิดหน่อยค่ะ..แต่ทนไหว” หญิงสาวตอบเสียงอ้อนอาจเป็นเพราะห่างหายมานาน และขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มเลยทำให้รู้สึกเจ็บน้อย ๆ ทว่าแม้จะเจ็บแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาแยกจากเลยแม้แต่วินาทีเดียว สองมือเรียวจิกผ้าปูที่นอนระบายความเจ็บที่เคล้าระคนไปกับความเสียวซ่านจนแทบจะแยกไม่ออก เสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่ข้างใบหูทำให้เลือดในกายของเธอสูบฉีด ในที่สุดเธอก็ปรับตัวได้ “พี่จะขยับแล้วนะ” เจ้านายกระซิบ สอดผสานฝ่ามือของเขาและเธอเข้าด้วยกัน กดลงที่เหนือศีรษะเล็กแล้วเริ่มขยับ ในจังหวะแรกเนิบนาบและมั่นคง

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 90 รักนะ

    @โรงแรมภายในห้องทรงสี่เหลี่ยมที่ถูกเปิดไฟดาวน์ไลท์หน้าห้องน้ำเอาไว้ ให้ความสว่างเพียงสลัว ๆ เท่านั้น กลิ่นอโรม่าลอยจาง ๆ ในอากาศทำให้บรรยากาศโรแมนติกไม่น้อย เดินมาถึงห้องนอนเมษาก็อดหัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อเห็นบนเตียงนอนสีขาวที่โรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงเป็นรูปหัวใจตรงกลางถูกโรยเป็นตัวอักษรคำว่า 'พี่นายรักน้องเมย์'ตรงปลายเตียงมีผ้าขนหนูที่ถูกทำเป็นรูปหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนเตียงสำหรับคู่บ่าวสาวชัด ๆ สมองพานก่อเกิดภาพแสนลามกขึ้นมา"ชอบไหมครับ" เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกคนตัวโตสอดแขนเข้ามาโอบกอดเอวคอดจากด้านหลังพร้อมกับน้ำเสียงสุดเซ็กซี่ที่ดังชิดกกหูตามมาด้วยลมหายใจร้อนผะผ่าวทำขนกายเธอลุกซู่ ในท้องรู้สึกปั่นป่วนแปลก ๆ"ชอบค่ะ เหมือนเตียงในเรือนหอบ่าวสาวเลย" ใบหน้าเรียวที่เคลือบด้วยรอยยิ้มแสนหวานเอียงขึ้นมองสบสายตาร่างสูงด้านหลัง"งั้นเรามาเข้าหอกันไหมครับ" ได้ทีเจ้านายก็ชวนทำเรื่องอย่างว่าทั้งที่สัญญาดิบดีว่าแค่นอนกอดเฉย ๆ เอาจริง ๆ ที่พูดแบบนั้นเขาก็แค่หลอล่อคนตัวเล็กเขาของขาดมาตั้งไม่รู้กี่เดือนจะให้ทนไหวได้อย่างไรกัน แน่นอนว่าเมษาเองรู้ทันคนตัวโตอย่างที่รู้ ๆ กันดีทั้งเธอแล

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 89 คืนดี

    หลังจากคืนดีกันสิ่งแรกที่เจ้านายทำคือพาหญิงสาวไปเดท เขาเลือกร้านอาหารที่เป็นร้านโปรดของเธอ เขาอยากให้เธอประทับใจที่สุดกับการกลับมาเริ่มต้นใหม่เพราะที่ผ่านมาการเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ดีเท่าไรนัก ไม่ใช่สิต้องเรียกว่าไม่ดีมาก ๆ..แต่นี่สินะที่คนโบร่ำโบราณกล่าวไว้ว่าเกลียดสิ่งไหนมักได้สิ่งนั้นวันนี้เขากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารักผู้หญิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสุดหัวใจ รักแบบไม่คิดว่าจะรักได้มากขนาดนี้"อย่ามองแบบนี้สิคะ เมย์เขินนะ" เมษาที่ถูกชายหนุ่มจ้องมองแทบจะกลืนกินถึงกับหน้าแดงระเรื่อออกอาการเขินจนเก็บไม่อยู่ บ่อยครั้งที่ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้แต่อย่างที่บอกว่าเธอก็ไม่เคยต้านทานมันได้สักทียิ่งหลังจากกลับมาคืนดีกันเขาก็ใช้สายตาแบบนี้แทบทุกวันแทบทุกเวลาที่อยู่ด้วยกัน แค่นั้นไม่พอเขายังติดสกินชิพเธอชนิดที่ว่าเหมือนกาวตราช้างก็ไม่ปราน วันแรกที่ตกลงคืนดีกันเขาก็ไปแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอที่มหาวิทยาลัยโดยเฉพาะกับเพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบเธอกะว่าจะไม่ให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอเลยสิ แต่บอกตามตรงว่าแทนที่จะไม่พอใจเธอกับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่เขาแสดงความหึงหวงออกมา และกล้าจะเป

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 88 ให้โอกาส

    วันต่อมา.."อรุณสวัสดิ์ครับน้องเมย์"เสียงทักทายดังขึ้นเหนือศีรษะทำเมษาที่กำลังลืมตาตื่นถึงกับตาเบิกโพลงอาการง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง เธอดีดตัวลุกขี้นนั่งอัตโนมัติเมื่อเงยขึ้นเห็นคนตัวโตนั่งพิงหัวเตียง และกำลังจับจ้องมาที่เธอ สองคิ้วสวยขมวดมุ่นจำได้ว่าเมื่อคืนเธอนั่งทำรายงานจนดึกจึงเข้านอน โดยตอนที่เธอเข้านอนชายหนุ่มยังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะ แต่ไหง่เช้านี้ตื่นมาเขาถึงอยู่บนเตียงได้ แล้วเขาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร"คุณขึ้นมาบนเตียงตั้งแต่เมื่อไร" ไม่ปล่อยให้ตัวเองสงสัยเปล่งเสียงถามตรง ๆ "ราวตีสองได้แล้วครับ นอนตรงนั้นแล้วปวดเมื่อยไปทั้งตัวพี่เลยมานอนบนเตียง" เจ้านายเอ่ยเสียงอ่อนพลางส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโกรธ ที่เขาพูดไปไม่ใช่คำแก้ตัว แต่รู้สึกปวดหลังปวดขาจริง ๆ จึงมานอนที่เตียงกับเธออย่างถือวิสาสะใบหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากลัวเธอโกรธ ทว่าเมษากลับแอบอมยิ้ม ในสายตาเขาเธอดุมากเลยหรือถึงให้ออกอาการขนาดนี้ เจ้านายคนใจร้ายหายไปไหนเสียแล้ว เธออยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้"ฉันเข้าใจ คนแก่ก็แบบนี้แหละปวดหลังปวดนู่นปวดนี่ป็นธรรมดาจะไม่ถือโทษแล้วกัน" เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 87 ส่วนลึกในใจ

    "ซี๊ดด.."เจ้านายซูดปากออกมาเบา ๆ ในตอนที่กำลังหยัดกายลุกขึ้นยืน มือกอบกุมหน้าท้องแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเหยเกคล้ายคนกำลังเจ็บปวด เมษาเห็นก็อดสงสัยไม่ได้ "คุณเป็นอะไร""พี่รู้สึกปวดท้องนิดหน่อยครับ"พอฟังคำตอบเธอก็เดาได้ทันทีว่าที่ชายหนุ่มปวดท้องน่าจะเพราะทานอาหารที่เธอทำมากเกินไป สิ่งที่แอบกังวลก็เป็นจริงถึงเธอจะตั้งใจแกล้ง แต่ก็ไม่ได้อยากให้เขาถึงขั้นเจ็บตัว"ไปหาหมอไหม" ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทว่าคนตัวโตกลับส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับเดินกอบกุมท้องออกไปยังห้องโถงเดินมาหย่อนก้นนั่งที่โซฟาโดยมีเมษาเดินตามมาติด ๆ ด้วยรู้สึกเป็นห่วงต่อให้เขาบอกว่าปวดท้องนิดหน่อยก็ตาม"แน่ใจจริง ๆ นะว่าจะไม่ไปหาหมอ" เดินเข้าไปหย่อนก้นนั่งข้าง ๆ แล้วถามย้ำอีกครั้ง "ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า"ใบหน้าเรียวและดวงตากลมแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างปิดไม่มิดเจ้านายเห็นก็แอบหัวใจพองโตถือว่าที่เขาทนทานอาหารรสชาติแย่จนเกลี้ยงไม่เสียเปล่าอย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่าหญิงสาวยังมีความรู้สึกต่อเขาไม่มากก็น้อยไม่อย่างนั้นคงไม่มีท่าทีเป็นห่วงแบบนี้"แน่ใจครับ ไม่ได้เจ็บมากเดี๋ยวก็คงหายไปเอง" เขาระบายยิ้มออกมาบาง ๆ สายตาจ้องมองใ

  • แพ้รักคู่หมั้นสวมรอย   บทที่ 86 ค่าดอกไม้2

    เจ้านายเดินไปหย่อนก้นนั่งที่โซฟาในห้องโถง ขณะที่เมษาเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อเอาของไว้ แล้วลงมายังชั้นล่างอีกครั้ง"ฉันจะไปทำกับข้าว คุณนั่งรอก่อน" บอกกล่าวกับร่างสูงที่นั่งบนโซฟาแล้วเดินเข้าไปในครัว แต่เมื่อมาถึงเธอกลับบอกให้แม่บ้านทำเมนูต่างให้ สวนปรุงรสเธอจะเป็นคนปรุงเองสั่งเสร็จก็นั่งบนเก้าอี้แถวนั้นรอแม่บ้านทำอาหาร แม่บ้านห้าคนเร่งทำเมนูอาหารที่หญิงสาวสั่งพัลวัน ใช้เวลาราวยี่สิบนาทีก็เสร็จเหลือเพียงให้คนเป็นเจ้านายมาปรุงรส"มาปรุงรสได้เลยค่ะคุณหนู" แม่บ้านคนหนึ่งบอกกล่าว เมษาจึงลุกเดินไปยื่นหน้าเตาที่วางเรียงกันสี่อัน ก่อนจะยื่นมือไปหยิบขวดน้ำส้มสายชูมาบีบใส่ผัดผักรวมในกระทะ ตามด้วยหม้อแกงอีกสามหม้อ จากนั้นก็หยิบขวดเกลือมาเปิดฝาเหยาะใส่ต่อสร้างความงุนงงให้เหล่าแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ด้านหลังไม่น้อย ต่างพากันมองหน้าไปมาเพราะจะทักท้วงก็ไม่กล้าเมษยกยิ้มร้ายมุมปากพลางไล่สายตามองกับข้าวบนเตา เธอใช้แค่น้ำส้มสายชูกับเกลือปรุงรสด้วยนึกหมั่นไส้คนตัวโตจึงอยากแกล้งเขา ดูสิยังจะบอกว่าได้ทานข้าวกับคนที่รักอร่อยอยู่ไหม"เสร็จแล้วจัดโต๊ะได้เลยนะคะ แล้วก็ทอดไข่เจียวให้เมย์สักสองฟองด้วยนะคะ" เธอ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status