LOGINคุณชายที่อยู่ในกลุ่มคนนั้นคือแฟนของฉันเอง แต่เพื่อทำให้นักศึกษาหญิงคนหนึ่งหัวเราะ จึงได้ผลักฉันตกลงไปในทะเลตอนฉลองวันเกิดให้ฉันบนเรือยอร์ช แถมยังล้อเลียนฉันว่าเป็นคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอีก แต่ฉันกลัวน้ำจริง ๆ สุดท้ายต้องเข้าห้องไอซียู และเขาก็เอาชนะใจเทพธิดาได้ หลังจากฟื้นขึ้นมา เขาจับมือฉันและขอโทษ แต่ฉันกลับมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ “คุณ! คุณเป็นใคร?” หมอสมองบอกว่าฉันได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ และทำให้สูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับเขา แต่เขาพูดอย่างบ้าคลั่งว่าเขาเป็นแฟนของฉัน ฉันทนไม่ไหวจึงโต้เถียงกลับไป “แฟนของฉันคือโจวจี้หลิ่นต่างหาก!” ทุกคนต่างรู้ดี ว่าโจวจี้หลิ่นเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขา
View Moreโจวจี้หลิ่นเจอสือเยียนครั้งแรกที่การแสดงของชมรมดนตรีสือเยียนยืนฟังเพลงอยู่ด้านล่างเวทีในค่ำคืนฤดูร้อนที่เสียงจักจั่นร้องไม่หยุด ท่ามกล่างเสียงเพลงที่ไพเราะ สือเยียนถือแท่งไฟเชียร์สองอันโบกอย่างบ้าคลั่ง ตอนนั้นเธอปล่อยผมยาวสลวยถึงบ่า สวมเสื้อยืดสีน้ำเงินและกางเกงยีนส์ ผิวขาวมาก ดวงตาก็เปร่งประกายสดใส ทำให้ตัวเธอดูมีชีวิตชีวาทั้งยังร่าเริงโจวจี้หลิ่นแค่มองก็หลงไหลในทันทีเขายืนอยู่ด้านหลังสือเยียน แต่สือเยียนตื่นเต้นมากเกินไป จนถอยหลังมาสองก้าวและล้มเข้าสู่อ้อมแขนของโจวจี้หลิ่นทันที“ขอโทษนะ ฉันตื่นเต้นมากไปหน่อย” สือเยียนยิ้มมาทางเขาเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มที่สดใสและอ่อนหวานมากโจวจี้หลิ่นตกหลุมพรางแล้วหลังจากนั้นเขาก็ตามหาสือเยียนมาโดยตลอด เพราะอยากจะถามเธอว่าชื่ออะไร แต่พอหาเจอ เขาก็ถูกครอบครัวพาตัวไปต่างประเทศ เขาจึงดรอปเรียนไปสองปีเมื่อกลับมา สือเยียนก็คบหากับหลินจิงเฟิงแล้ว แถมยังได้ยินว่าสือเยียนเข้าโรงพยาบาลเพราะหลินจิงเฟิงอีกเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เขาก็คลุ้มคลั่งอย่างขีดสุดเขาไปตามหากลุ่มคนที่ทำร้ายสือเยียนและสู้กับพวกเขาเพียงคนเดียว สู้จนพวกนั้นขอความเมตตา และเป็น
วินาทีที่ริมฝีปากซ้อนทับกัน รูม่านตาของโจวจี้หลิ่นก็หดลงทันทีนี่เป็นจูบแรกของพวกเราก่อนหน้านี้ฉันเคยจูบเขา แต่ก็แค่จูบที่ใบหน้า เขาเงยหน้าขึ้นและกดท้ายทอยของฉันไว้ เพื่อเพิ่มจูบนี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น หลังจูบกันสักพัก เขาก็พลิกตัวให้ฉันนอนบนเตียง จากนั้นก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากของฉันอย่างบ้าคลั่งราวกับเสือที่ดุร้ายบรรยากาศเปลี่ยนเป็นร้อนระอุขึ้นมา“หลินหลิ่น หลินหลิ่น” ฉันรู้สึกหายใจไม่ออกเล็กน้อย ลิ้นก็ชาไปหมด จึงยกมือขึ้นไปดันหน้าอกของเขาไว้ ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อ “พวกเรารีบไปหน่อยหรือเปล่า?”ดวงตาของโจวจี้หลิ่นลึกซึ้ง และแฝงไปด้วยความอ่อนโยน“ขอโทษนะ ฉันน่าจะดื่มมากไปหน่อย” ปากเขาก็บอกแบบนั้น แต่ร่างกายกลับกดทับลงมา กอดที่เอวของฉัน และนอนหลับพร้อมกับโอบกอดฉันไว้ฉันดิ้นเล็กน้อย กลับพบว่าขยับไม่ได้เลยฉันหันหน้ามองเขาเล็กน้อย โครงหน้าของเขาเด่นชัดและลึกซึ้ง ดูเหมือนจะหลับไปแล้วจริง ๆเมื่อเห็นว่าไปไม่ได้แล้ว ฉันจึงนอนอยู่ที่บ้านของโจวจี้หลิ่นหนึ่งคืนเช้าวันรุ่งขึ้น ทันทีที่ฉันพลิกตัวก็เข้าสู่อ้อมแขนที่อบอุ่นทันที เมื่อฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าโจวจี้หลิ่นนอนอยู่ข้าง ๆ แต่เมื่
ฉันหาจนทั่ว และพบว่าโจวจี้หลิ่นอยู่ในห้องนอนชั้นสอง เขามีกลิ่นเหล้าทั่วตัว ทรุดนั่งลงอยู่ข้างเตียง ในมือถือขวดไวน์แดง และในอ้อมแขนกลับกอดกรอบรูปอันหนึ่งไว้ กระดุมบนเสื้อเชิ้ตของเขาปลดออกครึ่งหนึ่ง หน้าอกขาวที่แข็งแรงของเขาก็เปิดเผยอยู่ในอากาศฉันเอื้อมมือไปหยิบขวดไวน์แดง เขาคลายมือแล้วแต่ตอนที่ฉันจะหยิบกรอบรูป เขาก็ลืมตาขึ้นมาในทันที ดวงตาที่มืดสนิทลึกซึ้งจ้องมองมาที่ฉันอย่างตรงไปตรงมา และสายตาของเขาก็สะลืมละลือเล็กน้อยจากอาการเมา“ห้ามแตะ” น้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อยเขาพูดแบบนี้ ฉันกลับเกิดความอยากรู้ขึ้นมา จึงถามพร้อมกับยิ้ม “ให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?”“ไม่ให้” คิ้วและตาของเขาดุร้ายขึ้นมาเมื่อเห็นเขาดึงดันขนาดนี้ ฉันก็ไม่โน้มน้าวเขาอีก พยุงเขาให้ลุกขึ้นยืน วางเขาลงบนเตียง และถอดรองเท้าให้เขา จากนั้นก็วิ่งออกไปเทน้ำแก้วหนึ่งมาให้เขาฉวยโอกาสตอนที่เขาดื่มน้ำอยู่ ฉันพลิกกรอบรูปและแอบมองแวบหนึ่งเป็นรูปที่ถ่ายตอนฉันกำลังหอมแก้มเขาอยู่นี่มันมีอะไรน่าหวงนักหนา?“โจวจี้หลิ่น ทำไมคุณถึงต้องดื่มเหล้าด้วย แถมยังดื่มจนเมาขนาดนี้อีก? นี่ไม่เหมือนคุณเลยนะ” จู่ ๆ ฉันก็ถามด้วยเสียงที่ท
เขาน้ำตาคลอเบ้าเขาไม่มีบ้านให้กลับแล้วจริง ๆ ไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่น้อง ไม่มีคนรักหลินจิงเฟิงจู่ ๆ ก็นึกถึงช่วงที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย เขาก่อเรื่องและทำร้ายคนอื่นจนเข้าโรงพยาบาล ถูกคุณพ่อไล่ออกจากบ้าน เป็นสือเยียนที่ช่วยเหลือเขา และพาเขาเดินออกมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบากเมื่อก่อน ขอแค่เขาโทรศัพท์สักหนึ่งสาย และส่งข้อความสักหนึ่งข้อความ สือเยียนก็จะมาอยู่ข้างกายเขาโดยไม่ลังเล“เยียนเยียน...” หลินจิงเฟิงนั่งอยู่ที่หน้าประตูบ้านฉันนานมากแล้ว เมื่อเห็นฉันออกมา เขาก็รีบลุกขึ้นยืน มองฉันและตะโกนเรียกฉันหยุดฝีเท้าลงสักพักหนึ่ง และเงยหน้าขึ้นมองหลินจิงเฟิงที่ทุลังทุเลอย่างตกตะลึงเล็กน้อย เขาถูกคนตีจนจมูกช้ำใบหน้าบวม สายตาก็ไม่มีประกายสดใสเหมือนเคย เสื้อผ้าก็เปื้อนโคลนด้วย“คุณหลิน คุณมีธุระอะไร?” ฉันเอ่ยด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์เมื่อได้ยินคำว่า ‘คุณหลิน’ หลินจิงเฟิงก็น้ำตาคลอเบ้า และมองฉันด้วยน้ำตานองหน้า เขารู้ว่ากลับไปไม่ได้แล้ว“เยียนเยียน ถ้าเธอไม่ความจำเสื่อมก็คงดี ถ้าเป็นแบบนั้นพวกเราคงแต่งงานกันไปแล้วแน่ๆ” หลินจิงเฟิงเอ่ยพลางสะอึกสะอื้นฉันหัวเราะเสียงเย็นหัวเราะที่เขาคิดง





