คล้อยหลังพี่ชายแล้ว ภัทรมัยจึงเดินไปนั่งข้างหลานสาวโดยมีชยาวุธนั่งลงข้างกัน ชายหนุ่มบีบมือเธออย่างให้กำลังใจพลางพูดเบา ๆ ว่า
“คุณแม่ท่านไม่เป็นอะไรแน่ เชื่อพี่นะ”
ภัทรมัยบีบมือเขาตอบ หากสีหน้ายังคงมีแต่ความกังวล เพราะเป็นห่วงมารดาที่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้อาการเป็นอย่างไรบ้าง อีกทั้งท่านก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น
ผ่านไปครู่ใหญ่ แพทย์ผู้ทำการรักษาก็เดินออกจากห้องฉุกเฉิน ภัทรมัยกับชยาวุธจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหาทันที
“ท่านเป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ”
“พ้นขีดอันตรายแล้วนะคะ แต่คนไข้เลือดออกมาก บวกกับมีภาวะความดันต่ำอยู่แล้วจึงยิ่งต่ำลงไปอีก หมอจึงให้แอดมิตไปก่อนเพื่อรอดูอาการข้างเคียงว่าจะมีอาการอะไรไหม อย่างเช่นหน้ามืด มึนหัว คลื่นไส้อาเจียน หรือหนักสุดก็คืออาการช็อก ซึ่งต้องรอดูหลังจากที่คนไข้ฟื้นแล้ว”
“ไม่มีเลือดคั่งอะไรพวกนั้นใช่ไหมคะคุณหมอ” ภัทรมัยสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อทราบว่ามารดาพ้นขีดอันตรายแล้ว
“ไม่มีค่ะ กระดูกต้นคอและโดยรอบไม่มีการแตกร้าว แต่จะมีรอยฟกช้ำจากการถูกตี ตอนนี้เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมห้องให้อยู่ เสร็จเรียบร้อยแล้วพยาบาลจะมาแจ้งให้ทราบนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”
ภัทรมัยกับชยาวุธยกมือไหว้ขอบคุณแพทย์ผู้ทำการรักษา จากนั้นก็นั่งอยู่หน้าห้องเพื่อรอพยาบาลมาแจ้งเรื่องห้องพักผู้ป่วย
“เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าท่านไม่เป็นอะไรหรอก สบายใจได้แล้วเนอะ” ชายหนุ่มลูบศีรษะเธออย่างให้กำลังใจ หญิงสาวพยักหน้าแล้วหันไปยิ้มให้ ก่อนจะหันหน้ามาอีกด้านเพื่อถามหลานสาวตัวน้อย
“กัสจังหิวไหมลูก หนูกินอะไรมารึยังคะ”
“ยังค่ะ ตอนนี้หนูหิวแล้ว” เจ้าตัวเล็กเงยหน้ามาตอบ
“งั้นพี่จะไปซื้อให้เอง แก้มนั่งอยู่กับหลานที่นี่แหละ ว่าแต่กัสจังเขาชอบกินอะไรบ้าง หรือไม่ชอบอะไร พี่จะได้ซื้อมาถูก แล้วแก้มล่ะจะกินอะไรดี” ชยาวุธลุกขึ้นยืน
“ของกัสจังเอาเป็นนมกล่องรสจืดกับแซนด์วิชแฮมชีสค่ะ แก้มขอนมกล่องหนึ่งกับน้ำเปล่าก็พอ”
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วแบมือไปตรงหน้าเธอ “ขอโทรศัพท์หน่อย”
ภัทรมัยเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม เขาจึงบอกว่า “ก็แก้มบล็อกเบอร์พี่ไว้อยู่ ถ้าในร้านไม่มีแซนด์วิชพี่ก็ โทร.มาถามแก้มไม่ได้สิว่า เอาอย่างอื่นแทนได้รึเปล่า”
หญิงสาวค้อนใส่เขา แต่ไม่ได้ยื่นโทรศัพท์ของตนให้ “เดี๋ยวปลดให้น่า”
“ก็ปลดตอนนี้เลยสิครับ” เขายิ้ม เธอจึงต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปลดบล็อกเบอร์ของเขาต่อหน้าเจ้าตัว
ชยาวุธทดลอง โทร.เข้าเบอร์ของเธอ เมื่อเห็นว่า โทร.ติดแล้วชายหนุ่มก็ยิ้มกว้าง
“ขอบคุณครับผม แล้วพี่จะ โทร.มาบอกนะว่ามีอะไรบ้าง”
ครั้นพอชายหนุ่มเดินห่างออกไปแล้ว ภัทรมัยก็ได้แต่ถอนหายใจแผ่ว เมื่อคืนที่ผ่านมาชยาวุธค้างกับเธอเช่นเคย ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่เคยมานอนเฉย ๆ เพราะทุกครั้งจะต้องมีเซ็กซ์เร่าร้อนเกิดขึ้นเสมอ และเธอเองก็ยอมรับว่าไม่เคยคิดปฏิเสธการเมกเลิฟกับเขาอยู่แล้ว
แม้จะนอนด้วยกัน แต่เธอก็ลดสถานะของเขาเป็นแค่คนคุยเท่านั้น เพื่อนก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่เชิง เพราะการทำแบบนี้ทำให้เธอไม่ต้องคาดหวังอะไรจากเขาอีก และที่สำคัญคือการลาออกจากงานของเธอครั้งนี้คงต้องเลื่อนเข้ามาไวขึ้นกว่าเดิมแล้วกระมัง เพราะถ้าเป็นไปได้ เธออยากลาออกสิ้นเดือนนี้เลย!
คิดได้ดังนั้น หญิงสาวจึงกดโทรศัพท์ไปคุยกับหัวหน้าของเธอโดยตรงทันที
หลังจากได้ห้องพักผู้ป่วยแล้ว ภัทรมัยกับชยาวุธจึงพาหลานสาวขึ้นไปยังห้องพักด้วยกัน เวลานี้สายมากแล้ว แต่หญิงสาวโทรศัพท์ไปลางานกับจิติมา โพรเจกต์เมเนเจอร์แล้วเรียบร้อยพร้อมทั้งพูดเรื่องการลาออกของตน ซึ่งเธอจะได้รับคำตอบหลังจากที่อีกฝ่ายนำเรื่องนี้ไปคุยกับผู้บริหาร
อีกแค่สัปดาห์กว่า ๆ จะสิ้นเดือน ถ้าฝ่ายบริหารอนุญาตให้เธอลาออกได้โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดหนึ่งเดือนตามสัญญาจ้าง เดือนหน้าเธอก็จะกลายเป็นคนว่างงานทันที แต่มีอาชีพเป็นแม่ค้าแทน
ภัทรมัยดูเวลา เก้านาฬิกานิด ๆ แล้ว แต่ชยาวุธไม่มีทีท่าจะไปวัดเพื่อร่วมงานเผาศพมารดาของแฟนเก่า เธอจึงทำทีเป็นถามเขาว่า
“พี่เวฟไม่ไปวัดหรือ เก้าโมงกว่าแล้วนะ”
เขายิ้มเล็กน้อย “เอ่อ...เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”
“เผาสิบเอ็ดโมงไม่ใช่หรือ” เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไร ถ้าเขาไม่ไปตอนนี้ก็เท่ากับเขาจะไปงานเผาศพสายกว่าคนอื่น เพราะกว่าเขาจะขับรถไปถึงวัดคงใช้เวลาร่วมชั่วโมงกว่าเป็นแน่
“ช้าหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากให้แก้มอยู่คนเดียวน่ะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
“อยู่คนเดียวอะไรกัน แก้มอยู่กับแม่กับหลานนะ” เธอลอบยิ้มเพราะไม่เห็นเขามีท่าทางร้อนรนว่าอยากไปงานเผาศพทางนั้น เขาอยากอยู่กับเธอมากกว่า
ชยาวุธขยับเข้ามานั่งชิดเธอแล้วพูดเสียงค่อยว่า
“แก้มไม่โกรธพี่นะที่พี่ต้องไปทางนู้น จะไม่ไปก็ไม่ได้น่ะ เพราะพี่เองก็นับถือท่านเหมือนแม่คนหนึ่ง พี่อยากไปส่งท่านครั้งสุดท้าย”
“ทำไมแก้มต้องโกรธด้วยล่ะ เห็นแก้มงี่เง่าขนาดนั้นเลยหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น แก้มเคยงี่เง่าที่ไหนกันเล่า มีแต่พี่นี่แหละที่งี่เง่ากับแก้ม” เขายิ้มอย่างประจบ
“ถ้างั้นแก้มว่าพี่รีบไปดีกว่า เดี๋ยวจะไปสายกว่าคนอื่น เพราะพี่ก็เจ้าภาพคนหนึ่งไม่ใช่หรือ” เธอไม่ได้ประชด แค่ไม่อยากให้เขารู้สึกลำบากใจ
“อืม ถ้าเสร็จเรื่องเมื่อไรแล้วพี่จะ โทร.หานะ คิดว่าไม่น่าเกินบ่ายโมง พี่จะได้มารับแก้มกลับห้องด้วย เพราะคืนนี้แก้มจะนอนเฝ้าแม่ใช่ไหมล่ะ”
หญิงสาวพยักหน้าให้เขา ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า
“งั้นเดี๋ยวพี่มา แก้มอย่าบล็อกเบอร์พี่อีกล่ะ”
เธออดขำไม่ได้ที่เขากลัวว่าจะถูกบล็อกเบอร์โทรศัพท์อีกครั้ง เมื่อเขาออกจากห้องพักผู้ป่วยไปแล้ว เธอจึง โทร.เข้าเครื่องพี่ชายเพราะอยากรู้ว่าทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่เสียงสายเรียกเข้ากลับดังอยู่ข้างตัว ซึ่งหลานสาวตัวน้อยกำลังดูการ์ตูนอยู่ เห็นดังนั้นเธอจึง โทร.เข้าไปอีกเครื่อง แต่กันตพลไม่รับสาย
หญิงสาวลุกขึ้นไปยืนข้างเตียงเพื่อดูอาการของผู้เป็นมารดา พยาบาลจัดให้ท่านนอนตะแคงเพราะด้านหลังมีผ้าปิดแผลอยู่ เห็นใบหน้าที่เริ่มโรยราไปตามวัยแล้วอดนึกถึงตอนที่ท่านยังสาวไม่ได้ มารดาของเธอจัดว่าเป็นคนสวยคนหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งยังแต่งตัวเก่ง หากเปรียบเปรยกับคำในปัจจุบันก็คงเรียกว่าเจ้าแม่แฟชั่นได้อย่างไม่เคอะเขิน แม้ว่าตอนนี้ท่านจะอายุหกสิบกว่า แต่ก็ยังดูดีตามวัย ความร่วงโรยและความอ่อนล้าไม่สามารถทำอะไรท่านได้เลยจริง ๆ
“หายไว ๆ นะ ไอดอลของแก้ม” เธอบีบมือท่านเบา ๆ ก่อนพูดต่ออีกว่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นรักครั้งไหน พวกเขาก็ยินดีกับเพื่อน และคอยเป็นกำลังใจให้เสมอ“พี่ไม่ได้โบ้ยสักหน่อย” ชยาวุธแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ อารยะจึงโพล่งขึ้นว่า“โอ้โห ปฏิเสธหน้าด้าน ๆ เลยนะมึง เมื่อกี้มันบอกน้องแก้มว่ากูเป็นคน โทร.ชวนออกมากินเหล้าเว้ย” ประโยคหลังอารยะหันไปบอกสกนธ์ว่าตนถูกชยาวุธใส่ความอย่างไรบ้าง“นี่แน่ะ! มีเรื่องคับข้องหมองใจอะไรหรือคะคุณชยาวุธ ถึงต้องโทรศัพท์ชวนเพื่อนมาเที่ยวกลางคืนโดยไม่บอกกันสักคำ ทำอย่างกับแก้มเคยห้ามพี่เที่ยวอย่างนั้นแหละ แต่นี่นอกจากไม่บอกแล้วยังจงใจบิดเบือน แสดงว่าต้องมีลับลมคมในอะไรแน่ ๆ เลยใช่ไหม” เธอหยิกสีข้างของเขาแรงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่เจ้าตัวกลัวทำหน้าเหยเกราวกับเจ็บเสียเต็มประดา“มันหนีเที่ยวบ่อยหรือครับน้องแก้ม” สกนธ์ยิ้มร่า ภัทรมัยจึงตอบไปว่า“เรื่องนี้แก้มไม่รู้เลยค่ะว่าพี่เวฟหนีเที่ยวบ่อยรึเปล่า เพราะแก้มไม่เคย โทร.เช็กเลยว่าเขาอยู่ที่ไหน หรือทำอะไร โทรศัพท์ของเขาแก้มก็ไม่เคยยุ่ง ว่าแต่พวกพี่เถอะ พี่เวฟ โทร.ชวนมาดื่มบ่อยไหมคะ”“บ่อยอะไร ก็เพิ่
“ผมทำเองแหละ ต่อยไปทีเดียวเพราะมันมาลวนลามแฟนผม ผมจะให้เบอร์ไว้กับคุณก็แล้วกัน เผื่อมันฟื้นขึ้นมาแล้วอยากเอาเรื่องก็ โทร.มาหาผมได้เลย” ชยาวุธเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบใบหน้าเคร่งขรึมไร้รอยยิ้ม“ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้เรื่องมันจบแค่ตรงนี้ดีกว่า เพราะจะว่าไปแล้วเพื่อนผมมันผิดเองแหละที่ทำตัวไร้มารยาทกับแก้มก่อน...พี่ขอโทษแทนเอกซ์มันด้วยนะแก้ม” ประโยคหลังศุภกรหันไปพูดกับภัทรมัย“ไม่เป็นไรค่ะพี่ ฉันขอโทษด้วยนะผึ้งที่ทำให้งานกร่อย” ภัทรมัยหันไปพูดกับน้ำผึ้ง แต่เพื่อนสาวกลับโบกมือให้พร้อมกับส่ายหน้าพลางพูดว่า“ไม่ใช่ความผิดแก เป็นความผิดคนนี้ต่างหาก ไปงานไหนล่มงานนั้นเลยจริง ๆ น่าเบื่อชะมัด” น้ำผึ้งพูดเสียงค่อยพลางเบ้หน้าใส่อธิปซึ่งขณะนี้กำลังถูกเพื่อนทั้งสองคนช่วยกันประคองขึ้นยืน“แกจะกลับเลยใช่ไหมแก้ม” น้ำผึ้งถามเพื่อน ภัทรมัยพยักหน้า“อืม กลับไปนั่งก็ไม่สนุกแล้วละ กลับบ้านดีกว่า” ภัทรมัยเอนศีรษะซบไหล่ชยาวุธอย่างเอาใจอารยะมองการกระทำของแฟนสาวของเพื่อนสนิทก็ได้แต่ลอบยิ้ม ช่างเอาอ
“หึงอะไรเล่า กูแค่ไม่ชอบ ก็มึงดูดิ ไอ้ห่านั่นน้ำลายแม่งจะหกอยู่แล้ว เป็นมึงจะชอบไหมล่ะ” ชยาวุธขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ขณะเดียวกัน คนที่ถูกจับจ้องอย่างภัทรมัยนั้นได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างตัว ทั้งที่เธออุตส่าห์มาตรงเวลาแล้วแท้ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าตนมาช้ากว่าคนอื่น และที่นั่งที่ว่างอยู่สำหรับฝั่งผู้หญิงก็คือข้างผู้ชายคนนี้เห็นตี๋ ๆ หน้าใส ๆ นึกว่าจะเรียบร้อยน่ารัก ที่ไหนได้ หน้าหม้อยืนหนึ่งเลยทีเดียว!“น้องแก้มจะไม่ให้ไอดีไลน์พี่จริง ๆ หรือเนี่ย ทำไมใจร้ายแบบนี้ล่ะครับ”อธิปอ้อนวอนเสียงอ่อน ภัทรมัยได้แต่ยิ้มเนือย ๆ ให้อีกฝ่าย ผู้ชายคนนี้เริ่มเมาแล้ว ทั้งที่ทุกคนเพิ่งมาถึงกันได้ไม่นาน ยังดื่มไปได้คนละนิดละหน่อยเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเขาน่าจะเมามาจากที่อื่นก่อนแล้ว“ต้องขอโทษด้วยนะคะ แฟนแก้มไม่ชอบน่ะ เขาขี้หึงมาก เขาไม่ชอบให้แก้มคุยกับคนอื่น”เธอจำเป็นต้องยืมชยาวุธมาเป็นไม้กันหมา ปกติแล้วหากมีคนขอไอดีไลน์เธอมักจะให้ไปเพราะคิดว่าอย่างไรเสียการมีคนชอบดีกว่ามีคนเกลียด และเท
“ไม่มี กูกับแฟนไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกันหรอก เพียงแต่ตอนนี้แฟนกูเขาลาออกไปแล้วไง ไม่ได้ทำงานที่เดียวกันแล้ว” ชยาวุธยกแก้วขึ้นดื่มพลางมองไปทางเวทีที่กำลังมีดนตรีสดเล่นอยู่“อ๋อ พอไม่ได้ทำงานที่เดียวกันก็เลยคิดถึงว่างั้น ถุย! ไอ้คุณเวฟ มึงนี่จะน่าหมั่นไส้เกินไปแล้ว” สกนธ์พูดโล้งเล้งเสียงดังอย่างทีเล่นทีจริง“มันก็เรื่องปกติรึเปล่าวะไอ้กอล์ฟ คนเขามีคู่ให้คิดถึงโว้ย ไม่ได้โสดเหมือนมึง” ชยาวุธได้ทีเกทับเพื่อนกลับไป“แล้วทำไมถึงเบื่องานวะ ทำมาหลายปีแล้วไม่ใช่หรือ” อารยะถามพลางมองนักร้องที่อยู่บนเวทีบ้าง“ความจริงไม่ได้เบื่องานหรอกว่ะ งานกูโอเคทุกอย่างนั่นแหละ แต่ที่ไม่โอคือเออีคนใหม่ที่เข้ามาแทนแฟนกูน่ะ”“ทำไมวะ” สกนธ์ถาม“น้องมันดันมาชอบกู แล้วเสือกอยู่คอนโดฯ เดียวกับกูอีกนะ ซวยฉิบหาย” ชยาวุธเล่าไปตามตรงอย่างไม่ปิดบัง เพราะกับเพื่อนสนิทกลุ่มนี้เขามักเปิดอกคุยกันเกือบทุกเรื่องอยู่แล้ว“อะไรของมึงวะไอ้เวฟ มีสาวมาชอบมันคือเรื่องดีนะโว้ย มึงจะมานั่งเครียดทำห่
ชยาวุธทำทีเป็นมองไม่เห็นสายตาตัดพ้อของเชอร์รีที่ส่งมาให้จากโต๊ะทำงานของเจ้าตัว เป็นเพราะเมื่อเช้าหลังจากกินโจ๊กกับทิวากรเสร็จแล้วขึ้นออฟฟิศ เขาก็ไปหาดนุพร อาร์ตไดเรกเตอร์เพื่อคุยเรื่องนั้นทันที และเป็นไปตามคาด ครีเอทีฟไม่จำเป็นต้องเข้าไปพบลูกค้าอีกแล้ว เพราะเนื้องานเริ่มเข้าสู่กระบวนการผลิตเหมียวได้ทีจึงสั่งสอนเออีน้องใหม่ด้วยการแนะว่าสิ่งใดควรทำ และสิ่งใดไม่ควรทำ ซึ่งพอเชอร์รีรู้ว่าเขาเป็นคนนำเรื่องนี้ไปปรึกษาอาร์ตไดเรกเตอร์ เจ้าตัวก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ และมากระเง้ากระงอดใส่เขาถึงโต๊ะ“เฮ้อ...” โคตรเซ็งชยาวุธได้แต่นั่งถอนหายใจจนทิวากรต้องยื่นหน้าข้ามฉากกั้นมาคุยด้วย“กูจะสงสารหรืออิจฉามึงดีวะเนี่ย ฮ่า ๆ”“ต้องอิจฉาสิพี่ พี่เวฟเสน่ห์แรงออกขนาดนี้” เก๋า ครีเอทีฟรุ่นน้องอีกคนยื่นหน้าข้ามฉากกั้นมาคุยด้วยเช่นกัน“ถ้ากูโอนต่อให้พวกมึงได้ กูจะโอนให้เลยเนี่ย ไอ้เสน่ห์พวกนี้น่ะ” ชยาวุธหน้าง้ำพลางนึกถึงหัวข้อสนทนาที่ตนคุยกับทิวากรในร้านโจ๊กเมื่อเช้าในอนาคตเขากับภัทรมัยจะมีปั
ภัทรมัยมองแฟนหนุ่มของตนแล้วได้แต่ลอบถอนหายใจด้วยความปลงตก ถึงแม้เขาจะไม่ใช่คนโง่ที่ตกหลุมพรางตื้น ๆ ของผู้หญิงบางคนได้ง่าย แต่เขาก็ยังเป็นคนที่มักมองผู้อื่นในแง่ดีไว้ก่อนเสมอจริง ๆ เธอเสียอีกที่กลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายไปเลยเมื่ออยู่กับเขา เพราะฉะนั้น เธอไม่เชื่อหรอกว่าแม่เออีคนใหม่นั่นจะยอมรามือ!ภัทรมัยเดินออกจากลิฟต์พร้อมชยาวุธ หางตาของเธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนแอบอยู่ข้างกระถางต้นไม้ใกล้กับประตูทางออกที่จะไปอาคารจอดรถจึงหันไปมองให้เต็มตาว่าจะใช่คนที่ตนคิดเอาไว้รึเปล่าแล้วก็ใช่จริง ๆหญิงสาวสลับมาเดินอีกข้างของแฟนหนุ่มทันที จากนั้นก็ประสานมือกับเขาแล้วเดินไปด้วยกัน เมื่อถึงจุดที่เชอร์รีแอบอยู่จึงหยุดเดินแล้วมองหน้าอีกฝ่าย ส่วนชยาวุธก็เพิ่งสังเกตเห็นตอนนั้นเองว่าเออีน้องใหม่กำลังยืนอยู่“โอ้โห ด้านไม่แผ่วเลยจริง ๆ เห็นไหมพี่เวฟ แก้มพูดผิดเสียที่ไหนล่ะ นางยืนรอพี่จริงด้วย” เธอหันไปพูดกับเขายิ้ม ๆ ชยาวุธกลอกตาพร้อมกับถอนหายใจแผ่ว ซึ่งเป็นกิริยาที่เขามักทำเวลาเบื่อหน่ายอะไรสักอย่าง“ไปเถอะ” เขากระตุกมือเธอให้ออกเ