Share

ปิ่นหยกโบราณ 1.1

last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-01 22:23:07

คริสต์ศักราช 2018

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์มณฑลส่านซี

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเจดีย์ห่าน Giant Wild ในเมืองโบราณซีอานในมณฑลส่านซีประเทศจีนเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ของรัฐขนาดใหญ่ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยและเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุด ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งของกว่าสามแสนเจ็ดหมื่นชิ้น รวมทั้งภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพวาดเครื่องปั้นดินเผาเหรียญตลอดจนวัตถุที่ทำด้วยทองสัมฤทธิ์ทองคำและเงิน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นระหว่างปี 1983 ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2001 และมีลักษณะของการสร้างรูปแบบสถาปัตยกรรมของราชวงศ์ถัง

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ส่านซีแห่งนี้มีพื้นที่หกหมื่นห้าพันตารางเมตร มีพื้นที่อาคารห้าหมื่นห้าพันหกร้อยตารางเมตร ห้องเก็บพระธาตุทางวัฒนธรรมแปดพันตารางเมตร ห้องโถงนิทรรศการของหนึ่งหมื่นหนึ่งพันตารางเมตร และคอลเลกชันสามแสนเจ็ดหมื่นวัตถุ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ Tang โดยมี “ห้องโถงอยู่ตรงกลางอาคารที่มีชั้นในหลายมุม” มีความสง่างามและใหญ่โต โออ่าด้วยการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ซึ่งแสดงถึงประเพณีพื้นบ้านและลักษณะเฉพาะของท้องถิ่น

มณฑลส่านซีเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโบราณของจีนถึงสิบสามราชวงศ์ นับตั้งแต่โจว,ฉิน ,ฮั่นและราชวงศ์ถัง ซึ่งเต็มไปด้วยโบราณวัตถุทางวัฒนธรรม เมื่อพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ส่านซีสร้างเสร็จจึงได้รวบรวมโบราณ วัตถุล้ำค่ากว่าสามแสนเจ็ดหมื่นชิ้นซึ่งขุดพบในมณฑลส่านซีรวมทั้งเครื่องถ้วยสำริดรูปปั้นเครื่องปั้นดินเผาและภาพวาดฝาผนังในสุสานของราชวงศ์ถัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีรูปปั้นเครื่องปั้นดินเผาจำนวนมากมาจากสุสานของราชวงศ์ที่อยู่รอบเมือง

ภายในอาณาบริเวณของพื้นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ มีอาคารสร้างขึ้นโดยใช้ต้นแบบจากสถาปัตยกรรมในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสถานที่รองรับสำหรับศึกษาและค้นคว้าวิจัยข้อมูลและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของชนชาติจีน ก็อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวด้วยเช่นกัน หลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายถูกขุดพบทุกวันตามหัวเมืองและมณฑลต่างๆ ที่เคยเกิดอารยธรรมโบราณเมื่อหลายพันปีก่อน มีเจ้าหน้าที่นับร้อยชีวิตอยู่ภายในศูนย์วิจัยแห่งนี้รวมไปถึงนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ

ซึ่งนักศึกษาในคณะประวัติศาสตร์ โบราณคดี วรรณกรรมและปรัชญา ซึ่งอยู่ในช่วงชั้นปีสุดท้ายของแต่ละมหาวิทยาลัยจะถูกส่งมาฝึกงาน แยกย้ายไปตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ก่อนจะมารวมอยู่ที่จุดเดียวกันคือที่ส่านซี เนื่องจากเป็นเพียงแห่งเดียวที่มีสถาบันวิจัยค้นคว้าอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับพิพิธภัณฑ์

ภายในห้องวิจัยค้นคว้าในขณะนี้ ทั้งนักศึกษาฝึกงานและนักวิจัยกำลังนั่งก้มหน้าก้มตา ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์กันอย่างคร่ำเคร่ง โบราณวัตถุมากมายที่ถูกค้นพบภายในมณฑลส่านซีถูกทยอยนำเข้ามาไม่เว้นแต่ละวัน และมอบหมายให้นักศึกษาฝึกงานรวมไปถึงนักวิจัยต่างพากันช่วยดูแลรับผิดชอบ

“อันอัน!” เสียงเรียกของหัวหน้าทีมงานวิจัยเรียกขานดังก้องขึ้นภายในห้อง

หญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงในลักษณะมวยผมเกล้าขึ้นสูงเอาไว้ตรงกลางศีรษะ สวมแว่นตาสายตาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นจากโบราณวัตถุตรงหน้าเธอด้วยสีหน้าคร่ำเคร่งเหลือประมาณ

“ค่ะหัวหน้า!” เธอขานรับกลับไปทันทีพลางหันกลับไปมองทางต้นเสียงที่เรียกหา

ร่างระหงลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินตรงเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้าทีมวิจัย พลางทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้

“หัวหน้าเรียกอันอันมีอะไรอย่างนั้นเหรอคะ” หญิงสาวถามกลับไป ท่ามกลางสายตาของสาวใหญ่กำลังมองแม่สาวน้อยตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง

“หายดีแล้วอย่างนั้นเหรอ ถึงได้กลับมาทำงาน หมอให้พักรักษาตัวหนึ่งเดือน แต่นี่อะไรยังไม่ถึงสามอาทิตย์เธอก็กลับมาทำงานแล้ว ไม่เจ็บแผลถูกยิงแล้วอย่างนั้นเหรอ”

 จางเพ่ยอัน สาวน้อยวัยเพียงยี่สิบเอ็ดปีเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งมาหมาดๆ ส่งยิ้มหวานกลับไปเมื่อหัวหน้างานของเธอถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอาการบาดเจ็บเพราะถูกกลุ่มอันธพาลไล่ยิงกันเองเรื่องขัดผลประโยชน์ แล้วเธอบังเอิญถูกลูกหลงในที่เกิดเหตุ ซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นมีคนได้รับบาดเจ็บหลายรายและเสียชีวิตหนึ่งราย

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะหัวหน้า ไม่เจ็บและปวดแผลแล้ว ขี้เกียจนอนอยู่กับบ้านเฉยๆ สู้มาทำงานไม่ได้ คิดถึงงานที่ทำค้างเอาไว้รีบกลับมาทำดีกว่าค่ะ” จางเพ่ยอันตอบกลับไป

“ไม่เป็นไรแล้วก็ดีจะได้สบายใจ ดีที่พวกอันธพาลถูกทางการจับยกแก๊งกันหมด เห็นข่าวออกทางทีวีกันอย่างครึกโครม คนเจ็บตายในวันนั้นไม่รู้ตั้งกี่คน พวกนี้สมควรต้องจำคุกตลอดชีวิตไม่ต้องออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นได้อีก” แม่หัวหน้างานบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมเลื่อนถาดที่วางอยู่ตรงหน้าเธอให้ลูกน้องสาว

“งานใหม่ของเธอ”

จางเพ่ยอันมองถาดใบขนาดย่อมที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งถูกเลื่อนมาไว้ตรงหน้าเธออยู่ในขณะนี้

“วัตถุโบราณล็อตใหม่เพิ่งขุดพบจากเมืองซีอานส่งมาให้ตรวจสอบ ฉันขอมอบให้เธอค้นคว้าหาข้อมูลว่ารูปแบบลักษณะและลวดลายที่ปรากฏเป็นของชนชั้นใด ประเมินอายุมาด้วยนะว่าก่อนยุคจิ๋นซีฮ่องเต้หรือยุคจักรพรรดิ” หัวหน้าทีมงานวิจัยซึ่งเป็นสตรีสาวรุ่นใหญ่วัยสี่สิบตอนต้นกล่าวพร้อมมองถาดตรงหน้าซึ่งภายในนั้นมีห่อผ้าวางเอาไว้

“รับทราบค่ะ!” หญิงสาวขานรับอย่างแข็งขันพร้อมเอื้อมมือรับถาดตรงหน้ามาถือเอาไว้

“เออ... วัตถุโบราณชิ้นนี้เร่งค้นคว้าไหมคะ พอดีอันอันยังมีงานค้างเก่าอยู่อีกยังทำไม่เสร็จเลยค่ะหัวหน้า” หญิงสาวถามกลับไปด้วยความอยากรู้ 

“พักงานเก่าเอาไว้ก่อน ชุดเกราะในยุคจิ๋นซีถูกขุดพบมากมายเต็มสุสาน ข้อมูลที่ได้รับมาก็ไม่แตกต่างจากที่มีอยู่ แต่งานที่เพิ่งมอบให้เธอรับผิดชอบ ทีมงานขุดค้นเพิ่งพบสุสานใหม่ สันนิษฐานว่าอาจเป็นของราชวงศ์ก็ได้เพราะข้าวของที่พบแตกต่างจากสุสานขุนนางหรือชนชั้นคหบดี ซึ่งยังไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับจิ๋นซีฮ่องเต้หรือเปล่า ค้นคว้าหาข้อมูลชิ้นล่าสุดมาให้ฉันก่อนนะอันอัน” หัวหน้าทีมงานตอบกำชับกลับมา

“โอเคค่ะ อันอันเข้าใจแล้ว” หญิงสาวตอบกลับไปพร้อมฉีกยิ้มกว้างส่งให้หัวหน้างานของเธอ ก่อนจะได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยบางอย่างกลับมา

“มีอีกเรื่องที่ฉันลืมบอกเธอไป” หัวหน้างานกล่าวพร้อมทอดสายตามองลูกน้องในสายงาน

“อะไรเหรอคะหัวหน้า” หญิงสาวถามกลับไปทันทีด้วยความสงสัย 

“ผลงานการค้นคว้าและวิจัยของเธอเท่าที่ผ่านมาถือว่าแม่นยำและถูกต้องมากที่สุดเลย ฉันพอใจในการทำงานและความทุ่มเทของเธอมากเลยนะอันอัน เดี๋ยวช่วงบ่ายไปรายงานตัวที่ห้องพัฒนาบุคลากร ฉันเซ็นคำสั่งบรรจุให้เธอเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยค้นคว้าของที่นี่ให้แล้ว”

ใบหน้าหวานของสาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี มีอาการชะงักงันเมื่อได้รับข่าวดีจากปากหัวหน้างานของเธอ หญิงสาวไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับการบรรจุเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิจัยภายในเวลาเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น

“จะ... จริงเหรอคะหัวหน้า!” หญิงสาวถามย้ำกลับไปเพื่อความแน่ใจ

ใบหน้าของผู้สูงวัยกว่าพยักหน้าติดต่อกัน พร้อมคลี่ยิ้มด้วยความเอ็นดูส่งกลับมา

“ฉันจะไปหลอกเธอทำไมอันอัน ตรงกันข้ามมันเป็นเรื่องจริง คนมีความสามารถและมีพรสวรรค์แบบนี้ ดูงานชิ้นไหนไม่เคยพลาดเลยว่าเป็นของจริงหรือของปลอม คนอื่นยังต้องใช้เวลาค้นคว้าอยู่เป็นนาน ตรงกันข้ามถ้าวัตถุโบราณชิ้นไหนอยู่ในความรับผิดชอบ ไม่เคยประเมินอายุผิดพลาดมิหนำซ้ำยังล่วงรู้ว่ามาจากยุคสมัยใดอีกด้วย”

และนั่นทำให้หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความดีใจอย่างสุดขีด ที่เธอได้งานมั่นคงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นหลักประกันของชีวิตตัวเองได้เป็นอย่างดีพอจะเชิดหน้าชูตาตระกูลจางได้ขึ้นมาบ้าง ไม่ต้องดิ้นรนไปหางานพิเศษทำเพื่อเลี้ยงดูตัวเองอีกต่อไป

แต่ถ้าจะทิ้งงานพิเศษดังกล่าวก็ทำไม่ได้เพราะงานดังกล่าวทำให้จางเพ่ยอันมีรายได้นำมาจับจ่ายจิปาถะได้อย่างสบายโดยไม่เดือดร้อนแม้แต่น้อย ด้วยเพราะหญิงสาวเป็นเด็กกำพร้าเติบโตในสถานรับเลี้ยงเด็ก และอยู่เผชิญโลกใบนี้เพียงตามลำพัง ไร้ญาติขาดมิตรนับตั้งแต่ลืมตาดูโลกใบนี้

“อันอันดีใจจังเลยค่ะหัวหน้า! ที่ได้บรรจุเข้าทำงานที่นี่! หนู... หนู... ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย” หญิงสาวเอ่ยด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะบรรยาย

ในขณะที่หัวหน้างานรุ่นใหญ่นั่งอมยิ้มด้วยความดีใจแทนเด็กสาวไม่แพ้กัน

“ฉันภูมิใจในตัวเธอจริงๆ นะอันอัน นี่คือผลของความตั้งใจและมานะพยายาม คนมีพรสวรรค์และเก่งๆ แบบนี้ต่อไปก็จะก้าวเดินได้อย่างมั่นคงและเติบโตแข็งแกร่งยิ่งๆ ขึ้นไป ไม่ต้องน้อยใจในโชคชะตาที่ผ่านมา นับตั้งแต่นี้ต่อไปจงกำหนดโชคชะตาของเราเองนะจางเพ่ยอัน” หัวหน้างานสาวใหญ่เอ่ยชื่อแซ่ของหญิงสาวเน้นหนัก

หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันครั้นได้ยินเช่นนั้น

“อันอันจะจดจำคำสั่งสอนของหัวหน้าเอาไว้อย่างขึ้นใจเลยค่ะ ขอบพระคุณหัวหน้ามากค่ะ” เธอกล่าวพร้อมก้มศีรษะคำนับผู้อาวุโสกว่าด้วยความเคารพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความปิติยินดีอย่างเห็นได้ชัด

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status