Share

ปิ่นหยกโบราณ 1.2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-01-01 22:25:00

ร่างระหงของหญิงสาวค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะล่าถอยออกจากห้องทำงานส่วนตัวของหัวหน้างาน โดยมีสายตาของผู้สูงวัยกว่ามองตามหลังด้วยความเอ็นดูนาง

ครั้นถึงโต๊ะทำงานส่วนตัว จางเพ่ยอันวางถาดที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ ดวงตาคู่สวยหันกลับไปมองภาพถ่ายของพ่อและแม่ที่จากไปเพราะอุบัติเหตุรถคว่ำตั้งแต่หญิงสาวมีอายุเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น พ่อและแม่ของเธอต่างเป็นลูกโทนด้วยกันทั้งคู่ ญาติมิตรล้วนล้มหายตายจากไปหมด ที่มีอยู่ก็เพียงแค่ญาติห่างไกลลิบลิ่ว ไม่มีความสามารถที่จะอุปการะเลี้ยงดูได้ด้วยมีฐานะยากจนและอยู่ในชนบท

หญิงสาวจึงถูกเลี้ยงดูจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาโดยตลอด บ่อยครั้งที่มีผู้อุปการะนำไปเลี้ยง ทว่าแต่ละรายเลี้ยงจางเพ่ยอันได้ไม่ถึงปี ถ้าไม่ตายยกครัวก็ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว จนต้องนำกลับมาคืนสถานรับเลี้ยงเด็กตามเดิม ซึ่งต่างพากันพูดปากต่อปากว่า วันเดือนปีเกิดของสาวน้อยคนงามเป็นดวงพิฆาตหากแม้นอยู่ร่วมกับผู้ใด คนใกล้ตัวจะต้องมีอันเป็นไปและเป็นเช่นนี้ทุกครอบครัว 

และนี่เป็นสาเหตุทำให้หญิงสาวเติบโตในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ามาโดยตลอด จนกระทั่งอายุสิบแปดปี พ้นวัยเยาวชนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ตามกฎหมาย จางเพ่ยอันจึงออกมาเผชิญชีวิตอยู่เพียงลำพังนับตั้งแต่นั้นมา ทำงานหาเลี้ยงตัวเองและเรียนในระดับมหาวิทยาลัยไปด้วยพร้อมกัน 

จนกระทั่งสามารถเรียนจบคณะประวัติศาสตร์ เกรียตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งและเป็นนักเรียนทุนของมหาวิทยาลัยมาโดยตลอด ซึ่งหญิงสาวยังได้รับทุนจากมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาโทและกำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้ควบคู่ไปกับการทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยวิจัย ซึ่งต้องทดลองงานนานถึงหนึ่งปี 

แต่หญิงสาวกลับได้รับการบรรจุเข้าทำงานภายในระยะเวลาเพียงแค่หกเดือนเท่านั้น พร้อมกับเงินเดือนประจำหกพันสามร้อยยี่สิบหยวนต่อเดือน และสวัสดิการมากมายที่รัฐมอบให้ในฐานะที่เธอเป็นบุคลากรของรัฐนั่นเอง มือน้อยเรียวสวยเอื้อมหยิบภาพถ่ายของพ่อและแม่มากอดเอาไว้แนบอกด้วยความรักและคิดถึงอย่างสุดหัวใจ

“พ่อขาแม่ขา อันอันทำได้แล้ว ตอนนี้หนูได้บรรจุเข้าทำงานในพิพิธภัณฑ์เป็นนักประวัติศาสตร์และนักวิจัยเหมือนพ่อกับแม่แล้วนะคะ พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวของหนูไหม” หญิงสาวพึมพำบอกพ่อแม่ของเธอในรูปภาพก่อนจะยกขึ้นหอมด้วยความชื่นใจพลางวางลงบนโต๊ะดั่งเดิม

มือเรียวดึงถาดที่มีห่อผ้าขาวพร้อมคลี่ออกอย่างรวดเร็ว เพื่อลงมือทำงานตามที่ได้รับมอบหมายมา ทันทีที่ห่อผ้าดังกล่าวถูกเปิดออก ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งสิ่งที่อยู่ในห่อผ้าอยู่เช่นนั้นนิ่งนาน เมื่อตรงหน้าของเธอคือปิ่นหยกโบราณ แกะสลักลายมังกรตรงส่วนหัวเห็นได้อย่างชัดเจน 

นิ้วเรียวสวยค่อยๆ เอื้อมมือหยิบปิ่นโบราณ และทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสถูกตัวปิ่น ฉับพลันภาพเลือนรางปรากฏขึ้นให้เธอได้เห็นขึ้นมาโดยพลัน ร่างบุรุษในอาภรณ์เลอค่าสูงใหญ่ตระหง่านค่อยๆ บรรจงปักปิ่นที่แกะสลักเป็นลายหงส์ลงบนมวยผมของสตรีสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขอย่างเห็นได้ชัด

 "หนึ่งปิ่นหนึ่งต่างหู ของคู่เคียงแทนใจข้า อยู่แนบชิดกายเจ้าตราบสิ้นชั่วฟ้าดิน" เสียงทุ้มก้องกังวานพร่ำบอกโฉมตรูซึ่งเป็นนางในดวงใจ

“หนึ่งปิ่นหนึ่งหัวใจจากข้า ขอมอบให้ท่านดูแลตราบสิ้นชีพชีวาวาย” สตรีสาวสูงศักดิ์ตอบกลับไปพร้อมมอบปิ่นแกะสลักลวดลายมังกรในมือของนางมอบให้คนรัก 

ร่างสูงใหญ่ทะมึนโน้มกายลงเพื่อให้คนรักปักปิ่นดังกล่าวด้วยมือของนางเอง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขอย่างยิ่งยวด 

“อันอัน!” เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงานดังขึ้น

พรึบ! ภาพเลือนรางที่มองไม่เห็นใบหน้าบุรุษและสตรีซึ่งเป็นคนในสมัยโบราณดับวูบลงไปทันที

 “ไปทานข้าวกลางวันกันเถอะ เที่ยงแล้ว” เพื่อนร่วมงานเอ่ยปากชวน

หญิงสาวสะบัดศีรษะของตัวเองไปมา พร้อมค่อยๆ กลืนน้ำลายลงคอเมื่อจู่ๆ ก็เห็นภาพประหลาดเกิดขึ้นกับเธอเป็นครั้งแรกในชีวิต

“ไปกินกันเถอะ วันนี้ฉันห่อข้าวมาด้วย อีกอย่างหัวหน้าเพิ่งมอบงานใหม่มาให้ทำ ฉันขอดูก่อนว่าจะต้องเริ่มค้นคว้าจากตรงไหนก่อนดี” หญิงสาวปฏิเสธเพื่อนร่วมงานอย่างนุ่มนวล

“ตามใจเธอเถอะย่ะ อย่าหักโหมมากก็แล้วกัน เดี๋ยวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะลำบาก” เพื่อนร่วมงานกล่าวเตือนพลางหันหลังกลับก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ 

“อ่อ! เธอยังรับดูดวงและทำนายโชคชะตาอยู่หรือเปล่าแม่ซินแสคนดัง” เพื่อนร่วมงานถามกลับมา

หญิงสาวพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กันพร้อมเงยหน้าขึ้นมอง

“ฉันก็ยังรับดูดวงอยู่ตลอดนั่นแหละ เลิกงานจากที่นี่ก็ไปเปิดร้านรับดูดวงทุกวัน ถ้าไม่มีอาชีพนี้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าจิปาถะได้เล่า” จางเพ่ยอันตอบกลับไป

เพื่อนร่วมงานฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจครั้นได้ยินเช่นนั้น

“ดีเลยเดี๋ยวช่วงค่ำๆ จะไปที่ร้านเธอให้ดูดวงญาติผู้พี่ของฉันเสียหน่อย เผื่อจะได้มีทางแก้ไขได้… ว่าแต่ดูฟรีได้ไหม”

หญิงสาวส่งยิ้มกลับไปอย่างเย็นยะเยือก ดวงตาหวานลุกวาววับขึ้นมาทันทีเมื่อเจอการต่อราคาสุดหฤโหดเช่นนั้น

“ฉันใช้พลังเยอะนะยะที่จะต้องดูดวงโชคชะตาให้ ของแบบนี้ต้องทุ่มเทและเรียนรู้จากครูบาอาจารย์ เอาเป็นว่าราคาไม่ลดร้อยห้าสิบหยวนเหมือนเดิม แต่ให้ถามได้สามข้อ เป็นยังไง แค่นี้พอใจไหม”

“ว้าว! แม่หมออันอันใจดีให้ถามได้สามข้อเสียด้วย แล้วเจอกันค่ำๆ นะ ฉันจะพาญาติผู้พี่ไปดูดวงกับเธอ” เพื่อนร่วมงานกล่าวพร้อมใช้มือตบลงบนบ่าของหญิงสาว

จางเพ่ยอันส่งยิ้มแห้งๆ กลับไปพลางมองตามหลังเพื่อนร่วมงาน

“คำถามละร้อยห้าสิบหยวน ให้ถามฟรีตั้งสามข้อฉันต่างหากสิยะที่ขาดทุนแทนที่จะได้เงินสี่ร้อยห้าสิบหยวนกลับได้แค่นั้น” แม่สาวน้อยบ่นรำพึงรำพัน 

เมื่องานพิเศษของเธอคือการเป็นหมอดู คอยดูดวงและทำนายโชคชะตารวมไปถึงการจัดวางฮวงจุ้ยในทำเลมงคล ซึ่งเป็นพรสวรรค์ส่วนตัวของหญิงสาวที่มีมาตั้งแต่กำเนิด จางเพ่ยอันมีญาณสัมผัสพิเศษสามารถเห็นเหตุการณ์ในอดีตและอนาคตได้ และก็นำมาใช้ประโยชน์เพื่อหารายได้เลี้ยงชีพตัวเองตั้งแต่ออกมาเผชิญโลกอยู่ตามลำพัง 

ทว่าการดูดวงของเธอก็อยู่ภายใต้ขอบเขต ช่วยได้ บรรเทาได้ แต่ไม่ฝืนกฎเกณฑ์ของโชคชะตาและลิขิตของสวรรค์เบื้องบน เพราะจางเพ่ยอันมีกฎเหล็กที่ลูกค้าประจำต่างล่วงรู้กันดี และราคาไม่เคยปรับขึ้นยังคงราคาเดิมไม่เปลี่ยนแปลง นอกเสียจากลูกค้าจะมอบสินน้ำใจให้เอง จึงทำให้หญิงสาวมีลูกค้าประจำมาใช้บริการมากมาย เป็นอาชีพเสริมที่ทำรายได้ให้อย่างงดงาม บางเดือนมีรายรับหลายหมื่นหยวนเลยทีเดียว ทำให้มีความเป็นอยู่อย่างสบายกว่าเดิมยิ่งนัก

 

หญิงสาวค่อยๆ หันกลับมามองปิ่นหยกโบราณที่เพิ่งขุดพบจากสุสานแห่งใหม่ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสงสัยอย่างยิ่งยวด เธอยกมือขึ้นเท้าคางกับขอบโต๊ะเมื่อได้เห็นภาพที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นมา ว่ามีปิ่นหยกสองอัน ในมือของจางเพ่ยอันขณะนี้คือปิ่นหยกแกะสลักลวดลายมังกรเป็นของบุรุษ ส่วนของสตรีสาวคนรักของเขาเป็นปิ่นหยกแกะสลักลายหงส์ เหตุใดหนอหญิงสาวจึงเห็นภาพเจ้าของปิ่นหยกโบราณชิ้นนี้ขึ้นมาได้

“ปิ่นหยกอันนี้มีเจ้าของ แถมมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่โบราณเลยทีเดียว เสียดายที่เห็นภาพไม่ชัดก็เลยไม่รู้ว่าเป็นของคนในยุคไหน มีหน้าตาเป็นยังไงบ้าง อยากรู้เหมือนกันว่าคนในสมัยโบราณจะมีหน้าตาแบบไหน ถ้าเหมือนในภาพวาดของจิตรกรขี้เหร่ตายชัก สงสัยปิ่นหยกอันนี้ท่าทางน่าจะอยู่ช่วงก่อนราชวงศ์ฉินเสียแล้วกระมัง” หญิงสาวพึมพำพร้อมยกปิ่นโบราณตรงหน้าขึ้นมาพิจารณาอย่างละเอียดอีกครั้ง

ทันใดนั้นเอง 

“ปิ่นนี้เป็นของข้า!” เสียงปริศนาดังขึ้นอยู่ด้านหลังของเธอ

ในขณะที่เจ้าตัวกำลังหมุนปิ่นหยกไปมา เพื่อสำรวจอย่างละเอียด

“เฮ้ย! จู่ๆ จะมาบอกว่าเป็นของใครกันง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไงกันล่ะคุณ ปิ่นหยกอันนี้เป็นของโบราณที่เพิ่งขุดค้นพบในสุสาน” เธอตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มหวาน ก่อนจะเอะใจเมื่อคำถามที่เพิ่งได้ยินนั้นช่างโบราณเสียนี่กระไร

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาโดยพลัน พร้อมดวงตาคู่สวยมองตรงไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งยังไม่ได้เปิดทำงาน กำลังสะท้อนภาพร่างบุรุษสูงใหญ่ในชุดเกราะแม่ทัพยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ

แกร๊ง! ปิ่นหยกที่อยู่ในมือตกลงบนโต๊ะทำงานทันที

ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจอย่างสุดขีด เมื่อเธอเห็นบุรุษในชุดเกราะโบราณระดับแม่ทัพยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ ใบหน้าสวมหน้ากากสีเงินปิดบังเอาไว้อย่างมิดชิดมิเห็นโฉมหน้าอันแท้จริงแม้แต่น้อย ภายในมือถือดาบง้าวขนาดใหญ่ใบมีดคมกริบวาววับ ยืนมองเธอผ่านหน้ากากดังกล่าวดวงตาไม่กะพริบ

“เจ้าเป็นผู้ใด! ใยจึงมีปิ่นของข้าไว้ในครอบครอง!” บุรุษภายใต้หน้า กากสีเงินเอ่ยถามเสียงนุ่มนวลกลับมา

“หา!” จางเพ่ยอันอุทานออกมาโดยพลัน ดวงตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ตาไม่กะพริบ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status