Home / รักโบราณ / แม่ทัพร้ายโหยหารัก / ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.5

Share

ฝาแฝดจากยุคอดีต 1.5

last update Last Updated: 2025-01-03 01:40:52

  เมื่อจู่ๆ จางเพ่ยอันก็หมดสติไปต่อหน้าต่อตาของเพื่อนร่วมงาน ร่างของหญิงสาวถูกช่วยชีวิตเบื้องต้นอย่างเร่งด่วนเพื่อทำให้เธอกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ท่ามกลางสายตาของจางเพ่ยอันที่ยืนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล มาถึงทันทีที่มีการแจ้งจากทีมงาน

  ทีมแพทย์ฉุกเฉินรีบช่วยกันปั้มหัวใจอย่างเร่งด่วนเพื่อให้คนไข้กลับมาหายใจได้ดั่งเดิม 

  “หัวใจหยุดเต้นไปประมาณหนึ่งนาทีเศษๆ เห็นจะได้ ตอนนี้ปั้มหัวใจกลับคืนมาได้แล้วแต่อาการยังน่าเป็นห่วง ความดันต่ำยังไม่ยอมขึ้นเลย รีบนำขึ้นรถเร็วๆ เข้า” ทีมแพทย์ฉุกเฉินเอ่ยน้ำเสียงเคร่งเครียดก่อนจะรีบยกร่างของสาวน้อยวัยใสขึ้นเปล

  “นี่ฉันตายแล้วอย่างนั้นเหรอ” หญิงสาวเอ่ยออกมาทันทีเมื่อเห็นทีมแพทย์คลี่ผ้าสีขาวคลุมร่างของเธอเอาไว้อย่างมิดชิด ใบหน้าถูกสายออกซิเจนครอบเอาไว้เพื่อช่วยให้เธอได้หายใจสะดวก พร้อมยกร่างขึ้นไปไว้บนรถฉุกเฉินของโรงพยาบาล ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ของเพื่อนร่วมงาน

  “ทำไมอันอันถึงได้เป็นแบบนี้... คุณหมอทำไมจู่ๆ ถึงได้ล้มฟาดพื้นทั้งยืนแบบนั้นคะ” หัวหน้าทีมวิจัยถามทีมแพทย์ช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนก

  “เป็นอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ อาจจะเกิดจากความเครียดหรือพักผ่อนน้อยและก็มาจากสาเหตุอื่นๆ อีกหลายอย่างด้วย ถ้ายังไงรบกวนติดต่อญาติของคนไข้ด้วยนะครับ เพราะมีเอกสารหลายอย่างที่ต้องให้ความยินยอมในการรักษา” ทีมแพทย์ฉุกเฉินอธิบายกลับไป

  “อะ… เออ… ดะ... ได้ค่ะ ฉันเป็นญาติของอันอันกะ… ก็… ไม่ห่างมากเท่าไร” หัวหน้าทีมวิจัยตัดสินใจแอบอ้างเป็นญาติของหญิงสาวเอ่ยตอบกลับไปทันทีเพื่อสะดวกในการรักษาพยาบาล อย่างน้อยเธอเป็นผู้บังคับบัญชาย่อมมีอำนาจเซ็นคำสั่งและช่วยเหลือลูกน้องของเธอได้

  “ถ้าเช่นนั้นรบกวนคุณขึ้นไปพร้อมกับรถด้วยเลยครับ จะได้เซ็นเอกสารอนุญาตให้ทำการรักษา” ทีมแพทย์กล่าวพร้อมดันร่างหัวหน้างานทีมวิจัยขึ้นรถทันที ท่ามกลางสายตาของลูกน้องซึ่งแต่ละคนได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก

  ในขณะที่ดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันได้แต่ยืนมองความโกลาหลที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเธอ ก่อนจะได้ยินเสียงดวงวิญญาณพี่สาวฝาแฝดของเธอเอ่ยขึ้น

  “พวกเราไปกันเถอะ เมื่อเกิดก็ต้องตายเป็นเช่นนี้ ชาติที่แล้วเจ้าเกิดมาแต่ตายก่อนข้า แต่ชาตินี้ข้ายังไม่ได้เกิด แต่เจ้ากลับได้มาเกิดก่อน ในขณะที่ข้าเพิ่งจะตายจากชาติที่แล้ว” พี่สาวฝาแฝดกล่าวเป็นปริศนา

  คำกล่าวที่แฝงเร้นปริศนาของจางเจี๋ยอี้ ทำให้น้องสาวฝาแฝดหันกลับมามองด้วยความสงสัย

  “ฉันไม่เข้าใจที่พี่พูดเลย สรุปสั้นๆ ตอนนี้เราสองคนต่างตายแล้วด้วยกันทั้งคู่ใช่ไหม” หญิงสาวถามกลับไป

  “สำหรับข้านั้นตายแล้ว และข้ามาพบเจ้าเพราะอยากจะขอโทษที่เป็นต้นเหตุทำให้เจ้าต้องตายเมื่อชาติที่แล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะระลึกชาติได้และสามารถเห็นอดีตหรืออนาคตได้อีก” จางเจี๋ยอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสำนึกผิดอย่างเห็นได้ชัดและตอบคำถามในสิ่งที่นางตอบได้เท่านั้น

  ในขณะที่น้องสาวฝาแฝดยืนฟังเรื่องราวทุกอย่างด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้คิดอะไรหรือติดใจแต่ประการใด

  “อย่าคิดมากเลย พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้ฉันตายเป็นเพราะถึงคราวด้วยกระมังก็เลยต้องพบจุดจบแบบนั้น ไหนๆ ฉันก็ตายแล้ว พี่บอกเองไม่ใช่เหรอมีเกิดก็ต้องมีตายยังไงล่ะ ฉันเกิดมาแล้วตอนนี้ก็ตายแล้วด้วย เดี๋ยวก็แค่รอกลับไปเกิดใหม่ เพียงแต่ว่าจะได้ไปเกิดที่ไหนเท่านั้นเอง”

  หญิงสาวกล่าวพร้อมเอียงคอมองพี่สาวฝาแฝดในชาติอดีตด้วยความชื่นชม ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อน้องสาวของนางยังไม่รู้ว่าดวงจิตจะต้องกลับไปสถิตใหม่ทันที

  ใบหน้ารูปไข่งดงามรัญจวนจิต ดวงตากลมโตดำขลับแวววาวรับกับจมูกโด่งสวย ริมฝีปากอิ่มหยักได้รูป ช่างโฉมสะคราญล่มแคว้นสมคำเล่าลือยิ่งนัก

  “พี่สวยจังเลย เพิ่งรู้ว่าผู้หญิงในสมัยโบราณสวยมากๆ ขนาดนี้ แต่ทำไมจิตรกรสมัยนั้นถึงได้วาดภาพทำร้ายตัวตนจริงๆ เจ้าของภาพก็ไม่รู้เนอะแต่ละภาพขี้เหร่สุดๆ ไปเลย ถ้าอันอันสวยเหมือนพี่บ้างก็ดีน่ะสิ แต่พี่ดูฉันสิเทียบพี่แล้วไม่ได้ครึ่งแม้แต่นิดเดียว” ดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันบ่นพึมพำเป็นการใหญ่

  “หากแม้นเจ้ามิสิ้นชีพไปเสียก่อน เจ้างดงามไม่แตกต่างจากข้าแม้แต่น้อย เราสองคนเป็นฝาแฝดกันลืมไปแล้วหรือไร สาเหตุที่ชาตินี้ของเจ้าไม่งดงามดั่งเช่นชาติปางก่อนเพราะว่าชาติที่แล้วตายก่อนอายุขัยอันควร ยังไม่เติบโตชาตินี้ความงดงามจึงปรากฏดั่งเช่นสตรีที่ยังไม่เจริญวัยเต็มที่” จางเจี๋ยอี้อธิบายให้น้องสาวได้เข้าใจ

  “อ่อ... อย่างนั้นเหรอเจี๋ยเจี๋ย เป็นเพราะว่าข้าตายตอนอายุหกขวบ ก็เลยสวยตามประสาเด็กหกขวบใช่ไหม แล้วพี่อายุเท่าไรแล้วตอนตาย” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

  “วันที่ข้าตายครบอายุปีที่สิบเจ็ดพอดี วันตายและวันเกิดของข้าเป็นวันเดียวกันดั่งที่เจ้าได้เห็นว่าข้าถูกทำให้ตายได้เยี่ยงไร ข้าหมดอายุขัยแล้วไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกต่อไป” เสียงนั้นกล่าวออกมาเต็มไปด้วยความเศร้า 

  ในขณะที่จางเพ่ยอันรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นได้เป็นอย่างดี เธอโอบกอดพี่สาวในอดีตชาติเพื่อให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ตัวเธอเมื่อไม่เห็นมีอะไรนอกจากความว่างเปล่า

  “พวกเราจะไปไหนกันจะเดินแบบไร้จุดหมายแบบนี้น่ะเหรอ ในเมื่อเราตายแล้วด้วยกันทั้งคู่ ก็ควรจะต้องไปสวรรค์หรือไม่ก็ต้องรายงานตัวกับยมทูตสิ นี่ไม่เห็นอะไรเลย” หญิงสาวบ่นรำพึงรำพัน ในขณะคนที่สวมกอดเธออยู่ในขณะนั้นปรากฏรอยยิ้มบางๆ ขึ้นบนใบหน้า

  “เจ้าสามารถไปต่อได้ เพราะถูกลิขิตให้ต้องกลับไป แต่สำหรับข้าเวลาหมดลงแล้ว นับแต่นี้จงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แทนข้า ช่วยท่านพ่อท่านแม่และตระกูลของเราให้อยู่รอดปลอดภัยจากเหล่าคนโฉด และจงกลับไปหาคนรักที่เฝ้ารอคอยและโหยหาอยู่ทุกทิวาและราตรี ชีวิตของเจ้าได้หวนกลับคืนมาแล้ว เจ้าก็คือข้าและข้าก็คือเจ้าจงจดจำเอาไว้ให้ดี และข้าก็มาส่งเจ้าถึงที่แล้วอันอัน!!!” สิ้นเสียงของพี่สาวฝาแฝด ดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันถูกพี่สาวในอดีตชาติผลักเธอจนหัวคะมำ ดวงวิญญาณลอยละลิ่วลงสู่เบื้องล่างไปอย่างรวดเร็วพร้อมเสียงตะโกนร้องดังออกมาสุดเสียง

  “เจี๋ยเจี๋ย! เจี๋ยเจี๋ย!” เสียงร้องเรียกจากดวงวิญญาณของจางเพ่ยอันที่แผดเสียงกึกก้องเมื่อครู่ ค่อยๆ เงียบงันเลือนหายไปในที่สุด

  ท่ามกลางกลุ่มไอควันขาวในโลกแห่งวิญญาณ แสงสว่างเรืองรองปรากฏขึ้นอยู่ตรงหน้าเป็นเส้นทางไปสู่ภพใหม่ของจางเจี๋ยอี้ ร่างระหงจากที่เปียกชุ่มโชกค่อยๆ เลือนหายพร้อมอาภรณ์สีขาวสะอาดเข้ามาแทนที่ 

  ใบหน้างดงามอิ่มเอิบเต็มไปด้วยรอยยิ้มเมื่อได้ปลดปล่อยพันธนการทางใจ ที่รู้สึกผิดกับการตายของน้องสาวฝาแฝด เมื่อจางเพ่ยอันให้อภัยและเข้าใจพี่สาวของนาง ดวงวิญญาณค่อยๆ ก้าวเดินตรงไปยังเส้นทางทอดยาวที่เต็มไปด้วยแสงสว่างเรืองรองเพื่อนำพานางไปสู่ภพที่คู่ควร

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   ดวงพิฆาต รักนิรันดร์ (ตอนอวสาน)

    ยุคอดีตตำหนักจินไท่ทั่วบริเวณในเวลานี้เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกเหมยฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ แจกันดินเผาขนาดใหญ่วาดลวดลายเป็นลายเมฆและนกยูงสลับไปมา เพิ่มความสวยงามได้อย่างลงตัวและแจกันดังกล่าวเต็มไปด้วยกิ่งดอกเหมยปักลงบนแจกันวางตั้งไว้บนโต๊ะข้างแท่นพระบรรทมเพื่อให้คนงามได้สูดกลิ่นหอมดังกล่าวร่างอรชรของจางเพ่ยอันบัดนี้นอนสงบนิ่งอยู่บนแท่นพระบรรทม และเธอหลับใหลอยู่เช่นนี้มานานนับเดือนแล้ว โดยมีสายตาของพระสวามีผู้หล่อเหลาจับจ้องอยู่กับดวงหน้างามของพระชายาอยู่ตลอดเวลา พระองค์จะเพียรเข้าคอยมาดูแลพระชายาเพียงหนึ่งเดียวทันทีที่เสร็จภารกิจจากการออกว่าราชการในท้องพระโรงเหตุการณ์ในวันที่รัชทายาทหลี่จิ้งบุกโจมตีพระราชวังหลวงของต้าฉินอย่างอุกอาจ และจบลงคือเซ่นสังเวยพระชนม์ชีพของพระองค์ให้กับแม่ทัพปีศาจพร้อมชีวิตทหารต้าหลู่ไปอีกนับไม่ถ้วน ต่างพากันสิ้นชีพวิบัติโรยรากลายเป็นหินไปชั่วพริบตาเหตุการณ์ในวันนั้นเล่าลือไปอย่างกว้างขวางจนล่วงรู้ไปทั่วทุกแคว้นแดนดิน และต่างพากันขยาดแม่ทัพปีศาจกันอย่างถ้วนหน้า จนมีคำกล่าวติดปากออกมา

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.1

    ในขณะเดียวกันบริเวณลานกว้างหน้าท้องพระโรงกองทหารของแคว้นต้าหลู่และกองทหารจากต้าฉิน ต่างวิ่งเข้าโจมตีปะทะกันอย่างดุเดือด ทั่วทั้งพระราชวังหลวงเต็มไปด้วยเปลวเพลิงและกลุ่มควันขาวพร้อมเสียงกรีดร้องของเหล่านางกำนัลและเชื้อพระวงศ์ บรรดาขุนนางที่อยู่ในท้องพระโรงต่างแตกฮือแยกย้ายกันหนีตายจนจ้าละหวั่น เมื่อทหารต้าหลู่บุกเข้ามาถึงในท้องพระโรงและปะทะกับจางฟงอัครเสนาบดีที่เคยเป็นขุนศึกในวัยหนุ่มแม้จะมีอายุมากถึงหกสิบปีแล้วก็ตาม แต่จางฟงมีวิทยายุทธ์ในระดับสูงจึงเป็นฝ่ายใช้อาวุธออกปกป้องเหล่าขุนนางเอาไว้ ก่อนจะวิ่งตามไปสมทบกับกองทหารของตนและกองทหารขององค์ชายปีศาจที่ยกตามมาช่วยอย่างทันท่วงที ทั่ววังหลวงเต็มไปด้วยซากศพมากมายมิรู้ใครเป็นใครท่ามกลางความวุ่นวายองค์ชายปีศาจอิ๋งหยางและองค์ชายหลี่จิ้ง รัชทายาทจากต้าหลู่กำลังปะทะฝีมือกันอย่างดุเดือด ทั้งสองยืนจ้องหน้ากันในขณะที่องค์ชายหลี่จิ้งถือทวนยาวและองค์ชายอิ๋งหยางใช้ดาบง้าวอาวุธประจำพระวรกายไล่ฟาดฟันองค์ชายผู้นี้อย่างบ้าคลั่ง“เจ้าเอาอันอันของข้าไปไว้ไหน! เอาคนของข้าคืนมา!!

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   โหยหามิคลาดครา 1.2

    ทันทีที่พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายปีศาจเงยขึ้นทอดพระเนตร ทหารของต้าหลู่ที่กำลังมองมาที่พระองค์เป็นจุดเดียวค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปทันที เมื่อร่างค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างเพียงชั่วเวลาไม่กี่อึดใจ ติดตามด้วยเสียงของเหล่าทหารดังแทรกขึ้นมา“แม่ทัพปีศาจ!!!” เสียงเรียกขานดังออกมาได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบงันลงไปโดยพลันเมื่อทุกอย่างกลับหยุดการเคลื่อนไหวทั้งสิ้น ลมหายใจของเหล่าทหารต้าหลู่หลุดลอยไปทันใดนับหนึ่งพันนายที่แออัดอยู่ภายในท้องพระโรงท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายหลี่จิ้ง ครั้นได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ที่มีผู้คนกล่าวขานเลื่องลือมานานแสนนาน และตอนนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงพระพักตร์ในขณะนี้“เป็นความจริงหรือนี่! คนผู้นี้คือแม่ทัพปีศาจอิ๋งหยางอย่างนั้นหรอกรึ!” องค์ชายหลี่จิ้งรับสั่งได้เพียงเท่านั้นองค์ชายปีศาจหันกลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทผู้นั้นทันที โดยที่อีกฝ่ายมิทันได้ตั้งตัวเพียงแค่เห็นใบหน้าก็สิ้นชีพไปโดยมิรู้ตัว พระเศียรค่อยๆ กลายเป็นหินลามเลียไปทั่วพระวรกายก่อนจะกลืนกินจนกระทั่งยืนแข็ง

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.2

    ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   พระสนมชายของข้า! 1.1

    บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว

  • แม่ทัพร้ายโหยหารัก   เป็นหรือตาย 1.3

    พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status