หยวนจั้นเพิ่งตระหนักได้ว่า วันนี้คืองานเลี้ยงหงเหมิน ในเมื่อรัชทายาททราบว่าตระกูลหยวนของเขาสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ต้าโจว แล้วจะไม่เตรียมการได้อย่างไร? เขายิ้มอย่างขมขื่น จากนั้นปลดอาวุธออกเองโดยสมัครใจ กางมือสองข้างออก “รัชทายาท ข้าภักดีต่อแคว้นตงซานอย่างสุดหัวใจ “หากท่านสงสัยว่าข้าและเสียวอู่ สมรู้ร่วมคิดกับถานไถเหยี่ยน และพยายามกอบกู้ต้าโจว ก็จับข้าขังไว้ได้เลย “ส่วนคนอื่น ๆ ในตระกูลหยวนล้วนบริสุทธิ์ โดยเฉพาะ...ภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งเข้ามาของข้าผู้นั้น ขอรัชทายาทได้โปรด ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” หยวนจั้นไม่ต้องการลากใครเข้ามาเกี่ยวข้องแม้แต่คนเดียว เซี่ยหวั่นเฉินถอนหายใจ พลางส่ายศีรษะเบา ๆ “หยวนจั้น ข้ารู้จักเจ้ามานานหลายปีแล้ว ยังจะไม่เข้าใจเจ้าอีกหรือ? “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสมรู้ร่วมคิดกับกากเดนของต้าโจว แต่เกรงว่าถานไถเหยี่ยนจะตามล่าเจ้า จึงต้องลำบากเจ้าแล้ว เพียงส่งเจ้าไปที่คุกหลวงสักพัก นี่ก็เพื่อปกป้องเจ้าเช่นกัน” หยวนจั้นยังข้องใจ “ถานไถเหยี่ยนจับตัวเสียวอู่ไปแล้ว เหตุใดยังต้องมาหาข้าอีก?” เซี่ยหวั่นเฉินเอ่ยอย่
ราชทูตส่ายศีรษะ “ฝ่าบาท แผนการโดยละเอียดของฮ่องเต้ฉีนั้น กระหม่อมไม่ทราบแน่ชัด แต่ฮ่องเต้ฉีมั่นใจอย่างมาก คิดว่าไม่ใช่การล้อเล่นกับพวกเราพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้ที่นั่งบนบัลลังก์ สีหน้าเปลี่ยนแปลงครั้งแล้วครั้งเล่า คำพูดประเภทนี้ ฟังอย่างไรก็เหมือนเป็นการล้อเล่น! เหตุใดเขาถึงส่งคนโง่เช่นนี้ไปเป็นราชทูต? อีกด้านหนึ่ง ณ ฐานที่มั่นของกองทัพหนานเจียง ในกระโจมทหาร ถานไถเหยี่ยนได้รับรายงาน แม่ทัพหนานเจียงคนหนึ่งขอคำแนะนำเร่งด่วน “ท่านกุนซือ คิดไม่ถึงว่าหนานฉีจะเข้ามาแทรกแซง ยามนี้ ยาถอนพิษมนุษย์โอสถ ได้ถูกส่งไปที่วังหลวงต้าเซี่ยเรียบร้อยแล้ว นี่ไม่เป็นผลดีกับพวกเราเลย! ขอให้ท่านกุนซือตัดสินใจ ควรจะส่งคนแทรกซึมเข้าไปในเมืองหลวง เพื่อขโมยยาถอนพิษมาหรือไม่!” ถานไถเหยี่ยนวางตัวสงบนิ่ง ยกถ้วยชาขึ้น ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย “เป็นของปลอม” “ท่านกุนซือ ท่านบอกว่าอะไรเป็นของปลอม?” ถานไถเหยี่ยนกระตุกมุมปากเล็กน้อย “ยาถอนพิษนั้น เป็นของปลอม” แม่ทัพผู้นั้นตกใจไม่น้อย “เป็นไปได้อย่างไร? ท่านกุนซือ ท่านรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?” ถา
เฟิ่งจิ่วเหยียนถาม “ท่านคิดจะทำอย่างไรเพคะ?” เซียวอวี้อธิบายอย่างไม่รีบร้อน “ให้ยาถอนพิษ แก่ต้าเซี่ยก่อน” เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้วเบา ๆ “ท่านเพิ่งจะพูดมิใช่หรือว่า...” ทันใดนั้นนางพลันตอบสนองขึ้นมา “หรือท่านต้องการจะใช้ของปลอมผสมกับของจริงเพคะ?” เซียวอวี้ไม่ได้ปฏิเสธ แววตาแฝงความเย็นชา “ต้าเซี่ยต้องการยาถอนพิษ พวกเขาอยากได้เท่าไร พวกเราก็จะให้เท่านั้น” เฟิ่งจิ่วเหยียนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ส่ายศีรษะ “ของปลอมผสมกับของจริงจนแยกไม่ออก แต่ยังหลอกถานไถเหยี่ยนไม่ได้” เซียวอวี้เอ่ยตามตรง “กุญแจสำคัญไม่ได้อยู่ที่ ‘ยาถอนพิษ’ เหล่านั้น แต่เป็นที่การใช้ยาชุดนี้ เพื่อวางแผนซ้อนแผน ล่อศัตรู” ขณะที่พูด หว่างคิ้วของเขาสะท้อนความเย็นชา…… ราชทูตต้าเซี่ยรอคอยเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ได้เข้าเฝ้า เวลาหนึ่งถ้วยชาให้หลัง ราชทูตเดินออกจากห้องทรงพระอักษร ใบหน้าของเขาหาได้มีความยินดีไม่ มีเพียงความเศร้าและความกังวล ฮ่องเต้ฉีจะใช้ยาถอนพิษปลอมเพื่อตบตาชาวหนานเจียงเชียวหรือ? วิธีนี้จะได้ผลจริงหรือ? เมื่อครู่ในห้องทรงพระอักษร ทุกส
ห้องทรงพระอักษร เซียวอวี้เห็นเฟิ่งจิ่วเหยียนมาที่นี่ จึงรีบลุกขึ้นเดินไปหานางทันที “ไยเจ้าจึงมาที่นี่? ไม่ได้บอกให้เจ้าดูแลครรภ์อย่างสบายใจหรือ?” เขาประคองนางอย่างระมัดระวัง กลัวนางจะได้รับความกระทบกระเทือน เฟิ่งจิ่วเหยียนมองไปรอบห้อง “อาหลิ่นอยู่ที่ใด?” “หลับไปแล้ว นอนอยู่บนตั่งเล็กด้านใน” เซียวอวี้พูดไปพลางประคองนางให้นั่งลง นางเอ่ยอย่างจนใจ “หม่อมฉันเพียงแค่ตั้งครรภ์ มิใช่เดินเหินไม่สะดวก” “เดิมร่างกายของเจ้าก็ตั้งครรภ์ยากอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ตั้งครรภ์ลูกคนนี้ พูดตามตรงว่า ตอนแรกเราดีใจมาก ทว่าตอนนี้รู้สึกกังวลมากกว่า” เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสีหน้าเรียบเฉย “ยามที่หม่อมฉันคลอดพวกอาหลิ่น บังเอิญกับที่ท่านถูกเป่ยเยี่ยนจับตัวไปพอดี ตอนนั้นต้องเดินทางอย่างเร่งรีบ ทำให้เกิดอาการป่วยช่วงอยู่ไฟ “กล่าวกันว่าอาการป่วยช่วงอยู่ไฟรักษาหายได้จากการอยู่ไฟ “ตอนนี้ลูกคนนี้ ดูเหมือนจะมาเกิดเพื่อทดแทนบุญคุณ” เซียวอวี้รีบจับมือของนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ประโยคหลังนั้น ไยเราฟังเหมือนมีความนัยแฝงอยู่? เจ้าได้พบกับราชทูตต้าเซี่ยแล้วหรือ?” เฟิ่งจิ่วเห
ลูกธนูที่นกไม้ยิงออกมา ปลายลูกธนูมีพิษ ทหารที่ถูกยิงก็จะกลายเป็นมนุษย์โอสถเมื่อพิษกำเริบหลังจากลู่เฉียนคิดได้ดังนี้ ก็รีบตะโกนเตือนเหล่าทหารแคว้นต้าเซี่ยที่อยู่ใต้เชิงกำแพงเมืองแต่ก็สายไปแล้วนกไม้บินผ่านด่าน ทะลวงฝูงชนด้วยลูกธนูนับหมื่นหากเป็นลูกธนูที่ยิงมาจากที่อื่น ยังพอมีโอกาสหลบได้บ้าง แต่ลูกธนูที่โปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ราวกับพายุธนู ไม่มีทางซ่อนตัวได้เลยนกไม้นั้นไม่เพียงติดกล่องธนูไว้ที่ปีกทั้งสองข้าง ข้างใต้ท้องก็เต็มไปด้วยกล่องธนูผู้คนมักจะหวาดกลัวอาวุธที่ตนไม่เคยรู้จักอยู่เสมอเหล่าทหารแคว้นต้าเซี่ยเพิ่งเคยเห็นสิ่งที่น่ากลัวขนาดนี้เป็นครั้งแรก จึงไม่อาจรับมือได้ทันไม่นาน คนที่ถูกยิงก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ มนุษย์โอสถก็เพิ่มตามมาเป็นเงามากขึ้นเรื่อย ๆแม้นจะหลบพ้นลูกธนู แต่ก็ไม่อาจหนีรอดจากสหายร่วมรบที่กลายเป็นมนุษย์โอสถในถนนตรอกซอย เต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของพวกทหารแคว้นต้าเซี่ยประชาชนพากันอุ้มลูกจูงหลาน หนีตายกันอลหม่านหญิงและเด็กวิ่งหนีไม่ทัน ถูกทหารที่ควรจะปกป้องพวกเขารุมกัดกินแทนทั่วทั้งเมืองซง กลายเป็นเหมือนนรกบนดินลู่เฉียนถึงกับขาอ่อนไม่ใช่เพราะหวา
ตำหนักหย่งเหอเฟิ่งจิ่วเหยียนพักผ่อนบำรุงครรภ์อย่างสงบ แต่ก็อดกังวลความเคลื่อนไหวภายนอกไม่ได้ โดยเฉพาะทางด้านตงฟางซื่อแม้นยังสร้างนกไม้กลไกขึ้นมาไม่ได้ ก็ต้องหาจุดอ่อนของมันให้เจอเสียก่อน มิฉะนั้นหากต้องเผชิญในสนามรบในอนาคต จะรับมือไม่ได้ที่ผ่านมา อาวุธที่พวกเขาใช้ต่อกร ไม่เคยมีสิ่งใดสามารถบินอยู่บนฟ้าได้ธนูไม่อาจยิงขึ้นฟ้าสูง อาวุธร้ายแรงอย่าง “ปืนมังกรไฟ” ก็ไม่อาจรับมือนกไม้ที่กระจายตัวเหล่านั้นหากนกไม้กลไกของถานไถเหยี่ยนพัฒนาได้สมบูรณ์ ก็จะสามารถข้ามกำแพงเมืองได้อย่างง่ายดาย ฉะนั้นการป้องกันทั้งหมดบนภาคพื้นดินของแคว้นหนานฉี ล้วนจะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงนี่ถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างมากดังนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนอยู่ในวังก็ไม่ได้นิ่งเฉยนางพยายามค้นหาวิธีรับมือ อ่านตำราด้านกลไกไม่น้อยน่าเสียดายที่ไม่มีความคืบหน้าเลยตำหนักฉือหนิงอาการประชวรของไทเฮาดีขึ้นตามลำดับยามที่หนิงเฟยมาเยี่ยม ไทเฮาเอ่ยถาม “ใกล้ถึงวันคล้ายวันประสูติขององค์ชายทั้งสองคนแล้ว เหตุใดในวังถึงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ?”หนิงเฟยถอนหายใจ“ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ช่วงนี้ในวังดูเงียบเหงามาก“ข้าก็คิดว่า ฉวยโอ