เฟิ่งจิ่วเหยียนยิ้มพร้อมกับนั่งลง และถามว่า“ผู้ใดถึงเข้าตาท่านได้?”ต้องรู้ไว้ว่า ช่วงหลายวันนี้ เซียวอวี้เลือกแล้วเลือกอีก และเรื่องมากเป็นที่สุดไม่ง่ายเลยกว่าจะเลือกได้สักคนที่ดีพร้อมทุกด้าน แต่เขากลับตำหนิว่าคนผู้นั้นหน้าตาไม่ดีแม้แต่นางก็ไม่อาจทนไหวแล้วการเลือกอาจารย์ ยังจะต้องคำนึงถึงหน้าตา? ช่างตื้นเขินเสียจริงแต่เขากลับเอ่ยอย่างมีเหตุมีผล โดยบอกว่าคนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ ก็เหมือนคู่สามีภรรยา ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนาน ๆ ก็จะยิ่งคล้ายกัน หรือที่พูดกันทั่วไปว่าสามีภรรยาหน้าตามักจะคล้ายกันเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกว่าเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นดังนั้น คนที่เรื่องมากอย่างเขา ตอนนี้เลือกได้สักคนหนึ่ง ถือว่าไม่ง่ายเลยจริง ๆเซียวอวี้ฟังออกถึงการเหน็บแนมในน้ำเสียงของนางแต่เขาไม่สนใจ ซ้ำยังเอ่ยด้วยความตื่นเต้นยินดี“คนผู้นั้นก็คือถานไถเหยี่ยน”เฟิ่งจิ่วเหยียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย“ท่านแน่ใจหรือ?”ถานไถเหยี่ยนเคยรับใช้แคว้นตงซานมาก่อน จากนั้นก็หันมาเข้าร่วมกับหนานฉี โดยถูกขังอยู่ในคุกเทียนเหลาเรื่อยมา และยังต้องสอนหนังสือให้กับนักเรียนในสถาบันทางการทหารด้วยควา
“เงื่อนไขอะไร?” หนานเจียงอ๋องรีบถามขึ้น ขณะเดียวกันก็เกิดความระแวดระวังขึ้นมาบางส่วนเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่า เซียวเหิงกับหนานเจียงไม่มีความสัมพันธ์ใด ๆ ต่อกัน ย่อมไม่มีทางที่จะช่วยหนานเจียงเปล่า ๆ อย่างแน่นอนขอเพียงเงื่อนไขที่เซียวเหิงเสนอมาไม่เกินไปนัก ก็คงจะพอรับปากได้เซียวเหิงเอ่ยอย่างช้า ๆ“กระหม่อมขอเพียงมีชีวิตรอด หวังว่าท่านอ๋องจะให้ที่พักพิง”เพียงเท่านี้หรือ?หนานเจียงอ๋องประหลาดใจอย่างมากเซียวเหิงมองออกว่าเขาไม่เชื่อ จึงย้ำอีกครั้ง“คนที่กำลังหลบหนี ไม่มีความต้องการอื่นใดอีกแล้ว“หากวันข้างหน้าช่วยให้หนานเจียงเป็นมหาอำนาจได้จริง การที่ท่านอ๋องให้ที่พักพิงแก่กระหม่อม ก็ถือเป็นพระคุณอันใหญ่หลวงแล้ว”หนานเจียงอ๋องยอมเชื่อเขาก่อนในตอนนี้“ตำแหน่งที่อยู่ของเจ้า แคว้นหนานฉีกับแคว้นตงซานจะไม่มีทางล่วงรู้”เซียวเหิงโน้มศีรษะคำนับ“ขอบพระทัยท่านอ๋อง!”หลังจากนั้น หนานเจียงอ๋องจึงจัดการให้เซียวเหิงพักอยู่ในวังเซียวเหิงขอตัวลาแล้วหมุนตัวกลับ ดวงตาฉายแววความเย็นชาวูบหนึ่งบนบัลลังก์ความคิดของหนานเจียงอ๋องโลดแล่นขึ้นมาทันทีการครองความเป็นใหญ่ในใต้หล้า มีผู้ครองแคว
ภายใต้การปิดล้อมอย่างแน่นหนาของแคว้นตงซาน เซียวเหิงทำได้เพียงหลบหนีมายังหนานเจียงชายแดนของหนานเจียง ทุกที่เต็มไปด้วยหมอกพิษลูกน้องกลุ่มหนึ่งที่ติดตามเขามา เกือบทั้งหมดล้มตายในหมอกพิษคนชั่วมักจะอายุยืนเซียวเหิงดวงแข็ง ทั้งยังอาศัยยาต้านพิษที่ปรุงขึ้นเอง จึงรอดพ้นจากหมอกพิษ และหนีเข้าไปในเขตหนานเจียงได้เขารู้ว่า ตอนนี้ทุกคนต่างมองเขาเป็นเหมือนมหันตภัยร้ายอีกอย่างคือ หนานเจียงกับหนานฉีมีพันธสัญญาร่วมกันมานาน หากรู้ว่าเขาหนีมาที่หนานเจียง จะต้องช่วยหนานฉีจับกุมเขาอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจำเป็นต้องชิงลงมือก่อนถึงจะได้เปรียบเซียวเหิงเป็นคนที่ผ่านอุปสรรคมามากมาย แม้ในยามนี้จะถูกปิดล้อมทั่วทุกสารทิศ ก็ยังไม่สิ้นหวังและยอมแพ้เขาจึงเป็นฝ่ายขอเข้าเฝ้าหนานเจียงอ๋องก่อนภายในพระราชวังของหนานเจียงอ๋องบนบัลลังก์ หนานเจียงอ๋องขมวดคิ้วแน่น ท่าทีดูสับสนเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ของแคว้นหนานฉีกับแคว้นตงซาน เขาได้ยินมาหมดแล้วทั้งสองแคว้นต่างก็ประสบภัยร้ายจากมนุษย์โอสถต่อเนื่องกัน ซึ่งร้ายแรงอย่างยิ่งอีกทั้งยังสืบพบว่า ตัวการหลักของเรื่องทั้งหมดนี้ ก็คือเซียวเหิงดังนั้นทั้งสอ
เก๋อสือชีไม่อาจทนอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว เขารู้สึกว่าตัวเองราวกับเป็นเพชฌฆาตคนที่ประกาศคำตัดสินโทษประหารคือศิษย์พี่ แต่กลับให้เขามาทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เขาเห็นใจรุ่ยอ๋อง และยิ่งสงสารซื่อจื่อน้อย“หากไม่มีเรื่องอื่น เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เก๋อสือชีพูดจบก็จากไปทันทีรุ่ยอ๋องถือถ้วยยาค้างไว้ และนิ่งเงียบไปนานแม้แต่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่า ตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่เพื่อความปลอดภัยของจี๋เอ๋อร์ เขาจึงไม่ควรไปหนานเจียงอีกแต่หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาพ่อลูกก็จะไม่ได้พบหร่วนฝูอวี้อีกแล้วถึงอย่างไร ตอนนี้ในใจนางก็มีเพียงปกป้องหนานเจียง เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายมาพบพวกเขาเขารู้สึกไม่ยินยอมจริง ๆ......หนานฉีเมืองหลวงหลังจากบริหารบ้านเมืองจนสงบมั่นคงแล้ว ในที่สุดเซียวอวี้ก็ได้พักหายใจหายคอเสียทีเขาไม่ต้องอยู่ในห้องทรงพระอักษรทั้งวัน เพื่อจัดการงานราชกิจอีกต่อไปตอนนี้ก็มีเวลาไปอยู่กับภรรยาและลูก ๆ แล้วเพียงแต่ ทันทีที่เขามาถึงตำหนักหย่งเหอ ก็พบว่าภายในตำหนัก “ผู้คนแน่นขนัด”สตรีกลุ่มหนึ่ง ส่งเสียงจอแจเหมือนนกกระจอกและเหมือนเป็ดพวกนางรายล้อมฮองเฮากับองค์ชายทั้งสอง ไม่รู้ว่ากำลังหั
ในดวงตาของหร่วนฝูอวี้ราวกับกระหายเลือด พร้อมกับเอ่ยด้วยความโมโห“เพื่อหนานเจียง? หรือว่าเพื่อบัลลังก์ของท่านเอง!”สีหน้าของหนานเจียงอ๋องเปลี่ยนไปอย่างมาก“เจ้า! เจ้ากล้าพูดกับเราเช่นนี้ได้อย่างไร!”หร่วนฝูอวี้ดึงผ้าโปร่งบางที่อยู่บนใบหน้าออก เผยให้เห็นใบหน้าที่น่ากลัว และน่าสลดใจเกินกว่าจะทนดูได้อย่างเต็มที่นางทั้งโศกเศร้าและแค้นใจ“เพื่อปกป้องหนานเจียง หม่อมฉันต้องกลายมาอยู่ในสภาพที่ไม่ใช่คนไม่ใช่ผี หม่อมฉันต้องทิ้งสามีและลูก หม่อมฉันต้องทนรับกับความเจ็บปวดจากผลที่ย้อนกลับมาทำร้ายอยู่ทุกวัน!“เพื่อหนานเจียง เพื่ออาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว หม่อมฉันยินดีทำด้วยความเต็มใจ“หม่อมฉันไม่เคยตำหนิ ไม่เคยเสียใจในการตัดสินใจของตัวเอง! แต่ท่านกลับไม่วางใจหม่อมฉัน ซ้ำยังมาบีบบังคับหม่อมฉันอีก!“หม่อมฉันคอยปกป้องหนานเจียง ทำให้ท่านสามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ได้อย่างสบายใจ แต่ท่านกลับจะฆ่าลูกของหม่อมฉัน?“หม่อมฉันไม่เคยขอสิ่งตอบแทน แต่สิ่งที่ท่านมอบให้หม่อมฉันกลับเป็นผลกรรม!!”หนานเจียงอ๋องฟังคำพูดนี้จบ สีหน้าแสดงความรู้สึกสะเทือนใจเขาลุกขึ้นยืน และผลักองครักษ์ที่ขวางอยู่ด้านหน้าออกไป แล้วเผ
แคว้นหนานฉี ชายแดนใต้ ยามรุ่ยอ๋องสะสางงานราชการตอนกลางวัน มักจะพาลูกชายติดตัวไปด้วยเสมอ เขายืนกรานจะให้หร่วนฝูอวี้ตั้งชื่อให้ลูกชาย ดังนั้นจนถึงตอนนี้ ลูกชายยังไม่มีชื่อหลัก มีเพียงชื่อเล่น——จี๋เอ๋อร์ เสี่ยวจี๋เอ๋อร์เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ไม่ว่าผู้ใดอุ้มเขา เขาก็จะไม่ร้องไห้งอแง หลังจากที่เขาถูกส่งไปยังชายแดนใต้ไม่นาน พระราชโองการของฝ่าบาทที่แต่งตั้งให้เขาเป็นซื่อจื่อก็มาถึง เสี่ยวจี๋เอ๋อร์ยังไม่เข้าใจว่า ตำแหน่งซื่อจื่อมีความสำคัญเพียงใด ในวัยของเขาตอนนี้ การได้กินอิ่มนอนหลับ ถือเป็นความสุขและความพอใจสูงสุด เขายิ่งไม่เข้าใจเลย ไฉนเสด็จพ่อจึงเศร้าหมองตลอดทั้งวัน และถอนหายใจใส่เขาอยู่บ่อย ๆ ช่วงวันหยุดกลางเดือน รุ่ยอ๋องสะสางงานในบ้านพักราชการตามปกติ หลังจากนั้นจะกลับเรือนเพื่อพาจี๋เอ๋อร์ไปยังหนานเจียง เพียงแต่ ขณะที่เขากำลังเดินออกจากบ้านพักราชการ ก็มีองครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามา สีหน้าดูร้อนใจอย่างยิ่ง “แย่แล้วท่านอ๋อง! ซื่อจื่อถูกคนทำร้ายบาดเจ็บขอรับ!” สีหน้าของรุ่ยอ๋องเปลี่ยนไปอย่างมาก เขากังวลจนไม่มีเวลาถามไถ่รายละเอียด รีบ