หยวนจั้นระงับความโศกเศร้า ประคองโลงศพและยืนขึ้น มองไปยังถานไถเหยี่ยน “ข้าจะฆ่าท่าน! ถานไถเหยี่ยน ข้าจะฆ่าท่าน——” ถานไถเหยี่ยนส่ายศีรษะอย่างผิดหวัง “ดี ในเมื่อเจ้าดื้อดึงไม่ยอมรับความจริง และยังต้องการทุ่มเทถวายชีวิตให้แก่แคว้นตงซาน ข้าก็จะไม่ปรานีเจ้าอีก” พลันออกคำสั่งทันที มือธนูหลายสิบคนก็ปรากฏตัวขึ้น…… วังหลวงแคว้นตงซาน ฮ่องเต้วิตกกังวลเหมือนนั่งอยู่บนเข็ม เขาถามองครักษ์อย่างรีบร้อน “ทางหยวนจั้นเป็นอย่างไรบ้าง?” “ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย เขาจะสามารถถ่วงเวลาพวกถานไถเหยี่ยนได้แน่ ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือ การคุ้มกันท่านออกจากวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้พยักศีรษะ “ใช่ รีบออกไปทันที!” เขาเป็นฮ่องเต้ เขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้ สองชั่วยามให้หลัง ทิศตะวันออกของเมือง ถานไถเหยี่ยนมองไปที่หยวนจั้นซึ่งยังคงดื้อรั้นต่อต้านอย่างสิ้นหวัง ด้วยสายตาที่เย็นชา บรรดาทหารตงซานนั้น เหลือผู้ที่ยังคงต่อสู้อยู่ เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่นได้ถูกยิงด้วยห่าธนูจนสิ้นชีพหมด ชัดเจนว่า ลูกธนูเหล่านี้ไม่มีพิษมนุษย์โอสถ ก่อนหน้า
ทหารคนนั้นหอบหายใจแรง “หยวนจั้น! เป็นหยวนจั้น! เจ้านั่นออกมาจากคุกหลวงแล้ว!”แววตาถานไถเหยี่ยนเคร่งขรึมหยวนจั้นหรือ...ศิษย์อาจารย์ไม่ได้พบกันนานแล้วทางด้านตะวันออกของเมืองหยวนจั้นนำทหารยอดฝีมือกลุ่มหนึ่ง ฝ่าแนวปิดล้อมของทหารหนานเจียง จากนั้นก็เปิดประตูเมือง ให้กองทัพสนับสนุนของแคว้นตงซานที่อยู่นอกเมืองเข้ามาภายในเมืองขุนพลที่นำทัพมาจากนอกเมือง เมื่อเห็นเขาแล้วก็ถึงกับตะลึง น้ำตารื้นขอบตา“แม่ทัพหยวน!”หยวนจั้นสวมเกราะเต็มยศ ขี่อยู่บนหลังม้า“รีบจัดการต่อสู้ให้จบโดยเร็ว!”“ขอรับ!”พวกเขาจะเริ่มโจมตีโต้กลับจากประตูเมืองไปยังพระราชวังทว่ายังไม่ทันไปได้ไกลเกินสิบกว่าลี้ ก็ถูกทหารศัตรูสกัดไว้ทหารศัตรูมีเพียงแค่พันคนหยวนจั้นไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาทว่า คนที่นำทัพ คือถานไถเหยี่ยนแววตาของหยวนจั้นฉายแววซับซ้อนอย่างที่สุดความโกรธแค้นปนเปกับความไม่เข้าใจ จนกลายเป็นคำตะโกนก้องถามด้วยความคับแค้นใจ“ถานไถเหยี่ยน! เจ้าทรยศแคว้นตงซาน ตอนนี้ยังนำคนหนานเจียงมารุกรานแคว้นตงซาน กลับใช้ชื่อของแคว้นต้าโจวมาบังหน้า เจ้าทำร้ายตระกูลหยวน! ทำไม! ! !”พวกเขารู้จักกันมาตั้งหลายปี เป็
องครักษ์ตกใจอย่างมาก “ฝ่าบาท ทำเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้ตะคอกเสียงกร้าว “รีบไป!”รอเมื่อองครักษ์กำลังจะก้าวเท้าออกจากท้องพระโรง แววตาฮ่องเต้เยือกเย็น เรียกเขาไว้อย่างกะทันหัน“ถ้าหยวนจั้นไม่ยอมรับคำสั่ง นำทัพต้านศึก ก็ประหารเสียตรงนั้น!”คนที่มีใจคิดทรยศต่อแคว้นตงซาน ย่อมเก็บไว้ไม่ได้นี่คือโอกาสสุดท้ายที่เขาจะมอบให้หยวนจั้นขอเพียงหยวนจั้นแสดงความจงรักภักดีของตนเอง ก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้...ในคุกหลวงหยวนจั้นอ่านฎีกาสารภาพผิดจบ ก็หัวเราะเย้ยออกมา“ชีวิตคนในตระกูลหยวนมากมายขนาดนั้น แลกได้มาเพียงคำพูดไร้ความหมายไม่กี่คำพวกนี้? ฮ่า ๆ…”สีหน้าองครักษ์นอกประตูคุกดุดัน“แม่ทัพหยวน เจ้าไม่รู้จักชั่วดี?“ตอนนั้นฝ่าบาทก็จำใจทำเช่นนั้น จะโทษก็ต้องโทษถานไถเหยี่ยน เขารวบรวมพวกกากเดนจากแคว้นต้าโจว คิดจะก่อความวุ่นวายไปทั่วใต้หล้า!“ฝ่าบาทไม่ประหารท่าน ยังมอบหมายภารกิจสำคัญให้กับท่าน ท่านควรพอใจได้แล้ว!”หยวนจั้นเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาเย็นชา“อ้อ? เหรอ? แล้วเจ้าถือดาบตนเองไว้แน่นทำไม?“คิดจะฆ่าข้าเมื่อใดก็ได้หรือ”มือองครักษ์ที่จับดาบไว้ กำแน่นขึ้น“แม่ทัพหยวน นี่คือโอกา
เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้ปฏิเสธการคาดเดาของเวยเฉียงเซียวอวี้คิดจะรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง ย่อมต้องลงมือกับแคว้นตงซานเป็นแน่เฟิ่งเวยเฉียงส่ายหน้าพลางถอนหายใจ“ช่างเหมือนดังสุภาษิตที่ว่า ตั๊กแตนจับจักจั่น นกขมิ้นตามหลังจริง ๆ แต่เท่าที่ข้ารู้ ถานไถเหยี่ยนก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขากล้าบุกวังหลวงโดยตรง แสดงว่าเตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วแน่นอน”“อาจเป็นเช่นนั้น” เฟิ่งจิ่วเหยียนพึมพำเสียงเบาตอนที่นางกับเซียวอวี้ติดอยู่ในแคว้นตงซาน ถานไถเหยี่ยนให้องค์หญิงใหญ่ส่งแผนที่ “ใยแมงมุม” มาจากแดนไกลหากถานไถเหยี่ยนมีไม้ตายไว้ในมือ เช่นนั้น แผนที่ “ใยแมงมุม” ที่ว่าสมบูรณ์แบบ มีแนวโน้มทั้งจริงและปลอมนางเริ่มรู้สึกกังวลแทนแคว้นหนานฉีชัยชนะของศึกในครั้งนี้เป็นอย่างไร เพราะฝ่ายตรงข้ามคือถานไถเหยี่ยน จึงยากที่จะคาดเดาผลลัพธ์“เสด็จแม่!” พวกอาหลิ่นเล่นกันจนเหนื่อยแล้ว พากันมาหานาง ทำลายความคิดอันวุ่นวายของนางเมื่อมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของพวกเขา ในใจพลันอบอุ่นขึ้นมากระทั่งมีความคิดอยากพาพวกเขาไปใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ห่างไกลจากความแย่งชิงที่วุ่นวายนางไม่อยากให้พวกเขาถูกความโสมมของโลกนี้ทำให้เปลี่ยนไป จนกลายเป็น
เฟิ่งจิ่วเหยียนขมวดคิ้ว ซ่งหลีไม่อยู่แคว้นซีหนี่ว์หรือ?นางรีบถามเวยเฉียงทันที“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”เฟิ่งเวยเฉียงฝืนยิ้มออกมา“พี่หญิง มันไม่ได้รุนแรงเหมือนที่ท่านคิด“เขาคิดถึงพ่อแม่ จึงกลับไปเยี่ยมสองผู้เฒ่าที่แคว้นหนานฉี“ก่อนปีใหม่ยังส่งจดหมายมาให้ข้า บอกว่าบิดาของเขาป่วย เขาจึงยังไปไหนไม่ได้”เฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“ระหว่างพวกเจ้า ไม่ได้มีความบาดหมางกันจริงหรือ?”นางรู้สึกได้ว่า ยามที่เวยเฉียงเอ่ยถึงซ่งหลี ไม่ได้หวานซึ้งเหมือนในวันวาน เหลือเพียงความหม่นหมองและเลื่อนลอยเฟิ่งเวยเฉียงไม่ได้ตอบคำถามทันที กลับหันไปมองทางเฉียวเอ๋อร์เฉียวเอ๋อร์ค่อนข้างมีไหวพริบ จึงพูดทันที“ข้ายังมีการบ้านอีก!” แม่นางน้อยพูดจบก็หนีไปเฟิ่งเวยเฉียงถึงได้บอกความจริงกับพี่หญิง “พี่หญิงก็รู้ ในเมื่อข้ารับเลี้ยงเฉียวเอ๋อร์แล้ว ก็ไม่อยากให้พี่ใหญ่มารบกวนพวกข้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเฉียวเอ๋อร์“พี่ใหญ่ดึงดันจะอยู่ในแคว้นซีหนี่ว์ไม่ยอมไปไหน ข้าทำเป็นหลับตาข้างเดียวมาตลอด แต่เขาก็ยังมารบกวนเฉียวเอ๋อร์ ผ่านทางซ่งหลีเป็นประจำ ถึงขนาดอยากเจอเฉียวเอ๋อร์“ซ่งหลีจิตใจดี ข้ารู้“ข้าจึงไม่ห้ามที่เขา
เฟิ่งเวยเฉียงเป็นประมุขแคว้นซีหนี่ว์มาหลายปี ไม่ใช่แม่นางน้อยที่ไม่ทันโลกผู้นั้นอีกแล้วเรื่องในแคว้น นางจัดการได้คล่องมือขึ้นทุกวันทว่านางผูกพันกับพี่หญิงและแคว้นหนานฉีเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงไม่เคยคิดว่า ทั้งสองแคว้นจะอยู่ในตำแหน่งปรปักษ์กันวันนี้จู่ ๆ พี่หญิงก็ถามเช่นนี้ จึงทำให้นางกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขสีหน้าของเฟิ่งเวยเฉียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย “พี่หญิง ท่านคงไม่ถามคำถามนี้อย่างไร้ต้นสายปลายเหตุแน่นอน“แคว้นหนานฉี…มีเจตนายกทัพมาใช่หรือไม่?”นางก็ว่า ทำไมจู่ ๆ พี่หญิงถึงมารักษาครรภ์ที่แคว้นซีหนี่ว์ต้องมีเรื่องภายในเกิดขึ้นแน่ ๆ!เฟิ่งจิ่วเหยียนวางถ้วยยาลง พูดอย่างหนักแน่น“ปัจจุบัน ความสนใจของแคว้นหนานฉีอยู่ที่ทางตะวันออกและทางใต้“แต่อีกสิบปี หากแคว้นซีหนี่ว์ไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะมาปกป้อง แม้ไม่ใช่แคว้นหนานฉี ก็จะถูกแคว้นอื่นจับตามอง”ลำคอของเฟิ่งเวยเฉียงแห้งผาก“ต้องเป็นแบบนี้เท่านั้นหรือ? ต้องสู้กันอย่างเดียวหรือ?”นางไม่เข้าใจทุกแคว้นใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ?เฟิ่งจิ่วเหยียนมองออกไปนอกตำหนัก “สัตว์ป่าแย่งชิงอาณาเขตกันโดยกำเนิด มนุษย์เองก็เป็นเช่น