Share

บทที่ 177

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
เซียวอวี้ควบคุมขุนนางใหญ่กลุ่มนั้นได้ก็จริง แต่กลับไม่สามารถใช้อำนาจของฮ่องเต้มาข่มผู้อาวุโสได้

“ช่วงนี้สงครามชายแดนเกิดขึ้นติดต่อกัน เราไม่มีกระจิตกระใจเข้าวังหลัง”

ไทฮองไทเฮาย่อมไม่ปล่อยให้เขาผ่านได้ง่าย ๆ

“ฉานเอ๋อร์ทั้งน่ารักและเฉลียวฉลาดขนาดนั้น มีจุดไหนที่ไม่ถูกใจฮ่องเต้หรือ? แม้จะไม่โปรดปราน อย่างน้อยก็ควรไปเยี่ยมเยือนนางที่ตำหนักฟางเฟยบ้าง สองคนควรมีโอกาสพบกันบ่อย ๆ  เอาแต่หลบเลี่ยงไม่ไปเจอเช่นนี้ จะรู้ถึงความดีของนางได้อย่างไร?”

แววตาของเซียวอวี้แน่นิ่ง

“เสด็จย่า เรื่องในวังหลัง มีฮองเฮาคอยดูแล ไม่อาจรบกวนผู้อาวุโสเช่นท่านมาเป็นห่วงเป็นไยอีก”

ไทฮองไทเฮาเหมือนพบที่ระบายอารมณ์ พลันตบโต๊ะน้ำชา

“เจ้าบอกมาตามตรง ฮองเฮาบอกอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”

“เป็นเพราะนางอาศัยการได้ร่วมเรือนหอกับเจ้าแล้ว คอยเป่าหูเจ้าสินะ!”

มิเช่นนั้นคนที่มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมเช่นฉานเอ๋อร์ ไยไม่ได้รับความโปรดปราน?

เซียวอวี้กำลังจะโต้กลับ แต่กลับคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนคำพูดฉับพลัน

“ฮองเฮาคือภรรยาหลวงของเรา เราต้องคำนึงถึงความรู้สึกของนางเป็นธรรมดา”

เมื่อไทฮองไทเฮาได้ยินคำพูดเช่นนี้ ยิ่งโกรธหนักขึ้นจน
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
55555555 นางเอกฉลาดมาก
goodnovel comment avatar
Rapeepan Nanthachai
นางเอกหัวไวมาก ตลกพระเอก ใครก็ต้านนางเอกไม่ได้จริงๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 178

    ภายในศาลาริมทะเลสาบหลวง สายลมพัดโชยแผ่วเบาภาพทิวทัศน์อันงดงามและสงบถึงเพียงนี้ ก็มิอาจปัดเป่าอารมณ์คุกรุ่นของฮ่องเต้ให้จางหายได้เซียวอวี้ยืนหันหลังให้เฟิ่งจิ่วเหยียน หันหน้าไปทางทะเลสาบหลวง ใช้มือไขว้หลังเอาไว้เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ ราวธารน้ำแข็งตกผลึก“ฮองเฮาพูดจาเหลวไหลจนเคยชิน ควรลงน้ำเรียกสติหน่อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนตอบกลับอย่างจริงจัง“หม่อมฉันคิดว่า ฝ่าบาทไม่เต็มใจจะประนีประนอมกับไทฮองไทเฮา โดยการโปรดปรานจิ้งกุ้ยเหรินตามคำเรียกร้องของนาง ภายใต้สถานการณ์คับขันเช่นนั้น จำต้องเลือกวิธีที่แก้ไขปัญหาได้ในครั้งเดียว“หากหม่อมฉันสื่อสารผิด หม่อมฉันจะไปอธิบายให้ไทฮองไทเฮาอย่างชัดเจน ว่าอาการของท่านหายดี…”สายตาของเซียวอวี้ดุดันถมึงทึงหายดีอะไร? เขาไม่ได้ป่วยด้วยซ้ำ!หากนางกลับไปพูดจาเหลวไหลอีกครั้ง มีแต่จะทำให้มันเลวร้ายขึ้น“พอได้แล้ว!”เซียวอวี้ถึงแม้ว่าจะโกรธ ทว่าก็ต้องยอมรับว่า พอฮองเฮาพูดเช่นนั้นกับไทฮองไทเฮาแล้ว มันช่วยเขาลดปัญหาไปได้ไม่น้อยแม้นจะเป็นวิธีที่สร้างความเสียหายให้แก่ตนเองไปหน่อย  แต่เขาก็ต้องรักษาสัญญา“โทษหักเบี้ยเงินหนึ่งปีของเจ้า เราละเว้นให้”เฟิ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 179

    หลังจากหนิงเฟยกลับไป กุ้ยหมัวมัวก็เข้ามาปลอบใจไทเฮา“หนิงเฟยเข้าใจคำพูดเหล่านั้น คงไม่ทำให้ไทเฮาผิดหวังหรอกเพคะ”แววตาของไทเฮาลุ่มลึก“นิสัยของซิ่วหว่าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่รู้“ดวงตาของนางไปอยู่บนศีรษะ ย่อมมองหลาย ๆ อย่างพลาดไปอย่างเลี่ยงไม่ได้“ฮองเฮาเหมาะที่จะเป็นหินฝนทองให้นางได้พอดี”กุ้ยหมัวมัวพยักหน้า“เพคะ ไทเฮา ไม่เสียแรงที่ท่านทรงอบรมบ่มเพาะหนิงเฟยมา”ณ ตำหนักหย่งเหอหลังมื้อเที่ยง นางสนมเจียก็มาหานางไม่ได้ขี่ม้าเป็นเวลานาน จึงวอแวเฟิ่งจิ่วเหยียนไปที่สนามม้าหลวงด้วยกันเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ตอบรับประการแรก นางเป็นฮองเฮา จำเป็นต้องดูแลจัดการเรื่องภายในประการที่สอง นางไม่อยากผูกมิตรกับสตรีในวังหลังทว่านางสนมเจียตามรบเร้ามากเกินไป เอาแต่พูดจ้ออยู่ข้างหูเฟิ่งจิ่วเหยียนไม่หยุด “ไปเถอะ ๆ ฮองเฮา แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หลังจากนี้หม่อมฉันจะไม่มารบกวนท่านอีก ตกลงไหม?”นางสนมเจียเข้าวังมาตั้งแต่ยังเด็ก แถมยังไม่มีเพื่อนให้คุยเล่นในวังอีก ยามอยู่กับฮองเฮา นางรู้สึกสบายใจ ซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกโหยหาฝ่าบาทมาหลายปีแม้นฮองเฮาเองก็เย็นชาเหมือนกัน แถมยังไม่ค่อยสนใจนางเท่าไรนัก แ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 180

    อาวุธลับมาอย่างกะทันหัน เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ทันสังเกต  แต่ก็หลบทันตามสัญชาตญาณของร่างกายอาวุธลับนั้นก็ได้ตกลงไปในน้ำหลังจากนั้น มีคนหนึ่งปรากฏตัว“พี่สะใภ้ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนี่นา”รุ่ยอ๋องอีกแล้ว!เขายืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาตกอยู่ใต้เงาร่มไม้ ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็น จ้องมองมาที่เขาโดยไม่พูดจา จากนั้นก็ตวัดกริชแหลมคมออกมาจากแขนเสื้อในเมื่อได้เผยตัวแล้ว เช่นนั้น…ใบหน้าของรุ่ยอ๋องประดับไปด้วยความอ่อนโยน ถามกลั้วยิ้ม“ช่วงนี้มีคนแฝงตัวเข้ามาในจวนของกระหม่อมบ่อยครั้ง เหมือนอยากมาสืบอะไรบางอย่าง“เรื่องนี้ พี่สะใภ้รู้หรือไม่?”เฟิ่งจิ่วเหยียนย่อมรู้ดีในเมื่อสงสัยรุ่ยอ๋อง ก็ต้องตามสืบเรื่องในจวนของเขาอยู่แล้วทว่า เขามั่นใจขนาดนั้นเลยหรือว่าเป็นนาง ทั้งยังวิ่งแจ้นไปซักถามในวัง?รุ่ยอ๋องเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว ใบหน้ายังคงประดับไปด้วยรอยยิ้ม“พี่สะใภ้ คนเราต่างมีความลับเป็นของตัวเอง“กระหม่อมไม่ได้เปิดโปงเรื่องที่ท่านมีวิชายุทธ์และเรื่องที่แอบหนีออกจากวัง ไยท่านยังบีบคั้นกระหม่อมอีกล่ะ?”นัยน์ตาของเขาทอประกายมืดมนเล็กน้อย “ท่านคิดว่า กระหม่อมสู้กลับไม่เป็

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 181

    รุ่ยอ๋องดูเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บปวดที่กระดูกเคลื่อน ใบหน้ายังปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยน เขาถอนหายใจและเอ่ยว่า“บางทีพี่สะใภ้อาจยังจำไม่ได้“เมื่อเจ็ดปีก่อน ข้ามาที่เมืองหลวงและถูกไล่ล่าที่ริมทะเลสาบเทียนจื่อ ผู้ติดตามทั้งหมดไม่มีผู้ใดรอดชีวิต แม้แต่ข้าก็ยังเกือบจะตายด้วยน้ำมือโจร“ในตอนนั้นท่านบังเอิญผ่านมาพอดี จึงสั่งให้ทหารองค์รักษ์ช่วยเหลือ ข้าจึงโชคดีรอดชีวิตมาได้”เมื่อเจ็ดปีก่อนที่ทะเลสาบเทียนจื่อเฟิ่งจิ่วเหยียนก็จำได้เช่นกันเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริง!นั่นเป็นวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของนางและเวยเฉียง อาจารย์อนุญาตให้นางหยุดพักได้สองสามวัน นางจึงมาหาเวยเฉียงที่เมืองหลวง และพาเวยเฉียงไปจุดโคมไฟตรงทะเลสาบเทียนจื่อที่ผู้คนไม่พลุกพล่านนางสวมหน้ากากที่อาจารย์มอบให้ และแต่งตัวเป็นเด็กหนุ่ม แสร้งทำเป็นองครักษ์น้อยของเวยเฉียงระหว่างทางกลับจวน บังเอิญได้พบชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังถูกคนไล่ล่าเดิมทีนางคิดจะพาเวยเฉียงวิ่งหนี แต่เวยเฉียงกลับขอให้นางช่วยเขา...ดังนั้นเด็กหนุ่มที่ได้รับการช่วยเหลือผู้นั้น ก็คือรุ่ยอ๋องที่อยู่ตรงหน้า?สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนคมกริบ“ข้าจำได้ว่าไหล่ซ้ายของเด็กหนุ่มผู

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 182

    เมื่อหลิวซื่อเหลียงเห็นฮ่องเต้ทรงใจลอย เขาจึงส่งสัญญาณให้ขันทีคนอื่น ๆ ถอยหลังไป“อ๊า!” ในขณะนั้นเอง ลูกขนไก่ที่จิ้งกุ้ยเหรินเตะลอยขึ้นสูงมาก ทุกคนพากันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆลูกขนไก่ตรงหน้าที่ดูเหมือนจะรับได้ยาก ทว่ากลับเห็นจิ้งกุ้ยเหรินกระโดดขึ้นสูง และรับมันได้โดยไม่เสียการทรงตัว“กุ้ยเหรินสายตาดีมาก!” บรรดาข้าหลวงพากันกล่าวชมจิ้งกุ้ยเหรินกำลังจะเตะลูกขนไก่ลูกที่สอง แต่นางกลับเห็นฮ่องเต้ยืนอยู่ตรงทางเดินไม่ไกลนัก ดูท่วงท่าสง่างามนางควบคุมอาการร่าเริงในทันทีทันใด สีหน้ากลับดูซีดขาว นางจึงหยุดและยืนนิ่งทันที จากนั้นเผยรอยยิ้มสุภาพอ่อนหวาน และแสดงความเคารพ“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”ลูกขนไก่ตกลงบนพื้น เหล่านางกำนัลต่างพากันทำความเคารพทันที“ถวายบังคมฝ่าบาท!” หลิวซื่อเหลียงได้ยินคำพูดของไทฮองไทเฮา เขารู้สึกเห็นใจจิ้งกุ้ยเหรินอยู่บ้างเดิมทีนางเป็นคนร่าเริงแจ่มใส ทว่านางกลับถูกบังคับให้เรียบร้อยสงบเสงี่ยมเซียวอวี้มองแววตาของจิ้งกุ้ยเหริน จากนั้นก็แค่สั่งให้นางทำตัวตามปกติ และเดินออกไปจากตำหนักวั่นโซ่วจิ้งกุ้ยเหรินมองดูแผ่นหลังของเขาที่ห่างออกไปไกล ริมฝีปากโค้งขึ้นเล็กน้อย.

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 183

    “ว่าอย่างไรนะ? แม่ทัพน้อย ชายแดนเหนือเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”อู๋ไป๋ก็เช่นเดียวกับเฟิ่งจิ่วเหยียน พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงมาหลายเดือนแล้ว เรื่องราวที่ชายแดนเหนือจึงรู้เพียงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าที่นั่นเกิดเรื่อง อู๋ไป๋ก็เริ่มกระวนกระวายดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเต็มไปด้วยความคับแค้น มือกำแน่นจนเริ่มสั่น“กองทัพมังกรพยัคฆ์ที่นำทัพโดยจางเฉิง ถูกกองทัพเหลียงซุ่มโจมตีที่เนินเขาหานซาน คนทั้งสามร้อยยี่สิบสี่คนตายหมดทั้งกองทัพ”อู๋ไป๋ราวกับถูกเทสาดด้วยน้ำแข็ง โลหิตทั่วร่างจับตัวแข็งม่านตาขยายขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นเพราะความโศกเศร้าและความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายจึงสั่นเทิ้มไปทั้งตัวตึง!เขาหันหลังกลับและต่อยเข้าไปที่กำแพงหนึ่งหมัดตัวคนหันหน้าเข้าหากำแพง ก้มหัวลง ไหล่เริ่มสั่น เขายกมือขึ้นปาดน้ำตา จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองบนคานไม้ เขากัดมือตัวเองและส่งเสียงร้องอย่างอัดอั้น“ฮือ——”เฟิ่งจิ่วเหยียนนั่งอยู่ตรงนั้น ภายใต้ตะเกียงน้ำมัน ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยเงามืดแววตาของนางดูเยือกเย็น หรือเป็นความสงบนิ่งที่เกือบจะไม่ปกติหลังจากอู๋ไป๋ระบายความรู้สึกคับแค้นใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 184

    ในห้องทรงพระอักษร หลังจบจากว่าราชกิจเช้า เซียวอวี้ให้เสนาบดีคนสำคัญบางคนอยู่ร่วมกันหารือการต่อสู้ที่เนินเขาหานซานถูกยั่วยุปลุกปั่นจากกองทัพเหลียง จากนั้นหนานฉีก็ตั้งตัวเป็นฝ่ายรับ คราวนี้รัฐเหลียงใช้วิธีการเดิม ต้องการเจรจาสงบศึกอีก เหล่าขุนนางส่วนใหญ่ของหนานฉีเชื่อว่า พฤติกรรมของคนโฉดนั้นไม่น่าเชื่อถือแต่ขุนนางบางคนไม่คิดเช่นนั้น“ฝ่าบาท ก่อนหน้านี้กองทัพเหลียงผิดคำพูด เป็นเพราะแม่ทัพน้อยเมิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจึงคิดว่าพอจะสู้รบและยึดเมืองที่ถูกโจมตีคืนมาได้“ทว่าตอนนี้ กระหม่อมได้ยินว่าแม่ทัพน้อยเมิ่งหายเป็นปกติแล้ว รัฐเหลียงจึงไม่กล้าก่อเรื่องอีก มิสู้หยุดแค่นี้ พักฟื้นและฟื้นฟูสำคัญกว่า!”สีหน้าของเซียวอวี้ดูเรียบเฉย ฟังการสนทนาของพวกเขาโดยไม่เอ่ยสิ่งใดจนกระทั่งหลิวซื่อเหลียงเดินเข้ามาและกระซิบที่ข้างหูของเขา“ฝ่าบาท ฮองเฮาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้เห็นว่าเวลาพอสมควรแล้ว จึงให้เหล่าขุนนางกลับไปก่อนจากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็เข้ามาในห้องทรงพระอักษรเซียวอวี้วางสาส์นกราบทูลไว้ข้างมือ และเงยหน้าขึ้นมองนาง“วังหลังเกิดอะไรขึ้น?”เขารู้จักนางดี ถ้าไม่ใช่เรื่องส

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 185

    เซียวอวี้ลุกขึ้นยืนแบบพรวดพราด ประกายตาสีดำฉายแววของนักล่า“เจ้านี่...ช่างพูดอย่างไม่ละอายใจ!”ฟังดูคล้ายจะตำหนินาง ทว่ากับมองไม่เห็นความโกรธเฟิ่งจิ่วเหยียนมองออกว่า เขาถูกตนโน้มน้าว เริ่มคันไม้คันมือ และพร้อมจะต่อสู้นางก้มศีรษะอย่างเคารพ“กองทัพชายแดนเหนือเป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง เมื่อออกคำสั่งทางการทหาร กองทัพจะต้องพิชิตแคว้นอาณานิคมให้กับท่านได้อย่างแน่นอน!”“พูดได้ดี!” เซียวอวี้รู้สึกสบายใจยิ่งนักเขาจึงออกคำสั่งทันที “เรียกแม่ทัพมาหารือเรื่องนี้!”นี่เป็นการเรียกแม่ทัพมาเท่านั้นไม่ใช่หารือเรื่องสงครามหรือสงบศึก แต่เป็นการกำหนดแผนที่ชัดเจนและรอดำเนินการณ เวลานี้เฟิ่งจิ่วเหยียนบรรลุจุดประสงค์แล้ว นางจึงสามารถกลับได้ทว่านางยังมีบางอย่างจะพูด“ฝ่าบาท สงครามครั้งนี้มีบทบาทสำคัญอย่างมาก หม่อมฉันยินดีจะไปวัดต้าเจา เพื่ออธิษฐานขอพรให้ทหารหนานฉีของเรา จนกว่าสงครามจะยุติ”เซียวอวี้เหลือบมองนาง และก้มคางลงเล็กน้อย“ในเมื่อเจ้ามีเจตนาเช่นนี้ เราก็อนุญาต”การอธิษฐานขอพรของฮองเฮา สิ่งนี้ถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้กับเหล่าทหารด้วยจากนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนก็โค้งคำนั

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1217

    ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1216

    อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1215

    ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status