ถึงแม้เซียวอวี้จะไม่ค่อยได้พบหน้าจางฉี่หยาง แต่ก็ยังจดจำเขาได้ในทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใด จางฉี่หยางจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้จากนั้น จางฉี่หยางจึงเอ่ยอธิบาย“พวกกระหม่อมได้เข้าเฝ้าฮองเฮาที่เมืองลี่หย่วนพ่ะย่ะค่ะ”“พระนางมีรับสั่งให้พวกเราตามหายาถอนพิษ เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือฝ่าบาท”“เดิมทีในแต่ละเมืองก็มีทหารปกติประจำการอยู่ พวกเราก็อาศัยขโมยยาถอนพิษจากพวกเขานี่แหละพ่ะย่ะค่ะ”“แต่หลายวันมานี้ แม้แต่ทหารเหล่านั้นก็กลายเป็นมนุษย์โอสถไปหมดสิ้น ทำให้ไม่สามารถหายาแก้ได้อีก”“นี่คือยาที่พวกกระหม่อมรวบรวมมาได้ ขอฝ่าบาทโปรดเสวยยา แล้วรีบเสด็จออกจากเมืองนี้ไปพร้อมกับกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”เขายื่นกระบอกน้ำให้เซียวอวี้เซียวอวี้เพียงเอ่ยถาม “แล้วฮองเฮาเล่า? นางอยู่ที่ใด?”เขาต้องการยืนยันก่อนว่าจิ่วเหยียนปลอดภัยดีหรือไม่จางฉี่หยางทูลตอบตามความจริง“ฮองเฮาเสด็จไปตามหาตัวการผู้ควบคุมมนุษย์โอสถแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระนางให้พวกกระหม่อมมาช่วยฝ่าบาทก่อน แล้วให้ไปพบกันที่เมืองฝานหลู”แต่ยาถอนพิษนี้เพียงพอสำหรับคนผู้เดียวเท่านั้น กระทั่งคนเดียวก็ยังแทบไม่พอจางฉี่หยางตั้งใจจะทิ้งพี่น้องคนอื่
นับตั้งแต่ที่ทรงทราบว่าองค์หญิงใหญ่หายตัวไป ไทเฮาก็ไม่เคยบรรทมหลับลงอย่างสนิทใจได้เลยสักคืนนางไม่คาดคิดเลยว่า แม้จะส่งคนไปมากมายเพื่อจับตาดูฉีเอ๋อร์ แต่นางก็ยังหนีไปได้อยู่ดีความรักที่ฉีเอ๋อร์มีต่อฮ่องเต้นั้นลึกซึ้งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?ลึกซึ้งเสียจนไม่ห่วงแม้ความปลอดภัยของตนเอง?กุ้ยหมัวมัวเอ่ยปลอบใจอยู่ข้าง ๆ“ไทเฮาเพคะ อย่าทรงกังวลไปเลย องค์หญิงใหญ่เสด็จออกไปก็มีองครักษ์ติดตามไปด้วย พวกเขาย่อมปกป้ององค์หญิงได้เป็นอย่างดีแน่นอนเพคะ”“อีกทั้งหม่อมฉันได้ยินมาว่า เมืองต่าง ๆ ทางตอนเหนือล้วนปิดประตูเมือง ห้ามราษฎรเข้าออก”“จากการณ์นี้จะเห็นได้ว่า ต่อให้องค์หญิงใหญ่จะหนีออกจากเมืองหลวงไปได้ ก็คงไปไม่ถึงเมืองชายแดนเป็นแน่เพคะ”เมื่อได้ฟังดังนั้น สีพระพักตร์ของไทเฮาก็คลายลงเล็กน้อย“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะต้องตามหาองค์หญิงใหญ่ให้พบโดยเร็วที่สุด!”จะปล่อยให้เด็กคนนั้นทำอะไรตามอำเภอใจต่อไปอีกไม่ได้แล้ว!อายุก็ปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว ยังไม่มีความหนักแน่นเอาเสียเลย......ชาวบ้านในเมืองหลวงรู้เพียงว่าที่ชายแดนกำลังเกิดเหตุการณ์มนุษย์โอสถอาละวาด แต่หารู้ไม่ว่าสถานการณ์นั้นคับขันเพีย
วิชาตัวเบาของตงฟางซื่อนั้นด้อยกว่าเฟิ่งจิ่วเหยียน แต่ด้านอื่น ๆ กลับเหนือกว่านางอยู่หนึ่งขั้นดังนั้นเขาจึงสามารถสลัดทหารของจั่วเฟิงหลุดและออกจากเมืองหรงโจวไปได้ก่อนแต่เพราะเขายึดมั่นในคุณธรรมเป็นหลัก ยังคงเป็นห่วงพี่น้องที่ติดอยู่ในเมือง จึงไม่ยอมจากไปก่อนหลายวันนี้ เขาเตร็ดเตร่อยู่บริเวณนอกประตูเมือง ครุ่นคิดว่าจะช่วยเหลือได้อย่างไรดีใต้เมืองหรงโจว มี 'ใยแมงมุม' อยู่ช่วงหนึ่งจริง ๆแต่มันไม่ได้พาดผ่านคุกหลวงของเมืองหรงโจวก่อนที่เขาจะคิดแผนการแหกคุกออก จะลงมือทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น ก็ได้เห็นสัญญาณของหร่วนฝูอวี้ในคืนวันนั้น เขาก็ลอบเข้าไปในเมืองผ่านทาง 'ใยแมงมุม'ภายในโรงพักแรม คนหลายคนมารวมตัวกันตงฟางซื่อยิ้มตาหยี มองสำรวจหร่วนฝูอวี้ “เจ้าหนีออกมาได้อย่างไร? แล้วเหล่าฝานกับคนอื่น ๆ เล่า?”หร่วนฝูอวี้เห็นเขาสภาพสมบูรณ์ดี ไม่มีร่องรอยบาดเจ็บแม้แต่น้อย ก็หัวเราะออกมาอย่างขุ่นเคืองนางพูดจาประชดประชัน “สมแล้วที่เป็นผู้นำพันธมิตรตงฟาง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุทธภพ”ตงฟางซื่ออธิบายอย่างจริงจัง“ข้าไม่ได้ทิ้งพี่น้องหนีเอาตัวรอด...”“เลิก
เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของจั่วเฟิง องค์หญิงใหญ่และรุ่ยอ๋องก็สบตากันอย่างรวดเร็วดูท่าแล้วจั่วเฟิงผู้นี้คงจะรับมือได้ไม่ง่ายพูดให้ชัดเจนก็คือ คนผู้นี้เป็นคนหัวแข็ง ยึดมั่นในหลักการจนเกินไป ไม่ยืดหยุ่นจั่วเฟิงเองก็มองคนทั้งสองอย่างระแวดระวัง“ท่านทั้งสองก็จะบุกฝ่าด่านไปเช่นกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเขาพูดถึงขนาดนั้นแล้ว รุ่ยอ๋องและองค์หญิงใหญ่จะยอมพูดความจริงได้อย่างไรองค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าที่จริงใจอย่างยิ่ง“มีทหารผู้ภักดีเช่นพวกท่านคอยปกป้องเมืองหลวงเช่นนี้ แคว้นหนานฉีคงไม่เกิดความวุ่นวายใหญ่โตเป็นแน่ ส่วนเรื่องการไปช่วยฝ่าบาทนั้น ย่อมมีเหล่าทหารกล้าเดินทางไปอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสตรีผู้อ่อนแอเช่นข้าหรอก”รุ่ยอ๋องก็ร่วมวงโกหกหน้าตายเช่นกัน“ข้ามาเพื่อตามหาพระชายา”“จั่วเฟิง เจ้ารีบพาข้าไปพบพระชายาเดี๋ยวนี้”จั่วเฟิงคลายความระแวงต่อคนทั้งสองลงชั่วคราว“ข้าน้อยขอกล่าวไว้ก่อนว่า ความวุ่นวายเรื่องมนุษย์โอสถในครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย”“ท่านเจ้าเมืองมีคำสั่งให้เฝ้าระวังด่านประตูเมืองนี้อย่างเข้มงวด”“หลังจากที่ท่านทั้งสองได้พบกับพระชายาแล้ว ก็ขอให้รีบกลับเมืองห
หร่วนฝูอวี้เพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่วัน ก็รีบออกเดินทางไปเสียแล้วรุ่ยอ๋องอุ้มลูก คิดอยากไล่ตามความเร็วของนางนั้นไม่ง่ายอย่างไรลูกน้อยก็ร่างกายอ่อนแอ จะให้เดินทางไกลย่อมไม่เหมาะนักทันทีที่ถึงชายแดนแคว้นหนานฉี รุ่ยอ๋องก็ถูกหร่วนฝูอวี้ทิ้งห่างต่อให้เขาเรียกนางเสียงดังเพียงใด นางก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาอยากตามไป แต่ลูกน้อยในอ้อมแขนร้องไห้ไม่หยุดรุ่ยอ๋องมองลูกด้วยความสงสารน่าสงสารลูกคนนี้เพิ่งลืมตาดูโลก ยังไม่ได้แม้แต่จะตั้งชื่อเดิมเขาคิดจะคุยกับหร่วนฝูอวี้เรื่องการตั้งชื่อของลูก แต่เวลานี้คงไม่เหมาะสมกู่ราชาแห่งหนานเจียงถูกขโมยไป แคว้นหนานฉีก็มีมนุษย์โอสถก่อความวุ่นวาย เรื่องราวประดังเข้ามาในเวลาเดียวกัน ใครเล่าจะไม่รู้สึกหนักใจรุ่ยอ๋องได้แต่คิดว่า ลูกคนนี้เกิดมาในเวลาที่ไม่เหมาะเอาเสียเลยดูเหมือนลูกจะสัมผัสได้ถึงความรังเกียจของผู้เป็นพ่อ จึงร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมก่อนหน้าหร่วนฝูอวี้ พวกตงฟางซื่อออกเดินทางไปก่อนแล้วรุ่ยอ๋องคิดว่า ในเมื่อมีคนมากพอแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หาสถานที่ปลอดภัยให้ลูกก่อน แล้วค่อยตามไปสมทบไม่เช่นนั้น หากต้องพาลูกเดินทางไปด้วย คงจะ
เมืองฝานหลู จวนฉู่อ๋องเซียวม่อกลับมาถึงจวน ก็แทบไม่ได้ทำอะไรเลยหยวนตั๋วจัดการทุกอย่างไว้อย่างเรียบร้อย ไม่ต้องให้เขาเหนื่อยใจสักนิดเซียวม่อนอกจากกิน ดื่ม เล่นสนุก ก็มีแค่คอยถามหยวนตั๋วว่าคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว...หาเซียวอวี้เจอหรือยัง? เมื่อไหร่เขาถึงจะได้ขึ้นครองบัลลังก์?วันนี้ ฉวีเต้ายางกลับมาอย่างกะทันหันเซียวม่อกำลังหยอกล้อกับนกในกรง ถามโดยไม่แม้แต่จะเงยศีรษะขึ้นมา“ท่านฉวี เจอฝ่าบาทแล้วหรือยัง?”ฉวีเต้ายางยกมือประสานคำนับแล้วรายงาน“ข้าพบชาวบ้านหลายคนที่ยังไม่กลายเป็นมนุษย์โอสถ ตามที่พวกเขาบอกมา เมื่อไม่นานมานี้เห็นฝ่าบาทมุ่งหน้าไปทางใต้ น่าจะหลบหนีออกจากชายแดนไปถึงชายแดนเหนือเดิมของแคว้นหนานฉีแล้วขอรับ”“ว่าอะไรนะ!” เซียวม่อเผลอสะบัดกรงนกในมือ ดวงตาเบิกกว้างทันทีเขามองฉวีเต้ายางด้วยโทสะ“ข่าวนี้เชื่อถือได้หรือไม่?”บัดซบ!หยวนตั๋วบอกไว้ว่า มีมนุษย์โอสถเฝ้าตามชายแดน เซียวอวี้ไม่มีทางหนีไปได้ไม่ใช่หรือ!ฉวีเต้ายางข่มอารมณ์ให้มั่งคง“เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยคิดว่า ควรเชื่อไว้ก่อน ดีกว่าไม่เชื่อแล้วปล่อยให้หลุดมือไป“ขอท่านอ๋องให้ข้าออกไปติดตามขอรับ!”ตอนนี้ในใจของเซี