공유

บทที่ 84

작가: อี้ซัวเยียนอวี่
จักรพรรดิพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ ราวกับจะแช่แข็งอยู่กลางอากาศ แฝงไปด้วยความมืดมนและความโกรธเกรี้ยว

“เจ้าอยากพูดว่า กุ้ยเฟยคอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง?”

เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกกระชากจนเซ แต่ไม่ช้าก็ยืนได้อย่างมั่นคง

เขาช่างให้ความสำคัญกุ้ยเฟยจริงๆ ไม่ยอมให้มีใคร “ใส่ร้าย”

“หม่อมฉันเพียงแค่สงสัย เชื่อหรือไม่เชื่อ สืบหรือว่าไม่สืบ ล้วนแล้วแต่ฝ่าบาท”

ริมฝีปากบางเยือกเย็นของเซียวอวี้กระตุกโค้ง แฝงไปด้วยความเหยียดหยาม

นางมักจะแสดงออกถึงความนอบน้อมเมื่อต่อหน้า แต่ความจริงนั้นคิดอย่างไร?

นึกว่าเขาฟังไม่รู้ถึงความหมายแฝง ในคำพูดของนางหรือ!

“อาการบาดเจ็บของกุ้ยเฟยเป็นอย่างไร เจ้าเคยไปดูไหม?

“เพราะยาของเจ้า นางทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด เจ้ากลับพูดว่า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของนาง?

“นางเป็นคนโง่เขลาหรือ คิดอยากทำร้ายคนอื่น กลับกลายเป็นทำร้ายตนเอง?

“เรากลับคิดว่า เจ้าต่างหากที่เป็นบงการ!”

เฟิ่งจิ่วเหยียนหรี่ตาลง

นางไม่ได้พูดแก้ต่างในทันที

สายตาเซียวอวี้จับจ้องมองดูนาง

“หลังจากเกิดเรื่องของจ้าวเฉียน เราก็เคยเตือนเจ้าแล้ว ทุกอย่างจบลงแค่นี้ กุ้ยเฟยไม่มีความผิด เจ้าจะทำร้ายนางอีกไม่ได้

“กุ้
이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요
잠긴 챕터
댓글 (3)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
คนของกุ้ยเฟยตายหมด ให้เหลือแต่แต่อีกุ้ยเฟยคนเดียว
goodnovel comment avatar
Sanita Sriphadej
ไม่ฮ่องเต้ก็คนแต่งนี่แหละค่ะที่ความจำเสื่อม แต่งเองลืมเองตั้งแต่ตอนต้นๆ นู่นแน่ะ ตอนนางเอกตกลงไปในห้องลับเต้จำได้เพราะน้องไม่ได้ใส่ชุดพรางโฉม แต่ตอนกระโดดหนีออกไปจากห้องดันใส่ชุดดำปกปิดจนเต้จำไม่ได้ว่าเป็นฮองเฮาซะงั้น 555
goodnovel comment avatar
Silarat
เจอกันครั้งแรก ฮ่องเต้ก็รู้แล้วว่าเป็นฮ่องเฮ้า น๊า อ่านมาถึงตอนนี้ ทำไมถึงไม่รู้จักได้???
댓글 모두 보기

관련 챕터

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 85

    คนถูกลากมาถึงหน้าฮ่องเต้เขาเห็นก็รู้ทันที นี่เป็นคนในตำหนักของกุ้ยเฟย!“เอาน้ำสาดให้เขาตื่น”ซัว...น้ำเย็นหนึ่งกะละมังสาดที่หัว เสี่ยวลู่จื้อถูกบีบให้ตื่นขึ้นมาสิ่งที่มองเห็นก็คือจักรพรรดิผู้สูงศักดิ์น่าเกรงขาม เขาตกตะลึงจนเหงื่อเย็นวาบขึ้นมาทันที“บ่าวถวายบังคม ฝ่าบาท!”เนื้อตัวของเขาสั่นเทาหากฝ่าบาทรู้ว่า เขาถูกกุ้ยเฟยส่งมาคอยจับตาดูตำหนักฉางสิ้น ก็จะแย่แน่!แต่ในเมื่อเขาถูกตีสลบ แน่นอนว่าฝ่าบาทจะต้องรู้แล้ว เสี่ยวลู่จื้อสั่นเทาไปทั้งตัวกรามล่างของเซียวอวี้เฉียบคมเหมือนมีด ริมฝีปากบางขยับพูดขึ้นมาว่า“ตัดแขนของเขาข้างหนึ่ง”“พ่ะย่ะค่ะ!” เฉินจี๋ลงมืออย่างรวดเร็วรุนแรงได้ยินเพียงเสียงร้องอย่างเศร้ารันทด บนพื้นก็มีแขนขาดเพิ่มมาข้างหนึ่งตำหนักหลิงเซียวกุ้ยเฟยกำลังจะพักผ่อน ชุนเหอวิ่งเข้ามาอย่างกะทันหัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก“พระนาง ฝ่าบาทเสด็จ!”ฝ่าบาทมาดึกขนาดนี้ จะต้องวางใจพระนางไม่ได้แน่นอนเลยสีหน้ากุ้ยเฟยเต็มไปด้วยความดีใจนางเพิ่งเตรียมตัวลงจากเตียง ขบวนเสด็จก็มาถึงข้างในตำหนักแล้วชุนเหอถอยออกไปอย่างรู้ตัว มอบราตรีในวสันตฤดูให้กับฝ่าบาทและพ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 86

    เฟิ่งจิ่วเหยียนเผาจดหมายลับทิ้ง แสงไฟส่องสะท้อนดวงตาของนาง เสมือนเปลวไฟที่ลุกโชน ดุจดั่งเพลิงโลกันตร์ที่จะแผดเผาบาปทั้งปวงเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม “กุ้ยเฟยเป็นคนรอบคอบ ทั้งยังมีวิชาควบคุมคน ทั้งจ้าวเฉียนและหวังเทียนไห่ ต่อให้เรื่องราวจะถูกเปิดโปง คนพวกนี้ก็ยอมตายแต่จะไม่ยอมทรยศนางเด็ดขาด “ดังนั้น พวกเราทำได้มากสุดแค่มองว่านางเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีโจรภูเขา แต่ไม่มีหลักฐานอะไรช่วยยืนยัน หากฝ่าบาทเลือกจะทรงเชื่อกุ้ยเฟยก็พอจะเข้าใจได้“สิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือค่อย ๆ รวบรวมหลักฐานความผิดของนางให้ครบ“เก็บน้อยกลายเป็นมาก ครานี้เป็นนางกำนัลคนนั้น คราหน้าก็จะมีคนอื่นอีก“สักวันหนึ่ง เมื่อมีหลักฐานพยานพร้อม ต่อให้กุ้ยเฟยจะมีปากเป็นร้อยปากก็แก้ตัวไม่ได้“ถึงเวลานั้น แม้แต่ฝ่าบาทก็ปกป้องนางไม่ได้อีก”เรื่องนี้ต้องใช้เวลามากกว่าการสังหารนางโดยตรงทว่า หากปล่อยให้กุ้ยเฟยตายง่าย ๆ ก็คงบรรเทาความแค้นในใจไม่ได้ นอกจากนี้ หากไม่ไขความจริงให้กระจ่าง เวยเฉียงก็จะไม่ได้รับความเป็นธรรม!นางต้องการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่กุ้ยเฟยมีและเห็นคุณค่า ต้องการให้คนทั่วหล้ารู้ถึงความผิดของกุ้ยเฟย!หากเป็นสนมร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 87

    ตำหนักหลิงเซียวฮูหยินเฟิ่งนั่งอยู่ในห้องอุ่น ประตูและหน้าต่างปิดสนิท ภายในตำหนักจุดกำยาน ทำให้นางลืมตาไม่ขึ้นและหายใจติดขัดจู่ ๆ กุ้ยเฟยก็เรียกตัวนางเข้าวัง บอกว่ามีเรื่องจะขอคำชี้แนะทว่ามาแล้วกลับทิ้งให้นางอยู่ที่ห้องอุ่นเพียงลำพัง ทั้งยังให้คนจุดกำยานทั่วตำหนัก บอกว่ามีสรรพคุณช่วยให้สดชื่นและบำรุงลมปราณแต่นางดมแล้วก็รู้ว่าเป็นกำยานคุณภาพต่ำชัด ๆล่วงเลยไปแล้วหนึ่งชั่วยาม กลุ่มควันลอยโขมงทั่วตำหนักฮูหยินเฟิ่งถูกรมควันจนไม่ไหวแล้วนางหมายจะเปิดหน้าต่าง ทว่าหน้าต่างกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ราวกับถูกคนลงสลักจากด้านนอกตามด้วยเดินไปที่ประตูต่อผลักเปิดประตูไม่ขยับเขยื้อนเช่นกันนางเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาหรือว่านางจะถูกขังอยู่ที่นี่!เหงื่อเย็นผุดขึ้นที่หลังฮูหยินเฟิ่งกุ้ยเฟยคิดจะทำอะไร?“แค่ก ๆ…”กลิ่นกำยานอบอวลไม่ได้รับการระบายดุจควันไฟทำให้หายใจไม่ออกฮูหยินเฟิ่งหน้าซีดนางราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบคอ เริ่มสำลักอย่างรุนแรง ดวงตามีน้ำตาไหลและวิงเวียนศีรษะปังปังปัง!นางตบประตูร้องตะโกนออกไปด้านนอกโดยไม่สนใจจารีตของสตรีชนชั้นสูงอีกต่อไป“มีผู้ใดอยู่หร

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 88

    เหล่าองครักษ์ของตำหนักหลิงเซียวขวางไว้ด้านนอก“ฮองเฮาโปรดประทานอภัย! กุ้ยเฟยมีรับสั่งว่ากำลังต้อนรับแขก ห้ามมิให้ผู้ใด…”องครักษ์ยังพูดไม่ทันจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ตัดบทด้วยแววตาแน่นิ่งเย็นชา“หากไม่อยากตายก็หลบไป!”เวลานี้ มีเสียงที่สุขุมแต่มีเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านใน“ฮองเฮาเสด็จมาหรือ?”“โปรดประทานอภัย หม่อมฉันบาดเจ็บสาหัส ไม่อาจออกไปต้อนรับด้วยตัวเอง”“พวกเจ้าตาบอดหรืออย่างไร กล้าดีอย่างไรมาขวางแม้แต่ฮองเฮา?”“เอาไว้ข้าจะสั่งสอนให้หนัก!”หลังจากนั้น เหล่าองครักษ์นอกตำหนักก็เปิดทางให้ ทำความเคารพต่อเฟิ่งจิ่วเหยียนด้วยท่าทีนอบน้อม“ฮองเฮา เชิญพ่ะย่ะค่ะ”……ภายในตำหนักเฟิ่งจิ่วเหยียนมองเห็นสกุลหลิวผู้เป็นมารดาของตัวเองเป็นคนแรกจากนั้นจึงเห็นกุ้ยเฟยที่กำลังนั่งอยู่ แม้ดวงตาจะกำลังยิ้มแต่กลับชั่วร้ายเหมือนงูพิษ“ฮองเฮาเพคะ หม่อมฉันกำลังข้อคำชี้แนะด้านการดูแลบุตรจากฮูหยินเฟิ่ง“ท่านก็เสด็จมาพอดี”ฮูหยินเฟิ่งทำความเคารพต่อเฟิ่งจิ่วเหยียน“ถวายบังคมฮองเฮา”เฟิ่งจิ่วเหยียนสั่งด้วยสุ้มเสียงเย็นยะเยียบ “เหลียนซวง ส่งฮูหยินไปที่ตำหนักหย่งเหอก่อน”“เพคะ! พระนาง!”ฮูหยินเฟิ่งไ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 89

    ไทฮองไทเฮาคือพระอัยยิกาของฮ่องเต้ อุทิศตนบำเพ็ญมาหลายปีและพำนักอยู่ที่ภูเขาอวี้หยางนอกวังเป็นหลัก ไม่ค่อยกลับวังแม้แต่พิธีอภิเษกของฮ่องเต้กับฮองเฮา ไทฮองไทเฮาก็ยังไม่เข้าร่วมกุ้ยเฟยที่เข้าวังมาสี่ปี เคยมีโอกาสได้พบพระนางแค่สองครั้งไทฮองไทเฮาเป็นคนจู้จี้จุกจิก มาตรว่าจะปฏิบัติธรรมแต่กลับโหดร้ายกับผู้อื่นมาก แม้แต่ไทเฮายังต้องกลัวหากนางรู้ว่าฮองเฮาต้องมลทิน เช่นนั้นนางต้องพิโรธและสั่งให้ฮ่องเต้ปลดฮองเฮาเป็นแน่!ชุนเหอได้ยินว่ากุ้ยเฟยจะเชิญไทฮองไทเฮากลับวังก็อดเป็นกังวลไม่ได้“พระนาง มันจะดีหรือเพคะ?“ไทฮองไทเฮามีอคติต่อท่านมาก ในอดีตเคยสั่งลงโทษท่านต่อหน้าธารกำนัล ชีวิตของท่านเพิ่งจะสบายขึ้นก็ตอนที่พระนางออกจากวังไปแล้ว“พึงรู้ไว้ว่า เชิญเทพมาง่าย เชิญเทพออกยาก”กุ้ยเฟยมองเศษถ้วยชาบนพื้นนางจำท่าทีอวดดีเมื่อครู่ของเฟิ่งเวยเฉียงได้ขึ้นใจนังแพศยากล้ามาอวดดีถึงเบื้องหน้านางแล้ว!“จริงอยู่ว่าข้าข้าไม่อยากให้ไทฮองไทเฮากลับวัง แต่เทียบกับนางแล้ว ฮองเฮาทำให้ข้าข้าชิงชังยิ่งกว่า!นางเหมือนแมลงวันสกปรกที่บินผ่านหน้าไปมาทั้งวันข้าอยากให้นางตาย!”ชุนเหอรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาเพิ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 90

    ตำหนักหลิงเซียว ดวงอาทิตย์เพิ่งจะลาลับขอบฟ้า บาดแผลของกุ้ยเฟยก็เริ่มเจ็บปวดนางกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บปวด ทุกลมหายใจราวกับจะฉีกแผลให้ปริออกเจ็บเหลือเกิน!ไม่นานนัก กุ้ยเฟยก็เจ็บจนสติเลือนรางนางมีเหงื่อออกท่วมศีรษะ จับตัวชุนเหอแน่นและพูดด้วยความเกรี้ยวกราด“ยา! รีบใช้ยาระงับความเจ็บปวดให้ข้าเดี๋ยวนี้! เจ้าอยากให้ข้าเจ็บจนตายหรืออย่างไร…”ชุนเหอรีบปลอบนางว่า “พระนาง หมอหลวงบอกว่ามีแต่ต้องขับยาจู้หุนส่านออกไปก่อนจึงจะใช้ยาระงับความเจ็บปวดได้ อดทนหน่อยนะเพคะ”พระนางเป็นแบบนี้ นางเองก็เจ็บปวดเช่นกันแขนของนางจะถูกพระนางจับจนถลอกทุกครั้งเจ็บจนยากจะทานทนครึ่งชั่วยามต่อมา กุ้ยเฟยมีเหงื่อออกท่วมตัวและเอนพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรงชุนเหอป้อนยาให้กับนางด้วยความระมัดระวัง ทว่ากุ้ยเฟยกลับยกมือปัดยาทิ้ง“สารเลว…ไม่ได้เรื่อง! พวกคนจากสำนักหมอหลวงจงใจประวิงเวลา…“ข้า ข้าทรมานมานาน แต่พวกเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!“ยาจู้หุนส่าน…ยาจู้หุนส่านบ้าอะไร! ข้าดื่มยาตั้งมากขนาดนี้ เหตุใดยังขับมันออกไม่หมดอีก!”ชุนเหออธิบายอย่างมีน้ำอดน้ำทน“พระนาง ท่านเพียงต้องดื่มยาให้มาก ไม่นานก็จะขับยาจู้หุนส่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 91

    ตำหนักฉางซิ่นเวลานี้ล่วงเลยยามไห้ มาแล้วสามเค่อ ภายในตำหนักยังคงเหลือเพียงเซียวอวี้ผู้เดียวเขาเริ่มที่จะหมดความอดทนกระทั่งเมื่อเห็นคนที่กำลังมาอยู่ คิ้วที่ขมวดแน่นจึงได้คลายจากกัน“ครานี้มีคนสะกดรอยตามอีกแล้วหรือ?” เขาจงใจถามครั้งก่อนนางมาสายไปสองเค่อเพราะถูกเสี่ยวลู่จื่อจากตำหนักหลิงเซียวสะกดรอยตาม สามารถยกโทษให้ได้เพราะจำเป็นต้องจัดการผู้นั้นก่อนแต่ครั้งนี้เล่า?เฟิ่งจิ่วเหยียนนำเข็มเงินชุดหนึ่งออกมาวางเรียงบนโต๊ะ“มีธุระติดพัน” นางอธิบายอย่างขอไปทีจากนั้นเข้าสู่ประเด็นหลัก“เชิญถอดฉลองพระองค์ออก”คิ้วของเซียวอวี้แหลมคม เขาจ้องนางแน่นิ่งโดยไม่ขยับเขยื้อนเฟิ่งจิ่วเหยียนหันหลังกลับไปเพื่อเตรียมตัว ทว่าเมื่อหันกลับมากลับพบว่าเขายังคงอยู่ในสภาพเดิม“เหตุใดไม่ถอดฉลองพระองค์ออก?” นางถามแววตาของเซียวอวี้เฉียบแหลมกว่าเดิม“นับวันเจ้าก็ยิ่งเกียจคร้าน“เรารอเจ้ามาสามเค่อแล้ว”ไม่เคยมีหมอหลวงคนใดกล้าให้เขาต้องรอมาก่อนในเมื่อจะมาสายก็ควรส่งข่าวมาบอก คิดว่าเขาไม่มีอย่างอื่นต้องทำหรือ?เฟิ่งจิ่วเหยียนมองเขาด้วยความแน่นิ่ง“ข้าผิดที่ไม่ตรงต่อเวลา”“อืม” เซียวอวี้ละสาย

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 92

    “แค่ก ๆ…” เฟิ่งจิ่วเหยียนถูกบังคับให้ต้องถลาลงพื้น พื้นรองเท้าเสียดสีเป็นรอยดำบนพื้นนางวางมือไว้ใต้ลำคอ พยายามขับยาเม็ดนั้นออกด้วยแรงตบทว่า เปล่าประโยชน์ เซียวอวี้หยุดยืนที่เบื้องหน้านางอย่างมั่นคง เสื้อคลุมถูกลมพัดปลิว เสริมให้ดูคาดเดายากกว่าเดิมดวงตาเย็นชาของเขาจดจ้องมาที่นาง แววตาลุ่มลึกดุจก้นเหว“เรารู้ว่าเจ้ามีความสามารถไม่น้อย“พิษแดนฝันออกฤทธิ์ทุก ๆ สิบวัน “หากเจ้ามาฝังเข็มตรงเวลา ข้าก็จะให้ยาถอนพิษตรงเวลา”ดวงตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนเย็นชามาก“ทำเกินความจำเป็นแท้ ๆ”นางไม่ได้บอกว่าจะไม่ถอนพิษให้เขาสักหน่อย เขาระแวงไปเองทั้งนั้นหากไม่ใช่เพื่อความมั่นคงของบ้านเมืองหนานฉีแล้ว นางจะไม่ยอมอดทนแน่!จากนั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็หลบหนีออกจากตำหนักฉางซิ่นเฉินจี๋จะไล่ตามไปแต่ถูกเซียวอวี้ห้ามไว้“ปล่อยนางไป”บัดนี้นางถูกยาพิษแล้ว ไม่ต้องกลัวว่านางจะหนีกระนั้น หญิงสาวนางนี้ก็ผิดจากความคาดหมายของเขานางรู้จักกระทั่งวิชาหดกระดูก หากไม่สามารถทำงานเพื่อเขาได้ เช่นนั้นรอให้ถอนพิษเสร็จแล้วต้องสังหารทิ้งเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาเย็นชาดุจหยกเย็นของเซียวอวี้พลันปรากฏจิตสังหาร ……

최신 챕터

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1218

    องค์ชายเจ็ดทรงนำทัพออกศึกแล้ว ยามดึกเฟิ่งจิ่วเหยียนเข้าไปค้นหาที่จวนขององค์ชาย ก็ไม่มีองครักษ์เฝ้าอยู่มากนักค้นหาติดต่อกันสามคืนแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสใดเลยพวกอู๋ไป๋ก็ไปค้นหาที่จวนขององค์ชายองค์อื่น ๆ ทว่าก็ไม่มีข่าวดีเช่นเดียวกันทางด้านวังหลวงจนถึงตอนนี้ก็ยังสืบหาไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมกับการคุมขังคนหยิ่นลิ่วไปสืบหาในจวนองค์ชายสี่ ก็แอบได้ยินองค์ชายสี่ทรงเอ่ยตัดพ้อกับที่ปรึกษา“เสด็จพ่อทรงโปรดปรานน้องเจ็ด ข้าจะแย่งชิงได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ยังมีฮ่องเต้ฉีคอยแนะนำข้า ตอนนี้แม้แต่จะพบฮ่องเต้ฉีก็ยังไม่อาจทำได้เลย!”หยิ่นลิ่วจับจุดสำคัญนี้ได้ จึงรีบกลับไปที่โรงพักแรมเพื่อทูลรายงาน“ฮองเฮา มิต้องสงสัยเลยว่า องค์ชายสี่ผู้นี้จะต้องทราบว่าฝ่าบาททรงถูกขังอยู่ที่ใด!”เมื่อเทียบกับหยิ่นลิ่ว เฟิ่งจิ่วเหยียนใจเย็นยิ่งกว่านางต้องการยืนยันอีกครั้ง “องค์ชายสี่ทรงเอ่ยคำพูดเช่นนี้จริงหรือ”หยิ่นลิ่วมั่นใจอย่างยิ่งอู๋ไป๋เริ่มรู้สึกร้อนใจ“นายท่าน ข้าน้อยจะไปจับตัวองค์ชายสี่ และสอบสวนอย่างลับ ๆ !”ด้วยการทรมานอย่างหนัก องค์ชายสี่แห่งเป่ยเยี่ยนไม่มีทางที่จะไม่บอกความจริงเฟิ่งจิ่วเหยียนยกม

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1217

    ช่วงเริ่มต้นของปีใหม่ กองทัพเยี่ยนเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายแดน เหล่าทหารมีจิตใจที่ฮึกเหิม ใช้การยึดคืนเมืองที่เสียไปเป็นเป้าหมาย และแย่งกรูกันเข้าไปทางเมืองชายแดนของหนานฉีองค์ชายเจ็ดของเป่ยเยี่ยนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ ควบคุมทั้งสามกองทัพในการรบครั้งนี้ ฮ่องเต้เยี่ยนทรงคาดหวังต่อเขาอย่างมาก ก่อนออกรบทรงตักเตือนและกำชับไว้มากมาย“เจ้าเจ็ด หากชนะสงครามครั้งนี้ ตำแหน่งว่าที่จักรพรรดิ ก็ต้องเป็นเจ้าเพียงผู้เดียว! เหล่าพี่น้องของเจ้าก็จะยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งเช่นกัน!”องค์ชายเจ็ดพยักหน้าอย่างนอบน้อม“กระหม่อมจะไม่ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”ฮ่องเต้เยี่ยนมองบุตรชายด้วยความพึงพอใจ ในบรรดาเหล่าองค์ชายที่เหลืออยู่ มีเพียงองค์ชายเจ็ดที่มีลักษณะของความเป็นจักรพรรดิมากที่สุดองค์ชายสี่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน มองดูฉากเหตุการณ์นั้นด้วยสายตาอันคมกริบฮ่องเต้ฉีเอ่ยไว้ถูกต้องจริง ๆ เสด็จพ่อดีต่อน้องเจ็ดเหลือเกิน!ขอเพียงทหารสามารถรบชนะ ไม่ว่าใครจะเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็จะได้รับความดีความชอบไปด้วยชัดเจนว่าเสด็จพ่อทรงให้โอกาสกับน้องเจ็ดแล้วเขาเล่า? เขาเป็นองค์ชายสี่นะ?เหตุใดเสด็จพ่อทรงมองไม่เห็นเข

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1216

    อาจือถูกส่งเข้าวังมาตั้งแต่เล็ก และคอยรับใช้ข้างกายองค์หญิงเซี่ยนอี๋ที่จริงนางถือกำเนิดในตระกูลที่มีฐานะและชื่อเสียง ทว่าคนในตระกูลทำผิด จึงกลายมาอยู่ในสถานะต่ำต้อยอาจือคอยติดตามรับใช้องค์หญิง ทว่ากลับมองตนเองว่าพิเศษกว่าคนทั่วไปอาจารย์สอนศาสตร์ความรู้ต่าง ๆ ให้กับองค์หญิง ไม่ว่าทำอย่างไรองค์หญิงก็ทรงร่ำเรียนไม่สำเร็จ ส่วนนางเรียนรู้ไม่นานก็ทำได้หมัวมัวในวังก็มักจะมองนางด้วยความเสียดาย---อาจือ หากเจ้าไม่อยู่ในสถานะต่ำต้อย ก็คงมีชื่อเสียงรุ่งโรจน์กว่าองค์หญิงเป็นแน่ทว่า คนที่อยู่ในสถานการณ์มักจะมองไม่เห็นภาพรวมชัดเจนอาจือฉลาดก็จริง ทว่าไม่ถือว่าฉลาดถึงขั้นสุดเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอย่างเซียวอวี้ จึงกลายเป็นคนฉลาดเพียงเล็กน้อยคนที่มีทักษะครึ่ง ๆ กลาง ๆ กลับมั่นใจเกินไป เหมือนกับคนที่ว่ายน้ำเป็นกลับจมน้ำอาจือก็มีจุดอ่อนที่อันตรายถึงแก่ชีวิตเช่นกันนางเข้าใจว่าตนเองพูดไม่กี่คำ ก็สามารถได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ฉีแล้ว กลับไม่รู้ว่า อีกฝ่ายวางแผนลวงไว้ตั้งแต่แรกแล้วเมื่อมองจักรพรรดิรูปงามที่อยู่เบื้องหน้า ในใจอาจือเริ่มว้าวุ่นเมื่อใจเริ่มว้าวุ่น แม้จะมีความฉลาดอยู่เล็กน้อ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1215

    ณ เป่ยเยี่ยนจวนขององค์หญิงเซี่ยนอี๋ได้รับพระราชทานแล้ว นางไม่อาจทนรอได้อีกต่อไปจึงย้ายเข้าไปในเรือนหลังใหม่มิใช่ว่าองค์หญิงทุกพระองค์จะสามารถเปิดจวนได้ นี่เป็นความโปรดปรานที่เสด็จพ่อมีต่อนางเป็นพิเศษและสิ่งที่นางยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ ฮ่องเต้ฉีก็ถูกส่งมาที่จวนของนางด้วยเช่นกันถึงแม้เสด็จพ่อจะส่งคนมาคุ้มกัน ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าออกห้องลับที่คุมขังฮ่องเต้ฉีตามอำเภอใจ ทว่า นี่คือจวนของนาง นางย่อมต้องหาโอกาสได้จากคุกลับมาที่จวนองค์หญิง เซียวอวี้ถูกคนคลุมศีรษะมาตลอดทางบวกกับเป็นเวลาค่ำคืน ก็ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้องค์หญิงเซี่ยนอี๋ออกมาต้อนรับด้วยพระองค์เอง โดยยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้องลับ ราวกับเชื้อเชิญให้เข้ามาติดกับ และยิ่งเหมือนนายพรานที่สร้างกรงขัง กำลังมองดูเหยื่อเดินเข้ามาในกรงด้วยความพอใจขณะที่เซียวอวี้เดินผ่านตัวนาง นางก็เอ่ยอย่างอารมณ์ดี“ฮ่องเต้ฉี พวกเรายังมีอนาคตร่วมกันอีกยาวไกล”เซียวอวี้มีท่าทีเย็นชา ไม่แสดงสีหน้าเป็นมิตรแม้แต่น้อยทว่านางก็ชอบท่าทางดื้อรั้นเช่นนี้ของเขาและว่ากันตามตรง ห้องลับก็ดูสะอาดกว่าคุกลับองค์หญิงเซี่ยนอี๋ทรงเกเรเอาแต่ใจ ทว่าก็มีความจริงใจ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1214

    เฉินจี๋ได้รับการช่วยเหลือจากนายพรานผู้หนึ่ง ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง กระทั่งตอนนี้ก็ยังหมดสติอยู่นี่จึงไม่น่าแปลกใจที่เขายังไม่ปรากฏตัว ที่แท้เป็นเพราะร่างกายไม่อาจเคลื่อนไหวได้นายพรานรู้ว่าเฟิ่งจิ่วเหยียนกับคณะรู้จักกับเฉินจี๋ จึงรู้สึกโล่งใจ“ข้าลำบากใจจริง ๆ เพราะคิดว่านี่คือชีวิตคนคนหนึ่ง จึงไม่อาจทอดทิ้งได้ ทว่าจะรักษาอาการบาดเจ็บของเขา ข้าก็ต้องใช้เงิน...”ไม่รอให้นายพรานพูดจบ เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ส่งสัญญาณให้อู๋ไป๋นำเงินให้อู๋ไป๋ถนัดการจัดการเรื่องต่าง ๆ สักพักก็เริ่มคุ้นเคยกับนายพราน และเอ่ยขอบคุณอย่างสนิทสนม“พี่ชาย ขอบคุณจริง ๆ ที่เจ้าช่วยสหายข้าไว้! เงินเล็กน้อยนี้ไม่พอจะทดแทนคำขอบคุณได้! ใช่แล้ว เจ้ายังจำได้หรือไม่ว่า เจอสหายข้าที่ใด แล้วเขาได้รับบาดเจ็บอย่างไร? และเจอคนที่น่าสงสัยคนอื่นหรือไม่?“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่อยากรู้ให้ชัดเจน ว่าผู้ใดทำร้ายสหายข้า บาปมีคนก่อหนี้ย่อมมีเจ้าหนี้”คำพูดของอู๋ไป๋ ล้วนเป็นความรู้สึกตามธรรมชาติของคนนายพรานลองคิดทบทวนอย่างละเอียดรอบหนึ่ง“ข้าช่วยเขาตรงริมแม่น้ำ ตอนนั้นไม่พบผู้อื่น ขอโทษจริง ๆ ที่ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้”“

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1213

    ปลายเดือนสิบสอง ปีใหม่ใกล้เข้ามาเส้นทางมุ่งหน้าไปทางเหนือเต็มไปด้วยน้ำแข็ง การเดินทางนั้นยากลำบากเฟิ่งจิ่วเหยียนในช่วงอยู่ไฟมิได้พักฟื้นอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังต้องเดินทางท่ามกลางพายุหิมะอีก จึงมักจะปวดเมื่อยเอว และเหงื่อออกมากอยู่บ่อย ๆในช่วงกลางคืนเข้านอน ก็มักรู้สึกเย็นที่ไหล่ และหนาวอย่างรุนแรงอู๋ไป๋เห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงเตือนนาง“นายท่าน ไม่สู้ให้หมอมาตรวจดูบ้าง?”เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบร้อนจะตามหาคน จึงไม่อยากล่าช้าครั้งนี้อู๋ไป๋ยืนหยัดอย่างเต็มที่“นายท่าน ต่อให้ท่านไม่คำนึงถึงตนเอง ก็ควรนึกถึงฝ่าบาท หากท่านเจ็บป่วย จะยิ่งไม่ล่าช้ามากกว่าหรอกหรือ?”เขาเอ่ยเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเริ่มลังเลก็จริงหากนางเจ็บป่วยจนลุกไม่ขึ้น ก็จะไม่คุ้มกับสิ่งที่เสียไปตรงชายแดนหนานฉี เฟิ่งจิ่วเหยียนได้ไปที่สำนักการแพทย์แห่งหนึ่งหลังจากหมอจับชีพจรของนาง ก็เอาแต่ส่ายหัว“ฮูหยินท่านนี้ ท่านมีภาวะร่างกายไม่สมดุลหลังคลอด จึงเป็นต้นเหตุเกิดโรคเรื้อรัง“อาการปวดตามข้อเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในระยะนี้ที่ฝนหิมะรุนแรง แน่นอนว่าย่อมไม่สบายตัว“ในยามปกติรู้สึกว่าไม่เป็นไร ทนหน่อยก็ผ่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1212

    บนบัลลังก์มังกร เซียวถงเต็มเปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของจักรพรรดิ “เรารับพระราชโองการจากเสด็จอา มาทำหน้าที่รักษาการแทนตำแหน่งฮ่องเต้ชั่วคราว ทุกท่านมีเรื่องใดก็เสนอได้”เหล่าขุนนางในราชสำนักมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงงบางคนถึงกับสงสัยว่าเซียวถงแย่งชิงบัลลังก์ทว่าคิดดูอีกที ฮองเฮาทรงมีทักษะเพียงนั้น ผู้ใดจะกล้าแย่งชิงบัลลังก์?ณ วังหลังเฟิ่งจิ่วเหยียนรู้สึกอาวรณ์อย่างยิ่งที่จะกล่าวอำลาต่อบุตรทั้งสองพวกเขายังคงนอนหลับอยู่ ใบหน้าขณะหลับดูสงบนิ่งเป็นพิเศษ นางจุมพิตบนหน้าผากของพวกเขา หัวใจราวกับถูกบีบเข้าหากันสาวใช้หว่านชิวรู้สึกเศร้าใจ “ฮองเฮา จักต้องเสด็จไปให้ได้หรือเพคะ?”ฮองเฮาทรงตัดใจจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตนได้อย่างไร?เฟิ่งจิ่วเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นการไปของนางครั้งนี้ จะมีชีวิตอยู่หรือตายยังไม่แน่นอนการพาบุตรทั้งสองคนไปด้วย หนึ่งจะเป็นภาระให้กับนาง สองอาจจะนำภัยอันตรายถึงแก่ชีวิตมาให้พวกเขาการแยกจากบุตร ย่อมต้องทุกข์ใจอยู่แล้ว ทว่าหากให้นางกับลูกรออยู่ในวัง และทนทรมานกับการรอฟังข่าว นางยิ่งไม่ยินยอม“ฮองเฮา หนิงเฟยมาถึงแล้วเพคะ” เฟิ่งจิ่วเหยียนรีบปรับอารมณ์ทันที และเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1211

    ที่ดินที่โซ่วอ๋องได้รับมอบไม่ถือว่าไกลจากเมืองหลวงมากนัก หลังจากได้รับคำสั่งจากฮองเฮา ซื่อจื่อเซียวถงก็ออกเดินทางภายในวันเดียวกันห้าวันต่อมา เซียวถงก็มาถึงพระราชวัง และตรงไปยังห้องทรงพระอักษรเพื่อเข้าเฝ้าครั้งล่าสุดที่เขามาเมืองหลวง ก็คือเมื่อสามปีก่อน ช่วงที่เกิดความวุ่นวายในวิหารบรรพบุรุษ เขาได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญจากฮ่องเต้ ให้ขึ้นครองบัลลังก์ชั่วคราว เพื่อหลอกลวงพรรคเทียนหลงกับกองทัพศัตรูให้สับสนในตอนนั้นเขารู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พระราชโองการพินัยกรรมของฝ่าบาท ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นว่าที่จักรพรรดิครั้งนี้ฮองเฮาทรงเรียกเขามา ไม่รู้ว่ามาเพราะเรื่องใดทว่าก็รู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่า น่าจะเกี่ยวข้องกับพระราชโองการพินัยกรรมก่อนที่เขาจะมาเมืองหลวง ท่านพ่อก็ยังเตือนเขาว่า ตอนนี้ฮองเฮาทรงประสูติองค์ชายแล้ว เช่นนั้นเขาที่เคยเป็นคนที่อ้างถึงในพระราชโองการพินัยกรรม ก็เท่ากับเป็นตัวขัดขวางขององค์ชายดังนั้น การมาเมืองหลวงครั้งนี้ ก็เสี่ยงอันตรายอย่างมากในใจของเซียวถงเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย ทว่าสีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่ถือตัวไม่ถ่อมตนเกินพอดีแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยสนใจตำแหน่งฮ่องเต้ แล

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 1210

    วันต่อมา องค์หญิงเซี่ยนอี๋เสด็จมาพบองค์ชายสี่ด้วยพระองค์เององค์ชายสี่ทรงยิ้มแย้ม ทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น“แขนของน้องหญิงเป็นอย่างไรบ้าง?”องค์หญิงเซี่ยนอี๋โมโหจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่“เหตุใดเสด็จพี่ต้องขัดขวางข้า!”รอยยิ้มขององค์ชายสี่เลือนหายไป และตอบอย่างมีเหตุมีผล“เซี่ยนอี๋ ข้าคิดว่าเจ้าแค่พาลไร้เหตุผล นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าคิดได้อย่างไรที่จะวางยาผู้อื่น แล้วบังคับขืนใจเขา?“หากเจ้าพลีกายให้กับฮ่องเต้ฉี แล้วจะให้ข้าทูลเสด็จพ่ออย่างไร?“คืนก่อนเจ้าเกือบจะแขนหักไปข้างหนึ่ง ก็น่าจะจำเป็นบทเรียนได้แล้วกระมัง”เซี่ยนอี๋รู้ตัวว่าทำผิดทว่าเรื่องที่นางยังทำไม่เสร็จสิ้น จะไม่ยอมแพ้และเลิกล้มเช่นนี้“หากข้าได้เป็นฮองเฮาของหนานฉี หนานฉีก็จะไม่เล่นงานเป่ยเยี่ยนอีก นี่ไม่ดีหรอกหรือ?”องค์ชายสี่แย้มพระสรวล“เซี่ยนอี๋ หากเสด็จพ่อได้ยินคำพูดนี้ของเจ้า เกรงว่าจะต้องถูกลงโทษสถานหนัก“การเกี่ยวดองของสองแคว้น เดิมทีไม่อาจหยุดยั้งความโหดเหี้ยมของหนานฉีได้“เจ้าจะทำให้ตนเองเสียหายโดยเปล่าประโยชน์ และถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะ“บุรุษดี ๆ ในเป่ยเยี่ยนของเรามีมากมาย เหตุใดเจ้าต

좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status