Share

แนะนำตัว

last update Last Updated: 2025-09-06 19:37:09

ทันทีที่เข้ามาในบ้าน อี้หลันรีบตรงไปหาบิดาที่รออยู่ในห้องหนังสือ แม้จะหิวแค่ไหนจินเซียงก็ตามไปด้วยเช่นกันเพื่อไมให้เสียมารยาจึงต้องตามไปทักทายเจ้าบ้านก่อนเป็นอันดับแรก

ประตูห้องหนังสือเปิดออก อี้หลันรีบเดินเข้าไปในห้องและได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากครอบครัว อบอุ่นแบบวาบๆ  

“เจ้าลูกไม่รักดี! ทำเรื่องเสื่อมเสียแล้วยังมีหน้ากลับมาอีก” อี้หลันผู้โดนตบหันมองผู้ฟาดฝ่ามือลงหน้านางอย่างงวยงง 

“ท่านพ่อ ลูกแค่โดนรอบสังหารและมีสาวชาวบ้านช่วยไว้น่ะเจ้าค่ะ” 

“เจ้ากล้าเถียงพ่อรึ ถ้าไม่มีคนมาบอกว่าเจ้าโดนโจรป่าจับไป ฮึ้ย!” 

“คารวะท่านเจ้าบ้าน ฮูหยิน และเออ~” จินเซียงมองไปที่อีกสองคน 

“ฮูหยินรอง กับฮูหยินสาม แล้วเจ้าเป็นใคร” ฮูหยินเอกถาม

“ข้าน้อยนามว่าจินเซียง และเป็นคนช่วยอี้หลันจากพวกนักฆ่า แต่ตอนนี้พวกนั้นเผาบ้านข้าน้อยจนวอดวาย ข้าน้อยจึงติดตามอี้หลันมาแต่ในระหว่างทางพวกมันก็ยังตามมาแต่เสียดายที่ศพพวกมันมีเงินเพียงน้อยนิด แต่มีสิ่งนี้แทนเจ้าค่ะ” คนสนิทของฮูหยินเอกเดินมารับของในห่อผ้า 

“มันคืออะไรกัน เปิดดูซิอาจู” 

“เจ้าค่ะฮูหยิน” 

“ป้ายคำสั่งของกลุ่มนักฆ่ากรงจักร!” 

“ท่านพี่แล้วทำไมลูกหญิงถึงโดนคนกลุ่มนั้นตามล่า ทำไมกันเจ้าค่ะ” 

“ว่าแต่เจ้าเถอะ เจ้าดูไม่เหมือนพวกเราเลย เจ้ามาจากไหนกัน โทษทีข้าลืมเเนะนำตัวจนได้ ข้าคือผู้นำตระกูลถังนามว่าเอี้ยซ่ง ส่วนทางนี้คือหลอหลัน หลี่อิง และฮวาเจียว” 

“ข้าน้อยเป็นเดินทางมาจากเปอร์เซียผ่านเส้นทางสายไหมเจ้าค่ะ ข้าน้อยอาศัยอยู่คนเดียวในหมู่บ้านกลางป่าหาเลี้ยงชีพด้วยการล่าสัตว์และคุ้มกันชาวบ้านเจ้าค่ะ” 

“อืม เช่นนั้นข้าถามได้รึไม่ว่าตอนเจ้าเจอลูกข้า นางอยู่ในสภาพเช่นไร” 

“บาดเจ็บเจ้าค่ะ แต่ถิงถิงเจ็บหนักกว่าส่วนคนอื่นๆ ตายหมดเจ้าค่ะ ข้าพานางสองคนไปรักษาตัวที่บ้านจนกระทั่งหลายวันก่อนพวกมันก็เผาบ้านข้าเจ้าค่ะ” 

“อืม ข้าเข้าใจแล้วเช่นนั้นข้าจะให้สาวใช้ไปเตรียมเรือนพักให้เจ้า” 

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” 

“ท่านพ่อแต่ท่านตบข้าน่ะเจ้าค่ะ” 

“พี่ใหญ่ ท่านอย่าบ่นให้มากเลยแค่นี้ท่านพ่อก็เสียชื่อเสียงมากพอแล้วที่ท่านหาไปนานเช่นนี้” เด็กสาวผู้ไม่ชอบขี้หน้าผู้เป็นพี่ได้ทีก็ขอหน่อย

“เจ้า!” 

“พอๆ ท่านเจ้าบ้านเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนน่ะเจ้าค่ะ ส่วนท่านมานี่เลยข้าหิวข้าวแล้ว” จินเซียงลากอี้หลันออกไปจากห้องที

“อาเซียงเดี๋ยวอย่าพึ่ง อย่าลากข้าแบบนี้! ม่าย~” ทุกคนมองบุตรีคนโตของบ้านถูกสตรีตัวสูงลากออกนอกห้องไปด้วยสาตาเวทนา

“ถิงถิง เจ้ารีบบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น” 

“เจ้าค่ะนายท่าน” ถิงถิงเล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ 

“นายกองหลี่ ท่านว่าเด็กคนนั้นเป็นเช่นไร”

“ข้าคิดว่านางอาจเป็นยอดฝีมือขอรับและจากที่ฟังมานางน่าจะเป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้เพราะพวกนักฆ่าส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุทธยอดฝีมือทั้งสิ้นและยิ่งเป็นสำนักกรงจักรด้วยแล้ว ข้าน้อยคิดว่าฝีมือของนางมีไม่น้อยทีเดียวขอรับ” 

“อืม พวกเจ้าไปพักเถอะ” 

“ขอรับ” 

“เจ้าค่ะ” เมื่อถิงถิงกับนายกองหลี่ออกไปแล้ว เหล่าภรรยาและลูกก็ออกตามออกไปเช่นกัน 

“ใครมันกล้ามาทำแบบ” ป้ายถูกเก็บเข้าไปในช่องลับใต้โต๊ะหนังสือ ก่อนจะเดินกลับไปที่เรือนนอน

เช้าวันต่อมาในจวนต่างวุ่นวายเมื่อคนที่ควรนอนอยู่ที่เรือนรับรองกลับหายตัวไปตั้งแต่เช้ามืด บ่าวที่มาเพื่อคอยดูแลในช่วงเช้าพากันงงว่าแขกคนนั้นหายไปไหน 

แต่คนที่ว่าตอนนี้กำลังวิ่งออกกำลังด้วยความเร็วอยู่รอบๆ จวนและต่อด้วยการฝึกดาบรวมไปถึงทักษะหลากหลายชนิด ทำให้ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างมากนัก 

“นะ นายท่านขอรับ พะ พวกเราเจอนางแล้วขอรับ” องครักษ์วิ่งมารายงานที่ห้องอาหาร 

“นางทำอะไรถึงตามมากินข้าวไม่มา” ฮูหยินผู้เฒ่าถาม

“คือว่าพวกเราเจอนางฝึกดาบอยู่ที่ป่าท้ายจวนขอรับ” บ่าวอีกคนถึงกับไอออกมาด้วยวความเหนื่อย 

“เป็นสตรีเหตุใดต้องจับดาบฝึกยุทธ์ด้วย ท่านพี่สหายท่านประหลาดแท้” 

“ฟางฟางเจ้ากินข้าวเถอะ สหายพี่ประหลาดเกินไปขนาดหมูป่าตัวใหญ่นางยังล่าด้วยตัวคนเดียวเรากินข้าวกันเถอะท่านพ่อ” ใช่นางยังไม่ชินจริงๆ แม้จะอยู่ด้วยกันมาหลายวันก็ตาม 

ไม่นานจินเซียงก็เดินเข้ามาในชุดที่เรียบร้อยที่สุดที่มีในระบบมิติที่สามารถดึงออกมาใช้ได้ จะบอกว่าพึ่งนึกออกมันก็ออกจะน่าอายไปนิดหน่อย 

“ขออภัยท่านเจ้าบ้าน ฮูหยิน ข้าน้อยเคยชินกับการฝึกยามเช้า” จินเซียงประสานมือตามแบบในหนังจอมยุทธที่ชอบดู 

“ข้าเข้าใจ มาเถอะสายแล้ว” ฮูหยินเอกพยักหน้าให้จินเซียงรีบมานั่งกินข้าว  

“อาเซียงว่าแต่ชุดเจ้ามัน”  

“มีอะไรหรอ ชุดข้ามีอะไร”  

“เจ้าใส่เกราะมาทำไม” ฟางฟางถามออกมาตรงๆ 

“แปลกหรอ ที่บ้านเกิดข้าก็ใส่กันแบบนี้เป็นปกติน่ะ อีกอย่างพี่สาวมีแค่ชุดนี้ที่ดูแล้วดีที่สุด” 

คนฟังพากันมองหญิงสาวอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ไม่นานหลังจากทานอาหารกันเสร็จ แต่ล่ะคนก็แยกย้ายกันไปทำงานของตน ยกเว้นจินเซียงที่ไม่มีอะไรทำจึงได้แต่เดินไปเดินมาในจวน อี้หลันกับถิงถิงก็ไม่อยู่เพราะอี้หลันต้องไปเรียนอะไรซักอย่าง ถิงถิงเลยต้องตามไปด้วย 

“น่าเบื่อจริงๆ” สุดท้ายก็กลับมานั่งเช็ดดาบในห้องตัวเอง 

“ขออนุญาตเจ้าค่ะ ฮู่หยินเรียกท่านไปพบเจ้าค่ะ” 

“หืม นางมีเรื่องรึเปล่า” 

“ไม่ทราบเจ้าค่ะ”  

“เจ้าชื่ออะไรน่ะ” จินเซียงมองสาวใช้คนสนิทของฮูหยินหลอหลัน 

“อาจูเจ้าค่ะ” 

“อ้อ อื้มๆ รอเราเเป็บน่ะ” 

หลังเก็บของเสร็จก็เดินตามอาจูไปที่เรือนของฮูหยินเอก พอเข้าไปถึงก็เจออีกสองฮูหยินนั่งอยู่ในห้องรอการมาถึงของนาง 

“ฮึก!” ทั้งสามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“พวกท่านเป็นอะไรรึเจ้าค่ะ” 

“ข้าอยากลูบหน้าท้องเข้าจัง โอ้ย!” 

“น้องรองเจ้าเก็บอาการหน่อย” 

“พี่ใหญ่ท่านเช็ดน้ำลายก่อนเถอะ อ่าวน้องสามหายไปไหน” 

“นี่น้องเซียงข้ายกลูกชายให้เจ้าดีไหม” พูดไปมือก็จับตรงนั้นทีตรงนี้ที 

“ขออภัยข้าชอบผู้หญิงเจ้าค่ะ”  

“งั้นก็ลูกรองยังโสด นางพึ่ง 15 เองถือว่ากำลังดี” 

“เอ่อ พวกท่านหยุดก่อนเถอะ ว่าแต่เรียกข้ามามีอะไรรึเปล่าเจ้าค่ะ” เดี๋ยวใจเกเรไม่ๆ ต้องรีบเข้าคำถาม 

“เจ้าอยากได้สิ่งได้ พวกเรายังไม่ตอบแทนเรื่องที่เจ้าช่วยชีวิตลูกหญิงเลย” 

“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจ ตัวข้านั้นอยากเปิดร้านเล็กๆ เพื่อขายอาหารเจ้าค่ะ” 

“ได้ ข้าจะให้บ่าวพาไปดูส่วนเรื่องที่พักก็ไม่ต้องย้ายออกไปไหน เจ้าก็อยู่ที่นี่แหละเดี๋ยวจะให้บ่าวจัดเรือนไว้ให้” หลอหลันพูดตัดบทไม่เหลือพื้นที่ไว้ให้เถียง

“ขอบคุณฮูหยินที่เมตา” 

“พี่ใหญ่ พี่รอง น้องได้ยินจากอิงอิงมาว่านางทำอาหารได้อร่อยมากๆ นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้วทำไมเราไม่รอชิมอาหารของนางล่ะเจ้าค่ะ” ฮวาเจียวฮูหยินสามออกความเห็น

“ความคิดดี อาจูเจ้าพาอาเซียงไปที่ครัวทีน่ะ” 

“เจ้าค่ะฮูหยินใหญ่ เชิญท่างนี้เจ้าค่ะ” 

“รบกวนเจ้าแล้วอาเซียง” หลอหลันยิ้มให้จินเซียง

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” แล้วก็ตามอาจูออกไป 

สามฮูหยินนั้งคุยกันอยู่กลิ่นอาหารก็ลอยออกมาถึงห้องนั่งเล่น กลิ่นอาหารลอยไปไกลถึงนอกจวนจนคนผ่านไปมาพากันหยุดมอง ต่างพากันคิดไปว่ามีงานมงคลหรืองานเลี้ยงอะไรรึไม่ถึงได้เชิญพ่อครัวมาทำอาหารรสเลิศเช่นนี้

“คนก็น่ากิน อาหารก็น่าทาน” 

“ยังๆ อาหารยังไม่มา มาแค่กลิ่น” 

“พี่รองอย่าขัดข้าซิ ลูกไม่อยู่ก็ปล่อยบ้างอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นเครียดตายพอดี”  

“พวกเจ้าว่านางจะทำอะไร” 

“ไม่รู้ซิเจ้าค่ะ น้องว่าคงเป็นอะไรที่เราไม่เคยทานแน่ๆ” รอไม่นานคำตอบก็มา

สาวใช้หลายคนทยอยเดินถืออาหารเข้ามาในห้อง แล้วจัดวางไว้บนโต๊ะกลม อาหารมีทั้งคาวหวานและเครื่องดื่มสีส้มๆ ที่ดูแล้วน่าจะเย็นพอๆ กับอากาศช่วงนี้ 

“มาแล้วเจ้าค่ะ อาหารจานสุดท้าย” จินเซียงเดินถือถังใบเล็กเข้ามาในห้อง 

“มาๆ อย่ามากพิธี” จินเซียงนั่งลงตามแรงดึงของหลอหลัน 

“เจ้าอธิบายให้พวกเราฟังซิว่ามีอะไรบ้าง” 

“เจ้าค่ะ” 

“อันแรกคือเนื้อแกะย่างเจ้าค่ะ เวลาทานต้องทานคู่กับแผ่นแป้งและเครื่องเคียงเจ้าค่ะ 

จานนี้เป็นซุบข้าวโพดเจ้าค่ะ สามารถทานคู่กับจานแรกได้ 

จานนี้เป็นไก่ทอดเจ้าค่ะ ของชอบข้าเอง มีเครื่องเคียงห้าแบบ มะเขือเทศ พริก แบบดังเดิม น้ำจิ้มไก่ และมายองเนส

อันนี้เป็นขนมหวานที่ข้าได้เรียนรู้มาระหว่างเดินทางมาและได้ปรับสูตรนิดหน่อย มันคือขนมปังใส้หวานเจ้าค่ะ 

สุดท้ายคือชานมแบบเย็นเจ้าค่ะ” 

“ใช่เจ้านี่รึไม่ที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วจวนเช่นนี้” 

“เจ้าค่ะ” 

“พอๆ มาๆ มาลงมือกันเถอะเดี๋ยวมีคนมาเพิ่มจะไม่ดี” เพราะดูแล้วเป็นการจัดชุดมาแบบพอดีคนแต่หารู้ไม่ว่าสาวใช้และบ่าวทั้งหลายก็ได้กินด้วย 

“รสชาติดียิ่งนัก ข้ากินที่เหล่าอาหารชื่อดังยังไม่ได้แบบนี้เลย รสชาติของเนื้อแกะไม่คาวแม้แต่น้อย ซ้ำยังนุ่มลิ้นอีกต่างหาก” 

“น้องตัดสิ้นใจล่ะ” ฮูหยินสามฮวาเจียวเช็ดปากหลักจากจัดการอาหารเบื้องหน้าจนหมดเกลี้ยง

“ว่า” 

“น้องจะยกโรงเตี๊ยมให้นาง”  

“เจ้าว่าอะไรน่ะ” ฮูหยินรองถามย้ำ

“น้องจะยกโรงเตี๊ยมให้นาง เพราะอย่างไรมันก็ปิดมานานมากแล้ว อีกอย่างเราก็ไม่สามารถดูแลกิจการได้ทั้งหมด สู้ให้คนที่มีความรู้ในด้านนี้จัดการมิดีกว่ารึเจ้าค่ะ” ฮูหยินสามฮวาเจียวอธิบาย

“ถ้าน้องสามว่าเช่นนั้นพวกพี่ก็ไม่มีปัญหา”

“เจ้าค่ะพี่ใหญ่” 

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะให้คนพาไปดูน่ะ วันนี้บ่ายมากแล้วหรือถ้าเจ้าอยากเปิดหูเปิดตาก็ได้ข้าไม่ว่า” 

“ขอบคุณฮูหยินทั้งสามที่เมตาเจ้าค่ะ” 

“จริงซิ อาเซียงปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่” 

“22 เจ้าค่ะ” จินเซียงตอบฮูหยินเอก

“อืม เจ้าออกไปเถอะ” 

“ข้าขอตัวเจ้าค่ะ” จินเซียงยืนขึ้นประสาทมือและก้มตัวเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป เพื่อไปเดินเล่นที่ตลาด 

“อ่าว คุณหนูท่านจะไปไหนรึขอรับ” จินเซียงหันตามเสียง 

“ท่านหลี่” จินเซียงหันไปคารวะ 

“ข้ากำลังออกไปเดินเล่นในเมือง ไม่นานก็กลับข้าว่าจะเดินดูนกซักตัวแถบท่าเรือ” 

“ท่าเรือรึขอรับ อืม~ มันอาจดูไม่เหมาะสมเช่นนั้นข้าจะให้คนตามท่านไปดีรึไม่” นายกองหลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย

“ข้าขอรับไว้เพียงน้ำใจเจ้าค่ะ” 

“ดีๆ เช่นนั้นก็ระวังตัวด้วยน่ะ” 

“เจ้าค่ะ” จินเซียงได้รับเงินถุงนิดหน่อยเป็นค่าเดินเล่น 

บ้านเมืองที่พึ่งผ่านพ้นส่งครามมาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากข้อมูลที่ได้มาดูเหมือนนางจากอยู่ช่วงต้นของราชวงศ์ซ่งเพราะเห็นพวกทหารและชาวบ้านคุยกันเกี่ยวกับส่งครามระหว่างนครรัฐที่พึ่งจบลงและกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่งก็เป็นคนรวบรวมแผ่นดินทั้งหมด 

“พึ่งผ่านยุคสงครามมาซิน่ะว่าแต่นี่ใช่ยุคในประวัติศาสตร์แน่หรอ มองไปทางไหนก็มีแต่พวกต่างชาติ” แต่มีร้านหนึ่งที่สะดุดตามากที่สุด 

“หญิงสี่ก๋วยเตี๋ยว ชื่อร้านมันคุ้นๆ น่ะ” จินเซียงหยุดยืนอยู่หน้าร้านก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน

“สวัสดีเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่ามากี่คนเจ้าค่ะ ทานที่ร้านหรือกลับบ้านเจ้าค่ะ” เด็กสาวผู้มาต้อนรับหน้าร้านพูดจาได้ดีมากจนยกนิ้วให้ในใจ 

“พี่สาวกินที่ร้านและมาคนเดียว” 

“เช่นนั้นเชิญชั้นบนเลยเจ้าค่ะ เรามีระเบียงยาวสำหรับทานอาหารและชมบรรยากาศของท่าเรือเจ้าค่ะ” 

“ดีๆ ตกลง นำไปเลย” 

“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” 

จินเซียงเดินตามเด็กสาวขึ้นไปที่ชั้นสองระหว่างทางก็มองบรรยากาศในร้านไปด้วยไม่ว่าจะการตบแต่งหรือแม้งแต่รายการที่แปะไว้ตามผนังก็บ่งบอกได้ว่าเจ้าของร้านมาจากไหน รวมถึงรูปปั้นแมวกวักตัวเล็กและนางกวักที่วางไว้บนตู้ก๋วยเตี๋ยว

“เชิญเจ้าค่ะถึงแล้ว” เด็กสาวพาเดินมาที่นั่งวิวท่าเรือที่ชั้นสองของร้าน

“สวยมากเลย” พอนั่งลงแล้วเด็กสาวก็ถามทันที

“นายท่านจะรับอะไรดีเจ้าค่ะ นี่คือรายการอาหารของเราเจ้าค่ะ” พูดจบก็ส่งรายการอาหารให้จินเซียงดู

“อืม~ พี่สาวขอเล็กแห้งไม่ผักพิเศษไม่เผ็ดด้วยน่ะ และก็ผัดไทห่อไข่ แล้วก็เอานมเย็นด้วยสองแก้ว พี่ฝากกระดาษใบนี้ให้เจ้าของร้านหน่อยน่ะ” 

“เจ้าค่ะ” รับของเสร็จก็รีบวิ่งลงไปส่งรายการอาหารทันที 

“พี่สาวๆ มีคนฝากมาให้ท่าน” เด็กสาวส่งของให้ผู้เป็นพี่ 

“อะไรกันแล้วนางให้อะไรเจ้ามา” 

“นี่เจ้าค่ะ กระดาษใบเขียวๆ” เจ้าของร้านรับมาดูแล้วนิ่งไปก่อนจะฝากงานให้คนในร้านแล้วรีบตรงขึ้นไปหาหญิงสาวปริศนากับแบงค์สีเขียว 

หญิงสาวรีบมองหาบุคคลตามที่น้องสาวบอกมาก่อนจะเจอหญิงสาวในชุดของชาวคลุมสีขาวเหมือนนักเดินทาง มีสายหนังพาดอยู่และดาบโค้งเหน็บไว้ที่เอว นั่งอยู่ที่นั่งริมระเบียงสำหรับแขกที่มาคนเดียว ทันทีที่หาเจอก็รีบเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆ 

“เจ้าเป็นใครกัน” 

“เจ้าล่ะเป็นใคร” เพียงแค่หันหน้าเล็กน้อยก็พาใจสั่น เมื่อหญิงสาวตรงหน้าเปิดผ้าคลุมหัวออก

“อุ้ย ข้าเจอดารา อะฮึ้ม ไม่ทราบว่าท่านจะกินข้าวหรือกินข้าเป็นอาหารแทนเจ้าค่ะ” หญิงสาวเจ้าของร้านยิ้มหวานให้จินเซียง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • แม่นางไก่ทอด   อดีต

    จินเซียงมองคนรักนั่งเงียบมาซักพักตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่เอมิลเล่า เรื่องของคนรักเก่าที่ตายจากไปไม่หวนกลับ ทั้งคู่มีหลายอย่างที่เหมือนกันอย่างแยกไม่ออกแตกต่างกันก็แค่สีผม “เจ้าก็คือเจ้า ข้ารักเจ้าด้วยใจจริง”“ท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นตัวแทนนางใช่รึไม่” “อดีตก็คืออดีตไม่อาจย้อนกลับได้อีก ความผิดพลาดครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้ข้าว่าข้าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกซ้ำสอง” “ท่านอย่าได้โทษตัวเองเลย” “นั่นซิน่ะ มาเถอะไปดูคนอื่นๆ ทำงานกัน” “เจ้าค่ะ” ทั้งคู่เดินออกนอกห้องทำงานตรงไปที่ท้ายจวนติดท่าเรือ โรงหลอมนั้นกำลังถูกสร้างอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้ผิดพลาด ส่วนพื้นที่ด้านข้างและจวนหลังนั้นก็กำลังมีการปรับปรุงโดยใช้แผ่นไม้มาล้อมส่วนติดถนนไว้เพื่อไม่ให้คนเห็นว่าทำอะไรก่อนที่กำแพงจะสร้างเสร็จแต่เรื่องการเตรียมตัวสำหรับวัตถุดิบนั้นก็ได้คนจากตระกูลหวังที่ครอบครองการค้าเหล็กและแร่หลายชนิดมาช่วยในการจัดหา ทำให้เรื่องวัตถุดิบง่ายขึ้นมามาก เจ็ดวันต่อมาโรงหลอมก็สร้างเสร็จ ฮ่องเต้ทรงมาดูงานด้วยตัวเองเพราะอยากรู้ว่าการหล่อปืนใหญ่จะเหมือนตีดาบรึไม่ หลังจากที่โหรหลวงมาถึงก็เริ่มทำพิธีบูชาดินฟ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล ฮ่

  • แม่นางไก่ทอด   ประมูลทาส

    หลายวันต่อมาจินเซียงเข้าวังพร้อมโจวกุ้ยเฟยและตรงไปที่ตำหนักใหญ่ของฮองเฮาเพื่อส่งอาหารตามที่พระองค์เคยขอ “ถวายบังคมฝ่าบาท” “ตามสบายเถอะหลานข้า ว่าแต่ลมอะไรหอบเจ้ามาพร้อมนางกัน” พระนางมองไปที่โจวกุ้ยเฟย เมื่อเห็นไม่สะดวกพูดจึงไล่คนอื่นๆ ออกไปก่อน“เอาล่ะตอบมา” “เมื่อคืนกุ้ยเฟยไปที่จวนเพค่ะ เลยมาพร้อมกัน” “เรื่องนั้นซิน่ะ” “เพค่ะพี่หญิง” “เฮ้อ...พี่บอกแล้วว่าอย่าไปตามใจเยอะ ไม่เช่นนั้นจะเสียคนแล้วเป็นไงล่ะ” “ถ้าไม่ติดว่าการทำร้ายองค์ชายเท่ากับทำร้านสายเลือดมังกรน่ะ น้องจะตบแม่งหัวทิ่มไปเลย” โจวกุ้ยเฟยพูดพร้อมแสดงท่าทาง จินเซียงได้แต่ยืนยิ้ม“พอเลย...ข้าคนว่าเจ้าเข้าวังแล้วจะสงบลงแต่ที่ไหนได้” “พวกท่านใจเย็นก่อนแล้วรีบมาทานอาหารก่อนที่จะ...อ่าว!...หายไปไหน!” จินเซียงมองหากล่องอาหารที่เอามาด้วย “ง่ำๆ อาย่อยมากน้องรอง” “ชู่~ เงียบๆ หน่อย นางหูดีมาก” “เอ่ออ~ พี่รอง น้องว่า~” “อะฮึม!...แม่ว่า…แม่สอนพวกเจ้ามาดีน่ะ สอนทั้งอบรมมารยาทสตรีหรือว่าต้องให้แม่นมทบทวนความจำให้!” ฮองเฮายืนท้าวเอวมองลูกสาวของตน“ถะ...ถวายพระพรเสด็จแม่เพค่ะ” ฉางหรูยิ้มแล้วรีบเอากล่องอาหารซ่อนไว้หลังม่านอย่าง

  • แม่นางไก่ทอด   เผยอิงกลับมาแล้ว

    หลายวันต่อมาที่จวนใหญ่แห่งหนึ่ง มีใครบางคนกำลังนั่งกลุ้มใจเพราะไม่สามารถทำตามแผ่นได้สำเร็จแต่คนที่ส่งไปนั้นกลับหายสาบสูญไปทุกรายอย่างไม่ทราบสาเหตุ “ให้มันได้แบบนี้ซิ ทำงานกันภาษาอะไรถึงได้หายหัวกันไปหมด” “นายท่านขอรับ พวกเราไปพบร่องรอยบางอย่างขอรับ” ชายชุดดำส่งกระดาษให้ผู้เป็นนาย “ตายหมด! เป็นไปได้ไง” “ขอรับ ดูเหมือนว่าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่” “ท่านพ่อ แบบนี้เหล่าอาหารของเราจะไม่แย่รึขอรับ” “พ่อไม่กลัวเรื่องนั้นแต่ห่วงเรื่องว่ามันจะกระทบงานใหญ่มากกว่า แล้วเรื่องสองตระกูลนั้นเป็นเช่นไรและเรื่องที่ให้ไปสืบได้ความเช่นไร” “ขอรับนายท่าน สองตระกูลนั้นพากันปิดปากเงียบหลังจากที่ตระกูลที่เคยหมั้นหมายต่างพากันขอถอนหมั้น ทำให้หญิงสาวในตระกูลนั้นต่างพากันเก็บตัวขอรับ ส่วนเรื่องที่ให้ไปสืบนั้นได้ความมาว่าแม่ทัพหยางยังนอนไม่ได้สติขอรับ แต่การจะเข้าใกล้เรือนนั้นถือเป็นเรื่องยากมากเพราะมีการคุ้มกันที่แน่นหนาและไม่อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมจนกว่าท่านขุนพลจะกลับมาขอรับ” “หึหึหึ ดีแบบนั้นแหละดี ไปตามนักพรตนั่นมาเราจะใช้นางเป็นตัวประกันให้เจ้านั้นยอมทำตามเงื่อนไขของเรา” “แต่ท่านพ่อ ถ้านางไม่ยอมล่ะขอ

  • แม่นางไก่ทอด   เริ่มกิจการร้านไก่ทอด

    ต้นเดือนเก้าเหล่าอาหารก็สร้างจนเสร็จและกำหนดที่จะเปิดก็คืออีกสามวันซึ่งตรงกับวันที่เก้าพอดี แม้ใจจะรู้ดีว่าไม่ควรจัดงานมงคลในช่วงนี้แต่ด้วยที่ว่าถ้าคนที่นอนอยู่รู้ว่าไม่ยอมเปิดเหล่าอาหารคงไม่ไม่ดีแน่ถ้าตอนที่นางตื่นขึ้นมาแล้วมีคนบอกให้รู้“ท่านพ่อ ท่านแม่” จินเซียงหลังจากอาบน้ำให้คนรักแล้วก็มาหาผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลที่ห้องโถง“น้องเป็นเช่นไรบ้างลูก” หลอหลันถาม“เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกพึ่งอาบน้ำให้นางและป้อนยา”“เจ้าคงไม่ได้ทำอะไรลูกแม่ใช่รึไม่” ชุ่ยหยุนหรือฮูหยินหยางถามจินเซียงได้ยินก็หน้าแดง “ลูกรอนางตื่นก่อนเจ้าค่ะ”“อืม พวกแม่เชื่อเจ้าและหวังว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี” หลอหลันให้กำลังใจลูกสาว แต่ก็ขอให้ปาฏิหาริย์มีจริง ขอให้เผยอิงฟื้นขึ้นมาในเร็ววัน“จริงซิ และชื่อร้านคิดได้รึยัง” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังถาม“เจ้าค่ะ ขุนพลนิทราเจ้าค่ะ” ทั้งห้องเงียบกริบไม่มีใครพูดอะไร“หลานย่า เจ้าไม่มีชื่ออื่นแล้วรึ” ฮูหยินเฒ่าตระกูลถังรู้สึกอายแทน“ยังเจ้าค่ะ”“แย่แน่แบบนี้ฮ่องเต้ได้บ่นแน่ๆ พระองค์รอทำป้ายร้านให้เจ้าอยู่น่ะ” เอี้ยซ่งบ่นใส่ลูกสาวคนโต ที่นางนั้นมีปัญหาเรื่องการตั้งชื่อ“เซียงอิงขุนพลไก่ทอ

  • แม่นางไก่ทอด   สิ้นสุดสงคราม

    ทุกคนมองเป็นทางคนผู้นั้นแล้วก็มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัว ยิ่งอาวุโสถังผู้เป็นปู่ที่มองหน้าหลานไม่แท้อย่างตั้งคำถาม แต่คนที่ตกใจที่สุดนั้นคือพระชายาทั้งสองของรัชทายาท “พวกเจ้ารู้จักนางรึ” “พะ เพค่ะ นางคือคนที่ช่วยพวกเราไว้จากกลุ่มโจรเมื่อหลายปีก่อนเพค่ะ ตอนที่พวกเราตามเสด็จไปล่าสัตว์เพค่ะ” “เพค่ะ ตอนที่พานางมาพักรักษาตัวท่านก็น่าจะเคยเห็น รวมถึงยังเคยช่วยองค์หญิงจากการถูกลักพาด้วยน่ะเพค่ะ” “เจ้าเป็นคนช่วยลูกของเราเมื่อตอนนั้นรึ” “ข้าเองก็จำอะไรได้ไม่ค่อยมาเพราะเมื่อหลายเดือนก่อนเกิดอุบัติเหตุขึ้นทำให้ความจำบางส่วนหายไป ต้องขอโทษด้วย” จินเซียงพูดแก้ตัว เพราะจำไม่ได้จริงๆ“เช่นนั้นเรื่องการเจรจาสงบศึกข้าจะช่วยพูดให้ส่วนเรื่องการแต่งงานคงมิอาจช่วยได้” พระมเหสีสูงสุดแห่งเหลียวหรือจะเรียกว่าฮองเฮาก็ได้ตามความคุ้นเคยของผู้มาจากภาคกลาง พระนางรับปากเรื่องเจรจาแต่อีกเรื่องไม่รับปาก“ท่านวางใจเถอะ ข้าไม่คิดจะจับใครแต่งงาน แต่ถ้าท่านข่านเสนอมา ทางเราก็คงยากจะปฏิเสธนอกเสียจาก” “นอกเสียจากอะไรกัน” “นอกเสียจากจะมีใครเสียตัวในคืนนี้แล้วข้าจะรีบเขียนสารด่วนกลับไปขออนุญาตเรื่องการแต่งงานเจริญสั

  • แม่นางไก่ทอด   ไร้ความช่วยเหลือ

    เช้าวันต่อมาเสียงกลองรบดังสนั่นทั่วเมือง ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันสวดมนต์ขอพรให้กองทัพมีชัยเหนือศัตรูผู้รุกรานถึงแม้จะมีหวังน้อยเต็มทีแต่ก็ยังมีแสงสว่างอยู่ในคือสองแม่ทัพที่ตอนนี้ยืนคู่กันอยู่บนกำแพงเมือง “อันเตรียย่าข้าว่ามันสวยจริงๆ ถ้าเทียบกับกองทัพของอัศวินแล้ว” “นั่นซิ แม้จะอยู่ในสงครามมาหลายสิบปีก็ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้” “ท่านพี่ ที่นั่นเป็นเช่นไร” เผยอิงถาม “ที่นั่นเรารบกันด้วยความเชื่อและศรัทธา บ้างก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป กองทัพนั้นอืม จะว่าไงดีล่ะ พี่ว่าดาบที่อัศวินใช้คงจะฟันพวกทหารเหลียวไม่เข้าแน่ๆ” “ใช่แล้วน้องสะใภ้ ดาบพวกนั้นมันอาศัยน้ำหนักอย่างเดียว ส่วนดาบที่เบาก็เบาเกินไปทำให้สู้กับพวกใส่เกราะเหล็กไม่ได้” “ข้าชอบดาบวงพระจันทร์ กับดาบใหญ่อันนี้มากกว่า” จินเซียงมองดาบคู่ใจในมือ ความสมดุลของดาบทั้งสองนั้นดีมาก“ข้าอยากถามมานานแล้วว่าทำไมท่านถึงพกอาวุธไว้เยอะแยะ”“ไม่รู้ซิ มันชินแล้ว” จินเซียงตอบคนรักแล้วหันไปมองที่สนามรบที่ตอนนี้ทหารเหลียวได้ลากหอตีเมืองมารอพร้อม“สั่งยิงได้เลย เราไม่จำเป็นต้องให้เกียรติพวกมันเพราะพวกมันเหยียบย่ำและฉีกสัญญาของพวกเราก่อน” จินเซียงหันไป

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status